Cz อย เค าท เตอร อะไรในส วรรณภ ม

Cz อย เค าท เตอร อะไรในส วรรณภ ม

ห้องสมุดเฉลิมพระเกียรติ ๕๐ พรรษา อำเภอถลาง Download

  • Publications :0
  • Followers :0

คู่มือการอ่านถ่ายถอดเอกสารโบราณ - อักษรธรรมอีสาน

คู่มือการอ่านถ่ายถอดเอกสารโบราณ : อักษรธรรมอีสานเพื่อเผยแพร่.

Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!

Create your own flipbook

View Text Version Likes : 0 Category : All Report

  • Follow
  • Upload
  • 0
  • Embed
  • Share

คู่มือการอ่านถ่ายถอดเอกสารโบราณ - อักษรธรรมอีสาน

Cz อย เค าท เตอร อะไรในส วรรณภ ม

mediaksn586 Download

  • Publications :0
  • Followers :0

หนังสือเรียนรายวิชาคณิตศาสตร์ พค31001 ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย

ให้สถานศึกษาสังกัด สำนักงาน กศน. ไว้ใช้ในการประกอบการเรียนการสอน

Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!

Create your own flipbook

View Text Version Likes : 0 Category : All Report

  • Follow
  • Upload
  • 0
  • Embed
  • Share

หนังสือเรียนรายวิชาคณิตศาสตร์ พค31001 ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย

ภำพที่ ๗ ภำพซ้ำยกำรศึกษำแฮปโลกรุปเพศหญิง mtDNA (Wibhu, 2019) และ ภำพขวำแฮปโลกรุปเพศชำย Y - DNA ของไทย (Wibhu, 2018)

ึ ใต้ข้นเหนือระบุว่าเอเชียตะวันออกส่วนใหญ่อพยพมาจาก มีโอรสชื่อตีเมืองซู ต่อมาตีเมืองซูมีโอรส ๙ คน เป็นต้น ๑๘ ้ ี อาเซียน เป็นหลัก แบบก้ามปูเป็นรอง ตระกูลเผ่าต่าง ๆ ในจีน คือ ซูฟูหล้าตระกูลอ (หยี) ซูเตียน ต้นตระกูลโท้ (ทิเบต) ซูนาตระกูลฮั่น ซูชวนตระกูลม่าน ึ การวิเคราะห์ประวัติศาสตร์ไทยด้วยลักษณะทางพันธุกรรม (ข่นม่าน) ซูตกตระกูลน่านเจ้า ซูโถตระกูลลังกา ซูดิน ื ร่วมกับแนวทางเดิม ตระกูลญวน ซูส่งตระกูลชินกะ (แคว้นผาซ่อ) และซูสู่ การวิเคราะห์ทางพันธุกรรม ๕ กลุ่มภาษาข้างต้น ตระกูลหยีขาว (ไป่หยี) ท้งน้เจ้าซูส่งมีลูกหลานครอง ี ั � ั ั ี ิ ทเดนทางจากอินเดียเข้าสู่จีนน้น สอดคล้องกบตานาน อาณาจักรน่านเจ้าจนส้นสุดท่ถูกมองโกลยึดครอง ท้งหมด ่ ี ิ ั “เจ้าตระกูลเมือง” รัฐน่านเจ้าว่าสืบเชื้อสายมาจาก อยู่ในจีนหลัง ๕๐ kBP ๑๙ มคธราษฎร์ พระเจ้าอโศกมหาราช กับนางเขียนเมืองควาย

ภำพที่ ๘ ภำพซ้ำยเส้นทำงของค�ำ “คึ” และภำพขวำเส้นทำงของค�ำ “ปอ”

๑๘ Lee, H. and Clontz, J. 2012 “reviewing the prehistoric linguistic relationships of the Tai-Kadai language family and its putative linguistic affiliations” Silapasart Journal 4(1): pp.20-38. ๑๙ พลำดิศัย สิทธิธัญกิจ, ประวัติศำสตร์ไทย (กรุงเทพฯ ฝ่ำยโรงพิมพ์ บริษัทตถำตำ,๒๕๔๗), หน้ำ ๒๘๓-๒๘๕

นาวิกศาสตร์ 51 ปีที่ ๑๐๔ เล่มที่ ๗ กรกฎาคม ๒๕๖๔

ั ้ ยุคดึกด�าบรรพ์ (๖๐,๐๐๐ - ๖,๐๐๐ BC) ไทอยู่ในจีน (Gaoge)” เมืองหลวงสาง (๑,๑๐๐ BC) รวมทง “ห้วยคึ” ๓๑ มานาน (Hwuy-ke , Guiji) (๒,๒๐๐ BC) และวัฒนธรรม ประวัติศาสตร์ไทอาหมระบุว่าฟ้าเป็นมิต (สางเหนือ) คึสิงจ้วง (Ke-xing-zhuang II) ในยุคเขาลุง (Longshan) ๒๐ ๓๒ ี � เป็นผู้สร้างโลกและคน คัมภีร์พุทธมหาวงศ์กล่าวว่าชาว ท่มีการเผากระดูกทานายเหมือนราชวงศ์สาง และไทใหญ่ � ้ ื ไทใหญ่เช่อว่าขุนสางหลวงมาแก้ปัญหาไฟไหม้ นาท่วม ภาพที่ ๘ แสดงเส้นทางของค�าว่า “คึ” และ “ปอ” ๒๑ จนคนไทแต่งงานมีลูกหลานสืบมา ชาวไทในเวียดนาม � ื ้ � ๒๒ เช่อว่าพญาแถน นาเต้าปุ้ง เป็นต้นกาเนิดคนไท ั ั ื ี ่ ู ู ่ ๒๓ เช่นเดยวกบพงศาวดารล้านช้าง ชาวจ้วงเชอในป่ร้ทว ๒๔ ั และแม่นกจ๊บ ไทลื้อเช่อว่ามนุษย์คู่แรกของไทคือ ื ั ๒๕ ี ปู่สังคะสาย่าสังคะส เพศแม่เป็นใหญ่ ต้งเมือง “สี” ี � หากรวมคาว่า “อาน” ท่หมายถึงท่อาศัย (อานม้า) ี ื จะเป็น “สีอาน” สอดคล้องตามเร่องเล่าโบราณ “ฟ้าสีอาน/ ึ ี พระศรีอารย์” ซ่งอาจเป็นยุคแรกท่ขุนวิจิตรมาตราระบุว่า � กาเนิดชนชาติไทคืออาณาจักรอ้ายลาว ๗ kBP ๒๖ หนังสือปกปุ่มเครือเมืองไต กล่าวถึง “เหง้าเผเชื้อเครือไต” ภำพที่ ๙ ค�ำไทในดินแดนยุคสำมปฐมกษัตริย์ ้ � ว่าอพยพมาจากเหนือของแม่นาแยงซีเกียงประมาณ ๒๗ ๕.๕ kBP ่ ๒๘ การค้นพบศพสตรีท “บ้านปอ” (๖.๕ kBP) ี สนับสนุนวัฒนธรรมไทเร่องสตรีเป็นใหญ่ พบคาว่า � ื “ปอ” มากมายเช่น แคว้น “ซีปอ” ในพม่า ๕๐๐ BC อ้างโดยดอดด์ เมือง “ปอ” ใต้เสฉวนต้นทาง “ปอน่าน” ๒๙ ไปพม่า เมือง “ปอ” (๒,๒๐๐ BC) ของสางใกล้ทะเล � “ปอไห่” ซ่งนอกคาว่า “ปอ” แล้วพบคา “คึ (ใหญ่ ึ � ๓๐ หรือแผ่นดิน)” เมือง “ผีอึงคี” แม่น�้า “สางคึ” “เจ้าคึ ภำพที่ ๑๐ ดินแดนเผ่ำต่ำง ๆ ยุค ๓ กษัตริย์ (Wikipedia) ๒๐ รณี เลิศเลื่อมใส ล ด. หน้ำ ๑๐๒ ๒๑ สมพงศ์ วิทยศักดิ์พันธ์, ประวัติศำสตร์ไทใหญ่ (กรุงเทพฯ: ส�ำนักพิมพ์สร้ำงสรรค์, ๒๕๔๔), หน้ำ ๑๓ ๒๒ ภัททิยำ ยิมเรวัต, สิบสองจุไท (กรุงเทพฯ: ส�ำนักพิมพ์สร้ำงสรรค์ จ�ำกัด, ๒๕๔๔), หน้ำ ๑๑ ๒๓ พลำดิศัย สิทธิธัญกิจ (กรุงเทพฯ: ฝ่ำยโรงพิมพ์ บริษัทตถำตำ พับบลิเคชั่น จ�ำกัด, ๒๕๔๗), หน้ำ ๒๙๐ - ๒๙๑ ๒๔ ฉัตรทิพย์ นำถสุภำ วัฒนธรรมไทโบรำณ และอุษำ เจริญโลหะกุล วัฒนธรรมไทโบรำณชนชำติจ้วง กับควำมเข้ำใจวัฒนธรรมไทย (กรุงเทพฯ: ส�ำนักพิมพ์ สร้ำงสรรค์ จ�ำกัด, ๒๕๖๒), หน้ำ ๔๖ - ๔๘ ๒๕ ยรรยง จิระนคร และ รัตนำพร เศรษฐกุล, ประวัติศำสตร์สิบสองปันนำ (กรุงเทพฯ: ส�ำนักพิมพ์วิถีทัศน์, ๒๕๔๔), หน้ำ ๑ ๒๖ กัญญำ ลีลำลัย ล ด. หน้ำ ๑๔๔ ๒๗ สมพงศ์ วิทยศักดิ์พันธ์ ล ด. หน้ำ ๑๙ ๒๘ ทวีป วรดิลก ประวัติศำสตร์จีน (กรุงเทพฯ: ส�ำนักพิมพ์สุขภำพใจ, ๒๕๔๗), หน้ำ ๔๔ ๒๙ Ping He, “Re-exploring the early History of tai People,” pp.1-12 ๓๐ รณี เลิศเลื่อมใส ล ด. หน้ำ ๑๐๓ ๓๑ James M. Hargett “Guiji? Guiji? Huiji? Kuaiji?: Some Remark on an Ancient Chinese Place-name,” University of Pennsylvania, SINO- PLATONIC PAPERS, 234: 1-32, March 2013 ๓๒ Paola Dematte “Longshan Erra Urbanism: The Role of Cities in Predynastic China,” Asian Perspective 38(2:119-153,) Fall 1999. นาวิกศาสตร์ 52 ปีที่ ๑๐๔ เล่มที่ ๗ กรกฎาคม ๒๕๖๔

