James bond quantum of solace เต ม เร อง

เปลี่ยนแปลงไปจากเดิมที่เอาชนะพวกเหล่าวายร้ายได้ค่อนข้างง่ายดาย โดยมีตัวช่วยคืออุปกรณ์พิเศษต่างๆ เช่น นาฬิกายิงแสงเลเซอร์ ปากกาบรรจุน้ำกรด รถยนต์ติดจรวดหรือลงน้ำได้เป็นต้น แต่คราวนี้ James Bond มาแต่ตัวกับชุดเท่ห์ๆ โดยมีปืนกระบอกจิ๋วเพียงกระบอกเดียว จึงต้องออกแรงมากเป็นพิเศษกว่าจะกำจัดศัตรูได้แต่ละคน และทุกครั้งที่ไปฟาดฟันกับเหล่าวายร้าย ก็จะมีบาดแผลจากการต่อสู้บนใบหน้าเต็มไปหมด ในขณะที่ James Bond คนอื่นๆ แทบจะไม่มีริ้วรอยเลย นอกจากนี้ ถ้าเทียบความหล่อแล้วก็ห่างไกลจาก Pierce Brosnan (James Bond คนที่แล้ว) ซึ่งหล่อกว่า Daniel Craig อย่างลิบลับ ถ้าจะเปรียบก็ต้องให้ Brosnan เป็น “อภิสิทธิ์” ในขณะที่ Craig เป็น “สมัคร” เลยทีเดียว (!) นอกจากนี้ ความแปลกอีกอย่างของตอนนี้ก็คือ นางเอกคือ Olga Kurylenko ไม่ได้มีบทเลิฟซีน กับพระเอกเลย ไม่ทราบว่าเป็นเพราะพระเอกตอนนี้ไม่หล่อหรือเปล่า

James bond quantum of solace เต ม เร อง
James bond quantum of solace เต ม เร อง
James bond quantum of solace เต ม เร อง

ถึงกระนั้นก็ตาม Daniel Craig ก็ยังมีเสน่ห์อยู่บ้างตรงที่รูปร่างแข็งแกร่งเป็น “แมน” เต็มตัว จึงทำให้มีสาวๆ แอบชอบอยู่บ้างเหมือนกัน แต่ส่วนใหญ่แล้วคนไทยน่าจะนิยมความหล่อแบบสำอางค์มากกว่าแบบ “ล่ำบึ๊ก” ซึ่งพระเอกที่อยู่ในประเภทสำอางค์ นอกจาก Pierce Brosnan แล้วก็ได้แก่ Roger Moore ส่วนเจมส์ บอนด์ที่ทั้งหล่อและล่ำ (คือได้คะแนนนิยมจากทั้งแบบ) ก็คงหนีไม่พ้น Sean Connery สำหรับอีกสองคนที่เคยรับบทเป็นสายลับอังกฤษแห่งหน่วย Mi6 ก็คือ George Lazenby และ Timothy Dalton ซึ่งไม่ค่อยได้รับความนิยมมากนัก โดยทั้งสองคนหลังนี้เล่นรวมกันแค่ 3 ตอนเท่านั้น อาจจะเป็นเพราะไม่ใช่ทั้งสองแบบก็เป็นได้

James bond quantum of solace เต ม เร อง
James bond quantum of solace เต ม เร อง
James bond quantum of solace เต ม เร อง
James bond quantum of solace เต ม เร อง
James bond quantum of solace เต ม เร อง

