อบไป 20 นาทีแตะหน้าดูไม่มีติดมือตามที่สูตรบอกก็เอาออกมาราดตัวครีมเปรี้ยว แต่วันนี้หาครีมเปรี้ยวไม่ได้เลยใช้โยเกิรต์แทน พอราดลงไปปุ๊ปหน้าแตกทันที โยเกิรต์ที่ราดลงไปไม่อยู่บนหน้าแต่ลงไปรวมกับเนื้อเค้กข้างล่างหมดเลยค่ะ ไม่ทราบว่าเป็นเพราะอะไรคะ แล้วจะมีผลกับรสชาติมากมั้ย พอดีเราทำให้คนสำคัญด้วยกลัวจะไม่เหมือนเดิม ทำมาหลายครั้งแล้วไม่เคยเป็นแบบนี้เลย T^T ถ้าจะต้องทิ้งก็เสียดาย รบกวนท่านที่มีประสบการณ์ช่วยบอกเหตุผลหน่อยค่ะ เพราะอาทิตย์หน้าต้องทำอีกจะได้ระวังมากขึ้น 0  คุณสามารถแสดงความคิดเห็นกับกระทู้นี้ได้ด้วยการเข้าสู่ระบบ กระทู้ที่คุณอาจสนใจอ่านกระทู้อื่นที่พูดคุยเกี่ยวกับ เบเกอรี่ ตอนที่รื้อครัวทำใหม่เนี่ยไม่รู้ทำไมอยากกินชีสเค้กมากๆ กะว่าพอใช้ครัวได้เมื่อไรก็จะลงมือทำชีสเค้กเป็นอย่างแรกเลย แต่หลังจากใช้ครัวได้เป็นเดือนแล้วล่ะ อิชั้นก็ยังไม่มีอารมณ์จะอบขนมอยู่ดี มันเบื่อไปเฉยๆ ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันค่ะ อยู่มาวันหนึ่ง (เชยมั้ยๆ) ไปจ่ายกับข้าวแล้วก็หยิบครีมชีสกับซาวครีมติดมาด้วย กะว่าจะทำนิวยอร์คชีสเค้กเพิ่มห่วงยางซะหน่อย ผ่านไปอาทิตย์กว่าๆ แม่ก็ยังขี้เกียจอยู่ จนถึงวันนี้แอบดูวันหมดอายุ กี๊ดๆๆ เหลืออีกไม่กี่วันเองเหรอเนี่ย สุดท้ายเลยต้องพยายามสลัดตัวขี้เกียจออกไปแล้วก็ลงมือทำจนได้ค่ะ สูตรนี้ถ้าจำไม่ผิดรู้สึกว่าจะจดมาจากหนังสือที่บ้านแม่ แล้วเราก็เอามาปรับนิดหน่อย คือลดครีมชีสแล้วเพิ่มซาวครีมเข้าไป ลดน้ำตาลไปพอสมควรแต่ก็ยังรู้สึกว่าหวานไปนิด แต่คุณพ่อบ้านบอกหวานกำลังดีแล้ว คงเป็นเพราะตัวเองกินไม่หวานมากด้วยมั้งคะ ภาพที่ลงเนี่ยเป็นภาพเก่าที่ทำไว้เมื่อนานมากแล้วนะคะ ที่ทำวันนี้ไม่ได้ถ่ายไว้เพราะมืดตึ๊ดตื๋อ เปิดไฟแล้วก็ไม่ได้ช่วยสักเท่าไร เลยตัดสินใจเอาภาพเก่ามาแปะแทนนะคะ ของเก่าเนี่ยเราอบอบตามสูตรต้นฉบับคือ 150 องศาเซลเซียสตลอดการอบ ขอบเค้กไม่ค่อยสวยเท่าไหร่ ครั้งนี้อบแบบใหม่เค้กออกมาสวยงามเนียนวิ๊งเลยค่ะ ส่วนผสมฐานครัสท์ สำหรับสปริงฟอร์มขนาด 18 ซม.
