Photoshop cc ว ฑ ต งค าแสงและความเข ม

  • 1. : โปรแกรม Adobe Photoshop CC เพื่อการออกแบบโปสเตอร์ วิชาโครงงานเทคโนโลยีการศึกษา :การศึกษาอิสระ โดย นาย นฤวร จิตรจรูญ รหัส 55540139 เสนอ ดร.ภูเบศเลื่อมใส คณะศึกษาศาสตร์ สาขาเทคโนโลยีการศึกษา ปีการศึกษา 2557 มหาวิทยาลัยบูรพา
  • 2. การสร้างสรรค์ภาพ การเพิ่มลูกเล่นให้กับชิ้นงานต่างๆ ซึ่ง Photoshop เป็นโปรแกรมสร้างงานกราฟิก ตกแต่งรูปภาพและผลิตสื่อสิ่งพิมพ์ ที่ได้รับความนิยมอันดับต้นๆ อีกทั้งยังออกแบบงานกราฟิกให้ชิ้นงานมีความโดดเด่นได้ด้วยตนเองภายในเวลาอันรวดเร็ว และเป็นโปรแกรมกราฟิกที่ใช้งานกันตั้งแต่มือสมัครเล่น แต่งภาพเล่นๆเป็นงานอดิเรกไปจนมืออาชีพ ใช้เพื่อสร้างงาน สร้างอาชีพ สาหรับผู้ที่ชื่นชอบการแต่งภาพไม่ว่าจะเป็นมือใหม่หรือมือเก่า ก็คงไม่มีใครปฏิเสธได้ว่า Photoshop เป็นโปรแกรมสาหรับสร้างงานด้านกราฟิก ที่รองรับเกือบทุกสายงาน บุคลากรในหลายสาขาอาชีพให้ความสนใจและนิยมใช้กันอย่างแพร่หลาย ผู้จัดทาโครงงานเล็งเห็นความสาคัญในการใช้งานโปรแกรมคอมพิวเตอร์ประเภทต่างๆ สาหรับบุคคลทั่วไปที่สนใจ จึงได้จัดทาโครงงานโปรแกรม Photoshop เพื่อพัฒนาทักษะการใช้งานโปรแกรมกราฟิก และสามารถนาความรู้ไปประยุกต์ใช้ในงานของสาขาอาชีพของตนได้ นฤวร จิตรจรูญ 55540139 เทคโนโลยีการศึกษา (พิเศษ)
  • 3. ๒ ๓ บทที่ ๓ ๑๕ บทที่ ๔ ๒๑ บทที่ ๕ ๒๗
  • 4. (e-book) เพื่อการศึกษา” ผู้รับผิดชอบโครงการ นายนฤวร จิตรจรูญ รหัสนิสิต 55540139 คณะศึกษาศาสตร์ สาขาเทคโนโลยีการศึกษา มหาวิทยาลัยบูรพา ที่ปรึกษาโครงการ อาจารย์ ดร. ภูเบศ เลื่อมใส ที่มาและความสาคัญของโครงงาน ปัจจุบันงานด้านการออกแบบและตกแต่งภาพโดยใช้คอมพิวเตอร์ ได้เข้ามามีบทบาทกับการสร้างสรรค์ผลงานมากขึ้น และยังสามารถนามาประยุกต์ใช้กับงานด้านต่างๆได้ เช่น การตกแต่งภาพ การสร้างสรรค์ภาพ การเพิ่มลูกเล่นให้กับชิ้นงานต่างๆ ซึ่ง Photoshop เป็นโปรแกรมสร้างงานกราฟิก ตกแต่งรูปภาพและผลิตสื่อสิ่งพิมพ์ ที่ได้รับความนิยมอันดับต้นๆ อีกทั้งยังออกแบบงานกราฟิกให้ชิ้นงานมีความโดดเด่นได้ด้วยตนเองภายในเวลาอันรวดเร็ว และเป็นโปรแกรมกราฟิกที่ใช้งานกันตั้งแต่มือสมัครเล่น แต่งภาพเล่นๆเป็นงานอดิเรกไปจนมืออาชีพ ใช้เพื่อสร้างงาน สร้างอาชีพ สาหรับผู้ที่ชื่นชอบการแต่งภาพไม่ว่าจะเป็นมือใหม่หรือมือเก่า ก็คงไม่มีใครปฏิเสธได้ว่า Photoshop เป็นโปรแกรมสาหรับสร้างงานด้านกราฟิก ที่รองรับเกือบทุกสายงาน บุคลากรในหลายสาขาอาชีพให้ความสนใจและนิยมใช้กันอย่างแพร่หลาย ผู้จัดทาโครงงานเล็งเห็นความสาคัญในการใช้งานโปรแกรมคอมพิวเตอร์ประเภทต่างๆ สาหรับบุคคลทั่วไปที่สนใจ จึงได้จัดทาโครงงานโปรแกรม Photoshop เพื่อพัฒนาทักษะการใช้งานโปรแกรมกราฟิก และสามารถนาความรู้ไปประยุกต์ใช้ในงานของสาขาอาชีพของตนได้ วัตถุประสงค์
  • 5. CC และสร้างสรรค์ผลงานอย่างมีประสิทธิภาพ ขอบข่ายของโครงงาน - โครงงานพัฒนาสื่ออิเล็กทรอนิกส์ Adobe Photoshop CC เพื่อการออกแบบงานโปสเตอร์ - วัสดุอุปกรณ์เครื่องมือหรือโปรแกรมที่ใช้ ได้แก่ - หนังสือ Photoshop CC Professional Guide ฉบับสมบูรณ์ - หนังสือ Photoshop Compositing Secrets - โปรแกรม Adobe Photoshop CC - โปรแกรม Flip album 6.0 - เว็บไซต์ที่ใช้ในการศึกษาค้นคว้า www.youtube.com , www.google.com ผลที่คาดว่าจะได้รับ - ผู้เรียนสามารถจาเครื่องมือต่างๆภายในโปรแกรม Adobe Photoshop CC และนาไปใช้ได้ - ผู้เรียนสามารถใช้โปรแกรม Adobe Photoshop CC ในการสร้างสรรค์ผลงานอย่างมีประสิทธิภาพ ได้
  • 6. CC เพื่อการออกแบบงานโปสเตอร์ผู้จัดทาได้ศึกษาจากอินเตอร์เน็ตและเอกสารต่างๆ ที่เกี่ยวข้องดังต่อไปนี้ 1. ความสาคัญของ E-book 2. คู่มือการใช้งานโปรแกรม Adobe Photoshop CC 3. หลักการออกแบบโปสเตอร์ 1. Electronic Book ( e-Book) หมายถึงหนังสือที่สร้างขึ้นด้วยโปรแกรมคอมพิวเตอร์ มีลักษณะเป็นเอกสารอิเล็กทรอนิกส์ โดยปกติมักจะเป็นแฟ้มข้อมูลที่สามารถอ่านเอกสารผ่านทางหน้าจอคอมพิวเตอร์ ทั้งในระบบออฟไลน์ และออนไลน์ คุณลักษณะของหนังสืออิเล็กทรอนิกส์สามารถเชื่อมโยงจุดไปยังส่วนต่าง ๆ ของหนังสือ เว็บไซต์ต่าง ๆ ตลอดจนมีปฏิสัมพันธ์และโต้ตอบกับผู้เรียนได้ นอกจากนั้นหนังสืออิเล็กทรอนิกส์สามารถแทรกภาพ เสียง ภาพเคลื่อนไหว แบบทดสอบ และสามารถสั่งพิมพ์เอกสารที่ต้องการออกทางเครื่องพิมพ์ได้ อีกประการหนึ่งที่สาคัญก็คือ หนังสืออิเล็กทรอนิกส์สามารถปรับปรุงให้ทันสมัยได้ตลอดเวลา ซึ่งคุณสมบัติเหล่านี้จะไม่มีในหนังสือธรรมดาทั่วไป 1.1ข้อดีของ e-Book 1. อ่านที่ไหน เมื่อไหร่ ได้ตลอดเวลา เนื่องจากพกไปได้ตลอดและได้จานวนมาก
