Louis vuitton ม อ สอง siambrandname site m.siambrandname.com

BrandnameThailand ร้านแบรนด์เนมไทยแลนด์ รับซื้อกระเป๋าแบรนด์เนม รับจำนำกระเป๋าแบรนด์เนม รับซื้อเหมาแบรนด์เนมของแท้ไม่อั้น พร้อมจ่ายเงินสด คุยง่าย ใจดี ยุติธรรม ให้ราคาสูงที่สุดในไทย ไม่กดราคา โอนไว มีหน้าร้าน ประสบการณ์มากกว่า 10 ปี รับซื้อถึงบ้าน 24 ชม. ในเขตกรุงเทพและปริมณฑล โทรเลยสิคะ 0859166555 Line : @brandnamethailand PRODUCT กระเป๋ามือสอง, นาฬิกามือสอง, กระเป๋าสตางค์, เข็มขัด, รองเท้า, แว่นตา, แหวน, สร้อย, ตุ้มหู,เครื่องประดับมือสอง, กระเป๋ามือสอง, กระเป๋าแบรนด์เนม กระเป๋าของแท้, นาฬิกาของแท้, นาฬิกามือสอง, นาฬิกาแบรนด์เนม และอื่นๆ BRAND Louis Vuitton, Chanel, Hermes, Prada, Gucci, YSL, Chloe, Celine, MCM, Mulberry, Balenciaga, Burberry, Miu Miu, Bally, Issay Miyake, Coach, Rolex, Patek Philippe, AP, Officine Panerai, Franck Muller, Omega, Tag Heuer, Etc.

เบอร์โทร : 0859166555 อีเมล : [email protected]

All About Gucci 1955 Horsebit ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เราได้เห็นการกลับมาอีกครั้งของเหล่าบรรดาไอเท่มวินเทจยอดฮิตในอดีต ซึ่งได้รับการปัดฝุ่น นำมาตีความใหม่ ให้เข้ากับยุคสมัยในปัจจุบัน โดยยังคงกลิ่นอายความเป็นเอกลักษณ์ของชิ้นงานไว้ได้อย่างเต็มเปี่ยม นักออกแบบทั้งหลาย ได้เจาะลึกเข้าไปในไอเท่มวินเทจเหล่านั้น เพื่อหาแรงบันดาลใจ และหลาย ๆ ไอเท่มก็ยังเป็นแรงบันดาลใจและเป็นตัวอย่างชั้นเลิศ ในการออกแบบกระเป๋าในยุคปัจจุบัน Alessandro Michele เป็นหนึ่งในนักออกแบบกลุ่มนั้น หลังด้วยการเปิดตัวคอลเลกชัน Horsebit ปี 1955 ใหม่ของ Gucci กระเป๋าใบแรกจากกลุ่มผลิตภัณฑ์ Horsebit การเล่าเรื่องเบื้องหลังกระเป๋าเหล่านี้มีรากฐานมาจากแนวคิด Neoclassicism ซึ่งมุ่งเน้นไปที่การฟื้นฟูอดีต และต่อจากนี้คือเรื่องราวของ Gucci 1955 Horsebit The History ทศวรรษที่ 50 เป็นช่วงที่ความต้องการของผู้บริโภคเพิ่มขึ้นและการขยายตัวอย่างรวดเร็วของบริษัทเครื่องหนัง ช่วงทศวรรษที่ 1950 ถือเป็นทศวรรษที่ยิ่งใหญ่สำหรับแฟชั่นเฮ้าส์แห่งอิตาลีแห่งนี้ ในปี ค.ศ. 1951 Rodolfo Gucci ลูกชายของผู้ก่อตั้ง Guccio Gucci ได้เปิดร้าน Gucci แห่งแรกในเมืองมิลาน ประเทศอิตาลี ในช่วงเดียวกันนั้นเอง ที่แถบคาดสีเขียวแดงสุดคลาสสิกได้กลายมาเป็นสัญลักษณ์ของแบรนด์ อันเป็นที่คุ้นตาจนถึงปัจจุบัน อีกสองปีต่อมา ในปี ค.ศ. 1953 Gucci สาขาอเมริกันแห่งแรก เปิดตัวขึ้น โดยตั้งอยู่บนถนน East 58th ในนิวยอร์กซิตี้ และในปีเดียวกันนั้นเอง ได้มีการสร้างสัญลักษณ์ Horsebit ขึ้น เพื่อใช้บนผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ของแบรนด์ ซึ่งปัจจุบันกลายเป็นสัญลักษณ์ การสร้างสรรค์ของ Horsebit มีพื้นฐานมาจากรายละเอียดซึ่งได้แรงบันดาลใจมาจากลกแห่งการขี่ม้า โดยผสมผสานสององค์ประกอบเข้าด้วยกัน ได้แก่ วงแหวนคู่และแถบเชื่อมระหว่างวงแหวนทั้งสอง ซึ่งนับตั้งแต่นั้นมา สัญลักษณ์ดังกล่าว ก็ได้กลายมาเป็นส่วนหนึ่งอันเป็นเอกลักษณ์ของ DNA ของแบรนด์ Gucci แม้ว่ารายละเอียดนี้จะได้รับการปรับปรุงใหม่ด้วยการเปิดตัวกลุ่มผลิตภัณฑ์ Horsebit ใหม่ แต่จริง ๆ แล้วรายละเอียดนี้ เคยปรากฏบนรองเท้าโลฟเฟอร์ (Roafer) ซึ่งถูกผลิตขึ้นในปี ค.