การเติม ed ท้ายคํากริยา ก็คือการเเติมให้มันแปลงร่างเป็นช่อง 2 ช่อง 3 นั่นแหละครับ กฏเกณฑ์ก็จะคล้ายๆเติม ing เติม s นั่นแหละครับ อาจจมีต่างกันบ้างนิดหน่อย กริยา 3 ช่อง มี 2 แบบครับคือ
อ่านเพิ่มเติม > กริยา 3 ช่องใช้บ่อย การเติม ed ที่ท้ายคำกริยา โดยปกติจะเติม ed ต่อท้ายคำกริยาที่มีหลักเกณฑ์ดังนี้ สระ 2 ตัว
สระเสียงยาว
ตัวสะกด 2 ตัว
นอกจากนี้แล้ว ยังมีหลักเกณฑ์ที่ให้ศึกษาเพิ่มเติม ให้ปวดเศียรเวียนเกล้า ดังนี้ 1. คำที่ลงท้ายด้วย e อยู่แล้ว ให้เติม d
2. คำที่มีสระตัวเดียวเสียงสั้น และตัวสะกดตัวเดียว ให้เพิ่มตัวสะกดอีกตัว แล้วเติม edสระเสียงสั้นได้แก่ a (แอะ) e (เอะ) i (อิ) o (เอาะ) u (อะ, อุ)
3. คำที่ลงท้ายด้วย y มี 2 ประเด็นดังนี้3.1 หน้า y เป็นสระ a e i o u ให้เติม ed ได้เลย
3.1 หน้า y เป็นพยัญชนะ เปลี่ยน y เป็น i แล้วเติม ed
4. คำที่ลงท้ายด้วย c ให้เติม k ก่อนเติม ed
5. คำที่มีสองพยางค์ขึ้นไป– เน้นเสียงพยางค์หลังสุด – มีสระตัวเดียว ตัวสะกดตัวเดียว – ให้เพิ่มตัวสะกดอีกตัว ก่อนติม ed
แต่ถ้าไม่ได้เน้นเสียงหลังสุดให้เติม ed ต่อท้าย
ุ6. คำที่ลงท้ายด้วย er6.1 ถ้าเน้นเสียงพยางค์หลัง ให้เพิ่ม r อีกตัว
6.2 ถ้าไม่เน้นเสียงพยางค์หลัง ให้เติม ed ได้เลย
ุ7. คำที่ลงท้ายด้วย l, ll7.1 อังกฤษ
7.2 อเมริกัน
ปล. fix กับ mix เติม ed เฉยๆนะครับ ตัว x มีพยางค์เดียว แต่ออกเสียง 2 พยางค์นะครับ
นึ่คือหลักเกณฑ์ ที่เป็นหลักนะครับ จะมีปัญหาหน่อยคือคำที่มี 2 พยางค์ขึ้นไป และคำที่ลงท้ายด้วย l ขอแนะนำให้เปิด dictionary ครับว่าเขาเขียนอย่างไร ยินดีต้อนรับทุกคนเข้าสู่ เว็บไซต์ "ภาษาอังกฤษออนไลน์" อันดับ 1 ของเมืองไทย แหล่งเรียนรู้บนโลกออนไลน์ ที่ทุกคนสามารถเรียนรู้ได้ และเก่งได้ด้วยตนเอง กล้ารับรองว่านี่คือคลังแห่งการเรียนรู้ภาษาอังกฤษที่ดีที่สุดในเมืองไทย |