  • 7. เก็บรักษาได้ง่าย ประหยัดเนื้อที่ในการจัดเก็บ ประหยัดค่าเก็บรักษา 4. ค้นหาข้อความได้ ยกเว้นว่าอยู่ในลักษณะของภาพ 5. ใช้พื้นที่น้อยในการจัดเก็บ (cd1 แผ่นสามารถเก็บ e-Book ได้ประมาณ 500เล่ม) 6. อ่านได้ในที่มืด หรือแสงน้อย 7. ทาสาเนาได้ง่าย 8. จาหน่ายได้ในราคาถูกกว่าในรูปแบบหนังสือ 9. อ่านได้ไม่จากัดจานวนครั้ง เพราะไม่ยับหรือเสียหายเหมือนกระดาษ 10. สะดวกสบาย ไม่ต้องเดินทาง แค่คลิกเดียวก็สามารถเลือกอ่านหนังสือที่ต้องการได้ทันที 11. เป็นส่วนหนึ่งในการรักษาธรรมชาติ โดยลดการใช้กระดาษกับ True e-Book 1.2 ข้อเสียของ e-Book 1. ต้องอาศัยพลังงานในการอ่านตลอดเวลา ไม่ว่าจะเป็นไฟฟ้าหรือแบตเตอร์รี่ 2. เสียสุขภาพสายตา จากการได้รับแสงจากอุปกรณ์อิเลคทรอนิกส์ 3. ขาดความรู้สึก หรืออรรถรส หรือความคลาสสิค 4. อาจเกิดปัญหากับการ ลง hardware หรือ software ใหม่หรือแทนที่อันเก่า 5. ต้องมีการดูแลไฟล์ให้ดี ไม่ให้เสียหรือสูญหาย 6. การอ่านอาจเกิดอันตรายต่อสายตา 7. เกิดการละเมิดลิขสิทธิ์ได้ง่าย 8. ไม่เหมาะกับบาง format เช่นรูปวาด รูปถ่าย แผนที่ใหญ่เป็นต้น 1.3 ประโยชน์ของ e-Book
  • 8. และค้นหาหนังสือ 2. ไม่เปลืองเนื้อที่ในการเก็บหนังสือ 3. อ่านหนังสือได้จากทุกที่ที่มีการเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ต 1.3.2 สาหรับห้องสมุด 1. สะดวกในการให้บริการหนังสือ 2. ไม่ต้องใช้สถานที่มากในการจัดเก็บหนังสือ และไม่เสียค่าใช้จ่ายในส่วนนี้ 3. ลดงานที่เกิดจากการซ่อม จัดเก็บ และการจัดเรียงหนังสือ 4. ไม่เสียค่าใช้จ่ายในการจ้างพนักงานมาดูแลและซ่อมแซมหนังสือ 5. มีรายงานแสดงการเข้ามาอ่านหนังสือ 1.3.3 สาหรับสานักพิมพ์และผู้เขียน 1. ลดขั้นตอนในการจัดทาหนังสือ 2. ลดค่าใช้จ่ายและความเสี่ยงในการจัดพิมพ์หนังสือ 3. ลดค่าใช้จ่ายในการจัดจาหน่ายผ่านช่องทางอื่นๆ 4. เพิ่มช่องทางในการจาหน่ายหนังสือ 5. เพิ่มช่องทางในการประชาสัมพันธ์ตรงถึงผู้อ่าน 1.4 ข้อจากัดของ E-book เนื่องจากอาจเกิดปัญหากับการ ลง Hardware หรือ Softwareใหม่หรือแทนที่อันเก่า ดังนั้นจึงต้องมีโปรแกรมและเครื่องมือในการอื่น คือ Hardware ประเภทเครื่องคอมพิวเตอร์ หรืออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์พกพาอื่นๆ พร้อมทั้งระบบติดตั้งระบบปฏิบัติการหรือ Software ที่ใช้อ่านข้อความต่างๆ ตัวอย่างเช่น Organizer แบบพกพา Pocket PC หรือ PDA เป็นต้น การดึงข้อมูล E-
  • 9. Download ผ่านทางอินเตอร์เน็ตเสียเป็นส่วนใหญ่ อย่างไรก็ตามมิใช่ว่า Hardwareทุกชนิดจะอ่านหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ได้ เนื่องจากมีข้อจากัดของชนิดไฟล์บางประเภทนั่นเอง ซึ่งต้องมีการแก้ปัญหาด้วยการนา Softwareบางตัวมาช่วยสาหรับ Software ที่ใช้งานกับ E-Book ในปัจจุบันมีสองประเภทคือ Softwareที่ใช้อ่านข้อมูลจาก E-Book และ Software ที่ใช้เขียนข้อมูลออกมาเป็น E-Book นอกจากนี้ผู้ใช้ต้องมีการดูแลไฟล์ให้ดี ไม่ให้เสียหรือสูญหาย คานึงเสมอว่าการอ่านอาจเกิดอันตรายต่อสายตา E-Bookนี้ ไม่เหมาะกับบาง format เช่น รูปวาด รูปถ่าย แผนที่ใหญ่เป็นต้น 2. คู่มือการใช้งานโปรแกรม Adobe PhotoshopCC แนะนาเครื่องมือต่างๆในโปรแกรม Adobe Photoshop CC 1. กลุ่มเครื่องมือการเลือก (Selection) ประกอบด้วย Marquee ใช้สาหรับเลือกพื้นที่บนภาพเป็นรูปสี่เหลี่ยม วงกลม วงรี หรือเลือกเป็นแถว คอลัมน์ขนาด 1 พิเซล Move ใช้สาหรับย้ายพื้นที่ที่เลือกไว้ของภาพ หรือย้ายภาพในเลเยอร์หรือย้าย เส้นไกด์ Lasso ใช้เลือกพื้นที่บนภาพเป็นแนวเขตแบบอิสระ Magic Wand ใช้เลือกพื้นที่ด้วยวิธีระบายบนภาพ หรือเลือกจากสีที่ใกล้เคียงกัน Crop ใช้ตัดขอบภาพ Slice ใช้ตัดแบ่งภาพเพื่อบันทึกไฟล์ภาพย่อย ๆที่เรียกว่าสไลซ์ (Slice) สาหรับนาไปสร้างเว็บเพจ 2. กลุ่มเครื่องมือการแก้ไข (Edit) ประกอบด้วย Healing Brush ใช้ตกแต่งลบรอยตาหนิในภาพ Clone Stamp ใช้ทาสาเนาภาพ โดยก๊อปปี้ภาพจากบริเวณอื่นมาระบาย หรือ ระบายด้วยลวดลาย History Brush ใช้ระบายภาพด้วยภาพของขั้นตอนเดิมที่ผ่านมา หรือภาพของสถานะ เดิมที่บันทึกไว้ Eraser ใช้ลบภาพบางส่วนที่ไม่ต้องการ Gradient ใช้เติมสีแบบไล่ระดับโทนสีหรือความทึบ Blur ใช้ระบายภาพให้เบลอ
  • 10. กลุ่มเครื่องมือการสร้าง (Create) ประกอบด้วย Pen ใช้วาดเส้นพาธ (Path) Horizontal Type ใช้พิมพ์ตัวอักษรหรือข้อความลงบนภาพ Path Selection ใช้เลือกและปรับแต่งรูปทรงของเส้นพาธ Rectangle ใช้วาดรูปทรงเรขาคณิตหรือรูปทรงสาเร็จรูป 4. กลุุ่มเครื่องมือมุมมอง(View) ประกอบด้วย Notes ใช้บันทึกหมายเหตุกากับภาพที่เป็นข้อความหรือเสียง Eyedropper ใช้เลือกสีจากสีต่าง ๆบนภาพ Hand ใช้เลื่อนดูส่วนต่าง ๆ ของภาพ Zoom ใช้ย่อหรือขยายมุมมองภาพ 5. กลุ่มเครื่องมือเลือกสี (Color) ประกอบด้วย Set Foreground Color, Set Background Color ใช้สาหรับกาหนดสี Foreground Color และ Background Color 3.หลักการออกแบบโปสเตอร์ 3.1 สื่อวีดีทัศน์การใช้งานของโปรแกรม Adobe Photoshop วีดีโอการใช้งานและตกแต่งภาพด้วยเลเยอร์
  • 11.