ศ. 1953 และสองปีต่อมาในปี ค.ศ. 1955 อุปกรณ์ฮาร์ดแวร์ดังกล่าวจึงถูกนำมาใช้กับกระเป๋าถือเป็นครั้งแรก Horsebit ถือเป็นเกียรติของกระเป๋าแบรนด์ใบแรกที่ใช้ฮาร์ดแวร์นี้ การเลือกติดลวดลายการขี่ม้านี้ลงบนกระเป๋า โดนใจลูกค้าผู้มีฐานะของ Gucci ซึ่งส่วนใหญ่นิยมขี่ม้าเป็นงานอดิเรกยอดนิยมในช่วงเวลานั้น ภาพด้านล่าง คือกระเป๋า Horsebit รุ่นแรก ๆ กระเป๋าสะพายทรงโดมพร้อมสายสะพายแบบปรับได้ ถูกตั้งชื่อรุ่นว่า Horsebit ตามดีไซน์ห่วงคล้ายรูปเกือกม้า และแถบเชื่อมห่วงทั้งสอง ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจในการออกแบบจากกีฬาขี่ม้า เวลาผ่านไป เมื่อยุคสมัยเปลี่ยน แฟชั่นก็เปลี่ยน Horsebit ถูกนำมาปัดฝุ่นและตีความใหม่อีกครั้ง พร้อมปรากฏโฉมบนเวทีแฟชั่นสำหรับฤดูกาล Cruise 2020 ซึ่งมันได้รับการปรับปรุงโฉมใหม่แบบร่วมสมัยและจัดใหม่เป็นกระเป๋าทรงสี่เหลี่ยมด้านบนที่มีฝาปิดด้านบนซึ่งมีชื่อใหม่ว่า Horsebit 1955 เพื่อเป็นการยกย่องกระเป๋ารุ่นดั้งเดิม และปีที่เปิดตัวครั้งแรก โดยกระเป๋ารุ่นใหม่นี้ มาพร้อมกับช่องขนาดใหญ่ 2 ช่อง และช่องแบบเปิดและช่องซิปที่สามารถใส่สิ่งของจำเป็นในชีวิตประจำวัน เช่น โทรศัพท์มือถือ ลิปสติก และกล่องบัตรได้อย่างง่ายดาย และแม้ว่า Michele จะใช้กระเป๋า Horsebit รุ่นวินเทจ ปี 1955 เป็นแรงบันดาลใจ แต่รูปทรงและเส้นสายที่สะอาดตาของกระเป๋า Horsebit รุ่นใหม่นั้นเกิดจากจินตนาการของ Michele เอง กลุ่มผลิตภัณฑ์ดังกล่าวได้รับการขยายให้ครอบคลุมถึงกระเป๋า Horsebit ที่ผลิตซ้ำหลายครั้ง ซึ่งรวมถึงรูปทรง ขนาด การผลิต และสีที่หลากหลาย กลับเข้าสู่ยุคปัจจุบัน สำหรับคอลเล็กชั่นกระเป๋า Horsebit ในงานแฟชั่นโชว์ Spring/Summer 2023 นั้น มีจำหน่ายทั้งหมดด้วยกัน 3 ขนาด ได้แก่ขนาด Mini ขนาดเล็ก (Small) และขนาดกลาง (Medium) นอกจากนี้ยังมีรูปทรงที่หลากหลายตั้งแต่รูปทรงอานทรงสี่เหลี่ยมไปจนถึงสไตล์ตะวันออก-ตะวันตกอันทันสมัย ไปจนถึงสไตล์มือจับด้านบนที่มีเสน่ห์แบบผู้หญิง พร้อมวัสดุต่าง ๆ ที่มีให้เลือกมากมาย ตั้งแต่หนังสีทึบไปจนถึงผ้าใบ Supreme GG อันเป็นเอกลักษณ์ หรือหนังสัตว์ Exotic อย่างหนัง Lizard , จระเข้ หรือ หนังงู Style and Size Horsebit โดดเด่นด้วยรูปลักษณ์ที่ดูเป็น เฟมินีนและเก๋ไก๋ ซึ่งผสมผสานความสง่างามและการใช้งานได้อย่างลงตัว มีการตกแต่งภายในที่กว้างขวางช่วยให้จัดระเบียบข้าวของได้อย่างเป็นระเบียบ สายสะพายไหล่ สามารถปรับได้ ตัดเย็บขึ้นจากหนังลูกวัวเนื้อนุ่มให้ความสบายสูงสุด เมื่อสะพายกระเป๋าแบบครอสบอดี้หรือสะพายไหล่ข้างเดียว ที่จับด้านบนช่วยให้ถือกระเป๋าได้ทุกที่ทุกเวลา มีสีสันให้เลือกมากมาย ตั้งแต่สีครีมโทนเย็นไปจนถึงเฉดสีน้ำตาล