ี ี ๓๙ หลังชาวจีน (เซ่ย) ท่เข้ามาจากนอกด่าน สร้าง เข้ามา โดยอยู่มานานก่อนจีนประมาณ ๑,๐๐๐ ปี และ วัฒนธรรมหยางเส้าเรียกไทยว่า “เสียน” และพบ ยอมให้จีนแทรกเข้ามาท�ากินเป็นพลเมืองด้วย ๔๐ คาว่าเสียนมากมาย เช่น เรียกเขตการปกครองว่า “เสียน” � ถ�้าเสียน (๒๐ kBP) เรียกไทว่า “เสียนหลอ” พบเมือง ไทย จีน และเผ่าอื่นอยู่ทั่วไปในจีน � โบราณจมอยู่ใต้ทะเลสาบฟู่เสียน พบพีระมิดและ นอกจากพบหลักฐาน mtDNA จากศพสตรีในถา ้ ุ ๓๓ ิ โคลีเซียม ที่อารยธรรมไม่ด้อยกว่าอียิปต์ คาดว่าสร้าง เทียนหยวน อาย ๔๐,๐๐๐ ปี ใกล้นครปักก่ง ๔๑,๔๒ ี บนหน้าผาและยุบตัวลงใต้ทะเลสาบในยุคแถน (Dian) เป็นแฮปโลกรุป B เหมือนกับท่พบตอนเหนือของจีน ชาวไทรอดตายจากนาท่วมด้วยนาเต้าแห้งท่เป็นแพ ไทย ไต้หวัน และบางส่วนในอเมริกา ต่างจากสตรีจีน � ้ � ี ้ ้ ู ื ๔๓ ื ้ ั � ี � หรอเสอชชพ สอดคล้องกบตานานนาท่วมโลก คนไท ที่ mtDNA ๙๔% เป็นกลุ่ม M N และ R หากพิจารณา ื ้ � ้ เกิดจากนาเต้า พบเรียกช่อต้นแม่นาแดงในเวียดนามว่า คนไทยตามกลุ่มภาษาไท - กะไดข้างต้น และเทียบเคียง � ั ื ้ � ้ หัวนาเต้า เช่อในองค์เทพ “แถน” ว่าลงโทษส่งนาให้ท่วม กับหลักฐานโบราณด้านช่อเมือง สถานท แม่นา ภูเขา ี � ื ่ � ้ ๓๔ และตามมาช่วยภายหลัง ส่วนไทฝั่งซ้าย แม่นาลานช้าง จะจัดกลุ่มไทรุ่นแรกในจีนได้คือ ้ � เชื่อในเทพ “สางฟ้า” ชาวไทฉานเชื่อว่าตนคือบุตรของ เสียน (Xian) ตระกูลย่าสังคะส พบท่วจีน เอี้ยน ี ั ี ั ี ๓๕ ่ ุ เทพสวรรค์ (สาง) ซ่งมาปกครองชาวโลก ภาพท ๙ หรือเย็น (Yan/Yen) ยคเดยวกบเสยน พบเสนหนง ี ึ ้ ิ แสดงการเช่อมโยงคาท่เก่ยวกับเผ่าไทในช่อเมือง ลักษณะ เขตเอ้ยนท่รบกับฟู่ซ จักรพรรดิเอ้ยนท่ทาสงครามกับ ี � ื � ื ี ี ี ี ี ี � ี ทางภูมิศาสตร์โบราณ จักรพรรดิเหลือง เจ้าเย็นผู้นาไทสมัยเซ่ย หลังสางล่ม ี ้ ี � ื ั ่ ้ ่ ี หลกฐานภาพฝามอสแดงบนหนาผา เหนอแมนาฮวงเหอ ราชนิกูลสางได้ปกครองเอ้ยน และเป็นรัฐสุดท้ายท่ถูก ื ๔๔ ใต้ แม่น�้าสางเจียง ฝ่ามือที่จ้าวเจียง ฮั่วซัน และที่ผาลาย จ๋นซียึดครอง หลังราชวงศ์สางล่มเสียนเหนือ (XianBei) ิ ี กวางส ปัจจุบันพบว่ามีการวาดเก่าแก่ท่สุดถึง ๑๖,๐๐๐ ปี และเอ้ยนตกค้างด้านบนแถบแคว้นสางและไท ถูกซ่งหน ู ี ี ๓๖ ั สันนิษฐานว่าวาดโดยไทหลอ ตรงกับหลักฐานทาง กวาดต้อนเป็นทาสบ่อยคร้ง ถูกกลืนภาษา บางส่วน พันธุกรรม ไท และจีน ที่อพยพมาด้วยกันใน ๖๐ kBP ๓๗ เข้าเกาหล และญ่ปุ่นแต่ยังพบดีเอ็นเอท่สอดคล้องกับ ี ี ี ชายกลุ่ม O และหญิง M N B F จึงสอดคล้องกับแนวคิด ไทย (O1a) ผลการศึกษาสตรีชาวซ่งหนู โทปาเซียนเป่ย คุณลิขิต ฮุนตระกูล ที่เชื่อว่าไทและจีนเริ่มต้นวัฒนธรรม และมู่รงเสียนเป่ยสอดคล้องกันระหว่างเอเชียตะวันออก มาด้วยกันต้งแต่สมัยสร้างโลก หมอดอดด์ระบุว่าชาวไท และไซบีเรีย ั ๓๘ ๔๕ ั ี ต้งรกรากในจีนแบบถาวรมาหลายพันปีก่อนท่จีนจะ ๓๓ Sutherland, A. “Underwater City: Unveiling the secrets at the bottom of Fuxian Lake, June 13, 2015 ๓๔ ภัททิยำ ยิมเรวัต, ประวัติศำสตร์สิบสองจุไท (กรุงเทพฯ: ส�ำนักพิมพ์สร้ำงสรรค์จ�ำกัด, ๒๕๔๔), หน้ำ ๑๕๐. ๓๕ http://www.sacredsites.com2asia/china/sacred_mountains.html (Accessed: 8/8/2009) ๓๖ Wikipedia, Retrieved 9 Sept 2020 ๓๗ วิภู กุตะนันท์ ล ด. หน้ำ ๗๑๐ ๓๘ กัญญำ ลีลำลัย ล ด. หน้ำ ๙ (อ้ำงอิงค�ำกล่ำวของลิขิต ฮุนตระกูล ในปี ๒๔๙๔) ๓๙ Chris Baker “From Yue to Tai,” Journal of Siam Society, 90.1 & 2, 2002. ๔๐ อุดม เชยกีวงศ์, ประวัติศำสตร์ชำติไทย (กรุงเทพฯ: ส�ำนักพิมพ์แสงดำว, ๒๕๕๓), หน้ำ ๔๒. ๔๑ Sergio Prostak, DNA Analysis Reveals Common Origin of Tianyuan Human and Native Amercans, Asians, Jan 24, 2013. ๔๒ Qiaomei Fu et al. “DNA analysis of an early modern human from Tainyuan Cave,” China, PNAS, Vol. 110, No.6, 222: Feb 2103. ๔๓ Yong-Gang Yao et al. “Phylogeographic Diffrentiation of mtDNA in Han Chinese,” Am. J. Hum. Genet. 70:6353651. ๔๔ Watson Burton Ibid. p.7. ๔๕ Haijing Wang et al. “Molecular genetic Analysis of Ramainings from Lamadong Cemetry, Liaoning, China”, Am J Phys Antropol. 134(3): 404-11 Nov 2004. นาวิกศาสตร์ 53 ปีที่ ๑๐๔ เล่มที่ ๗ กรกฎาคม ๒๕๖๔

� ั หลอ (Lou) ต้งอยู่บริเวณลุ่มแม่นาหลอ แคว้น กล่าวถึงในสื่อจี้ว่าชาวภู (Pu) เป็น ๑ ใน ๘ เผ่าร่วมกับ ้ ี ี ๔๗ หลอ - ลาน (Lou - Lan) เมืองเจ้าหลอ (Zhoulu) โจวล้มราชวงศ์สาง นอกจากน้ยังม ผิง พบไทผิงแถบ เมืองหลอ (Lou) ลั่วหยาง (LouYang) ต่อมาลงใต้ ถูกฉิน เสียนเป่ย เมืองผงหยางตอนเหนือ ถึงกบฏไทผิงทางใต้ ิ ี � � ี ย้ายไปเสฉวน เสียนหลอที่ไปสิบสองปันนา ท่นาโดยฮักก๋า และหนานผิงหล่าวท่ทาสุสานบนหน้าผา ๔๘ ษาณ (Shan) อยู่เมืองปอบริเวณเขาไท (Taishan) ษาณซี และษาณตง ตั้งราชวงศ์สาง พบต้นตระกูลสางด�า กลุ่มอ่นคือ จีน - ทิเบต อยู่แถบเขาขุนลุ้น ทิเบต (ฝาง) ื สางแดง ฉาน และไทอาหม ใกล้กับจีน เล้ยงสัตว์ร่วมกับเผ่าอ่น ประมาณ ๘ kBp ื ี � ซ่ง (Zhong) สืบเชื้อสายจากราชวงศ์สาง พบชื่อ พบมีอิทธิพลทางเหนือแถบมองโกเลีย ฝางทาสงคราม � ื กวนซ่ง เขาซ่ง พบไทดาในเวียดนาม ในฮ่องกงพบว่าม ี กบสางถง ยนยนดวยลวดลายหนแกะสลกทพบเฉพาะจด ั ั ุ ้ ่ ิ ั ั ี ั บรรพบุรุษจากราชวงศ์สางโดยเว่น สี ฉี ลูกหลานชื่อ ปอ ในแม่นาจินฉา และพบท่วไปทางตอนเหนือของจีนและ ้ � ั ี ั ี ี เป็นเจ้าแคว้นจิน ลูกหลานซ่งหล่เม่ย ขุนพลเซ่ยงอ่หน ี มองโกเลีย รวมท้งการต้งหินแบบทิเบต กลุ่มน้บางส่วนเข้า ี ๔๖ ี ไปอยู่สางคึ ก�าเนิดตระกูลซ่ง เกาหล และญ่ปุ่นประมาณ ๘ kBP ยืนยันด้วยการสลักหิน ี ั ี ิ ๔๙ ยวน (Yuan) โดยท้งยวน และซ่งเดมอยู่ใกล้กัน ในเกาหลีใต้ ๑๙ แห่ง เช่น เชินเจินร่เมืองอุลซาน ิ ่ ี ในดนแดน “ซ่งยวน” หรือ “จงหยวน” หลงราชวงศ์ และท่ญ่ปุ่นเมืองฟูก็อปเป้ และเทมิยา พบท Y - DNA ั ี ี สางล่มถูกกักอยู่ด้านบน และได้รับผลกระทบเหมือนกลุ่ม แบบ O1a และลักษณะ mtDNA ของจีน - ทิเบต มีความ เสียน พบเมืองไทยวน หลักฐานทางดีเอ็นเอประชากรใน ใกล้ชิดกัน ต่างกับหญิงไทใกล้ชิดว้า ละหูมากกว่า ๕๐ ี มองโกลเลียสอดคลองกับไทภู (Pu) ในป ๑,๑๒๒ BC พบ ออสโตรเอเชียติก พบบริเวณเขาเฮ่งเหนือ (Hengshan) ้ อยู่บริเวณแม่น�้าหานสุ่ยระหว่างเสฉวนกับหูเป่ย พบการ ภายหลงถกทเบต - จนผลกดนลงใต้มาอย่เขาเฮ่งใต้ ั ู ู ิ ั ั ี ภำพที่ ๑๑ ฟู่ซี นู่วำ ต่ำงหูนำคประมำณ ๕,๐๐๐ ปี ภำพที่ ๑๒ พีระมิดที่ใต้ทะเลสำบฟู่เสียน และที่สีอำน (Wikipedia) (Jame Gaussman & A. Sutherland) ๔๖ วิภู กุตะนันท์ ดีเอ็นเอไมโทคอนเดรีย: เครื่องมือติดตำมประวัติกำรสืบเชื้อสำยประชำกร, KKU Sci. J. 40(3) 708-719, 2012 ๑๐ วิภู กุตะนันท์ ล ด. หน้ำ ๗๗ ๔๗ Wibhu Kutanan et al. “Contrasting Paternal and maternal genetic histories of Thai and lao Populations,” https://doi. org/10.1101/509752, posted Jan 3, 2019. ๔๘ วิภู กุตะนันท์ ล ด. หน้ำ ๗๑๕ ๔๙ FamilyTreeDNA, mtDNA Migration Map ๕๐ Wibhu Kutanan et al. “NE INSIDE FROM Thailand into the maternal genetic history of Mainland Southeast Asia,”EU Journal of Human Genetics, 26:898-911, 2018 นาวิกศาสตร์ 54 ปีที่ ๑๐๔ เล่มที่ ๗ กรกฎาคม ๒๕๖๔