  • 12.
  • 13. คือภาพขนาดใหญ่พิมพ์บนกระดาษ ออกแบบเพื่อใช้ติดหรือแขวนบนผนังหรือกาแพง โปสเตอร์อาจจะเป็นภาพพิมพ์และ/หรือภาพเขียนหรืออาจจะเป็นอย่างใดอย่างหนึ่งโดยเฉพาะจุดประสงค์ก็เ พื่อทาให้เตะตาผู้ดูและสื่อสารข้อมูลโปสเตอร์อาจจะใช้สอยได้หลายประการ แต่ส่วนใหญ่มักจะใช้ในการเผยแพร่เพื่อการประชาสัมพันธ์ โดยเฉพาะการโฆษณางานแสดงศิลปะ, งานดนตรี หรือภาพยนตร์, การโฆษณาชวนเชื่อ, หรือในการสื่อสารที่ต้องการสื่อสารความเชื่อต่อคนกลุ่มใหญ่
  • 14. ทั้งนี้เพราะ- โปสเตอร์เป็นสื่อที่สามารถเผยแพร่ได้สะดวกกว้างขวาง สามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้ทุกพื้นที่ สื่อสารกับผู้บริโภคได้ทุกเพศ ทุกวัย ทุกระดับการศึกษา มีความยืดหยุ่นในตัวของสื่อเป็นอย่างดี โปสเตอร์ (Poster) ที่นามาใช้ในการประชาสัมพันธ์ มีจุดประสงค์เพื่อบอกกล่าว เผยแพร่ให้ผู้ดูมีความรู้ความเข้าใจและปฏิบัติตาม ไม่เน้นในการส่งเสริมการขายสินค้าของผู้จัดทา แต่จะเน้นหนักไปทางการสร้างภาพพจน์ขององค์กร ให้เป็นที่ยอมรับเกิดความฝังใจเชื่อถือและศรัทธา นอกจากนี้ยังมีการใช้เพื่อย้าเตือนใจกลุ่มประชาชนเป้าหมายด้วย วัตถุประสงค์ของการใช้โปสเตอร์เพื่อการประชาสัมพันธ์ 1. เพื่อบอกกล่าวหรือให้คาแนะนา เกี่ยวกับเรื่องใดเรื่องหนึ่ง 2. เพื่อเชิญชวนกลุ่มเป้าหมาย ให้เข้าร่วมกิจกรรมที่องค์กรจัดขึ้น 3. เพื่อโน้มน้าวใจกลุ่มเป้าหมายให้เห็นคล้อยตาม 4. เพื่อปลุกเร้า ให้กลุ่มเป้าหมาย ตระหนักถึงประเด็นใดประเด็นหนึ่ง 5. เพื่อย้าเตือน กลุ่มเป้าหมายให้ระลึกถึงเรื่องใดเรื่องหนึ่ง 6. เพื่อสร้างความจดจา ให้เกิดขึ้น 7. เพื่อให้ความรู้ในสาระอันเป็นประโยชน์แก่กลุ่มเป้าหมาย ได้ใช้เป็นแนวปฏิบัติ องค์ประกอบของโปสเตอร์ 1. พาดหัว(Headline) พาดหัวหรือหัวเรื่อง เป็นสิ่งที่สาคัญของโปสเตอร์ เพราะช่วยดึงดูดความสนใจ หรือ ติดตามดูรายละเอียดอื่นๆ ของข้อความในโปสเตอร์ พาดหัวหรือหัวเรื่อง อาจแสดงด้วย ภาพ หรือ ข้อความ หรือทั้งภาพและข้อความก็ได้ แต่ส่วนมากจะใช้ ข้อความที่มีขนาดใหญ่
  • 15. (Subheadline) พาดหัวของโปสเตอร์มีลักษณะ ดังนี้ 1.1 มีข้อความสั้น กะทัดรัดได้ใจความ สื่อความหมายได้เร็ว 1.2 มีความกระจ่าง สามารถดึงดูดความสนใจของผู้ที่คาดว่าจะเป็นกลุ่มเป้าหมายได้ 1.3 มีความเหมาะเจาะ ตอบสนองความต้องการของผู้ที่คาดว่าจะเป็นกลุ่มเป้ าหมายได้ 1.4 มีความน่าสนใจเพื่อเรียกร้องให้ผู้ที่คาดว่าจะเป็นกลุ่มเป้าหมายสนใจ โดยใช้ หลักการทางจิตวิทยาและการใช้ภาษา 1.5 มีเพียงแนวคิดเดียว ในโปสเตอร์แต่ละแผ่น 1.6 มีความน่าเชื่อถือคือ ข้อความที่กล่าวอ้าง ต้องมีน้าหนัก น่าเชื่อถือ 2. พาดหัวรอง(Subhead line) พาดหัวรอง (Subhead line) นิยมใช้ตัวอักษรที่มีขนาดใหญ่รองจากพาดหัว ทาหน้าที่ในการเชื่อมโยงพาดหัว ไปยังเนื้อเรื่องในโปสเตอร์ใช้ในกรณีที่พาดหัวไม่สามารถจะให้รายละเอียดได้เพียงพอจึงจาเป็นที่จะต้องมีก ารขยายความให้กระจ่างขึ้น 3. ข้อความ(BodyCopy) ข้อความ(Body Copy) คือ ส่วนที่เป็นเนื้อหารายละเอียด เพิ่มเติมจากพาดหัวของโปสเตอร์ฉบับนั้น ๆ ข้อความจะ สนับสนุนเนื้อหาของโปสเตอร์โดยส่วนรวม มีการคัดเลือกอย่างชัดเจน ไม่คลุมเครือ
  • 16. อักษรชัดเจน อ่านง่าย เข้าใจได้ทันที ตอบสนองความต้องการใคร่รู้ของ ผู้อ่าน และมองเห็นได้แต่ไกล 4. ภาพประกอบ (illustration) ภาพประกอบ คือ ส่วนที่จะมาเสริมหรือขยายพาดหัว ตลอดจนสร้างความเข้าใจเพิ่มขึ้นจากข้อความ ช่วยสร้าง หรือดึงดูดความสนใจ และภาพที่นามาใช้ควรเป็นภาพที่ดูง่าย สามารถเข้าใจได้ทันทีเน้นจุดสนใจในภาพ เพียงจุดเดียว และมองเห็นได้ในระยะไกลสามารถสื่อความคิดสร้างสรรค์ได้ชัดเจนรวมทั้งสามารถสร้าง ความจดจาให้แก่ผู้รับได้ด้วย 5. ส่วนลงท้าย(Ending) 5.1 ชื่อหรือสัญลักษณ์ขององค์การผู้เผยแพร่ (Identification) 5.2 สถานที่ตั้งหรือสถานที่ติดต่อขององค์กรผู้ผลิต 5.3 คาขวัญ หรือ สโลแกน (Slogan) ข้อควรคานึงถึงในการออกแบบโปสเตอร์ 1. ควรเป็นแผ่นเดียวโดดๆ สามารถนาไปติดบนพื้นผิวใดก็ได้ 2. ควรมีภาพประกอบ และข้อความ ที่บ่งบอกถึง อะไร ที่ไหน เมื่อใด ใช้ข้อความ กะทัดรัดเข้าใจง่าย ชัดเจนไม่คลุมเครือ หรือเข้าใจไปได้หลายทาง และใช้ข้อความที่สามารถเข้าใจ ได้ทันทีแสดงแนวคิด หลักและเรื่องราวเพียงอย่างเดียว 3. การวางตาแหน่งภาพประกอบ และข้อความ ต้องประสานส่งเสริมซึ่งกันและกัน และ ง่ายแก่การจดจา (ควรมีคาขวัญหรือสโลแกน) 4. ตัวอักษรที่ใช้ควรเด่น สะดุดตาคานึงถึงระยะห่างทางการอ่าน และขนาดของตัวอักษร