gingerbread หรือสีดำ jet black เพื่อให้เข้ากับทุกสไตล์การแต่งตัว ไม่ต้องพูดถึงผ้าใบโมโนแกรม GG Supreme สีเบจ/ไม้มะเกลืออันเป็นเอกลักษณ์ ซึ่งปรากฏอยู่ด้านนอกของกระเป๋า เสริมความสวยงามด้วยขอบหนังสีน้ำตาลทั่วตัวเพื่อความหรูหราที่พิเศษยิ่งขึ้น ด้านในของกระเป๋ามาพร้อมกับช่องกระเป๋าแบบเย็บ 3 ช่องที่จะใส่ทุกสิ่งที่คุณต้องการในวันสบาย ๆ อย่างแน่นอน มีกระดุมซิปด้านในเพื่อป้องกันสิ่งของตกหล่น สายสะพายไหล่ของกระเป๋ารุ่นนี้ยังมีกระดุมติดหลายปุ่ม เพื่อให้คุณปรับความยาวได้ตั้งแต่ 25-45 เซนติเมตร ซึ่งหมายความว่าคุณสามารถสะพายแบบสั้นไว้ใต้วงแขนได้เหมือนกระเป๋าถือสุดชิค สะพายยาวแบบ Crossbody หรือสะพายไหล่ก็ได้ตามสะดวก Horsebit มีจำหน่ายด้วยกันทั้งหมด 3 ขนาด ขนาด Mini : ขนาดของกระเป๋า 20.5 x 14.5 x 5 เซนติเมตร (8.1 x 5.7 x 2 นิ้ว) มาพร้อมกับสายสะพายแบบผ้าและสายสะพายแบบหนัง โดยสายสะพายแบบผ้าความยาวอยู่ที่ 29.5-44.8 นิ้ว ส่วนสายสะพายหนัง ความยาวอยู่ที่ 44.8-50 นิ้ว ราคาจำหน่ายในรุ่น Canvas อยู่ที่ $2,890 เป็นเงินไทยประมาณ 138,000 บาท รุ่นหนัง (Leather) ราคาจำหน่ายอยู่ที่ $3,250 เป็นเงินไทยประมาณ 110,800 บาท ขนาด Small : ขนาดของกระเป๋า 25 x 18 x 8 เซนติเมตร (9.8 x 7 x 3.1 นิ้ว) สายสะพายสามารถปรับได้ประมาณ 25-45 เซนติเมตร (9.8-11.8 นิ้ว) โดยสายสะพายมีความยาวอยู่ที่ 25.6-29.1 นิ้ว ราคาจำหน่ายในรุ่น Canvas อยู่ที่ $2,890 เป็นเงินไทยประมาณ 138,000 บาท รุ่นหนัง (Leather) ราคาจำหน่ายอยู่ที่ $3,250 เป็นเงินไทยประมาณ 113,000 บาท ขนาด Medium หรือขนาด Regular : ขนาดของกระเป๋า 31 x 20 x 7.5 เซนติเมตร (12.2 x 7.9 x 2.9 นิ้ว) สายสะพายแบบผ้าสามารถปรับได้ประมาณ 55 เซนติเมตร (21.6 นิ้ว) ราคาจำหน่ายในรุ่น Canvas อยู่ที่ $3,700 เป็นเงินไทยประมาณ 128,500 บาท รุ่นหนัง (Leather) ราคาจำหน่ายอยู่ที่ $3,900 เป็นเงินไทยประมาณ 135,500 บาท เมื่อพูดถึงยุค 50 แล้วส่วนใหญ่จะเชื่อมโยงยุคนั้นกับรูปลักษณ์ใหม่ในแฟชั่นทันที ความงดงามที่เป็นผู้หญิงและแฟชั่นอันซับซ้อนในช่วงเวลานั้น ถูกกดไว้ เนื่องจากเป็นช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง ความแตกแยกทางแฟชั่นรูปแบบหนึ่งกำลังก่อตัวขึ้นเมื่อทศวรรษสิ้นสุดลง สิ่งหนึ่งที่โดดเด่นด้วยจิตวิญญาณที่กบฏและผ่อนคลายมากขึ้น ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจจากวัฒนธรรมของเยาวชนและแฟชั่นแนวสตรีทผลงานแห่งการผสมผสานระหว่างความงดงามของอดีตและการออกแบบอันร่วมสมัย เกือบเจ็ดทศวรรษหลังการเปิดตัว ความมีเสน่ห์เหนือกาลเวลาของ Gucci Horsebit 1955 ยังคงโดนใจผู้บริโภคกระเป๋าหรูรุ่นใหม่ เป็นตัวแทนของกระเป๋าถือที่เต็มเปี่ยมไปด้วยชีวิตชีวาและพลังแห่งความสดใส รูปทรงที่มีโครงสร้างและเส้นสายที่สะอาดตาของ Gucci Horsebit 1955 เน้นย้ำถึงฮาร์ดแวร์โทนสีทองอันเป็นเอกลักษณ์ของคอลเล็กชัน ส่วนหนึ่งของรหัสพันธุกรรมของกุชชี่ ตราสัญลักษณ์นี้ได้รับการยอมรับว่าเป็นหนึ่งในสัญลักษณ์ประจำบ้านที่โดดเด่นที่สุดที่ได้แรงบันดาลใจมาจากโลกแห่งการขี่ม้า ที่ SF Brandname เราทำงานอย่างหนักเพื่อให้แน่ใจว่าสินค้าลอกเลียนแบบจะไม่ถูกส่งไปยังเว็บไซต์ของเรา เรามีสินค้าแบรนด์เนมจากหลากหลายแบรนด์และสไตล์ ไว้คอยต้อนรับ ด้วยการรับประกันความเป็นของแท้ 100% พร้อมคุณภาพและการบริการที่เชื่อถือได้จากผู้เชี่ยวชาญมากประสบการณ์ พร้อมด้วยบริการครบวงจร ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการซื้อขาย แลกเปลี่ยนจำนำ หรือสปากระเป๋า สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ตามช่องทางดังต่อไปนี้ Facebook : sfbrandname IG : sfbrandname Line : @sfbrandnamebkk

Louis vuitton ม อ สอง siambrandname site m.siambrandname.com

All About Louis Vuitton ONTHEGO เมื่อใดก็ตามที่คุณเห็นกระเป๋า Louis Vuitton On The Go บนเว็บไซต์ของ LV มันช่างดูน่าทึ่ง แต่เมื่อไหร่ที่คุณได้สัมผัสกับกระเป๋ารุ่นนี้ ONTHEGO คือความงดงาม ที่เหนือความงดงาม การออกแบบที่โดดเด่น และการใช้งานอันหลากหลายตามคุณสมบัติของกระเป๋า Tote ที่พร้อมจะเป็นเพื่อนคู่ใจของคุณ เป็นชิ้นงานแฟชั่นที่ยอดเยี่ยมซึ่งเหมาะสำหรับวันทำงานหรือวันหยุดสุดสัปดาห์ หากคุณกำลังฝันถึงกระเป๋า Tote ที่จะบ่งบอกถึงความเป็นตัวคุณ ONTHEGO คือคำตอบ When did ONTHEGO come out? กระเป๋า Tote OnTheGo เปิดตัวครั้งแรกในปีค.ศ. 2019 ในขนาด GM หรือขนาดใหญ่ และต่อมา จึงทำการเปิดตัวกระเป๋าขนาด MM หรือขนาดกลาง และล่าสุดในปี 2021 ได้ทำการเปิดตัวน้องคนสุดท้อง กับขนาดเล็กที่สุดคือขนาด PM ถึงแม้ว่ากระเป๋ารุ่นนี้จะเปิดตัวได้ไม่นาน แต่ก็ได้รับความนิยมอย่างสูง จนมีแนวโน้มว่าอาจขึ้นแท่นเป็นกระเป๋าไลน์คลาสสิกก็เป็นได้ ซึ่งนั่นหมายความว่า ONTHEGO จะกลายเป็นกระเป๋าที่มีการเปิดตัวทุกฤดูกาล ในสีและวัสดุที่แตกต่างกันออกไป แน่นอนว่าตัวกระเป๋ายังคงไว้ด้วยเอกลักษณ์ของแบรนด์นั่นก็คือลาย Monogram ซึ่งบนกระเป๋ารุ่นนี้ มีลวดลาย Monogram ทั้งหมด 5 แบบคือ Giant LV Monogram , Giant Reverse Monogram , Monogram ขนาดปกติทั่วไป , Monogram ขนาดเล็ก บริเวณหูจับ และ Small Reverse Monogram ซึ่งปรากฏอยู่บริเวณด้านข้างของกระเป๋าทั้งสองด้าน สำหรับกระเป๋าขนาด PM มาพร้อมกับกระเป๋าใบเล็ก (detachable pouch) ซึ่งสามารถถอดออกได้ ด้วยเหตุนี้ ราคาของมันจึงค่อนข้างสูง เทียบเท่ากับขนาด MM ไม่ใช่แค่การออกแบบที่น่าทึ่งเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการผสมผสานเฉดสีที่สร้างความรู้สึกที่สมบูรณ์แบบอีกด้วย คุณสามารถเห็นลวดลายขนาดใหญ่ที่ประดับประดาอยู่ด้านหน้าและด้านหลัง ด้านข้างตกแต่งด้วย Monogram ขนาดเล็ก หูจับด้านบน (Toron Top Handles) ถูกออกแบบมาเพื่อใช้สำหรับคล้องแขน ซึ่งตัวกระเป๋ามาพร้อมกับสายสะพายยาว 2 เส้น สามารถถอดออกได้ พร้อมรองรับคุณทุกครั้งที่คุณรู้สึกอยากสะพายมันที่ไหล่ การตกแต่งภายในยังมาพร้อมกับความจุที่เพียงพอ ซึ่งรวมถึงช่องซิปแบบเรียบและช่องด้านในแบบคู่ วางจำหน่ายโดยใช้วัสดุหลากหลายประเภท รวมถึง Monogram Reverse , Monogram Denim และ LV Escale ใหม่ ล่าสุด สำหรับในรุ่นขนาด MM นำเสนอภายใต้ผ้าใบ Monogram Reverse และ Monogram Empreinte กระเป๋ามีพื้นที่ภายในกว้างขวางพร้อมซับในด้วยผ้า Size of ONTHEGO ต่างจากกระเป๋าประเภท Tote จาก Louis Vuitton รุ่นอื่น OnTheGo ไม่มีประวัติและภูมิหลังที่ยาวนาน เพราะมันเพิ่งเปิดตัวครั้งแรกเมื่อปี ค.