วิธีทำ ส่วนผสมชีสเค้ก 1. ครีมชีส 280 กรัม 2. ซาวครีม 50 กรัม (ส่วนนี้ใช้โยเกิร์ตธรรมชาติแทนได้ หรือจะใช้เป็นครีมชีสทั้งหมดเลยก็ได้เช่นกันค่ะ) 3. น้ำตาลทราย 80 กรัม 4. เกลือป่น 1 หยิบมือ
วิธีทำ รูปวิธีทำนี้เป็นรูปเก่าๆ ที่เคยถ่ายไว้ตอนทำชีสเค้กสูตรอื่นๆ ค่ะ เห็นทำเหมือนๆ กันเลยขี้เกียจถ่ายใหม่ _ ซื้อครีมชีสมาก็หลายก้อนแล้วก็ไม่ได้ใช้จนหมดอายุหรือขึ้นราไปเลยก็มี พอดีวันนี้มีเหลืออยู่เกือบกิโลค่ะ หลังจากที่ทำขนมอย่างอื่นไปแล้ว ก็กลัวว่าถ้าเก็บไว้เหมือนอย่างเดิมก็คงจะต้องมีอันเป็นไปเหมือนครีมชีสรุ่นพี่นะคะ มาพูดถึงเรื่องนิวยอร์คชีสเค้กนิดนึง ว่าทำไมถึงเป็นความทรงจำครั้งเก่าของเกด เพราะว่าเจ้านิวยอร์คชีสเค้กนี่เป็นขนมอย่างแรกที่เกดหัดทำเลยนะคะ ยังจำได้อยู่เลยว่าเอาสูตรมาจาก หนังสือครัวหวาน...บ้านป้าเจี๊ยบค่ะ ของ ดร. รสสุคนธ์ มกรมณี หัดทำให้พี่หนุ่มทาน ตอนที่เริ่มคบกันไปได้สักพัก เราก็เห็นว่าเค้าชอบทานของหวานไงคะ ก็เลยหัดทำพร้อมกับตอนที่ซื้อเตาอบตัวแรก แล้วก็ที่ตีไข่อันแรกของเกดด้วยค่ะ ตอนนั้นไม่รู้เรื่องอะไรกับการทำขนมเลยค่ะ อ่านแล้วก็ทำตามหนังสือ ตอนที่เอาไปให้ทานยังจำได้อยู่ว่าพี่หนุ่มแกทำหน้าแปลก ๆ อยู่เลยค่ะ ไม่รู้ว่าอร่อยหรือเปล่านะสิคะ อร่อยไม่อร่อยก็คงไม่กล้าพูดหรอก อิอิอิ นับจากวันนั้นก็เกือบสองปีครึ่งแล้วค่ะ วันนี้ก็เป็นอีกครั้งที่ได้กลับมาทำชีสเค้กอีกครั้งแม้ว่าจะไม่ได้เป็นสูตรเดิม แต่ว่าก็เป็นคนทำคนเดิมและคนทานก็ยังเป็นคนเดิมค่ะ มาวันนี้ก็เลยได้ทำชีสเค้กบลูเบอร์รี่อีกครั้งค่ะ ดูหลาย ๆ สูตรแล้วก็มาลงตัวที่ สูตรของคุณตุ๊ก Bakery in my heart vol. 1 ค่ะ เพราะว่าตรงกับความต้องการหลายอย่างค่ะ คืออยากทำชีสเค้กที่ไม่ใส่แป้ง แล้วก็ใช้ครีมชีสที่มีปริมาณเยอะ ๆ ค่ะ สูตรนี้ใช้ครีมชีสเยอะตรงใจเลยค่ะ ใช้ 750 กรัมเชียวค่ะ มาดูสูตรกันเลยดีกว่าค่ะ New York Cheesecake สูตรจาก คุณตุ๊ก ณชนกช์ ปัญญาหิตานนท์ จากหนังสือ Bakery in my heart vol. 1 ส่วนผสมฐานชีสเค้ก ขนมปังไดเจสตีฟ 250 กรัม เนยจืดละลาย 70 กรัม (เกดใช้เป็นเนยเค็มนะคะ อยากให้มีรสชาติออกเค็มนิด ๆ) เนยจืดสำหรับทาพิมพ์ ส่วนผสมเนื้อชีสเค้ก ครีมชีส 750 กรัม น้ำตาลป่น 200 กรัม ครีมสดชนิดวิปปิงครีม 100 กรัม น้ำมะนาวเหลือง(เลมอน) 30 กรัม (เกดใช้ 40 กรัมค่ะ อยากให้ออกเปรี้ยวอีกนิดค่ะ) ผิวมะนาวเหลือง 1 1/2 ช้อนโต๊ะ ไข่ไก่เบอร์ 2 4 ฟอง กลิ่นวานิลลา 2 ช้อนชา ขั้นตอนการทำชีสเค้ก