  • 17. ตัวหัวเรื่อง หรือพาดหัว ควรมีขนาดใหญ่กว่าข้อความ 5. ภาพหรือข้อความที่เสนอ ต้องมีขนาดใหญ่ทั้งนี้เพื่อให้สามารถมองเห็นได้ง่าย และ ขนาดของโปสเตอร์ ต้องปรับให้เหมาะสมกับ สถานที่ตั้งโปสเตอร์ด้วย 6. มีโครงสร้างชัดเจน คือ การใช้สีที่เด่นชัด สะดุดตา ไม่มีลีลาเส้นสายหรือลวดลาย สับสน ดูแล้วเข้าใจใน โครงสร้างนั้นๆ ได้ทันทีสามารถแยกภาพกับตัวอักษร ที่ต้องการเสนอได้ ชัดเจน มีความเหมาะสมกับเนื้อหาและจิตวิทยาในการใช้สีด้วย 7. คานึงถึงหลักในการออกแบบและจัดหน้า 8. ผลิตขึ้นเป็นจานวนมาก บทที่ 3
  • 18. Pro6.0 ในการพัฒนาสื่อหนังสืออิเล็กทรอนิกส์(e-book) เรื่อง Adobe Photoshop CC เพื่อการออกแบบงานโปสเตอร์ วัสดุอุปกรณ์เครื่องมือหรือโปรแกรมที่ใช้ ได้แก่ - เครื่องคอมพิวเตอร์ - โปรแกรม Flip Album Pro6.0 ใช้นาเสนอสื่อการสอน - โปรแกรม Adobe Photoshop CC เนื้อหาการสอน - โปรแกรม Adobe Photoshop CC ใช้นาเสนอเรียบเรียง - เว็บไซต์ที่ใช้ในการศึกษาค้นคว้า www.google.com , www.youtube.com 1. ประชากร ประชากรเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยบูรพา คณะศึกษาศาสตร์จานวน 50 คน 2. กลุ่มตัวอย่าง กลุ่มตัวอย่างเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยบูรพา คณะศึกษาศาสตร์จานวน 30 คนได้มาโดยการสุ่มอย่างง่าย (Simple Random Sampling) โดยวิธีจับสลากกลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการทดสอบหาประสิทธิภาพของหนังสืออิเล็กทรอนิกส์แบบเดี่ยว แบบกลุ่มและภาคสนาม ดังนี้ 2.1 กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการทดสอบหาประสิทธิภาพของหนังสืออิเล็กทรอนิกส์แบบเดี่ยว จานวน 15 คน 2.2 กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการทดสอบหาประสิทธิภาพของหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ แบบกลุ่ม จานวน 20 คน
  • 19. 30คน ขั้นตอนการดาเนินงาน 1. ศึกษา/สารวจข้อมูลเพื่อจัดทาโครงการ 2. นาเสนอชื่อโครงงานต่ออาจารย์ที่ปรึกษาขออนุมัติ 3. ศึกษาและค้นคว้าข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับเรื่องที่สนใจ คือ การประยุกต์ใช้โปรแกรม Flip Album Pro 6.0 ในการสร้างสื่ออิเล็กทรอนิกส์ เรื่อง Adobe Photoshop CC เพื่อการออกแบบงานโปสเตอร์ ว่ามีเนื้อหามากน้อยแค่ไหน และต้องศึกษาเพิ่มเติมจากเว็บไซต์ต่างๆเพื่อเรียบเรียงข้อมูลในการทาเนื้อหาต่อไป 4. จัดเก็บข้อมูลในรูปแบบเอกสารเพื่อนาเสนอ อาจารย์ที่ปรึกษา 5. สร้างชิ้นงาน โดยโปรแกรม Flip Album Pro6.0 6. ประเมินคุณภาพชิ้นงานสื่อหนังสืออิเล็กทรอนิกส์โดยผู้เชี่ยวชาญอย่างน้อย 3คน 7. ปรับปรุงต้นแบบชิ้นงาน 8. ทดลองชิ้นงานวีดิโอกับกลุ่มตัวอย่าง 9. เขียนรายงาน จัดทารูปเล่มโครงงานแบบฉบับสมบูรณ์ 10.บันทึกลง CD-ROM 11.นาผลงานขึ้น Fanpage Facebook
  • 20. CC เพื่อการออกแบบงานโปสเตอร์ ลาดับ รายการปฏิบัติ กุมภาพันธ์ มีนาคม เมษายน หมายเห ตุ1 2 3 4 1 2 3 4 1 2 3 4 1 ศึกษา/สารวจข้อมูลเพื่อจัดโครงงา น 2 เสนอเรื่องโครงงานเพื่อขออนุมัติ 3 ศึกษาและค้นคว้าข้อมูล 4 รวบรวมข้อมูล 5 สร้างชิ้นงานวีดิทัศน์ 6 ประเมินคุณภาพชิ้นงานวีดิทัศน์ 7 ปรันปรุงชิ้นงานวีดิทัศน์ 8 ทดลองชิ้นงานกับกลุ่มตัวอย่าง 9 วิเคราะห์ข้อมูล 10 เขียนรายงานจัดทารูปเล่ม 11 นาผลงานขึ้น fan page Facebook
  • 21. ศึกษาเอกสารการประเมินสื่อการสอน 1.2 เลือกแบบประเมินคุณภาพมัลติมีเดียเพื่อการศึกษาของกรมวิชาการ (กรมวิชาการ,2542) 1.3 ปรับปรุงแบบประเมินคุณภาพหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ ให้สอดคล้องกับคุณสมบัติของ หนังสืออิเล็กทรอนิกส์ 1.4 กาหนดระดับการประเมินคุณภาพของหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ ไว้5ระดับ คือ ดีมาก = 5 ดี = 4 ปานกลาง = 3 พอใช้ = 2 ควรปรับปรุง = 1 ซึ่งเกณฑ์การยอมรับคุณภาพของหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ จะพิจารณาตามคาถามแต่ละข้อข้อที่ผ่านเกณฑ์จะต้องได้คะแนนเฉลี่ยดีถึงดีมาก และคะแนนเฉลี่ยรวมต้องไม่ต่ากว่าเกณฑ์ดี จึงจะสามารถนาไปทดลองได้ โดยกาหนดระดับการประเมิน 5 ระดับดังนี้ คะแนน 1.00 –1.49 หมายถึง คุณภาพควรปรับปรุงอย่างยิ่ง คะแนน 1.50 –2.49 หมายถึง คุณภาพควรปรับปรุง คะแนน 2.50 –3.49 หมายถึง คุณภาพอยู่ในระดับปานกลาง คะแนน 3.50 – 4.49 หมายถึง คุณภาพอยู่ในระดับดี คะแนน 4.50 –5.00 หมายถึง คุณภาพอยู่ในระดับดีมาก
