สวัสดีค่ะท่านผู้อ่าน ในช่วงที่ผ่านมาอาจมีบางท่านโดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่ทำงานเกี่ยวข้องกับตัวเลขทางบัญชีได้ยินข่าวคราวว่า จะมีการปรับปรุงรูปแบบมาตรฐานการรายงานทางการเงินไทย (Thai Financial Reporting Standards: TFRSs) ให้เข้าใกล้กับมาตรฐานสากลมากขึ้น และอาจเกิดความสงสัยว่าจะมีการปรับปรุงไปในรูปแบบใด หลังจากที่เมื่อปี 2554 สภาวิชาชีพบัญชีในพระบรมราชูปถัมภ์ ซึ่งเป็นหน่วยงานที่กำกับดูแลผู้ประกอบวิชาชีพบัญชีในประเทศไทยได้เคยมีการยกเครื่องมาตรฐานการรายงานทางการเงินไทยครั้งใหญ่มาแล้วครั้งหนึ่ง เพื่อปรับปรุงให้สอดคล้องกับมาตรฐานการรายงานทางการเงินของสากล โดยให้ถือปฏิบัติกับงบการเงินสำหรับรอบระยะเวลาบัญชีที่เริ่มตั้งแตวั่นที่ 1 มกราคม 2554 ซึ่งการปรับปรุงครั้งนั้นส่งผลให้มีการจัดประเภทกิจการในประเทศไทยออกเป็น 2 ระดับ ได้แก่ Show
อย่างไรก็ดี เมื่อมีการนำมาตรฐานการรายงานทางการเงินดังกล่าวมาใช้จริงในทางปฏิบัติพบว่า อาจยังไม่เหมาะสมกับบางกิจการในประเทศไทย เนื่องจากกิจการที่มีขนาดใหญ่บางแห่งมีลักษณะเสมือนกิจการ PAEsเพียงแต่ไม่เข้าข่ายตามคำนิยามที่กำหนดไว้ เช่น ไม่ได้จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ส่งผลให้กิจการขนาดใหญ่เหล่านี้นำมาตรฐานชุดเล็กมาถือปฏิบัติแทน ทำให้ตัวเลขในงบการเงินไม่สะท้อนฐานะและผลการดำเนินงานที่แท้จริง เพื่อเป็นการแก้ปัญหาดังกล่าว และทำให้การจัดทำรายงานทางการเงินของประเทศไทยมีความเป็นสากลสามารถเปรียบเทียบกันได้ และสอดคล้องกับกลุ่มประเทศใน ASEAN Economic Community (AEC) ซึ่งจะเป็นการส่งเสริมให้กิจการในประเทศไทยมีศักยภาพในการแข่งขันมากยิ่งขึ้น คณะกรรมการกำหนดมาตรฐานการบัญชีสภาวิชาชีพบัญชีฯ จึงอยู่ระหว่างการพิจารณานำมาตรฐานการรายงานทางการเงินสำหรับกิจการขนาดกลางและขนาดย่อม (IFRS for SMEs) มาใช้ในประเทศไทย เพื่อให้การจัดทำรายงานทางการเงินเหมาะสมและง่ายในการนำมาปฏิบัติ ซึ่งแนวทางเบื้องต้นจะมีการพิจารณาจัดประเภทกิจการในประเทศไทยออกเป็น 3 ระดับ (3-Tier Financial Reporting) ซึ่งระดับแรกยังคงไว้สำหรับกิจการ PAEs แต่มีการแบ่งระดับของกิจการ NPAEs ออกเป็น 2 ส่วนคือ
เมื่อพิจารณาแนวทางดังกล่าวแล้ว จะเห็นว่า หากสภาวิชาชีพบัญชีฯ มีการนำเอา 3-Tier Financial Reporting มาใช้กับกิจการในประเทศไทย จะส่งผลทำให้มีการแบ่งประเภทกิจการและมาตรฐานการรายงานทางการเงินที่จะนำมาใช้ได้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น และอาจช่วยแก้ไขปัญหาในภาคปฏิบัติได้ อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ยังไม่ได้มีการกำหนดที่แน่ชัดว่า จะใช้ปัจจัยใดเป็นตัววัดขนาดของกิจการ แต่สิ่งสำคัญอย่างหนึ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ไดคื้อกิจการต้องมีการเตรียมความพร้อม โดยการติดตามข่าวสารและความคืบหน้าของการประกาศใช้ 