่ ี หลักฐานการเจาะหินเป็นรูปถ้วย (Cupules) ตามภาพท ๑๔ ๕๑ ในมณฑลเฮ่อ หนานเขตเย่อ เขตน่านโจว หินถ้วย บนฐานหินท่เจียงจุนหยาอาย ๑๑ kBP สอดคล้องกับ ี ุ ทุ่งไหหินของพวกคังคากในลาว ต่อเนื่องมายังพวกเขมร ี ท่ใช้หินสร้างนครวัดนครธม และภายหลังอยู่ร่วมกับกลุ่ม ๕๒ O2a (๑๗ - ๒๘ kBP) ที่มาจากอินเดียทางทวายมาหา ทองคาโภคทรัพย์ต่าง ๆ และกลุ่มท่มาทางเรือโดย ๕๓ ี � โกญฑัญญะในต้นคริสตกาลแฮปโลกรุป O3a3c ออสโตรนีเชีย เคยอยู่บริเวณเฮ่อเป่ย และเฮ่อหนาน ่ ื � ้ ู่ และเชอว่าประมาณ ๔,๐๐๐ BC อยแถบแม่นาแยงซีเกียง ๕๔ ต่อมาถูกออสโตรเอเชียติกผลักดันลงใต้ และเข้าสู่ไต้หวัน ภำพที่ ๑๓ กำรเพำะปลูกในจีน (World Atlas of History) ิ หลัง ๘ kBP เร่มอพยพลงไปตามแนวซุนดา พบกลุ่ม O-M110 K-P79 และ mtDNA E M7c3 B4a1a ั ในมาดากัสการ์ และมาลาย ดีเอ็นเอท้งสองแบบยืนยัน ๕๕ ู ๕๖ อพยพ ๒ ช่วง ๔ - ๕ และ ๘ - ๑๐ kBP โดยออกจาก ไต้หวันประมาณ ๖ – ๘ kBP ประกอบด้วย E, M7c3, M9, B4a1 และ B4a1a อาจเป็นผลจากสงครามของ กษัตริย์เหลืองในยุทธการบ้านกวน เจ้าหลอ และสีเจ้า ๕๗ ประมาณ ๒,๕๐๐ BC ตามที่ซือหม่า เชียน ระบุในสื่อจี้

ภำพที่ ๑๔ กำรสลักหินบูชำข้ำว และขุดหินแบบ Cupule (Jean Clottes) ยุคสามปฐมกษัตริย์ หรือ ซานหวง (๓,๕๐๐ – ๒,๗๐๐ BC) ี ื � จีนผลักดันชาวไทไปตอนกลาง และใต้ (เผ่าเงอกไทดา) ซ่อมเสาสวรรค์โดยใช้ขาเต่า ไทเรยก ิ ี ชาวจีน มีกษัตริย์ท่ย่งใหญ่ ๓ องค์ ได้แก่ ฟู่ซ ี ผู้น�าเซี่ยแบบไทว่า “หัวเซี่ย” มีความเชื่อเรื่องนาค ทั้งฟู่ซี ั เสิ้นหนง และ นู่หัว ฟู่ซีมีบิดาเป็นเซี่ย มารดาชื่อ “หัวสี” และนู่วาท่อนล่างเป็นนาค รวมท้งการพบกาไลรูปเงือก � ้ แต่งงานกับช่อ “นู่หัว” สร้างอาณาจักรแถบแม่นาเหลือง อายุ ๔,๐๐๐ ปี ตามภาพที่ ๑๑ ยืนยันความเชื่อเรื่องนาค ื � ี ่ ิ � ทาสงครามกับเส้นหนงเผ่าเอ้ยน (เย็น) ตามภาพท ๑๐ เหมือนไท และหลายเผ่ารวมทั้งพวกซ่งหนู และขึ่นม่าน ี � ื นู่หัวเป็นแม่ทัพหญิงช่วยแคว้นจ๋จากนาท่วม ฆ่าเงือกดา แถบเสฉวน กุ้ยโจว ไทและจีนมีความเช่อเร่องมิ่ง ๕๙ ๕๘ � ้ ื ี ๕๑ Tang Huisheng, “New Discovery of Rock Art and Megalithic Sites in Central Pain China”, Rock Art Research 2012 V.29, NO.2 pp. 157 – 170. ๕๒ Gyaneshwer Chaubey et al. “Population Genetic structure in Indian Austroasiatic Speaker,” Mol Biol Evol. 28(2): 1013-24, Feb 2011. ๕๓ ประทุม ชุมเพ็งพันธ์, สุวรรณภูมิ ดินแดนทอง (กรุงเทพฯ: ส�ำนักพิมพ์สุวีริยำสำส์น, ๒๕๔๖), หน้ำ ๕๙-๖๒ ๕๔ เริงวุฒิ มิตรสุริยะ, ประวัติศำสตร์อำเซียน (กรุงเทพฯ: ส�ำนักพมพ์ยิปซี, ๒๕๕๗), หน้ำ ๖๐ ๕๕ Manfred Kayser “The impact of the Austronesian expansion: evidence from mtDNA and Y chromosomal Diversity in the Admiralty Islands of Melanesia,” Mol Biol Evol. 25(7): 1362-74, Jul 2008 ๕๖ Pedro A. Soars et al. “Resolvig the ancestry of Austronesian-speaking Populations,” Hum Genet, 135: 309-326, 2016 ๕๗ Wikipedia “Battle of Banquan & Battle of Zhoulu”, Retrieved July 24, 2000 ๕๘ พลำดิศัย สิทธิธัญกิจ (อ้ำงอิงแล้ว), หน้ำ ๒๗๓ - ๒๗๖ ๕๙ Burton Watson “Ssu-Ma Ch’ien: Grand Historian of China,” Columbia University Press, p.144 1963. นาวิกศาสตร์ 55 ปีที่ ๑๐๔ เล่มที่ ๗ กรกฎาคม ๒๕๖๔

ื ื แต่ขัดกันเร่องการแต่งงานในเช่อเร่องเพศ ไทนับถือ ต่างมารดาชื่อ “เสียง (สาง)” ไปครองนครฉางวู่ โดยน�า ื ั ี ั ี สิทธิ์มารดาเป็นใหญ่ในครัวเรือน จีนนับถือสิทธิ์ทางบิดา ผู้คนไปต้งรกรากท่น่นด้วย ก่อนหน้าน้สมัยพระเจ้า ๖๔ ึ ๖๐ ี ้ ื ิ ็ ั ยกย่องผู้ชายเป็นใหญ่ จนจงเลือกแต่งงานกบทเบต จงคังคนไทตระกูล ไทย - ไทย ช่อ “เจาเยน” มีความชอบ แม้ว ม้ง เย้า ซ่งยืนยันด้วยหลักฐานทางพันธุกรรม ในการปราบกบฏ พระเจ้าจงคังจึงยก “นครหลอ” แถบ ึ ๖๑ mtDNA ของหญิงจีนเหมือนทิเบต ม้งเย้ามากกว่า หเป่ยให้ครอง ภายหลงย้ายจากแม่นาสางเจยงลงมาอย่ ู ั ู ี � ้ หญิงไท ส่วนเพศชาย Y - DNA เหมือนกัน (O, O1, O2 เมืองเผงเกียง มณฑลหูหนาน ี O3 และ C) ในยุคน้ไทหลายเผ่าข้างต้น มีสังคมอยู่รวมกัน ี ในภาพรวมยุคน้ไทหลายเผ่ามีสังคมอยู่รวมกันเป็น เป็นเมือง เช่น อ้ายลาว ไทยมุง ทานาในท่ลุ่ม ด้านศาสนา � ี ี ื ั หมู่บ้านมานานต้งแต่บ้านปอมาแล้ว เล้ยงสัตว์ เช่อในเทพสางรับวัฒนธรรมการสลักหิน พบสลักบูชาเทพ ี บางเผ่าปลูกข้าวฟ่าง ด้านใต้พบเผ่าเสียนท�านาในที่ลุ่ม ๖๒ แห่งข้าวพบที่เจียงจุนหยา เหมือนชาวนาไทยไหว้พระ ๖๕ ตามภาพที่ ๑๓ หลักฐานทางโบราณคดีระบุว่าการปลูก แม่โพสพ ตามภาพท ๑๓ เช่อในไสยศาสตร์เหมือนกับ ่ ื ี � ข้าวนาดาตอนใต้แม่นาแยงซีเกียงเร่มมา ๑๐,๐๐๐ ปี ๖๓ ยุคสามกษัตริย์ ิ ้ � ื มาแล้ว ด้านศาสนานอกจากนับถือเทพสางฟ้า ก็เช่อใน ั ไสยศาสตร์พบการทานายกระดกตามทพบในวฒนธรรม ราชวงศ์ “เซี่ย” (๒,๒๐๐ - ๑,๖๐๐ BC) ู � ่ ี � เขาลุง แต่งงานข้ามเผ่าเข้าบ้านฝ่ายหญิง ทาสงคราม ก่อตั้งโดย “อวี่ (Yu)” มีชื่อเสียงจากการแก้ปัญหา กับจีนหลายคร้ง เคร่องปั้นดินเผาสีแดง และไม่พบศิลปะ นาท่วมลุ่มแม่นาฮวงโห โดยความช่วยเหลือของเผ่าต่าง ๆ ๖๖ ื � ั ้ � ้ ี ๖๗ � ที่ชัดเจน ปกครองพ้นท่จงหยวน ชาวไทนาโดยฉี้ ได้รับรางวัล ื ่ ี ื ไปปกครองพ้นท “สาง” เมืองปอ ต่อมาพัฒนาเป็นรัฐ ยุคห้าจักรพรรดิ (Five Emperors : ๒,๗๐๐ – ๒,๒๐๐ BC) กษัตริย์อวี่จะมาบูชาบรรพบุรุษสางที่เขาไท และบูชาลม ๖๘ ั ิ จักรพรรดิองค์แรกคือ หวงต้ต้งถ่นฐานตอนเหนือ ห้วยคึ ศพถูกฝังในถ�้า ในห้วยคึ ี ของมณฑลเหอเป่ย รบชนะจักรพรรดิเอี้ยน ปราบซืออิ๋ว ในยุคน้ไทหลายเผ่าข้างต้น มีสังคมอยู่รวมกันเป็น ี � ี ้ และควาฟู่ท “ซะเสียน” สาหรับชาวไทในยุคน กัญญา เมืองใหญ่ ด้านศาสนาเชื่อในเทพสาง เชื่อในไสยศาสตร์ ่ ี ลีลาลัย ระบุว่าโอรสองค์ท ๒ ของหวงต้ช่อ “เจ้าเหา” พบการทานายกระดก แต่งงานข้ามเผ่าเข้าบ้านหญง � ู ี ื ี ิ ่ ื (๒,๕๑๔ - ๒,๕๙๗ BC) ซ่งคนไทส่วนหน่งนับถือเป็นบรรพ ไม่พบการทาสงคราม พบเคร่องปั้นดินเผา เตาสามขา ึ � ึ � ี ชน จากราชตระกูลไท - ไทย เป็นเจ้าภาษีท้องน�้าตลอด กลองมโหระทึก แถบลุงซาน ทานาในท่ลุ่ม ศิลปะ ลุ่มนาแดนจีน เร่มท่ลานาเฟิน และให้สืบตระกูลยศนี้ ลวดลายสัตว์ ไทสางคึมีการค้าขายกับดินแดนทางใต้ ิ � ้ ี ้ � � � ไปตลอดยุคราชวงศ์จนถึงยุคพระเจ้าซุนทรง ให้น้องชาย พบหลักฐานการเดินทางลงใต้นากลองมโหระทึก ๖๐ กัญญำ ลีลำลัย ล ด. หน้ำ ๑๕๔. ๖๑ Ming Liang-Gu, “Comparative Analysis of The Complete mtDNA genome Between Tibetan and Han Population”, Zhonghua Yi Xue Yi Chuan Xue Za Zhi, 25(4): 382-6, Aug 2008. ๖๒ ส�ำเภำ พลธร พล.ร.อ. และคณะ แผนที่ประวัติศำสตร์โลก หน้ำ ๑๕-๑๖ ๖๓ ฉัตรทิพย์ นำถสุภำ และ อุษำ โลหะจรูญ ล ด. หน้ำ ๕๕ ๖๔ กัญญำ ลีลำลัย ล ด. หน้ำ ๑๔๔-๑๔๕ ๖๕ Jean Clottes and Benjamin Smith, Ibid p.59-61 ๖๖ ทวีป วรดิลก ล ด. หน้ำ ๕๑ ๖๗ ด. หน้ำ ๖๓ ๖๘ Burton Watson, op. cit. p.48 & 203 นาวิกศาสตร์ 56 ปีที่ ๑๐๔ เล่มที่ ๗ กรกฎาคม ๒๕๖๔