  • 22. เรื่อง Adobe Photoshop CC เพื่อการออกแบบงานโปสเตอร์ แบบประเมินคุณภาพหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ เรื่องกราฟิกเบื้องต้น แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน และตารางเวลานัดหมายผู้เรียน 1.2 กาหนดระยะเวลาในการทดลอง 1.3 ติดต่อขออนุญาตใช้ห้องคอมพิวเตอร์ 1.4 ติดต่อขออนุญาตอาจารย์รายวิชานากลุ่มตัวอย่างมาทดลองตามวันที่ได้กาหนด 1.5 ทดสอบความพร้อมของห้องคอมพิวเตอร์ก่อนทดลองจริง 2. ขั้นดาเนินการทดลอง ผู้วิจัยได้ดาเนินการทดลองตามขั้นตอนต่อไปนี้ 2.1 ให้กลุ่มตัวอย่างที่เข้ารับการทดลองมาทาแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์โดยใช้เวลา ประมาณ 20นาที 2.2 ผู้วิจัยอธิบายกลุ่มตัวอย่างให้ทราบถึงจุกประสงค์ของการทดลอง 2.3ให้กลุ่มตัวอย่างทดลองฝึกการทาเครื่องหมายบนใจความสาคัญ ใช้เวลาประมาณ10 นาที 2.4 จากนั้นกลุ่มตัวอย่างศึกษาเนื้อหาจากหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ เรื่อง Adobe Photoshop CC เพื่อการออกแบบงานโปสเตอร์ เป็นรายบุคคล ผู้วิจัยจะคอยสังเกตพฤติกรรมผู้เรียนตลอดการเรียน ในขั้นตอนนี้จะใช้เวลา ประมาณ 1ชั่วโมง 30นาที 2.5เมื่อหมดเวลา ผู้วิจัยสอบถามถึงปัญหาที่เกิดขึ้นกับผู้เรียน 2.6ให้กลุ่มตัวอย่างทาแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ โดยใช้เวลาประมาณ30 นาที
  • 23. 1คะแนนสาหรับคาตอบ ที่ถูกต้อง และให้ 0คะแนนสาหรับคาตอบที่ผิดหรือไม่ตอบ และนาคะแนนที่ได้มาหาค่า E1/ E2 การวิเคราะห์ข้อมูล การวิจัยครั้งนี้ ผู้วิจัยได้วิเคราะห์ข้อมูลดังนี้ 1. การหาประสิทธิภาพของหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ จากสูตร E1/ E2โดยนาคะแนนที่ได้จากแบบทดสอบระหว่างเรียน และแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน 2. ค่าดัชนีความสอดคล้องระหว่างข้อคาถามกับลักษณะเฉพาะกลุ่มพฤติกรรม 3. หาค่าระดับความยากง่ายและค่าอานาจจาแนกของแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลมีดังนี้ 1. สถิติที่เกี่ยวข้องกับหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ จากสูตรE1/ E2 ซึ่งดัดแปลงจาก ไชยยศ เรืองสุวรรณ (2533:139) ซึ่งใช้สูตรดังนี้คือ เมื่อ E1 คือ ประสิทธิภาพของกระบวนการที่จัดไว้ในหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ เมื่อ E2 คือ ประสิทธิภาพของหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ในการเปลี่ยนพฤติกรรมของผู้เรียน
  • 24. Adobe Photoshop CC เพื่อการออกแบบโปสเตอร์ ผลการประเมินชิ้นงานจากผู้เชี่ยวชาญ การประเมินต้นแบบชิ้นงาน คือ การตรวจสอบสื่อหนังสืออิเล็กทรอนิกส์โดยผ่านผู้เชี่ยวชาญทั้ง 3 คน คือ ผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีการศึกษา ทั้งนี้เพื่อได้รับการแนะนาที่ถูกต้องและช่วยให้หนังสืออิเล็กทรอนิกส์นั้นให้ออกมาใช้งานได้อย่างเต็มประสิ ทธิภาพ จากผลการหาค่าดัชนีความสอดคล้องระหว่างหนังสืออิเล็กทรอนิกส์กับวัตถุประสงค์เชิงพฤติกรรม (OIC) ผลปรากฏว่าได้ 0.7 คะแนน หมายถึง สามารถนาสื่อการสอนไปใช้ได้จริง ผลการนาสื่ออิเล็กทรอนิกส์ไปใช้ในการทดลองโดยการจาลองสถานการณ์จริง ในการสร้างหนังสื่ออิเล็กทรอนิกส์ นั้นจาเป็นต้องผ่านการตรวจสอบหลากหลายขั้นตอน จึงจะได้หนังสืออิเล็กทรอนิกส์ที่เต็มประสิทธิภาพ หลังจากผ่านการตรวจสอบจากผู้เชี่ยวชาญ ผู้จัดทาโครงงานได้ทาการแก้ไขปรับปรุงตามคาแนะนาของผู้เชี่ยวชาญเรียนร้อยแล้วหลังจากนั้นผู้จัดทาโคร งงานได้นาสื่อหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ไปใช้ในการทดลองโดยการจาลองสถานการณ์จริงโดยแบ่งการทดลอง เป็น 3แบบ ดังนี้ ในการทดลองนาหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ไปใช้ในการทดลองโดยการจาลองสถานการณ์จริงโดยใช้เ ครื่องมือดังนี้เพื่อหาค่าประสิทธิภาพสื่อการสอน  แบบทดสอบก่อนเรียน  แบบประเมินพฤติกรรมระหว่างเรียน  แบบทดสอบหลังเรียน และผู้จัดทาโครงงานได้กาหนดเกณฑ์ของค่าประสิทธิภาพสื่อการสอนไว้คือ 70/70
  • 25. 3 คน ค่าประสิทธิภาพสื่อหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ จากเกณฑ์ที่กาหนดไว้คือ 70/70 ดังนี้ คนที่ ก่อนเรียน (15) ระหว่างเรียน(15) หลังเรียน (15) E1 E2 1 7 10 11 73 66 2 9 11 12 80 73 3 8 8 10 66 53 โดยมีวิธีการคิดดังนี้ E1 = หลังเรียน/คะแนนเต็ม*100 E2 = ระหว่างเรียน/คะแนนเต็ม*100 ผลปรากฏว่า คนที่ 1 ได้73/66 คนที่ 2 ได้80/73 คนที่ 3 ได้66/53 ดังนั้นการทดลองนาสื่อหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ ไปใช้ในการทดลองโดยการจาลองสถานการณ์จริงแบบรายบุคคล "ไม่ผ่านเกณฑ์ " และผู้ทาการทดสอบได้ให้ข้อเสนอแนะและบอกถึงปัญหาที่พบ คือ - หนังสืออิเล็กทรอนิกส์นั้นมีเนื้อหามากเกินไป ทาให้เกิดความน่าเบื่อ ทางผู้จัดทาโครงงานได้ทาการแก้ไขปรับปรุงเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เพื่อในการนาไปทดลองนาสื่อหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ ไปใช้ในการทดลองโดยการจาลองสถานการณ์จริงแบบรายกลุ่มต่อไป
  • 26. นิสิตมหาวิทยาลัยบูรพา จานวน 3 กลุ่ม กลุ่มละ 5 คน ค่าประสิทธิภาพสื่อหนังสืออิเล็กทรอนิกส์จากเกณฑ์ที่กาหนดไว้คือ 70/70 ดังนี้ กลุ่มที่ 1 คนที่ ก่อนเรียน (15) ระหว่างเรียน(15) หลังเรียน (15) E1 E2 1 8 10 11 73 66 2 8 10 11 73 66 3 7 9 10 66 60 4 9 9 10 66 60 5 6 10 11 73 66 รวม 38 48 53 70 64 กลุ่มที่ 2 คนที่ ก่อนเรียน (15) ระหว่างเรียน(15) หลังเรียน (15) E1 E2 1 7 11 12 80 80 2 5 11 12 80 80 3 6 10 11 73 80 4 8 10 11 73 80 5 8 11 13 86 80 รวม 34 53 59 78 70 กลุ่มที่ 3