ศ. 2019 เท่านั้น ได้รับความนิยมอย่างรวดเร็วจากผู้ชื่นชอบแบรนด์ Louis Vuitton และนักสะสมกระเป๋าถือแบรนด์เนม เป็นที่ต้องการของหลาย ๆ คนจากทุกสายอาชีพ แรกเริ่มถูกผลิตออกมาในขนาด GM คือขนาดใหญ่สุด ซึ่งจุของได้มากสำหรับสิ่งของจำเป็นของคุณ แต่ในปัจจุบัน Louis Vuitton ได้เปิดตัวขนาด MM และ PM เพื่อรองรับผู้ที่ชื่นชอบกระเป๋า Tote ขนาดเล็ก กระเป๋าขนาด GM : มาพร้อมกับขนาด 41 x 34 x 19 เซนติเมตร สายสะพายความยาว 28 เซนติเมตร OnTheGo GM ผลิตจากผ้าใบ Monogram Giant โดดเด่นและใช้งานได้จริง รูปแบบ Monogram Reverse ที่ด้านข้างและหูจับสร้างความแตกต่างอย่างมีสไตล์ทั้งในด้านสีและขนาด ด้วยความจุที่กว้างขวาง สายสะพายไหล่ และหูจับด้านบนของ Toron อันเป็นเอกลักษณ์ กระเป๋ารุ่น GM อเนกประสงค์ใบนี้จึงเป็นกระเป๋าในอุดมคติสำหรับการสวมใส่ในชีวิตประจำวัน ด้วยความจุที่กว้างขวางที่สุด GM จึงสมบูรณ์แบบหากคุณพกพามากกว่าสิ่งของจำเป็น สามารถใช้สำหรับการเดินทางช่วงสุดสัปดาห์สั้น ๆ ได้ด้วย ราคาจำหน่ายอยู่ที่ 114,000 บาท กระเป๋าขนาด MM : มาพร้อมกับขนาด 35 x 27 x 14 เซนติเมตร สายสะพายความยาว 24 เซนติเมตร OnTheGo MM ดูแลเรื่องธุรกิจหรือการช็อปปิ้ง โดยมีพื้นที่มากมายสำหรับใส่สิ่งของจำเป็น หูจับด้านบน แบบ Twin Toron และสายสะพายไหล่ 2 เส้นมีสไตล์การพกพาที่แตกต่างกัน เพื่อความอเนกประสงค์เป็นพิเศษ เป็นขนาดที่สมบูรณ์แบบสำหรับใช้งานในชีวิตประวัน สามารถใส่ Laptop ขนาด 13 นิ้ว มาพร้อมที่จับด้านบน 2 อันและสายสะพายไหล่ 2 อันเพื่อความคล่องตัว นอกจากนี้ยังมีช่องซิปด้านในและช่องสองช่องด้านในซึ่งคุณสามารถเก็บสิ่งของมีค่าของคุณไว้ได้ ราคาจำหน่ายอยู่ที่ 109,000 บาท กระเป๋าขนาด PM : มาพร้อมกับขนาด 25 x 19 x 11.5 เซนติเมตร ได้รับแรงบันดาลใจจาก Sac Plat อันโด่งดังของ Louis Vuitton ในปี 1968 Onthego PM ออกแบบโดยใช้หนัง Monogram Empreinte ซึ่งมีลายนูนด้วยลวดลาย Monogram สองสีขนาดยักษ์ Onthego รุ่นดั้งเดิมที่เล็กกว่านี้เหมาะกับอุปกรณ์สำคัญต่าง ๆ เช่น iPad Mini หูจับด้านบนแบบเชื่อมต่อกันและสายรัดแบบปรับได้และถอดได้ ให้ทางเลือกในการพกพาที่หลากหลาย ขนาดนี้เหมาะสำหรับผู้ที่ไม่มีสัมภาระมากเกินไปแต่ยังอยากได้รูปลักษณ์แบบเดียวกับ MM และ GM เมื่อเปรียบเทียบกับขนาดอื่น PM ไม่มีสายสะพายไหล่ แต่มีสายสะพายแบบปรับได้แบบถอดได้ เหมาะสำหรับผู้ชื่นชอบสะพายข้าง ราคาจำหน่ายอยู่ที่ 109,000 บาท แต่ละขนาดมีสีและวัสดุให้เลือกมากมาย คุณสามารถเลือกกระเป๋า Tote รุ่นนี้ ในวัสดุสีมัดย้อม