ิ � ี ั วัฒนธรรมดงซอน รวมท้งสัมฤทธ์สามขามาด้วย จึงพบ โบราณวัตถุสมัยราชวงศ์สางท่อักษรจีนกากับอยู่ ั ี ท่วประเทศไทย นอกจากน้ยังพบภาพเขียนสีหน้าผา จานวนมากในกรุงปารีสปี พ.ศ.๒๕๐๓ โดยคุณสมัคร � ๖๙ ั ิ และถ�้า ที่ถ�้าผีหัวโต จังหวัดกระบี่ ภาพเขียนฝ่ามือสีแดง ปุรวาส อีกท้งต่อมามีการศึกษาเพ่มเติมยังพบลายกนก ุ ั ิ ์ ิ ั ๗๐ ๗๑ ที่ผาแต้ม จังหวัดอุบลราชธานี และประตูผา ทั้งอายุ บนกลองสามขา กลองสมฤทธ และศลปะวตถอ่นอกมาก ๗๔ ี ื และลักษณะสอดคล้องกับผาลายในจีน ช่วยยืนยันว่าราชวงศ์สางเป็นของไท อีกท้งกษัตริย์ ั ๕ องค์แรกใช้ชื่อน�าหน้าว่า ไท ได้แก่ ไทยี่ ไทถิง ไทเจี๋ย ราชวงศ์ “สาง” หรือ ราชวงศ์ “หยิน” (๑,๖๐๐ - ไทเจ้ง และไทอู่ มีความเช่อในไสยศาสตร์เหมือนไทย ๗๒ ื ิ ๑,๐๔๖ BC) คือราชวงศ์ของบรรพบุรุษไท ในปัจจบน ทกเช้าก่อนกษัตรย์ออกว่าราชการ จะให้ ุ ั ิ ุ � ี ั ราชวงศ์สางก่อต้งโดยพวกษาณไต หรือชาน (ฉาน) ๗๓ เทพทานายชะตาและบันทึกผลบนกระดองเต่า และ � ้ � ี ้ ท่เมืองปอ เคยอยู่ร่วมต้นแม่นาฮวงเหอ และแม่นาสางเจียง กระดูกสัตว์ แม้แต่กษัตริย์เองก็ทาตนเป็นผู้พยากรณ์ � ี ื � ื ี กับกลุ่มท่มีเคร่องปั้นดินเผาระบายส พวกพ้นเมือง เสียเอง โดยบูชาเทพสาง ยุคน้มีนักรบหญิงจานวนมาก ี ิ � ็ ู ระบายหม้อดา สร้างวัฒนธรรมใหม่ และสร้างรัฐเป็น เช่น ฟ่ห้าว (ฟ้าห้าว) และฟู่จง แต่กมีสตรีล่มเมืองคือ ไทจ ี ั ี คร้งแรกท่เขาลุง (LongShan) พบเคร่องปั้นดินเผาดารูปไข่ ชาวจีนนับถือชาวไทเป็นพ่ใหญ่ตามคากล่าวของ ี ื � � บ่งบอกความเช่อเร่องไข่ฟ้า อยู่รวมกันท่เมือง “ปอ” หมอดอดด์ อีกท้งธรรมเนียมยุค ๕ จักรพรรดิก็อ้างถึง ื ื ั ี ต่อมา ใน ๑,๖๐๐ BC สางถังนาชาวเผ่าต่าง ๆ ล้มราชวงศ์ ไทพี่ใหญ่ (Ta - Tai - Li - Chi) แต่ด้วยความเชื่อต่างกัน � ๗๕ เซ่ยใน “ยุทธการม่งเถียว” และก่อต้งราชวงศ์สาง จึงต้งกลุ่ม “หยาง” ตรงข้ามกับชาวสาง ในขณะท่ชาว ิ ั ี ั ี ั ื ื � มีเมืองหลวงท่สาคัญถึง ๔ แห่งรวมท้ง “เจ้าคึ” และ เกาหลีท่เป็นเพ่อนบ้าน เช่อท้งหยินหยาง (Tai - Chi) ั ี ี ี ั ่ ั “อิน (Yin)” สร้างวง สถานทศกดสิทธ อาวธ และ เช่นเดยวกันกบตงอ ด้วยอย่ใกล้ชิดกบไทยมากกว่า ั ู ์ ี ุ ี ั ์ ิ ิ ้ ั เครื่องมือสงคราม ส่วนใหญ่ท�าด้วยสัมฤทธิ์ ดังน้นการนับเลขเกาหลีจึงเหมือนไทยมากกว่าจีน ึ การพบ “ลายกนก” ซ่งเป็นลายเส้นของไทยใน ตามตารางที่ ๑ ตารางที่ ๑ เปรียบเทียบการนับเลขของจีน เกาหลี (นับแบบจีน) และไท ๗๖ ๖๙ ชลธิรำ สัตยำวัฒนำ ด�้ำแถน ก�ำเนิดรัฐไท (กรุงเทพฯ: ส�ำนักพิมพ์อีศำน, ๒๕๖๑), หน้ำ ๒๔๓-๒๔๗. ๗๐ สุรพล ด�ำหริกล, แผ่นดินอีสำน (กรุงเทพฯ: ส�ำนักพิมพ์เมืองโบรำณ, ๒๕๔๙), หน้ำ ๔๗-๖๓. ๗๑ วลัยลักษณ์ ทรงศิริ et.al. ภำพเขียนสีพิธีกรรม ๓,๐๐๐ ปีที่ผำศักดิ์สิทธิ์ (กรุงเทพฯ: ส�ำนักพิมพ์มติชน ๒๕๔๕), หน้ำ ๖๕ -๘๕ ๗๒ Burton Watson, op. cit. P.13. ๗๓ กัญญำ ล ด. หน้ำ ๑๕๓ ๗๔ ด. หน้ำ ๑๕๐ ๗๕ Burton Watson, op. cit. p.110 ๗๖ Silp Panthurangsee “the completion of Tai History, 2018” PSAKU International Journal of Interdisciplinary Research, 7(1): 252-263 ๗๗ Burton Watson, op. cit. p.110. นาวิกศาสตร์ 57 ปีที่ ๑๐๔ เล่มที่ ๗ กรกฎาคม ๒๕๖๔