  • 27. คะแนนทั้งหมดหลังเรียน คะแนนเต็มรวมทั้งหมด E2 = คะแนนทั้งหมดระหว่างเรียน คะแนนเต็มรวมทั้งหมด ผลปรากฏว่า กลุ่มที่ 1 70/64 กลุ่มที่ 2 78/70 กลุ่มที่ 3 80/70 ดังนั้นการทดลองนาสื่อหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ ไปใช้ในการทดลองโดยการจาลองสถานการณ์จริงแบบรายกลุ่ม " ผ่านเกณฑ์ 2 กลุ่ม และ ไม่ผ่านเกณฑ์ 1กลุ่ม " และผู้ทาการทดสอบได้ให้ข้อเสนอแนะและบอกถึงปัญหาที่พบ คือ - หนังสืออิเล็กทรอนิกส์นั้นมีภาษาที่เข้าใจยากเกินไปควรกระชับเนื้อหาให้เข้าใจง่ายไม่สับซ้อน - หนังสืออิเล็กทรอนิกส์นั้น ควรแยกเป็นตอนๆเพื่อให้สามารถกลับไปศึกษาย้อนหลังเป็นตอนๆได้ ทางผู้จัดทาโครงงานได้ทาการแก้ไขปรับปรุงเป็นที่เรียนร้อยแล้ว เพื่อในการนาไปทดลองนาสื่อหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ ไปใช้ในการทดลองโดยการจาลองสถานการณ์จริงแบบสภาพจริงต่อไป คนที่ ก่อนเรียน (15) ระหว่างเรียน(15) หลังเรียน (15) E1 E2 1 7 10 11 73 66 2 8 10 12 80 66 3 9 11 12 80 73 4 8 11 13 86 73 5 8 11 12 80 73 รวม 40 53 60 80 70 * 100 * 100
  • 28. นิสิตมหาวิทยาลัยบูรพาจานวน 20 คน ค่าประสิทธิภาพสื่อหนังสืออิเล็กทรอนิกส์จากเกณฑ์ที่กาหนดไว้คือ 70/70 ดังนี้ คนที่ ก่อนเรียน (15) ระหว่างเรียน(15) หลังเรียน (15) E1 E2 1 7 11 12 80 73 2 8 11 13 86 73 3 9 11 11 73 73 4 7 10 11 73 66 5 8 11 11 73 73 6 8 10 12 80 66 7 9 11 12 80 73 8 8 12 12 80 80 9 7 10 11 73 66 10 9 11 12 80 73 11 9 10 12 80 66 12 9 11 12 80 73 13 8 12 12 80 80 14 9 11 11 73 73 15 7 11 12 80 73 16 9 12 12 80 80 17 8 11 12 80 73
  • 29. 13 86 73 19 8 12 12 80 80 20 9 11 12 80 73 รวม 165 220 237 79 73 โดยมีวิธีการคิดดังนี้ E1 = คะแนนทั้งหมดหลังเรียน คะแนนเต็มรวมทั้งหมด E2 = คะแนนทั้งหมดระหว่างเรียน คะแนนเต็มรวมทั้งหมด ผลปรากฏว่า ค่าประสิทธิภาพสื่อหนังสืออิเล็กทรอนิกส์แบบรวม 79/73 ดังนั้น การทดลองนาสื่อหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ไปใช้ในการทดลองโดยการจาลองสถานการณ์จริงแบบสถานการณ์ จริง" ผ่านเกณฑ์ " และผู้ทาการทดสอบได้ให้ข้อเสนอแนะและบอกถึงปัญหาที่พบ คือ - ตัวอักษรมีขนาดเล็กเกินไป ทาให้อ่านยาก ทางผู้จัดทาโครงงานได้ทาการแก้ไขปรับปรุงเป็นที่เรียนร้อยแล้ว เพื่อในการนาไปสื่อหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ไปใช้ในอนาคตต่อไป * 100 * 100
  • 30. สมมุติฐานของการศึกษา วิธีการดาเนินการศึกษา เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษา การวิเคราะห์ข้อมูล สรุปผลและการอภิปรายผลการศึกษาและข้อเสนอแนะดังนี้ วัตถุประสงค์ของการศึกษา 1. วัตถุประสงค์ทั่วไป เพื่อพัฒนาหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ เรื่อง Adobe Photoshop CC เพื่อการออกแบบงานโปสเตอร์ 2. วัตถุประสงค์เฉพาะ 2.1 เพื่อสร้างหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ เรื่อง Adobe Photoshop CC เพื่อการออกแบบงานโปสเตอร์ 2.2 เพื่อหาประสิทธิภาพของหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ที่สร้างขึ้นให้ได้ประสิทธิภาพตาม เกณฑ์ที่กาหนด (80/80) สมมุติฐานของการศึกษา หนังสืออิเล็กทรอนิกส์ ที่ผู้ศึกษาสร้างขึ้นมีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ที่กาหนด (80/80) ขอบเขตของการศึกษา
  • 31. ดังนี้ ประชากรและกลุ่มตัวอย่าง 1. ประชากร ประชากรเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยบูรพา คณะศึกษาศาสตร์จานวน 50 คน 2. กลุ่มตัวอย่าง กลุ่มตัวอย่างเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยบูรพา คณะศึกษาศาสตร์จานวน 38 คนได้มาโดยการสุ่มอย่างง่าย (Simple Random Sampling) โดยวิธีจับสลากกลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการทดสอบหาประสิทธิภาพของหนังสืออิเล็กทรอนิกส์แบบเดี่ยว แบบกลุ่มและภาคสนาม ดังนี้ 2.1 กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการทดสอบหาประสิทธิภาพของหนังสืออิเล็กทรอนิกส์แบบเดี่ยว จานวน 3 คน 2.2 กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการทดสอบหาประสิทธิภาพของหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ แบบกลุ่ม จานวน 15 คน 2.3 กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการทดสอบหาประสิทธิภาพของหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ แบบภาคสนาม จานวน 20คน เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษา - เครื่องคอมพิวเตอร์ - โปรแกรม Flip Album Pro6.0 ใช้นาเสนอสื่อการสอน - โปรแกรม Adobe Photoshop CC เนื้อหาการสอน - โปรแกรม Adobe Photoshop CC ใช้นาเสนอเรียบเรียง - เว็บไซต์ที่ใช้ในการศึกษาค้นคว้า www.google.com , www.youtube.com