อุ่นเตาอบที่อุณหภูมิ 180 องศาเซลเซียส ทาเนยบาง ๆ ที่พิมพ์ถอดก้นได้ขนาด 8 1/2 นิ้ว ทำการละเลยเนยโดยใช้ไมโครเวฟก็ได้ค่ะ ประมาณ 45 - 60 วินาที จากนั้นจึงบดขนมปังไดเจสตีฟ ถ้าไม่มีก็ใช้เป็นคุกกี้เนยหรือว่าขนมปังเอบีซี แทนก็ได้นะคะ จะบดด้วยฟูดโปรเซสเซอร์ก็ได้ค่ะ วันนี้ขอใช้เป็นไม้คลึงนะคะ จะได้ออกแรงหน่อย จากนั้นจึงนำเนยละลายมาผสมให้เข้ากัน จากนั้นจึงนำไปกรุในพิมพ์ที่เตรียมไว้ ใช้ก้นแก้วกดลงบนฐานให้แน่นและแช่เย็นให้แข็งตัว เตรียมครีมชีสที่จะใช้โดยหั่นเป็นก้อนก็ดีค่ะ ทิ้งให้อ่อนตัวซักนิดเวลาตีจะได้ตีง่ายค่ะ ตีครีมชีสด้วยความเร็วปานกลาง จนครีมชีสอ่อนตัว จึงเติมน้ำตาล (ไม่ได้ป่นค่ะ เพราะว่าขี้เกียจล้างเครื่อง) ตีจนครีมชีสฟู (จะมีปริมาณเพิ่มขึ้นค่ะ) ฟูขึ้นแบบนี้นะคะ จากนั้นก็ใส่ผิวมะนาวเหลือง (เลมอน) ใส่ลงไป ผสมให้เข้ากัน เกดใช้ประมาณ 2 ลูกนะคะ จากนั้นก็ค่อย ๆ เติมครีมสดลงไปค่ะ ตีผสมให้เข้ากัน ตีด้วยความเร็วปานกลางค่ะ ปาดอ่าง แล้วเปลี่ยนเป็นความเร็วต่ำ ค่อย ๆ ใส่ไข่ลงไปทีละใบ ตีผสมให้เข้ากันเป็นเนื้อเดียวนะคะ จากนั้นก็เติมน้ำมะนาว และวานิลลาลงไป ผสมให้เข้ากัน จากนั้นจึงเทใส่พิมพ์ที่เราเตรียมฐานชีสเค้กไว้แล้ว สำหรับพิมพ์ก็ห่อด้วยแผ่นอลูมิเนียมฟอยล์นะคะ กันน้ำเข้าค่ะ เพราะว่าจะอบด้วยวิธีอบรองน้ำ (Water Bath) โดยการนำถาดที่ใหญ่กว่าพิมพ์เค้กของเราแล้วเติมน้ำอุ่นลงไปประมาณ 1/3 ของพิมพ์ชีสเค้ก อบเป็นเวลานานประมาณ 50 นาที ครบเวลาก็ปิดเตาแล้วอบต่ออีกประมาณ 30 นาทีหรือจนหน้าเค้กมีสีเหลืองสวย แล้วจึงนำออกจากเตา ตั้งทิ้งไว้ให้เย็นสนิท นำเข้าแช่ตู้เย็นประมาณ 4 ชั่วโมงหรือข้ามคืน ช่วง 30 นาทีแรกไม่ควรเปิดเตาอบนะคะ เพื่อเป็นการรักษาอุณหภูมิในเตา ซึ่งถ้าผ่านไปแล้ว 30 นาทีก็สามารถเปิดดูได้ค่ะ เพื่อดูสีด้านหน้าของเค้ก ถ้าสีเริ่มเข้มขึ้นก็สามารถเอาฟอยล์มาปิดด้านบนของเค้กแล้วอบต่อได้ค่ะ ตัดแบ่งเป็นชิ้นได้ 12 ชิ้น นะคะ เวลาทานก็ราดด้วยบลูเบอร์รี่กระป๋องหรือว่าแบบโฮมเมดก็ได้ค่ะ หรือจะทานกับซอสผลไม้อื่นก็ได้ค่ะ ทานกับผลไม้สดก็น่าจะเข้ากัน ตอนนี้ที่บ้านมีบลูเบอร์รี่กระป๋องอยู่หลายกระป๋องเลยค่ะ เปิดมาราดทานให้ชุ่มหน่อยนะคะ Special Thanks To ... สูตรและคำแนะนำ New York Cheesecake จาก คุณตุ๊ก ณชนกช์ ปัญญาหิตานนท์ จากหนังสือ Bakery in my heart vol. 1 |
New york cheesecake ส ตร ค ณ ด ร ม
กระทู้ที่เกี่ยวข้อง
ลิขสิทธิ์ © 2024 th.apacode Inc.