Roger Moore Sean Connery Pierce Brosnan George Lazenby Timothy Dalton

สำหรับเนื้อเรื่องของตอนนี้นั้น พระเอกของเรายังเสียใจกับการสูญเสียคนรักจากตอนที่แล้ว และพยายามติดตามคนร้ายที่เป็นต้นเหตุ และการติดตามได้นำบอนด์ไปที่ประเทศเฮติและพบกับนางเอกของตอนนี้คือ Camille ที่แสดงโดยดาราสาวจากประเทศยูเครนชื่อ Olga Kurylenko ซึ่งก็มีความเคียดแค้นเป็นส่วนตัวกับฝ่ายผู้ร้ายเหมือนกัน ทั้งสองฝ่ายจึงผนึกกำลังกันต่อสู้ท่ามกลางบรรยากาศของการทรยศหักหลัง การฆาตกรรมและการหลอกลวง ซึ่งเกือบตลอดเวลานั้น บอนด์เหมือนถูกปล่อยเกาะ เพราะทางหน่วยข่าวกรองต้นสังกัด Mi6 ไม่ไว้วางใจ แต่ในที่สุดสิ่งที่ไม่แตกต่างจากภาพยนต์เจมส์ บอนด์เรื่องอื่นๆ ก็คือ ฝ่ายธรรมะมีชัยเหนือฝ่ายอธรรม James Bond สามารถกำจัดพวกวายร้ายจนสิ้นซาก และแก้แค้นให้คนรักจากตอนที่แล้ว กับเจ้าหน้าที่สาวชาวอังกฤษ โดนฆ่าตาย

James Bond เป็นผลงานของนักเขียนชาวอังกฤษชื่อ Ian Flemming ซึ่งในอดีตเคยทำงานเกี่ยวกับข่าวกรองของราชนาวีอังกฤษ ตัวเลข 007 ที่อยู่ท้ายชื่อของเจมส์ บอนด์ หมายถึงรหัสลับประจำตัวที่ใช้เรียกแทนตัวเขาในฐานะของสายลับคนหนึ่ง โดยเลข 00 ที่นำหน้าเลข 7 อยู่นั้น ถือเป็นสัญลักษณ์ที่แจ้งให้ทราบว่า ตัวเขาเป็นสายลับที่ได้รับอนุญาตให้สามารถสังหารชีวิตผู้อื่นได้โดยไม่ผิดกฎหมาย ซึ่งในประเด็นนี้ ได้มีนักวิเคราะห์บางคนแสดงทัศนะว่า เฟลมมิงน่าจะได้รับแรงบันดาลใจมาจากสายลับชาวอังกฤษผู้หนึ่งในช่วงศตวรรษที่ 16 ที่ได้ส่งสารลับมาถึงพระราชินีนาถเอลิซาเบ็ธที่ 1 ด้วยรหัส 00 ซึ่งมีความหมายว่า "สำหรับพระเนตรของพระองค์เท่านั้น" (For Your Eyes Only)

ผมต้องขอบคุณที่ให้การบ้านเกี่ยวกับเรื่องเล่าจากการดู เนื่องจากทำให้ผมต้องได้ไปชมภาพยนต์เรื่องนี้ ความจริงผมไม่ได้ไปดูหนังตามโรงภาพยนต์มานานมาก รู้สึกว่ามีการพัฒนาไปมาก เพราะรู้สึกสะอาด เบาะนั่งสบาย และไม่มีคนสูบบุหรี่เหมือนสมัยก่อน แต่ก็รู้สึกว่าคนดูไม่มากเหมือนสมัยก่อนเช่นกัน ซึ่งผมจำได้ว่าเมื่อก่อนเวลาไปดูหนังเรื่อง James Bond ทีไรคนดูจะแน่นมาก ถึงแม้โรงภาพยนต์จะกว้างใหญ่ คนดูก็แน่น ซึ่งก็อาจเป็นเพราะปัจจุบันเรามีทางเลือกมากกว่าในอดีต ไม่ว่าจะเป็นการชมภาพยนต์จากแผ่น DVD – VCD การเล่นเกมคอมพิวเตอร์ต่างๆ หรือแม้แต่การชมภาพยนต์ทาง UBC ซึ่งในอดีตจะไม่มีให้เลือกมากมายเช่นนี้ เรียกว่าถ้าไม่ชอบช่อง 4 (บางขุนพรหม) ก็ต้องช่อง 7 (สนามเป้า - ก่อนที่จะเปลี่ยนชื่อเป็นช่อง 5 หลังจากที่มี ช่อง 7 สี) หรือไม่ก็ดูหนังตามโรงภาพยนต์เท่านั้น