  • 32. คือ ประสิทธิภาพของหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ เรื่อง การสร้างสื่อโปสเตอร์ด้วยโปรแกรม Adobe Photoshop CC 4.2 ตัวแปรตาม คือ ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของผู้เรียนที่ได้เรียนเนื้อหาจาหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ สรุปผลการค้นคว้า หนังสืออิเล็กทรอนิกส์ เรื่อง Adobe Photoshop CC เพื่อการออกแบบงานโปสเตอร์ มีประสิทธิภาพเท่ากับ 85.90/90.56 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์มาตรฐาน 80/80 การอภิปรายผล การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อที่จะพัฒนาและหาประสิทธิภาพของหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ เรื่อง การสร้างสื่อโปสเตอร์ด้วยโปรแกรม Adobe Photoshop CC ให้ได้ประสิทธิภาพตามเกณฑ์มาตรฐาน 80/80 จากผลการวิเคราะห์ข้อมูลสามารถอภิปรายได้ดังนี้ จากผลการวิเคราะห์ข้อมูลพบว่า หนังสืออิเล็กทรอนิกส์ เรื่องการสร้างสื่อโปสเตอร์ด้วยโปรแกรม Adobe Photoshop CC มีประสิทธิภาพเท่ากับ 85.90/90.56 ซึ่งเป็นไปตามสมมุติฐานของการวิจัยที่ได้ตั้งไว้ สอดคล้องกับวิจัยของ คลีเมนท์ (Clement,1993, quoted in Coutts and Hart,2009 : 19) ที่ได้พัฒนาซีดีรอมมัลติมีเดียวิชาศิลปะขึ้น และได้รับผลสาเร็จมากในการทดลอง ซึ่งข้อค้นพบนี้สอดคล้องกับการวิจัยของเกษมศรี พรหมภิบาล (2543 :บทคัดย่อ) ที่ได้ศึกษาผลของการสอนวิชาการออกแบบ 1ที่มีต่อผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน โดยใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์กราฟิ ก พบว่าผู้เรียนมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนเป็นไปตามสมมุติฐานที่ตั้งไว้ และสอดคล้องกับกาการวิจัยของบาร์กเกอร์และกิลเลอร์ ที่ได้ศึกษาหนังสืออิเล็กทรอนิกส์แบบมัลติมีเดียแบบปฏิสัมพันธ์เพื่อการสอนภาษาฝรั่งเศสเปรียบเทียบกับก ารสอนวิธีอื่นๆซึ่งได้รับผลเป็นที่น่าพอใจ นอกจากนั้น ศิริยงค์ ฉัตรโท (2539 :บทคัดย่อ)
  • 33. เรื่อง Adobe Photoshop CC เพื่อการออกแบบงานโปสเตอร์ มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์มาตรฐาน 80/80 จะได้ว่า ประการที่ 1 ได้มีการออกแบบบทเรียนในลักษณะที่มีการเชื่อมโยงแบบไฮเปอร์เท็กซ์ทาให้บทเรียนไม่น่าเบื่อ ผู้เรียนจะต้องมีการปฏิสัมพันธ์กับบทเรียนอย่าสม่าเสมอ ทาให้เกิดความกระตือรือร้นในการเรียน (ถนอมพร เลาหจรัสแสง, 2541: 62) ประการที่ 2ในการออกแบบหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ เรื่อง Adobe Photoshop CC เพื่อการออกแบบงานโปสเตอร์ ผู้วิจัยได้ออกแบบอยู่บนพื้นฐานจิตวิทยาแรงจูงใจ โดยใช้ไฮเปอร์เท็กซ์และแบบทดสอบเป็นแรงจูงใจในการเรียน จาดพื้นฐานการอยากรู้อยากเห็นของมนุษย์ ก่อให้เกิดการกระตุ้นให้เกิดการอยากรู้โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากมีสิ่งที่แนะ (cue) ซึ่งเป็นตัวกระตุ้นให้เกิดพฤติกรรมต่างๆ ขึ้น (ธีรพงษ์วิริยานนท์,2543 : 46; มาลินี จุฑะรพ,2539 :138; ไพบูลย์ เทวรักษ์,2537 : 113-115;โสภา ชูพิกุลชัย,2521 : 56-62) จากหลักการดังกล่าวข้างต้น ประกอบกับขั้นตอนการพัฒนาหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ อย่างมีระบบ ทาให้หนังสืออิเล็กทรอนิกส์ เรื่องการสร้างสื่อโปสเตอร์ด้วยโปรแกรม Adobe Photoshop CC ที่สร้างขึ้นมีประสิทธิภาพตามเกณฑ์มาตรฐาน 80/80 สามารถนาไปประกอบการเรียนการสอนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ข้อเสนอแนะ 1. ข้อเสนอแนะจากการวิจัย 1.1 การสร้างหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ที่มีจานวนหน้ามากๆด้วยโปรแกรม Flip Album Pro จะมีจานวนการเชื่อมโยง (Link) มากตามไปด้วย ทาให้เสียเวลาค่อนข้างมาก และเกิดการผิดพลาดได้ ง่ายจึงควรสร้างเป็นเทมเพลท ที่เชื่อมโยงกันไว้เรียบร้อยแล้ว 2. ข้อเสนอแนะสาหรับการวิจัยครั้งต่อไป
  • 34. การให้ผู้เรียนคัดลอกหรือพิมพ์ใจความสาคัญลงใน โปรแกรม (NOTEPAD) และการคัดลอกลงกระดาษ เป็นต้น ว่าจะส่งผลต่อการเรียนรู้ของผู้เรียน หรือไม่ 2.2 ควรมีการเปลี่ยนสื่อที่ใช้ในการวิจัยหนังสือเรียนอิเล็กทรอนิกส์จากซีดีรอมไปเป็น อินเตอร์เน็ตบ้าง อ้างอิง http://www.srb1.go.th/anuban/e_book/meanebook.htm http://www.oknation.net/blog/freeday888/2009/08/25/entry-1 http://www.learners.in.th/blogs/posts/310259 www.facebook.com/N55540139 (ลิงค์ที่เผยแพร่ข้อมูลทางอินเตอร์เน็ต)
  • 35.
