กรุ๊ปเลือดกรุ๊ปเลือด, กรุ๊ปโลหิต, หมู่เลือด หรือหมู่โลหิต (Blood group หรือ Blood type) คือ ตัวบ่งบอกความแตกต่างของเลือด ซึ่งสามารถทราบได้จากการเจาะเลือด โดยดูจากสารที่มีชื่อว่า “แอนติเจน” (Antigens) เป็นสำคัญ การทราบกรุ๊ปเลือดของตัวเองถือเรื่องสำคัญที่ทุกคนควรรู้ เนื่องจากจะช่วยให้แพทย์ให้ความช่วยเหลือได้อย่างทันทีเมื่อมีเหตุฉุกเฉินหรือเหตุการณ์ไม่คาดฝันที่ต้องมีการเปลี่ยนถ่ายเลือด (Blood Transfusion) ปกติแล้วเลือดของมนุษย์จะมีส่วนประกอบ ได้แก่ เซลล์เม็ดเลือดแดง (Red Rlood Cells), เซลล์เม็ดเลือดขาว (White Blood Cells), เกล็ดเลือด (Platelets) และพลาสมาหรือน้ำเลือด (Plasma) โดยความแตกต่างของเลือดที่นำมาระบุกรุ๊ปเลือดจะดูจากสาร 2 ชนิด คือ แอนติเจน (Antigens) และแอนติบอดี (Antibodies) ในเลือด โดยแอนติเจนนั้นคือโมเลกุลของโปรตีนที่พบอยู่ผิวบริเวณด้านนอกของเซลล์เม็ดเลือดแดง ส่วนแอนติบอดีจะมีอยู่ในพลาสมาหรือน้ำเลือด ทั้งนี้ ความแตกต่างของแอนติเจนในแต่ละคนจะถูกถ่ายทอดมาทางพันธุกรรม หากพ่อหรือแม่มีกรุ๊ปเลือดใด เด็กก็จะมีกรุ๊ปเลือดเหมือนพ่อหรือแม่คนใดคนหนึ่ง ความสำคัญของการทราบกรุ๊ปเลือด
ชนิดของกรุ๊ปเลือดในปัจจุบันมีระบบกรุ๊ปเลือดอยู่ 32 ระบบ แต่ระบบที่มีความสำคัญจะมีอยู่ 2 ระบบใหญ่ ๆ ได้แก่
ดังนั้น กรุ๊ปเลือดระบบอาร์เอชจึงแบ่งการกรุ๊ปเลือดออกเป็น 8 กรุ๊ป ดังนี้
การตรวจกรุ๊ปเลือดการตรวจกรุ๊ปเลือดคือวิธีที่ช่วยให้ทราบกรุ๊ปเลือดของตนเองได้อย่างถูกต้องที่สุด โดยในการตรวจกรุ๊ปเลือดนั้นมักจะทำในกรณีที่ผู้ป่วยต้องได้รับการเปลี่ยนถ่ายเลือดหรือหลังจากการบริจาคเลือด โดยนำตัวอย่างของเลือดที่ได้จากการบริจาคไปตรวจด้วยวิธีการคัดแยกกรุ๊ปเลือด อย่างไรก็ตาม หากบุคคลทั่วไปต้องการทราบกรุ๊ปเลือดของตนเองก็สามารถเข้ารับการตรวจได้เลย
การถ่ายทอดกรุ๊ปเลือดระบบเอบีโอของพ่อแม่ลูกที่เป็นไปได้พ่อและแม่จะถ่ายทอดกรุ๊ปเลือดระบบเอบีโอให้ลูกเป็นกรุ๊ปเลือดได้ดังตารางด้านล่างนี้ กรุ๊ปเลือดของพ่อแม่|กรุ๊ปเลือดของลูกที่เป็นไปได้ กรุ๊ปเลือดที่เข้ากันได้ความแตกต่างกันของแอนติเจนในเลือดทำให้ผู้ที่มีความแตกต่างกันของกรุ๊ปเลือดบางกรุ๊ปจะไม่สามารถรับเลือดของกรุ๊ปอื่นได้ แต่บางกรุ๊ปก็สามารถรับเลือดของกรุ๊ปเลือดอื่นได้ โดยผู้ที่มีกรุ๊ปเลือดในแต่ละกรุ๊ปหากมีความจำเป็นต้องได้รับเลือด แพทย์จะพิจารณาให้เลือดที่ตรงกับกรุ๊ปเลือดของผู้ป่วยก่อนเป็นอันดับแรก ยกเว้นในกรณีฉุกเฉินหรือไม่สามารถหาเลือดที่ตรงกับผู้ป่วยได้ แพทย์จะใช้หลักการให้เลือดที่เมื่อให้เข้าไปในร่างกายของผู้ป่วยแล้ว เม็ดเลือดแดงจะต้องไม่มีแอนติเจน (สารก่อภูมิต้านทาน) ที่ตรงกับแอนติบอดี (สารภูมิต้านทาน) ที่ผู้ป่วยมี เพราะจะทำให้เกิดปฏิกิริยาระหว่างกันแล้วเม็ดเลือดแดงนั้นจะถูกทำลายไป ตัวอย่างเช่น ผู้ป่วยกรุ๊ปเบือดเอที่มีเอนติเจนเอและมีแอนติบอดีบี จะรับเลือดกรุ๊ปบีที่มีแอนติเจนบีไม่ได้ เพราะจะทำปฏิกิริยากับแอนติบอดีบีของผู้ป่วยจนเม็ดเลือดแดงผู้ป่วยถูกทำลาย โดยกรุ๊ปเลือดที่สามารถให้เลือดหรือพลาสมากันได้จะเป็นไปตามตารางด้านล่างนี้
ข้อสังเกตุ : ในธนาคารเลือดทั่วไปจะมีการสำรองส่วนประกอบของเลือดที่เป็นเม็ดเลือดแดงของกรุ๊ปเลือดโอเอาไว้ไม่ให้หาด เพราะคนกรุ๊ปเลือดโอจะสามารถให้เม็ดเลือดแดงแก่คนกรุ๊ปเลือดอื่นได้ทุกกรุ๊ป แต่จะรับเม็ดเลือดแดงได้จากคนกรุ๊ปเลือดโอเท่านั้น และจะพยายามสำรองส่วนประกอบของเลือดที่เป็นพลาสมาของกรุ๊ปเลือดเอบีเอาไว้สำหรับผู้ป่วยกรุ๊ปเลือดเอบี เพราะคนกรุ๊ปเลือดเอบีจะสามารถให้พลาสมากับคนกรุ๊ปเลือดอื่นได้ทุกกรุ๊ป แต่จะรับพลาสมาจากคนกรุ๊ปเลือดเอบีได้เท่านั้น
เอกสารอ้างอิง
เรียบเรียงข้อมูลโดยเว็บไซต์เมดไทย (Medthai) |