ั ิ ่ ี � ่ ราชวงศ์โจว (๑,๐๔๖ - ๒๒๑ BC) ปกครองจานวนน้อย ชนชาตเซย (ฮน) มากกว่า ส่วน ึ ้ � จากความชอบในการช่วยแก้ปัญหานาท่วม กว่าคร่งแคว้นเป็นชาวป่าเถ่อน ในยุคน้ถือเป็นการ ๘๐ ี ื ี ี � ี ั ื ต้นราชวงศ์เซ่ย กษัตริย์อว่แต่งต้งจ๋ให้เป็นผู้นาชาวไท เปล่ยนแปลงจากสาง แต่ความเช่อแบบสางยังคงอยู่ ี ี (Fief of Tai) โดยจ๋สืบเช้อสายจากจักรพรรดิกู้กับสนม ๒ คน นับถือบรรพบุรุษสางเช่นกัน ๘๑ ื ี ้ � คนแรกกลืนกินไข่ทั้งใบเป็นต้นตระกูลหยิน (สาง) อีกคน แต่ชาวไทเหนือแม่นาสางเจียงก็อพยพลงใต้ในช่วงน ้ ๘๒ ่ � ยาในรอยเท้ายักษ์เป็นต้นตระกูลโจว และเช่อในเทพสาง ๗๘ ไปอยู่ร่วมกับพวกจ้วง สางค บางส่วนไปสร้างอาณาจักรใหม่ ึ ื ่ ื ู ั ี ๋ แต่บุตรหวจ ชอภจ ละท้งตราสัญลักษณ์ไท ไปรกกบหญง ิ ท่ซีปอ ให้ความสาคัญความเช่อไสยศาสตร์ การทานาย ั ื ั � ู � ิ ี � เผ่าร่ง - ตี้ อาศัยอยู่รอบนอกจีน บุตรชื่อจูสร้างเมืองปิน กระดูกไก่ การทานายเป็นคนกินหัวไก่ได้ครองเมือง ี ี ้ ี ่ ่ ี แต่ถูกเผ่าซุนอว ฮันอว หรือต โจมต หลังจากพยายาม คนไทในยุคโจวนี้นอกจากไสยศาสตร์แล้ว ยังมีความเชื่อ เจรจาส่งส่วย ๔ ครั้งแต่ไม่เป็นผล จึงท�านายกระดูกและ แบบเต๋าท้งขงจ้อและเล่าจ้อ ต่างเกิดและเติบโตในตะวันออก ื ั ื ่ ย้ายเมืองไปท่ราบลุมเว่ย (Wei) โดยมีเผ่าอว (Yu) และ รุ่ย ทั้งสิ้น และคัมภีร์เต๋าเต๋อจิง ไม่ใช่ค�าสอนศาสนาของจีน ี ี (Rui) เข้ามาสวามิภักดิ์ มีผู้น�าคือ จี๋ต้านฟ้าหรือ “อู่เวิ่น” แต่เป็นวัตรปฏิบัติท่เป็นจริงของชาวไท และวิธีการมอง ี ี ๘๓ ๗๙ ภายหลังจ๋ต้านฟ้า (JiDanFu หรือ Gugong โลกธรรมชาติของไท Danfu) ทายาทผู้น�าชาวไทตระกูลฉีรุ่นที่สาม ถูกพวกร่ง ุ ึ และต รกราน จงอพยพจากชายแดนขนลุ้นมาสอาน แคว้นอู่ (๑,๑๐๐ – ๔๙๖ BC) ี ุ ้ ี ี ี ๋ ั หลังจากนั้นก็เติบโตอย่างรวดรวดเร็ว รบชนะเผ่าต่าง ๆ ต้นราชวงศ์โจวจต้านฟ้าแต่งกบสตรไทสางมโอรส ี เป็นภัยคุกคามสาง จนสางต้องใช้นโยบายแบบการทูต สามองค์ บิดาต้องการให้โอรสองค์เล็กสืบต่อบุตรองค์โต ั ้ “เหอซิ่น” ยกองค์หญิงสายเลือดไทชื่อ เริ่น (Tai - Ren) “ไทปอ” และองค์รอง “ซ่งยง” มาต้งรกรากท่เหนือปากนา ี � ให้แต่งงานกับ ฉ มีบุตรคนแรกช่อ “สาง” ครองราชย์ สางเจียง แต่งงานกับชาวพ้นเมืองเผ่าจิง และม่าน ื ื ี � ๘๔ ี ต่อจากบิดา ต่อมารวมกาลัง ๘ เผ่าทางตะวันตกท่ม ี ใช้พระนาม “เจ้าอู่” ที่ใช้เรือสัญจร ปฏิบัติตนตามแบบ ิ ี เผ่าไทภูร่วมด้วยปราบต้สินกษัตริย์องค์สุดท้ายของสาง ชนพ้นเมือง ในช่วงเร่มต้นไทปอ และซ่งหย่ง ต้อง ื ที่ประพฤติองค์ไม่เหมาะสม แก้ปัญหานาท่วมโดยอาศัยการขุดคลองมากมาย � ้ หลังสงคราม ราชวงศ์โจวให้อิสระในการปกครอง ซ่งนอกจากจะใช้ระบายนาแล้ว ยังใช้สัญจรทางเรือตาม ้ ึ � ี ่ ราชวงศ์สางให้ปกครองรัฐซ่ง ตามภาพท ๑๕ ชาวไท ชาวพื้นเมือง หลังจากอู่ไทสวรรคต ซ่ง ครองราชย์แทน ี � ี ั ชั้นสูง (Elite) ยังคงรับใช้โจว ชาวไทด้านเหนือ เช่น สาง มแม่ทพซนวทมชอเสยง นาทหารหกหมนชนะทพ ื ่ ั ี ่ ื ่ ุ ู ี � ี ี ไทยวน เอ้ยน อยู่ท่เดิม และเป็นกาลังหลักของโจว ฉู่สองแสน ในปี ๔๙๐ - ๔๙๓ BC กษัตริย์องค์สุดท้ายนาม � � ตามคาวิจารณ์ของกุ้งหยางในบันทึกรายปีกษัตริย์เจ้ง ฟู่ไฉ (ฟู่ ฟ้า เฟี้ย พบคาว่าเพ้ยในผู้นาไททรงดา) ๘๕ ี � � ิ ั ปีท ๑๕ ประชากรในแต่ละแคว้น จะประกอบด้วย ชนช้น หลงไหลสตรี “ไซซี Xi - Shi” จนเมืองล่ม ี ่ ๗๘ Wikipedia จี๋ต้ำนฟ้ำ จะเห็นได้ว่ำควำมเชื่อเรื่องสำงฟ้ำ ท�ำให้มีกำรตั้งชื่อผู้น�ำเกี่ยวกับฟ้ำ เช่นเสือข่ำนฟ้ำ เสือห่มฟ้ำ เสือง�ำฟ้ำ เป็นต้น ๗๙ Burton Watson, op. cit. p.10. ๘๐ Academia 2021 “The Shag and Zhou Dynasty of Ancient China: was one an Extension of the Other.” ๘๑ ดร.สมพงษ์ วิทยศักดิพันธ์ พงศวดำรไทใหญ่ “ปกปุ่มเครือเมืองไท”, หน้ำ ๑๙ ๘๒ ฉัตรทิพย์ นำถสุภำ และอุษำ โลหะกุล ชนชิตไทในประเทศจีน ล ด. หน้ำ ๑๑๙ ๘๓ Eric Henry “The Submerged History of Yue,” Sino-Platonic Papers, 176: 1-36 May 2007. ๘๔ ภัททิยำ ยิมเรวัติ, ล ด. หน้ำ ๒๓๖. ๘๕ Rafe De Crespigny, General of the South: South China under the Later Han Dynasty, Chapter One, p.41. นาวิกศาสตร์ 58 ปีที่ ๑๐๔ เล่มที่ ๗ กรกฎาคม ๒๕๖๔

ี ิ รัฐเยว่ (๖๐๑ - ๓๓๓ BC) มาแล้วโดยห้าจักรพรรด สามกษัตริย์ แต่เจ้าเจ้ยนปฏิเสธว่า ี ื ื ่ ู ั รฐอ่ กบเยว่ เป็นเสมอนบ้านพเมองน้อง เช่นไทย “คนชาวเยว่ เป็นคนหยาบกร้าน เม่อเดินทางใช้การ ื ั ั ื ั ั ื ี กับลาว แต่เยว่มีความเป็นไทมากกว่า หลังจากอาณาจักร พายเรอเป็นหลก พกอาศยบนเนนเขา เรอคอเกวยน ื ิ สางล่มสลาย ไทสางบางส่วนอพยพมาห้วยค และม ี พายคือม้า เมื่อยามบุกรวดเร็วดุดันดั่งพายุหมุน ยามถอย ึ ๘๖ เมืองสาง เป็นเมืองหน้าด่านบนเนินเขาทางตะวันตก รวดเร็วมิอาจติดตามได้ ชาวเย่ว์ชอบศาสตราวุธ และ (ด่านหยาง) มีแหล่งแร่ทองแดง จึงสามารถผลิตอาวุธและ ยินดีสู้ตายในสนามรบ เจ้าเจ้ยนถามขงจ้อว่าจะเอา ี ื ื � � ี กระจก ชาวบ้านปลูกข้าวนาดา เล้ยงควาย ปลูกบ้านไม่ใช้ อะไรมาสอน ขงจ้อไม่ตอบ เพียงโบกมืออาลา และ ู ตะป ใต้ถุนสูง สักตามตัว ไว้ผมส้น ใช้กลองมโหระทึก จากไป” ๙๓ ั แต่งฟัน ทอผ้า เลี้ยงไหม พูดภาษาไท ๘๗,๘๘ และที่ส�าคัญ ในปี ๓๓๔ BC อู่เจียงกษัตริย์ชาวเยว่เช้อสายเจ้าเจ้ยน ื ี ช�านาญการเต้นร�า ดนตรี พบเพลงเรือระบุในบันทึกจีน องค์สุดท้ายยกทัพไปโจมตีรัฐฉู่ แต่เป็นฝ่ายปราชัย นักวิชาการยอมรับว่าชาวเยว่คือบรรพบุรษชาวไท รัฐฉู่ส่งอู่ฉีตามมาปราบเยว่จนต้องอพยพกระจัดกระจาย � ึ ั ู คาว่า “เยว่” ถกบนทกเป็นวรรณกรรม เอกสารต่าง ๆ ลงใต้ ตั้งแต่ห้วยคึจนถึงเจี้ยวฉื่อ ย่าย้อย (Yayoi) พาไท ี มาต้งแต่ยุคราชวงศ์สาง และราชวงศ์โจว กษัตริย์ อพยพไปญปุ่น ชาวไทนาโดยพญาอู่ลู่ อพยพมา ๘๙ ั ๙๔ � ่ ่ ื ั � ี ี เจ้าเจ้ยน (๔๙๖ BC) สืบเช้อสายมาจากอว (Yu) และ ต้งเมืองในท่ราบเพราะตามล่ากวาง ย่าคาแดงพาไท ี ั ๙๐ ี ยังเป็นหลานของเจ้ากังแห่งราชวงศ์เซ่ย หลานปู่ของ เสียนหลอ อพยพมาต้งรกรากท่เชียงรุ้ง ประมาณ ี พระเจ้าจงคังที่ส่งโอรสชื่อ “ปุยี” ไปครองเมือง “อวด” ๒๓๔ BC เป็นการอพยพแบบพักท�านาไปด้วย ใช้เวลา ๙๕ หรือ “เยว่” อู่ และเย่ว์ทาสงครามกันหลายคร้ง ๓ ปี จนในท่สุดไปอาศัยพ้นท่ของเผ่าทมิฬหรือยักษ์ ๙๑ ี ั � ี ื � ี คร้งสาคัญเจ้าเจ้ยนพ่ายแพ้ต่อฟู่ไฉ ต้องยอมถูกเหยียดหยาม ท่อพยพมาจากอินเดียสมัยพระเจ้าอโศกมหาราช ั ี ภายใต้การช่วยเหลือของฟั่นลี่ และกลอุบายส่งหญิงงาม มาตั้งรกรากสองฝั่งแม่น�้าโขง จนเป็นต้นต�านานเรื่องเล่า ๙๒ “ไซซี” ยั่วยวน พร้อมแม่ทัพหญิงชื่อ “นู่หัว” น�าการ อาละโวกะยักษ์ ้ � รบล้างแค้นอู่ได้สาเร็จ และย้ายเมืองหลวงไปเหนือแม่นา � สางเจียง ชื่อว่า “ล่างเยว่” สางคึ – แคว้นโบราณ (? BC) คร้งหน่งขงจ้อ พาลูกศิษย์มาสมัครรับราชการด้วย นักวิชาการทุกฝ่ายเห็นตรงกันว่าไทต้งรกรากท่ยูนนาน - ึ ั ื ี ั ั ึ ุ ี ้ ่ ี ุ เจ้าเจ้ยนพาทหารต้งแถวต้อนรับนอกประตูเมือง ขงจ้อ ก้ยโจวมานาน อาจเป็นคนไทในสวรรณภูมิทอพยพขนไป ื ี ึ ้ � ื บอกว่าสามารถแนะนาหลักการปกครองท่ดีซ่งเคยใช้ อยู่บริเวณแม่นาสางค (Zhangke) โดยพบเมองโบราณ ึ � ๘๖ Heater Peters, “Tattooed Faces and Stilt house” SINO-PLATONIC PAPERS ๘๗ Chris Baker Ibid. p.4. ๘๘ Tan L. 1994: p.167. ๘๙ Peter H. Ibid. p.16. ๙๐ กัญญำ ลีลำลัย ล ด. หน้ำ ๑๔๕ ๙๑ Yue NU: Cohen, 2010: p.16. ๙๒ Cohen “The Goujian Story in Antiquity” p. 28 ๙๓ Henry Eric, “The Submerged History of Yue,” Sino-Platonic Paper, 176 May 2007, p.13 ๙๔ Peter H. Ibid. p.15 ๙๕ ยรรยง จิระนคร ล ด. หน้ำ ๑๒๕. นาวิกศาสตร์ 59 ปีที่ ๑๐๔ เล่มที่ ๗ กรกฎาคม ๒๕๖๔