  • 36. .pdf ข. .asp ค. .jpg ง. .ini 2.ข้อใด ไม่จัดว่าเป็นนามสกุลไฟล์ภาพ * ก. .jpg ข. .png ค..gif ง..zip 3.โปรแกรม Photoshop สามารถกาหนดขนาดของภาพ และความละเอียดได้สามารถกาหนดขนาด Width and Height ข้อใดไม่สามารถกาหนดขนาด Width and Height ได้ * ก. Pixels ข.Inches
  • 37. Ctrl + R ข. กดปุ่ม Ctrl +A ค. กดปุ่ม Ctrl+ Z ง. กดปุ่ม Ctrl +T 5. เครื่องมือPolygonal Lasso Tool มีหน้าที่อะไร ก. เป็นเครื่องมือในการเคลื่อนย้ายวัตถุ ข. เป็นการเลือกแบบสร้างขอบเป็นเส้นตรงหลายเหลี่ยม ค. เป็นการเลือกพื้นที่อิงกับค่าสีของรูปเป็นสาคัญ ง. เป็นเครื่องมือที่ทางานเกาะขอบพื้นที่สีที่ใกล้เคียง 6. การบันทึกแฟ้ มรูปภาพ ใน Photoshop เพื่อใช้เป็นต้นฉบับนามาแก้ไขได้ ต้องใช้นามสกุล รูปแบบใด ก. .pdf ข. .psd ค. .jpg ง. .ini 7. โปรแกรม Adobe Photoshop ไม่สามารถทางานใดต่อไปนี้ ก. ปริ้นรูปภาพ ข. ตกแต่งกราฟิก ค. พิมพ์ตัวหนังสือ ง. คานวณตัวเลข 8. Layer แรกที่จะเกิดขึ้นอัตโนมัติในการสร้างชิ้นงานชื่อว่าอะไร ก. First Layer ข. Background ค. New Layer ง. แล้วแต่จะตั้งชื่อ 9.เครื่องมือ Gradient Tool มีหน้าที่อะไร
  • 38. เบลอ ข. เป็นการไล่โทนสีจากสีหนึ่งไปอีกสี่หนึ่ง ค. เครื่องมือที่ทาให้ภาพสว่างขึ้น ง. ทาให้สีของภาพดูเข้มขึ้น 10. Photoshop ผลิตโดยบริษัทใด ก. Dream ข. Adobe ค. Microsoft ง. Apple แผนจัดการเรียนรู้ที่ 1 หน่วยการเรียนรู้ที่ 1 วิชาคอมพิวเตอร์ กลุ่มสาระการเรียนรู้การงานอาชีพและเทคโนโลยี เรื่อง โครงงานสื่อการเรียนรู้อิเล็กทรอนิกส์ (E-book) Adobe Photoshop เพื่อการสร้างงานโปสเตอร์ สาระสาคัญ ปัจจุบันงานด้านการออกแบบและตกแต่งภาพโดยใช้คอมพิวเตอร์ ได้เข้ามามีบทบาทกับการสร้างสรรค์ผลงานมากขึ้น และยังสามารถนามาประยุกต์ใช้กับงานด้านต่างๆได้ เช่น การตกแต่งภาพ การสร้างสรรค์ภาพ การเพิ่มลูกเล่นให้กับชิ้นงานต่างๆ ซึ่ง Photoshop เป็นโปรแกรมสร้างงานกราฟิก ตกแต่งรูปภาพและผลิตสื่อสิ่งพิมพ์ ที่ได้รับความนิยมอันดับต้นๆ อีกทั้งยังออกแบบงานกราฟิกให้ชิ้นงานมีความโดดเด่นได้ด้วยตนเองภายในเวลาอันรวดเร็ว และเป็นโปรแกรมกราฟิกที่ใช้งานกันตั้งแต่มือสมัครเล่น แต่งภาพเล่นๆเป็นงานอดิเรกไปจนมืออาชีพ ใช้เพื่อสร้างงาน สร้างอาชีพ สาหรับผู้ที่ชื่นชอบการแต่งภาพไม่ว่าจะเป็นมือใหม่หรือมือเก่า
  • 39. ที่รองรับเกือบทุกสายงาน บุคลากรในหลายสาขาอาชีพให้ความสนใจและนิยมใช้กันอย่างแพร่หลาย ผู้จัดทาโครงงานเล็งเห็นความสาคัญในการใช้งานโปรแกรมคอมพิวเตอร์ประเภทต่างๆ สาหรับบุคคลทั่วไปที่สนใจ จึงได้จัดทาโครงงานโปรแกรม Photoshop เพื่อพัฒนาทักษะการใช้งานโปรแกรมกราฟิก และสามารถนาความรู้ไปประยุกต์ใช้ในงานของสาขาอาชีพของตนได้ จุดประสงค์การเรียนรู้ 1. ผู้เรียนสามารถใช้โปรแกรมตัดต่อPhotoshop ในการสร้างสรรค์ผลงานได้อย่างมีประสิทธิ์ภาพ 2. ผู้เรียนสามารถใช้เครื่องมือในโปรแกรม Photoshop ในการตัดต่อเพื่อสร้างงานโปสเตอร์ได้ 3. ผู้เรียนสามารถศึกษาด้วนตนเองผ่านหนังสืออิเล็กทรอนิกส์เรื่องโปรแกรม Photoshop เพื่อการสร้างงานโปสเตอร์ และ สร้างสรรค์ผลงานที่มีประสิทธิภาพได้ ขอบเขต/เนื้อหา - ความเป็นมาของโปรแกรม Photoshop - แนะนาเครื่องมือของโปรแกรม Photoshop เบื้องต้น - แนะนาเทคนิคการแต่งภาพ - แนะนาการจัดวางโครงสร้างของภาพโปสเตอร์ - สาธิตการสร้างโปสเตอร์ กระบวนการจัดการเรียนรู้ - ผู้สอนบรรยายโปรแกรม Photoshop เพื่อสร้างงานโปสเตอร์ - ผู้เรียนทาแบบทดสอบก่อนเรียน - แนะนาเครื่องมือโปรแกรม Photoshop - ให้ความรู้คาแนะนาเทคนิคในการใช้โปรแกรมPhotoshop เพื่อสร้างงานโปสเตอร์ - เปิดวีดีโอสาธิตการใช้โปรแกรม Photoshop เพื่อการสร้างโปสเตอร์ที่สมบูรณ์
  • 40. และการทาตาม - คะแนนแบบทดสอบ - คะแนนชิ้นงาน 2. เครื่องการวัดผลประเมินผล - ถาม-ตอบ - แบบทดสอบ - แบบสังเกตพฤติกรรมการเรียนรู้ 3. เกณฑ์การวัดผลประเมินผล ใช้การผ่านเกณฑ์ ร้อยละ 70 ขึ้นไป ข้อมูลผู้จัดทาโครงงาน ชื่อ นายนฤวร จิตรจรูญ รหัสนิสิต 55540139 คณะ ศึกษาศาสตร์ สาขา เทคโนโลยีการศึกษา (ภาคพิเศษ) โทร 0875616164