3-Tier Financial Reporting ผ่านช่องทางต่างๆ เช่น website ของสภาวิชาชีพบัญชีฯ (www.fap.or.th) เพื่อที่จะสามารถทราบได้ว่า กิจการของตนเองอยู่ในระดับใด ต้องใช้มาตรฐานลักษณะไหน เพื่อที่จะปฏิบัติได้ถูกต้องตามข้อกำหนดของมาตรฐานนั้น ซึ่งจะส่งผลให้ตัวเลขในงบการเงินสามารถสะท้อนฐานะและผลการดำเนินงานของกิจการได้อย่างถูกต้องและเหมาะสมมากยิ่งขึ้น รวมทั้งเป็นการสร้างความน่าเชื่อถือให้กับผู้ใช้งบการเงินของกิจการในประเทศไทยไม่ว่าจะเป็นนักลงทุนในประเทศหรือต่างประเทศ นอกจากนี้ สำหรับสถาบันการเงินและบริษัทในกลุ่มธุรกิจทางการเงินของสถาบันการเงินที่ถูกจัดอยู่ในกลุ่ม PAEs ก็อาจได้รับผลกระทบในกรณีที่มีลูกค้าที่เป็น NPAEs ซึ่งสถาบันการเงินและบริษัทในกลุ่มธุรกิจจะต้องมีการพิจารณาหรือวิเคราะห์ตัวเลขจากงบการเงินของลูกค้า เพื่อประกอบการให้สินเชื่อหรือทำธุรกรรมอื่นๆ ซึ่งหากสถาบันการเงินและบริษัทในกลุ่มธุรกิจไม่มีความเข้าใจในมาตรฐานที่เกี่ยวข้องกับ NPAEs แล้ว ก็อาจส่งผลต่อความสามารถในการประเมินฐานะและผลการดำเนินงานของลูกค้า และอาจเกิดความผิดพลาดจากการนำข้อมูลที่ไม่ถูกต้องไปใช้ประโยชน์ได สวัสดีค่ะท่านผู้อ่าน ในช่วงที่ผ่านมาอาจมีบางท่านโดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่ทำงานเกี่ยวข้องกับตัวเลขทางบัญชีได้ยินข่าวคราวว่า จะมีการปรับปรุงรูปแบบมาตรฐานการรายงานทางการเงินไทย (Thai Financial Reporting Standards: TFRSs) ให้เข้าใกล้กับมาตรฐานสากลมากขึ้น และอาจเกิดความสงสัยว่าจะมีการปรับปรุงไปในรูปแบบใด หลังจากที่เมื่อปี 2554 สภาวิชาชีพบัญชีในพระบรมราชูปถัมภ์ ซึ่งเป็นหน่วยงานที่กำกับดูแลผู้ประกอบวิชาชีพบัญชีในประเทศไทยได้เคยมีการยกเครื่องมาตรฐานการรายงานทางการเงินไทยครั้งใหญ่มาแล้วครั้งหนึ่ง เพื่อปรับปรุงให้สอดคล้องกับมาตรฐานการรายงานทางการเงินของสากล โดยให้ถือปฏิบัติกับงบการเงินสำหรับรอบระยะเวลาบัญชีที่เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2554 ซึ่งการปรับปรุงครั้งนั้นส่งผลให้มีการจัดประเภทกิจการในประเทศไทยออกเป็น 2 ระดับ ได้แก่
อย่างไรก็ดี เมื่อมีการนำมาตรฐานการรายงานทางการเงินดังกล่าวมาใช้จริงในทางปฏิบัติพบว่า อาจยังไม่เหมาะสมกับบางกิจการในประเทศไทย เนื่องจากกิจการที่มีขนาดใหญ่บางแห่งมีลักษณะเสมือนกิจการ PAEs เพียงแต่ไม่เข้าข่ายตามคำนิยามที่กำหนดไว้ เช่น ไม่ได้จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ส่งผลให้กิจการขนาดใหญ่เหล่านี้นำมาตรฐานชุดเล็กมาถือปฏิบัติแทน ทำให้ตัวเลขในงบการเงินไม่สะท้อนฐานะและผลการดำเนินงานที่แท้จริงเพื่อเป็นการแก้ปัญหาดังกล่าว และทำให้การจัดทำรายงานทางการเงินของประเทศไทยมีความเป็นสากลสามารถเปรียบเทียบกันได้ และสอดคล้องกับกลุ่มประเทศใน ASEAN Economic Community (AEC) ซึ่งจะเป็นการส่งเสริมให้กิจการในประเทศไทยมีศักยภาพในการแข่งขันมากยิ่งขึ้น