แบบมีผ้าขนแกะ หรือแบบโมโนแกรมสุดคลาสสิกของ Louis Vuitton อีกทั้งยังมีจำหน่ายในผ้าใบเคลือบ ผ้า jacquard Since 1854 และแม้แต่ผ้าใบเดนิม ทั้ง 3 ขนาด เหมาะสมกับการใช้งานที่แตกต่างกันไปแต่ละบุคคล จงใช้สัญชาตญาณและหัวใจของคุณ แต่ต้องแน่ใจว่าคุณสามารถใช้งาน ONTHEGO ใบใหม่ของคุณอย่างคุ้มค่า เพราะน่าเสียดาย หากมันจะต้องนั่งอยู่นิ่ง ๆ อย่างเดียวดาย บนชั้นวางกระเป๋าของคุณ Is it worth it? หากคุณกำลังมองหากระเป๋า Tote ที่สามารถใช้ได้ในทุกโอกาส สมบูรณ์แบบสำหรับการใช้งานในชีวิตประจำวันที่พอดีกับทุกสิ่งที่จำเป็นของคุณ ไม่ควรพลาดพิจารณา ONTHEGO ซึ่งมันจะกลายเป็นกระเป๋าคู่ใจใบโปรดของคุณอย่างแน่นอน เพราะมันช่วยให้คุณเข้าถึงสิ่งของจำเป็นได้อย่างง่ายดาย เนื่องจากไม่มีซิปมาด้วย แต่ยังคงรักษาสิ่งของของคุณให้ปลอดภัยด้วยตัวล็อค ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีสีและลายพิมพ์ให้เลือกมากมายซึ่งช่วยให้เข้ากับทุกสไตล์การแต่งตัวของคุณ และความคงทนอันเป็นจุดเด่นของแบรนด์ Louis Vuitton กระเป๋า Tote แสนเก๋ไก๋ที่คุณไม่ควรพลาดมีไว้ในครอบครอง ONTHEGO จาก Louis Vuitton ไม่ได้ถูกออกแบบมาเพื่อใช้งานได้จริงในชีวิตประจำวันเพียงเท่านั้น แต่ยังรวมถึงดีไซน์ที่เหนือกาลเวลาด้วย ONTHEGO เป็นที่ชื่นชอบในหมู่คนดัง ผู้มีอิทธิพล และนักสะสมกระเป๋าแบรนด์เนม ใครจะอยากปฏิเสธกระเป๋าอันเต็มเปี่ยมไปด้วยประโยชน์ใช้สอย OnTheGo เป็นเพื่อนที่สมบูรณ์แบบสำหรับการช้อปปิ้ง การเดินทาง และทุกสิ่งที่คุณสามารถจินตนาการได้ ที่ SF Brandname เราทำงานอย่างหนักเพื่อให้แน่ใจว่าสินค้าลอกเลียนแบบจะไม่ถูกส่งไปยังเว็บไซต์ของเรา เรามีสินค้าแบรนด์เนมจากหลากหลายแบรนด์และสไตล์ ไว้คอยต้อนรับ ด้วยการรับประกันความเป็นของแท้ 100% พร้อมคุณภาพและการบริการที่เชื่อถือได้จากผู้เชี่ยวชาญมากประสบการณ์ พร้อมด้วยบริการครบวงจร ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการซื้อขาย แลกเปลี่ยนจำนำ หรือสปากระเป๋า สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ตามช่องทางดังต่อไปนี้ Facebook : sfbrandname IG : sfbrandname Line : @sfbrandnamebkk

Louis vuitton ม อ สอง siambrandname site m.siambrandname.com

รวบตึง Hair Accessory ราคาดี ที่คุณไม่ควรพลาด สุภาพสตรีกับเครื่องประดับ เป็นของที่มาคู่กันอย่างแยกไม่ออก เครื่องประดับที่เป็นที่นิยมในปัจจุบัน มีมากมายหลายหมวดหมู่ ไม่ว่าจะเป็น เข็มขัด กำไลข้อมือ ต่างหู และอีกหนึ่งหมวดหมู่เครื่องประดับที่ถือว่าเป็นที่นิยมไม่แพ้หมวดหมู่อื่นคือ เครื่องประดับประเภท Hair Accessory หรือที่เรา ๆ เรียกติดปากอย่างไม่เป็นทางการว่า "เครื่องหัว" เครื่องประดับตกแต่งผมเก๋ ๆ เป็นวิธีง่ายๆ ที่จะอัพเกรดลุคของคุณได้ทันที และคุณสามารถปรับแต่งเครื่องประดับผมให้เหมาะกับรสนิยมส่วนตัวของคุณได้ แบรนด์สุดหรูก็ไม่พลาดที่จะนำเสนอเครื่องประดับตกแต่งผมหลากหลายแบบ เพื่อให้การแต่งตัวของคุณสนุกสนานยิ่งขึ้น ตั้งแต่ที่คาดผมสุดเก๋ ยางรัดผมสุดชิค ไปจนถึงกิฟท์ติดผมแบบต่าง ๆ ตั้งแต่แบบน่ารักไปจนถึงแบบหรูหรา หากคุณยังนึกไม่ออก ต่อจากนี้คือ 8 เครื่องประดับตกแต่งผมแบรนด์เนม ที่ SF Brandname คัดสรรมานำเสนอ Louis Vuitton Minimalle ไม่ใช่แค่หนึ่ง แต่ได้ถึงสอง เซ็ตยางรัดผมรุ่น Minimalle แอคเซสเซอรี่ 2 ชิ้นในลวดลาย Monogram อันเป็นเอกลักษณ์ของเมซงหลุยส์ วิตตอง ยางรัดผมผ้าไหมบริสุทธิ์ 100% แต่ละเส้นมาในเฉดสีที่แตกต่างกัน พิมพ์ลาย Monogram และลายกระเป๋า Petite Malle ให้ลุคทันสมัย เซ็ตยางรัดผมอันสวยงามเหมาะที่จะเป็นของขวัญสุดเพอร์เฟ็กต์ สามารถใช้เพื่อรัดประดับผมหรือสวมบนข้อมือเพื่อเพิ่มความมีสไตล์ให้กับทุกลุค มาพร้อมกับขนาด 12 x 12 เซนติเมตร ราคาจำหน่ายอยู่ที่ 11,900 บาท Louis Vuitton Beads Headband ที่คาดศีรษะรุ่น Beads เปิดตัวครั้งแรกบนรันเวย์แฟชั่นโชว์คอลเล็กชั่น Cruise 2023 โดดเด่นด้วยการตกแต่งรายละเอียดอันสง่างามโดยปักลูกปัดแก้วคริสตัลประดับลงบนชิ้นงานอย่างประณีต สร้างสรรค์เป็นลวดลาย Monogram สุดไอคอนิกในโทนสีตัดกันอย่างสวยงาม เครื่องประดับผมที่แสนหรูหรามีระดับคือตัวเลือกที่มาเสริมสไตล์ให้กับทุกลุค ตัวที่คาดผมบุด้วยหนัง 100% พร้อมด้วยซับในผ้าไหม ขนาดอยู่ที่ 13 x 13 x 5 เซนติเมตร ราคาจำหน่ายอยู่ที่ 46,200 บาท Prada Black Re-nylon Headband ที่คาดผมจาก Prada ขนาดใหญ่ซึ่งเป็นเครื่องประดับที่หรูหราและเป็นสัญลักษณ์ของคอลเล็กชัน Prada ผลิตจาก Re-Nylon ซึ่งเป็นเส้นด้ายไนลอนที่สร้างใหม่ (ECONYL®) ที่ผลิตจากขยะพลาสติกรีไซเคิลและบริสุทธิ์ที่เก็บในมหาสมุทร อวนจับปลา และเส้นใยขยะจากสิ่งทอ ประดับด้วยโลโก้สามเหลี่ยมโลหะเคลือบบนผ้าสีดำ ความคลาสสิกเรียบง่ายที่บ่งบอกสไตล์ความเป็นตัวคุณ ขนาดอยู่ที่ 6 เซนติเมตร ราคาจำหน่ายอยู่ที่ประมาณ 20,700 บาท Fendi Brown Shearling Hair Band เครื่องประดับผมของ Fendi สำหรับผู้หญิงเป็นตัวอย่างที่ชัดเจนของการผสมผสานอย่างลงตัวของความหรูหราและความสนุกสนาน โดยนำเสนอเครื่องประดับที่น่าหลงใหลซึ่งเปลี่ยนทรงผมของคุณให้มีสไตล์ได้อย่างง่ายดาย เครื่องประดับเหล่านี้สร้างขึ้นอย่างพิถีพิถันด้วยความใส่ใจในรายละเอียดอันเป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์ ลวดลายโลโก้ FF อันเป็นเอกลักษณ์ เหมาะกับทรงผมและความชอบส่วนตัวที่หลากหลาย เครื่องประดับแต่ละชิ้นสะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของแบรนด์ต่องานฝีมืออันไร้ที่ติและการออกแบบที่สร้างสรรค์ สะท้อนถึงความมั่งคั่งและความประณีตในโลกแห่งเครื่องประดับผม สำหรับที่คาดผมนี้ ผลิตขึ้นจากขนแกะ 100% ผ้าฝ้าย 45%, โพลียูรีเทน 40%, โพลีเอสเตอร์ 15% ขนาดอยู่ที่ 40 เซนติเมตร ราคาจำหน่ายอยู่ที่ประมาณ 14,400 บาท Miu Miu Patent Leather Hair Clip โลโก้ Miu Miu อันเป็นเอกลักษณ์ปรากฏโดดเด่นบนกิ๊บติดผมหนัง Patent หนังลูกวัวเคลือบเงาพิเศษ มาพร้อมกับอะไหล่สีทองและมีสีให้เลือกสรรมากถึง 7 สี ได้แก่ สีดำ , สีขาว , สีแดง , สีเขียว Sage Green, สี