อารยธรรมคล้ายอียิปต์ มีโคลีเซียม ตึก และพีระมิด จมใต้ทะเลสาบฟู่เสียน (Fuxian) ความลึก ๑๕๕ เมตร

พื้นที่ ๘.๗ ตารางกิโลเมตร เชื่อมโยงพีระมิดเมืองสีอาน ที่จีนปลูกต้นสนปิดไว้ ไม่ยอมเปิดเผย ดูการเปรียบเทียบ ี ี ี ่ ตามภาพท ๑๒ ท่สาคัญพบสัญลักษณ์อ้จิง สลักบนหิน � บอกความเช่อเร่องเต๋า พบรอยเท้าสัตว์โบราณคล้ายม้า ื ื ๙๖ บนหิน เมืองริมผาน้อาจเป็นเมืองแถนในต�านานแม่หญิง ี และต้นข้าว ที่อยู่บนผาริมทะเลสาบอู่วา ต้องไต่เถากาด ผ่าน “ตูฟ้า” ข้นไป อยู่ไม่ไกลจากแถนใหม่ (Dian) ๙๗ ึ ท่ขุนพลฉู่นาทัพไปปราบฉินแต่กลับฉู่ไม่ได้ จึงต้งรกราก � ั ี แต่งงานกับชาวแถน ใช้ประเพณีแถน ปกครองเมืองแถน ภำพที่ ๑๕ รำชวงศ์โจว (World Atlas of History) นามว่า “สางเฉียว (Zhang Qio)” จนถึงสางเชียง ในปี ๑๐๙ BC ั ๋ ิ ิ ื ั ราชวงศ์ฉน หรอจน (๒๒๑ BC) และอาณาจกรฮ่น ตะวันตก (๒๒๑ - ๘๗ BC) นครลุงของไทถูกจิ๋นยึดครองมานาน ในปี ๗๗๑ BC ี ้ พระเจ้าเว็นยาตราทัพออกจากนครลุงขับพวกอ ต และ ี ้ ๙๘ ั ไปโจมตีรัฐเจ้า ต่อมาจักรพรรดิจ๋นซีรวมรัฐท้งหมด และ ิ ปราบแดนใต้ ท้งฉินและฮ่นตะวันตกใช้นโยบายกลืนชาต ิ ั ั ๒ วิธีคือ วิธ Hard Power โดยอพยพชาวฮ่นช้นสอง ั ั ี และนักโทษ มาตั้งรกรากแทนไทในหนานเยว่ พร้อมย้าย ภำพที่ ๑๖ รัฐอ้ำยลำว (ประยุกต์ SSR: Bin Yang) ุ ี ๙๙ ื ั ู ไทหลอไปอย่นครจ๊ก หรอเสฉวน ในยคฮ่นช่วงต้นม ี เปล่ยนได้ จึงพบดีเอ็นเอในมองโกเลียเหมือนไท ส่วน นโยบายการทูตส่งหญิงไปแต่งงาน (Heqin) แต่ทูตเอี้ยน นโยบายที่ ๒ ที่ท�ามานานคือ Soft Power ใช้ความเชื่อ ื ี ้ กลับลภัยตามไปด้วย ต้องหยุดโครงการ เม่อซ่งหน ู “หยาง” สยบ “หยิน” ของไท โดยเติมท้ายเมืองไท ๑๐๐ ั ั ี กวาดต้อนด้านเหนือแถบเอ้ยน สาง ไท และไทยวน ด้วยหยาง เช่น ล่วเป็นล่วหยาง เสียนเป็นเสียนหยาง ี ทุกปี (๑๒๗ - ๑๓๐ BC) ฮ่นอูต้ก็อพยพคนไท ภูเป็นภูหยาง เอ้ยนเป็นเอ้ยนหยาง และเปล่ยนช่อเดิม ื ี ๑๐๑ ั ี ี ื และเผ่าอ่นไปเติม จนไม่เหลืออัตลักษณ์ความเป็นไท เช่น “เมืองสาง” ที่มีแร่ทองแดงเป็น “ด่านหยาง” ื คงอยู่แต่ช่อสถานท่และดีเอ็นเอคนไทท่ไม่สามารถ ี ี ๙๖ Sutherland ibid ๙๗ ภัททิยำ ยิมเรวัติ ล ด. หน้ำ ๓๘-๓๙. ๙๘ Burton Watson, op. cit. p.185 ๙๙ กัญญำ ลีลำลัย ล ด. หน้ำ ๑๔๕ ๑๐๐ Chin, Tamara T., “Defamiliarizing the Foreigner, Sima Qian’s Ethnography and Han-Xiongnu Marriage Diplomacy”, pp.324-326. ๑๐๑ Emperor Wu pp.21-30. นาวิกศาสตร์ 60 ปีที่ ๑๐๔ เล่มที่ ๗ กรกฎาคม ๒๕๖๔

ี ี ่ ๋ ้ ี ั ้ ี ้ � ในยุคฮั่นตะวันตกเริ่มจากสองอองผูยิ่งใหญ หลิวปัง เซ่ยงอ่ฆ่าตัวตายท่แม่นาม่หลอ ยุคฮ่นอู่ตี หลังปี ๑๒๖ BC ี ่ ี ้ ้ ี ชาวฮ่น กับเซ่ยงอ (สางอ่/สางย่) ชาวไทจากห้วยคึร่วมมือ เคยสง ๔ ทมคนหาเสนทางสายไหมใตแถบยนนานแตถก ี ี ู ้ ั ่ ู ่ ้ ้ ี ้ ิ � ู ่ ่ กนปราบฉน หลวปงใชวธนมนวล สวนเซยงอใชวธโหดราย แถนและเยวลางกักตัว ถกเผาขนมงปลน แตยังแอบจาลอง ิ ่ ่ ุ ี ้ ิ ิ ั ่ ุ ่ ี ี ่ ่ ั ่ ิ แม้เซ่ยงอ่จะชนะได้รับการสถาปนาในช่วงแรกผลักดันให้ ขุดหนองแสในนครฉางอานเพ่อฝึกการรบทางเรือ ๑๐๒ ื ี ี หลิวปังไปอยู่เสฉวน แต่ภายหลังหลิวปังท่ได้ใจชาวบ้าน มุ่งมาปราบอ้ายลาว ซือหม่า เชียน ก็เคยมายูนนาน ี พร้อมแม่ทัพไทแปรพักตร์ช่อหาญซ่น กลับมากอบกู้จน ิ ื อาณาจักรอ้ายลาว (๑๒๒ – ๘๗ BC) (ครั้งที่ ๒) ประมาณปี ๑๒๒ BC ซือหม่า เชียน ในสื่อจี้ สรุป เผ่าต่าง ๆ ในบริเวณยูนนานว่า “ท่ามกลางหลายเผ่า ๑๐๓ ี ทางตะวันตกเฉียงใต้ของจีน เยว่ล่างใหญ่ท่สุด ในกลุ่ม เหมียว (มิโม) มแถนใหญ่ท่สุด เหนือแถนมีเผ่าเชียง ี ี � ใหญ่สุด ทุกคนเกล้าผมขมวดปมท้ายทอย ทานาลุ่ม อาศัยในเมือง ห่างไปทางตะวันตก ทางตะวันออกของ ี ้ ่ ี ื ตงจ่อ เหนือเย่อว คือเผ่าสุย และขุนมิ่ง เผ่านถักผม เล้ยงสัตว์ อีสานของสุยคือพวกส (Xi) และจอก (Zou) ี ี ั ั อีสานของจอกคือร่นกับม่ง อยู่ทางตะวันตกของสู่ ี ภำพท่ ๑๗ อำณำจักรอ้ำยลำว และตระกูลสำงด�ำ สำงแดง และสำงดิน (เสฉวน) อีสานของร่นม่งคือพวกต ซ่งอยู่ทางตะวันตก ั ้ ี ึ ั (ประยุกต์จำกฟ้ำ – ขวัญ - เมือง ส�ำหรับ Soft Power เจำะเวลำหำอ้ำยลำว) ิ ของปา และสู่” วิเคราะห์ได้ว่า ขุนม่งและสุยเป็นกลุ่ม ภาษาจีน - ทิเบต ส่วนเยว่ล่าง แถน และเชียง เป็นกลุ่ม เผ่าไท - กะได ยืนยันการเกล้าผมเพ่มด้วยการพบ ิ กลองมโหระทึก และหม้อเก็บเบี้ยที่ยูนนาน ทั้งนี้รวม ๑๐๔ ลาวทอง และชาวปออยู่ตะวันตกของเยว่ล่าง อ้ายลาว ี ู ๑๐๕ กับภ อยู่ใต้ต้าหล่ลงมาเล็กน้อย และประยุกต์เมือง ๑๐๖ ต่าง ๆ ตามเส้นทาง Horse Silver Cowries ของ Bin Yang ได้ตามภาพที่ ๑๖ ซือหม่าเซี่ยงหรู ระบุในปี ู ั ิ ๑๒๖ BC ว่าถงเม่งเกณฑ์ชาวปา ส่ และเผ่าข้างเคยง ี ิ ่ ื ึ สร้างทางจากเมืองปอ ไปสางค (สางดน) เพอเตรยม ี โจมตีน่านเยว่ มีการทาโทษทหารแบบไร้ธรรมเนียม � สร้างความเดือดร้อน ต่นกลัว อีกท้งช่วงน้น ฮ่นอู๋ต้ส่ง ั ี ั ั ื ภำพที่ ๑๘ อำณำจักรสยำมในปี ๙๐ - ๑๓๑ AD ๔ ทีมสารวจเส้นทางสายไหมด้านใต้ กระทบต่อเมืองเชียง � ๑๐๒ Bin Yang Between Wind and Cloud Chapter 3: p.3-4 ๑๐๓ Geoff Wade, “The Polity of Yelang and the Origins of name China”, p.21-25. ๑๐๔ ชลริธำ สัตยำวัฒนำ, “ด�้ำ แถน ก�ำเนิดไท, (กรุงเทพฯ: ส�ำนักพิมพ์ทำงอีศำน, ๒๕๖๑),” หน้ำ ๒๖๙-๒๗๘ ๑๐๕ Bin Yang, op. cit. Chapter I: p.10. ๑๐๖ Bin Yang, Horse Silver Cowries, p.1-22. นาวิกศาสตร์ 61 ปีที่ ๑๐๔ เล่มที่ ๗ กรกฎาคม ๒๕๖๔

ื (Qiong) หากเทียบเคียงตามฟ้า – ขวัญ - เมืองแล้ว มีแต่หนัง ขนแข็งยาว ตัวควรใหญ่กว่าช้าง คิดว่าเพ่อนโกง เจ้าเมืองเชียงคือผ้าเหง้าสายเลือดสางด�า ที่มีความเสี่ยง จึงต่อสู้กัน ภายหลังรู้ความจริงก็อับอาย จึงพาพลพรรค