คณะกรรมการกำหนดมาตรฐานการบัญชีสภาวิชาชีพบัญชีฯ จึงอยู่ระหว่างการพิจารณานำมาตรฐานการรายงานทางการเงินสำหรับกิจการขนาดกลางและขนาดย่อม (IFRS for SMEs) มาใช้ในประเทศไทย เพื่อให้การจัดทำรายงานทางการเงินเหมาะสมและง่ายในการนำมาปฏิบัติ ซึ่งแนวทางเบื้องต้นจะมีการพิจารณาจัดประเภทกิจการในประเทศไทยออกเป็น 3 ระดับ (3-Tier Financial Reporting) ซึ่งระดับแรกยังคงไว้สำหรับกิจการ PAEs แต่มีการแบ่งระดับของกิจการ NPAEs ออกเป็น 2 ส่วนคือ
เมื่อพิจารณาแนวทางดังกล่าวแล้ว จะเห็นว่า หากสภาวิชาชีพบัญชีฯ มีการนำเอา 3-Tier Financial Reporting มาใช้กับกิจการในประเทศไทย จะส่งผลทำให้มีการแบ่งประเภทกิจการและมาตรฐานการรายงานทางการเงินที่จะนำมาใช้ได้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น และอาจช่วยแก้ไขปัญหาในภาคปฏิบัติได้ อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ยังไม่ได้มีการกำหนดที่แน่ชัดว่า จะใช้ปัจจัยใดเป็นตัววัดขนาดของกิจการ แต่สิ่งสำคัญอย่างหนึ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้คือกิจการต้องมีการเตรียมความพร้อม โดยการติดตามข่าวสารและความคืบหน้าของการประกาศใช้ 3-Tier Financial Reporting ผ่านช่องทางต่างๆ เช่น website ของสภาวิชาชีพบัญชีฯ (www.fap.or.th) เพื่อที่จะสามารถทราบได้ว่า กิจการของตนเองอยู่ในระดับใด ต้องใช้มาตรฐานลักษณะไหน เพื่อที่จะปฏิบัติได้ถูกต้องตามข้อกำหนดของมาตรฐานนั้น ซึ่งจะส่งผลให้ตัวเลขในงบการเงินสามารถสะท้อนฐานะและผลการดำเนินงานของกิจการได้อย่างถูกต้องและเหมาะสมมากยิ่งขึ้น รวมทั้งเป็นการสร้างความน่าเชื่อถือให้กับผู้ใช้งบการเงินของกิจการในประเทศไทยไม่ว่าจะเป็นนักลงทุนในประเทศหรือต่างประเทศ TFRS for NPAEs มีอะไรบ้างมาตรฐานการรายงานทางการเงินสำหรับกิจการที่ไม่มีส่วนได้เสียสาธารณะ (TFRS for NPAEs) สำหรับงบการเงินสำหรับรอบระยะเวลาบัญชีที่เริ่มในหรือหลัง วันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2566 เป็นต้นไป TFRS for NPAEs (ปรับปรุง 2565) มีจํานวนทั้งสิ้นกี่บทสรุปสาระสำคัญ TFRS for NPAEs ฉบับปรับปรุง 2565 เพิ่มเติม 6 บทใหม่ ที่ต้องปฏิบัติ. สำคัญมาก!!!. หัวข้อสัมมนา. สรุป หลักการที่เพิ่มเติม/แก้ไขของ TFRS for NPAEs 2566 (17 บท). บทที่ 1 ความเป็นมาและวัตถุประสงค์. บทที่ 2 ขอบเขต. บทที่ 3 กรอบแนวคิด. บทที่ 4 การนำเสนองบการเงิน. Npae ต้องทำงบรวมไหมกิจการที่ไม่มีส่วนได้เสียสาธารณะ(NPAE) ไม่ต้องจัดทำงบการเงินรวม ข้อใดเป็นกิจการที่ไม่มีส่วนได้เสียสาธารณะ (NPAEs)คำนิยาม กิจการที่ไม่มีส่วนได้เสียสาธารณะ (Non-Publicly Accountable Entities) หมายถึงกิจการที่ไม่ใช่กิจการดังต่อไปนี้ (1) กิจการที่มีตราสารทุนหรือตราสารหนี้ของกิจการซึ่งมีการซื้อขายในตลาดสาธารณะ ไม่ว่าจะเป็นตลาดหลักทรัพย์ในประเทศหรือต่างประเทศหรือการซื้อขายนอกตลาด |