Cornflower ,สีฟ้า Astral Blue ,สี Camelia ,สี Opal และสีชมพู Alabaster Pinkให้คุณได้เลือกสรรตามสไตล์ที่แตกต่างกันไป ราคาจำหน่ายอยู่ที่ประมาณ 15,450 บาท Dior Dio(r)evolution Barrette แน่นอนว่าการสร้างสรรค์อันสง่างามของ Dior จะก้าวข้ามเทรนด์ในอีกหลายปีข้างหน้า เช่นเดียวกับเครื่องประดับผม The Dio(r)evolution barrette โดดเด่นด้วยรูปลักษณ์ที่หรูหราและเหนือกาลเวลา โลหะสีทองอันเป็นเอกลักษณ์ของ 'DIOR' ประดับด้วยคริสตัลสีขาว เพิ่มความระยิบระยับ การออกแบบที่เรียบง่ายแต่หรูหรา เหมาะอย่างยิ่งสำหรับมอบเป็นของขวัญให้คนรู้ใจ หรือเป็นตัวช่วยยกระดับลุคของคุณ ราคาจำหน่ายอยู่ที่ประมาณ 17,800 บาท Gucci Hair Clip with GG and Heart Detail เครื่องประดับผมที่ดูสนุกสนานยังคงช่วยเสริมความสมบูรณ์ให้กับคอลเลกชันของ Gucci กิ๊บติดผมที่โดดเด่นนี้ ตัวเรือนทรงสวีทฮาร์ทคู่ทำจากเรซินสีชมพูพร้อมดีเทลรูปหัวใจและประดับด้วยคริสตัลแวววาว โลโก้ Interlocking G ที่เป็นสัญลักษณ์ปรากฏเป็นรูปกระดองเต่า ซึ่งเป็นการแสดงความเคารพต่อมรดกของแบรนด์ เรียบง่ายแต่แฝงไว้ด้วยความหรูหรา เข้ากันได้กับทุกลุค ทั้งในชีวิตประจำวัน หรือเมื่อต้องออกงานสำคัญความยาวอยู่ที่ 7 เซนติเมตร ราคาจำหน่ายอยู่ที่ประมาณ 14,150 บาท Christian Dior Toile De Jouy Headband Navy/White ที่คาดผมจากแบรนด์ Dior ซึ่งออกแบบโดย Maria Grazia Chiuri ได้รับการออกแบบให้มีขนาดบางลง จาก Dior Band รุ่นก่อน โดดเด่นด้วยลวดลาย Dior Oblique สีน้ำเงินกรมท่าอันเป็นเอกลักษณ์ สวมใส่ง่ายจะช่วยเสริมความหรูหราให้กับเสื้อผ้าสมัยใหม่พร้อมสัมผัสที่เหนือกาลเวลา ด้านในตกแต่งด้วย Heat Stamp Christian Dior Paris โทนสีทอง ทำจาก โพลีเอสเตอร์ 70%, ผ้าฝ้าย 20%, โพลีโพรพีลีน 10% และซับใน ผลิตขึ้นจากหนังลูกวัว 100% ราคาจำหน่ายอยู่ที่ประมาณ 20,270 บาท และทั้งหมดนี้คือ รวบตึง Hair Accessory ราคาดี ที่คุณไม่ควรพลาด เครื่องประดับผม เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ช่วยเติมเต็ม เสริมความมั่นใจ และทำให้ลุคการแต่งตัวมีความพิเศษมากขึ้น การเลือกเครื่องประดับให้เหมาะกับสไตล์การแต่งตัวนับว่าเป็นอีกเรื่องที่สำคัญที่ไม่ควรมองข้าม ที่ SF Brandname เรามีเครื่องประดับ และ Accessory สุดหรูจากหลากหลายแบรนด์รอให้บริการคุณ รวมถึงสินค้าแบรนด์เนมอีกหลายหมวดหมู่ที่พร้อมเสิร์ฟทุกวัน ที่ SF Brandname เราทำงานอย่างหนักเพื่อให้แน่ใจว่าสินค้าลอกเลียนแบบจะไม่ถูกส่งไปยังเว็บไซต์ของเรา เรามีสินค้าแบรนด์เนมจากหลากหลายแบรนด์และสไตล์ ไว้คอยต้อนรับ ด้วยการรับประกันความเป็นของแท้ 100% พร้อมคุณภาพและการบริการที่เชื่อถือได้จากผู้เชี่ยวชาญมากประสบการณ์ พร้อมด้วยบริการครบวงจร ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการซื้อขาย แลกเปลี่ยนจำนำ หรือสปากระเป๋า สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ตามช่องทางดังต่อไปนี้ Facebook : sfbrandname IG : sfbrandname Line : @sfbrandnamebkk