๑๑๑ ถูกรุกรานจนต้องหาเมืองปกครองใหม่ ในขณะท ่ ี หนีขุดลอกคลอง ๒๑ วัน เกิดเป็นแม่น�้าโขง วิเคราะห์ ั เจ้าเมืองสาง (แถนเยว่) สวรรคตไร้ทายาท ปู่คิงคา จึงเชิญ ได้ว่าเป็นการอพยพของคนไทยหนีสงครามฮ่นในช่วง � ื � ๑๐๗ เหง้าค�า หรือ ฟ้าบดร่มสางด�า มาปกครองเมืองใหม่ ๑๐๐ - ๘๗ BC โดยมีผู้นาเช้อสายสางดาและสางแดง � ื ึ ี ื ช่อว่า “เชียงเครือ” ซ่งเป็นพ้นท่เดิมของสางแดง มาสร้างอาณาจักรสยามแถบหนองคาย ซ่งตรงกับอาณาจักรอ้ายลาว ทาให้สางมีสามกลุ่มหลัก � ึ � ๑๐๘ � ้ คือ สางดา (ฟ้า) และสางแดง (นา) และสางดิน เมืองมาว และ เมืองผีอิงคึ (๑๐๖ BC – ๑,๕๐๐ AD) (ปู่คิงค�า หรือท้าวทองเจ้าเมืองเยว่ล่าง) ที่มีก�าลังอ�านาจ เมืองมาวมีอายุต่างกัน เจ้อนอ้เหล้ยงอ้างใน ี ี ื ุ ื แห่งชาติใกล้เคียงกันตามภาพที่ ๑๗ ประวัติศาสตร์เช้อชาติไทยว่ามีอาย ๓,๐๐๐ ปี บางแหล่ง ในปี ๑๑๒ BC ฮั่นยกทัพปราบน่านเยว่ ต่อมาในปี อ้าง ๒,๐๐๐ ปี หลายแหล่งระบุคริสต์ศตวรรษท ๖ ๑๑๒ ี ่ ั ั ๑๐๙ BC ฮ่นปราบแถน สางเชียงเจ้าเมืองแถน หลังจากฮ่นยกทัพมาปราบแถนใน ๑๐๙ BC เป็นเหต ุ ๑๐๙ ั ยอมจ�านน หลังปี ๑๐๕ BC ฮั่นโจมตีอ้ายลาว หลังจาก ให้อ้ายลาวต้องหาทางเอาตวรอด โดยต้องส่งลกหลาน ู ื ขุดหนองแสงจาลองในฉางอานเพ่อฝึกการรบทางเรือ ไปสร้างบ้านแปงเมือง ประมาณ ๑๐๖ BC เพ่อสอดคล้อง � ื แต่ไม่มีการบันทึกผลสงคราม เช่อว่าท้งฮ่นและไทได้รับ กับคุณสมพงศ์ วิทยศักด์พันธ์ ระบุชาวไทใหญ่ก่อต้ง ั ื ั ิ ั ความสูญเสียจากสงครามท้งสองฝ่าย ซือหม่า เชียน อาณาจักรต้งแต่ก่อนคริสตกาลเป็นต้นมา เร่มแยก ั ิ ๑๑๓ ั ั ี เน่องจากอาจไม่พอใจกษัตริย์ฮ่นอู่ต ท่ส่งตอนตนจน พ้นท่ปกครองวงศ์สางดาฝั่งตะวันตกแม่นาล้านช้าง ั � � ้ ้ ื ี ี ื ่ ๑๑๐ � ิ ื ่ ี สนสภาพชาย ซ่อนบนทึกบางส่วนไว้ทเขามง ส่วนสางแดงฝั่งตะวันออก ร่วมกับไทล้อทาศึกกับยักษ์ ้ ิ ั ้ � ่ � ในสงครามไทใช้กลยุทธฟันทอง ฟันเงิน ลวงสะท้อน สแสนหมอนม้าผลักดันข้ามแม่นาลานช้างตามตานาน ี � แสงไฟช่วงกลางคืนพร้อมทาเสียงอึกทึกสร้างความสับสน อาละโวกะยักษ์ (อ้ายลาวกับยักษ์) ส่วนพวกฟันดาแต่งชุดดาพาชาวไทอพยพในความมืด หลังสงครามอ้ายลาว - ฮ่น ชาวไทท่รอดตายจาก � ี � ั ี ื หลอกฝ่ายฮ่นเข้าพ้นท่ลุ่ม ปล่อยนาท่พวกเงือกสีลา น�้าท่วม กระจัดกระจาย ในฟ้า – ขวัญ - เมือง ระบุว่า ั ี ้ � ึ ่ ้ กักไว้ตามยอดเขา ปล่อยนาท่วมทัพฮ่น แต่ชาวไท “เลงดอน เจาฟาแผด ปรกษากบยาแสงฟา และลาวขร ี ั ้ ่ ั ้ � ้ � รอดชีวิตด้วยน�้าเต้า แล้วเชิญ ขุนหลวง ขุนหลาย หลานเทพเจ้าแถนคา ้ ี เหตุการณ์น สอดรับกับพงศวดารโยนกเล่าถึง เครือญาติของเล่งดอนให้ไปครองเมืองกลางท่มีคน ี � พญานาคสองตัวเป็นเพ่อนกันอาศัยในหนองกระแสร์ หลายเช้อชาติ แตกออกมาจากนาเต้า” จะเหนได้ว่า ็ ื ื ้ � พระยาศรีศตนาค ได้ช้างป่ามาเป็นอาหารจึงแบ่งให้ เหตุการณ์สอดคล้องกับตานาน ยืนยันได้ว่าเมืองมาว � เพ่อนสหายนหุตนาคคร่งตัว ต่อมานหุตนาคได้เม่นมา (เมืองฮา เมองฮี) เกดต่อจากยุคอ้ายลาว อาจเป็นเมือง ิ ื ึ ื ื ก็แบ่งให้ศรีศตนาคคร่งตัวเช่นกัน แต่ศรีศตนาคเห็นเน้อเม่น ตะโก้ง (หรือต้าปี) หรือปง (ซีปอ) ที่อ้างโดยเพมเบอร์ตัน ึ ๑๐๗ รณี เลิศเลื่อมใส, ฟ้ำ-ขวัญ-เมือง, หน้ำ ๑๔๙. ๑๐๘ รณี เลิศเลื่อมใส ด. หน้ำ ๑๙๘. ๑๐๙ Bin Yang op. cit. Chapter 3: p.5. ๑๑๐ Burton Watson, op. cit. p.92. ๑๑๑ นพคุณ ตันติกุล, ล้ำนนำ ในมิติกำลเวลำ (เชียงใหม่: ส�ำนักพิมพ์ The Knowledge Center, ๒๕๔๘ ) หน้ำ ๕๔ - ๕๕ ๑๑๒ กัญญำ ลีลำลัย ล ด. หน้ำ ๙๕ ๑๑๓ สมพงศ์ วิทยศักดิ์พันธ์ ล ด. หน้ำ ๔๗-๔๘. นาวิกศาสตร์ 62 ปีที่ ๑๐๔ เล่มที่ ๗ กรกฎาคม ๒๕๖๔

ั ื ๑๑๔ ึ นายทหารชาวอังกฤษในปี ค.ศ.๑๘๙๕ สอดคล้องกับ และสยาม ซ่งต้งอยู่นอกร่อหนาน (เวียดนาม) ส่งทูต ต�านานสามเณรกินหัวไก่ และได้เป็นเจ้าเมือง ประมาณ และบรรณาการมา” จึงยืนยันได้ว่าชาวไทสร้างอาณาจักร คือ ๑๓๖ - ๘๔ BC สามเณรดังกล่าวน่าจะเป็นขุนลูหรือ สยาม ๒ แห่ง เส้นทางท่ผ่านยูนนานเป็นกลุ่มสยาม ี ิ ิ � ขุนไล ท่บวชตามคาแนะนาของสิกขาม่ง (ขุนม่งมีศักด ์ ิ เมืองมาว สอดคล้องกับฟ้า - ขวัญ - เมืองท่สร้างบ้านแปง ี ี � ๑๑๕ ี ี เป็นน้า) ตามภาพที่ ๑๗ ข้างต้น กลุ่มนี้เป็นบรรพบุรุษ เมืองจากสางดาไปส้นสุดท่ฉาน ส่วนเส้นทางท่สองผ่าน ื � ื ฉานพบความเช่อนับถือผีแม้แต่งานเล้ยงกษัตริย์ต้อง หนานเยว่น่าจะเป็นกลุ่มสางแดงสร้างอาณาจักรสยาม ี � ๑๒๒ � นาอาหารเซ่นไหว้ ยามตายมีมด (แม่มด) ทาพิธ ี ๑๑๖ เช่นกัน พบอาณาจักรเสียม - หลอ (ศรีโพธ์) ในศตวรรษ ิ ่ ี ่ ี ี ี เมืองข้างเคียงท่คณะทูตจากเมืองจีนเดินทางไปเยือนคือ ท ๘ เสียมกุกในศตวรรษท ๑๒ ตามท่พบภาพสลักหิน ปะโทเมียว และหะลิงยี เป็นต�านานอนุชาทรงพระสรวล นครวัด เข้าสู่สยามจนถึงรัตนโกสินทร์ จะเห็นได้ว่า ๑๒๓ ๑๑๗ เป็นทอง รวมทั้งเมืองศรีเกษตรด้านล่าง โดยนา หลังยุคอ้ายลาวเกือบ ๒๐๐ ปี ไทได้พัฒนาเป็นรัฐสยามถึง � ่ ี ี � กลองมโหระทึกมาด้วย ภายหลังเลงดอนแยกไปปกครอง ๒ แคว้น ตามภาพท ๑๘ ท่ใหญ่โตพอท่จะดาเนินนโยบาย ี � ี ้ ิ ื ั ี ิ ่ เมืองผีอิงคึ (แถนเยว่) จากยุคสาง เข้ายุคแสง วงศ์สางด�า การทตแบบ “จมก้อง” กบจนและนาศลปะทถนดคอ ั ู สางแดง เล่งดอน ครองเมืองผีอิงคึ ขุนลูขุนไลครองเมือง การดนตรีไปแสดงด้วย ฮา - ฮาย ราชวงศ์แสง จบลงประมาณคริสศ์ตวรรษท ๑๖ ๑๑๘ � ี ่ อาณาจักรน่านเจ้า (๖๔๖ - ๑๒๖๐ AD) เป็นของไท อาณาจักรสยาม ๒ แห่ง (๙๐ - ๑๒๑ AD) มิใช่ของชาวไป่หยี ั หลังคริสตกาลมีหลักฐานบันทึกโดยฮ่น “ในเดือน ชาวไท และอ อย่ด้วยกนมานานมาก ไทอย่รม ้ ู ู ิ ั ๑๑๙ ี ้ ี � ้ ี ้ � มกราคม ปีท่ ๙ รัชกาลหย่งหยวน (ค.ศ. ๙๗) พวกหม่น แม่นาหลอ อ้อยู่ริมแม่นาอ จีนเรียกไทว่า “หลอ” ชาวอ้เรียก ั ี ี ั ี ึ และอ๋ และอาณาจักรสยาม ซ่งต้งอยู่นอกหย่งชัง ตนเองว่า หลอหลอ ลั่ว (Luo คือเสือ) หรือโล้โล้ นับถือ � ี ี � ี นาบรรณาการมาท่ราชสานักโดยต้องใช้ล่ามหลายภาษา” หยิน - หยางเหมือนเกาหล พวกอ้ตะวันตกพบมาก และในจดหมายเหตุของจักรพรรดิอานได้บันทึกไว้ว่า แถบแคว้นปา Yu Hongmo ศึกษาลวดลายหม้อดินเผา ๑๒๐ ิ ่ ี ้ “ศกหย่งหนิงปีแรก (ค.ศ. ๑๒๐) ในเดือนธันวาคม ทบานปอ ภาษาอสามารถถอดความหมายในหมอดนเผา ้ ้ ี อาณาจักรเสียม อยู่นอกหย่งชาง ส่งทูต และบรรณาการ” บ้านปอได้เกิน ๘๐ เปอร์เซ็นต์ ในขณะท่ภาษาฮ่น ั ี ุ ื ระบกษตริย์ชอ “ท้าวยง” (Diao – Yong - Dao) ๑๒๑ ท�าไม่ได้ ๑๒๔ ั ่ ั ื ื ี นอกจากน้ในหัวข้อเร่องจักรพรรดิซุ่น “ในเดอนธนวาคม อาณาจักรน่านเจ้ามีอาณาเขตกว้างขวาง เขตมณฑล ๑๒๕ ี ี ั ปีท่ ๖ รัชกาลหย่งเจ้ยน (ค.ศ. ๑๓๑) อาณาจักรเอ้อเต่ยว ยูนนานท้งหมดรวมแคว้นสิบสองปันนาด้วย ี ๑๑๔ ยศ สันตสมบัติ หลักช้ำง (กรุงเทพฯ: ส�ำนักงำนมูลนิธิวิถีทรรศน์, ๒๕๔๒), หน้ำ ๕. ๑๑๕ จ้ำวหงหยิน, สมพงศ์ วิทยศักดิ์พันธ์ แปล, พงสำวดำรไท “เครือเมืองกูเมือง” หน้ำ ๓-๔. ๑๑๖ เสมอชัย พูลสุวรรณ รัฐฉำนเมืองไต (กรุงเทพฯ: ศูนย์มำนุษย์วิทยำสิรินทร, ๒๕๖๐) หนำ ๔๓ ้ ๑๑๗ หม่องทินอ่อง, เพชร สุมิตร แปล,ประวัติศำสตร์พม่ำ, หน้ำ ๗. ๑๑๘ จ้ำวพระยำธรรมแต้ (จ้ำวหงหยิน และสมพงศ์ วิทยศักดิ์พันธ์ แปล), พงศวดำรเมืองไท: เครือเมืองกูเมือง (กรุงเทพฯ: ส�ำนักพิมพ์ตรัสวิน, ๒๕๔๔), หน้ำ ๓๐. ๑๑๙ สมพงศ์ วิทยศักดิ์พันธ์ ล ด. หน้ำ ๔๔. ๑๒๐ สมพงศ์ วิทยศักดิ์พันธ์ ล ด. หน้ำ ๒๖. ๑๒๑ Bin Yang Ibid Chapter 3: p.3-4. ๑๒๒ เสนีย์อนุชิต ถำวรเศรษฐ (๒๕๔๗) สยำมประเทศไม่ได้เริ่มต้นที่สุโขทัย หน้ำ ๒๒ ๑๒๓ ชำญวิทย์ เกษตรศิริ และคณะ “นี่ เสียมกุก SYAM KUK, ๒๕๔๕ กรุงเทพฯ: มูลนิธิต�ำรำมนุษยศำสตร์และสังคมศำสตร์ หน้ำ ๓๒-๓๖ ๑๒๔ Stevan Harrell et al, The History of History of the YI, Part II, Modern China, Vol 29 No.3 July 2003 p.376. ๑๒๕ ธีรภำพ โลหิตกุล “คนไทในอุษำคเนย์” (กรุงเทพฯ: ส�ำนักพิมพ์ประพันสำสน์ จ�ำกัด, ๒๕๓๗) หน้ำ ๒๖ นาวิกศาสตร์ 63 ปีที่ ๑๐๔ เล่มที่ ๗ กรกฎาคม ๒๕๖๔

ื � ี ึ จากตานานอาณาจักรน่านเจ้าสืบเช้อสายจากเจ้าซูส่ง ลานช้าง ซ่งการกระจายตัวของภาษาอ้ในยูนนาน ื ื ๑๓๐ ิ ผาซ่อมีลูกหลานนามผาใย และผาม จนถึงองค์สุดท้าย โดย Steven Harrell พบเป็นกลุ่มแต่น้อยมากเม่อ เจ้าตวันแจงส่วนถูกมองโกลยึดใน ค.ศ.๑๒๖๐ จึงม ี เทียบกับกลุ่มภาษาไทในพื้นที่ � ความเป็นไปได้ว่าอาณาจักรน่านเจ้าเกิดจากการรวมตัว เอกสารจีนย่อมออกเสียงเพ้ยนไปจากคาไท เช่น จีน ี ื ๑๓๑ ื ของกลุ่มคนไท การออกเสียงแบบจีนกับช่อผู้ปกครอง ออกเสียง “ซือเขอะฟ่ะ” หากอ่านช่อจีนพอจะตีความ ื อาณาจักรน่านเจ้าสร้างความสับสน จึงมีผู้แย้งช่อ ได้ว่า ซือเขอะฟ่ะน่าจะเป็นภาษาส�าเนียงไปหยี แต่ที่จริง ี ี ผู้ปกครองน่านเจ้าเป็นของไปหย จีนเรียกอาณาจักร คือ “เสือข่านฟ้า” ของไทน่เอง การเรียงคาตรงข้าม � ั ื น่านเจ้าว่า สานสานโก๊ว ควรเป็นสานษาณค แปลว่า เช่น โกสามปย (หัวเมองไตทงเก้า) โกสัมพ หรอ ี ึ ้ ี ื ึ แผ่นดินของไท ๓ เผ่า หรือเก้าเผ่าไท (โกในไทใหญ่แปล โก๊ะล่อฝง ตรงข้ามกับผีล่อโก๊ะ ก็ไม่แปลกอะไรข้นกับ ั ี เก้าได้ด้วย) อาณาจักรน้ต้งโดย สีนุโหล ควรเป็น สีนู่หลอ การเรียงความหมาย จะอ้างว่าอาณาจักรน่านเจ้า � ้ แปลว่า ชาวหลอลูกหลานย่าสังคะสีแห่งแม่นาสาละวิน เป็นของไปหยีไม่ได้ ผีล่อโก๊ะ อาจเป็น ผีหลอค (สางหลอคึ) หมายถึงสาง ึ ๑๒๖ ผู้เป็นเจ้าแผ่นดินของชาวหลอ (โก อาจแปลว่าเก้าได้) คนไทในสุวรรณภูมิ ื � ื หมายถึงสางหลอผู้น�าไทเก้าเมือง โก๊ะล่อฝง (ฝงเหมือน เคร่องมือเคร่องใช้หินกะเทาะสาหรับล่าสัตว์ใน ี ฟ้า และเฟี้ย (พญา) แปลว่าเจ้าแผ่นดินของ จังหวัดกระบ แม่ฮ่องสอน กาญจนบุร และสตูล ๑๓๒ ๑๒๗ ี ่ ั ื ้ หลอ หรือ “คึหลอฟ้า” หลวงวิจิตรวาทการใช้ช่อว่า พบโบราณวตถทบานเชยง ๕.๗ - ๖.๗ kBP พบโรงหลอ ๑๓๓ ี ี ุ ่ ่ ี ์ ิ “ขุนหลวงฟ้า” ๑๒๘ สัมฤทธ และเศษผ้าไหมในหลุมศพท่บ้านเชียง อาย ๖ kBP ุ ื ชนชาวไปหยีเป็นชนช้นสองชนเผ่าหย (YI) สืบเช้อสาย พร้อมลกศรสมฤทธ์อาย ๕.๕ kBP พบหม้อสามขา ี ั ั ิ ุ ู ี ี ุ ี ้ ี จากตงอ (DongYi) ยุคราชวงศ์สาง และอ (Yi) ในแคว้นปา อาย ๕ kBP ท่สุราษฎร์ธาน เหมือนกับมาเลเซีย ้ ๑๓๔ ี ชาวอี้ถูกเกณฑ์มาปราบแถนใน ๑๐๙ BC และตกค้างใน พบหม้อสามขาเหมือนจีนท่กาญจนบุร สุพรรณบุร ี ี ี ึ � ึ อ้โจว ชาวอ้ดา (Black Yi) ซ่งเป็นชนช้นหน่งไม่ยอม และชุมพร พบกลองมโหระทึกท่ท่ามะกา และ ี ี ๑๓๕ ั ี ๑๓๖ แต่งงานกับต่างเผ่า ไปหยี หรืออ้ขาว ซ่งเป็นพลเมือง หน้าเข่อนเจ้าเณรกาญจนบุร แสดงว่าคนไทในสุวรรณภูม ิ ึ ี ื ี ี ั ั ช้นสอง ส่วนอ้ดาท่แต่งกับอ้ขาวจะเป็นชนข้นสาม ๑๒๙ ก็มีความเจริญไม่แพ้จีน ี � ี จึงถูกรังเกียจ จึงเป็นไปไม่ได้ท่อ้ขาวจะเป็นท่ยอมรับ วัลลภา รุ่งศิริแสงรัตน์ ได้จัดมนุษย์โบราณใน ี ี ให้เป็นผู้นาอาณาจักรน่าน ท่มชนเผ่าไทตงรกรากอยู่ ประเทศไทยรุ่นแรกอยู่ในตระกูลออสโตนีเชียน ๑๓๗ ั ้ � ี ี ึ มากมายทั่วบริเวณอัสสัม พม่า เวียดนาม ยูนนาน และ ซ่งเป็นบรรพบุรุษของอินโด จาม ข่า ไทย และญวน ๑๒๖ เสมอชัย พูลสุวรรณ ล ด. หน้ำ ๗๘. ๑๒๗ ภัททิยำ ยิมเรวัติ, ประวัติศำสตร์สิบสองจุไท (กรุงเทพฯ: ส�ำนักพิมพ์สร้ำงสรรค์, ๒๕๔๔), หน้ำ ๑๐๙. ๑๒๘ หลวงวิจิตรวำทกำร, ประวัติศำสตร์สำกล: ประวัติศำสตร์ไทย หน้ำ ๑๓. ๑๒๙ Yi Culture Under Scrutiny, http://www.china.org.cn/english/2000/Nov/4274.htm ,Retrieve 26 Dec 2009. ๑๓๐ Goeff Wade, “The Polity of Yelang and the Origin of Name China” p.17. ๑๓๑ เสมอชัย พูลสุวรรณ ล ด. หน้ำ ๓๘. ๑๓๒ ธนิก เลิศชำญฤทธิ์, ภำชนะดินเผำยุคก่อนประวัติศำสตร์ในประเทศไทย (นนทบุรี: ส�ำนักพิมพ์มิวเซียมเพรส, ๒๕๖๐), หน้ำ ๑๙. ๑๓๓ สุรพล ด�ำหริกล, แผ่นดินอีสำน (กรุงเทพฯ: ส�ำนักพิมพ์เมืองโบรำณ, ๒๕๔๙), หน้ำ ๑๕. ๑๓๔ อุดม เชยกีวงศ์ ล ด. หน้ำ ๓๔-๔๑. ๑๓๕ ธนิก เลิศชำญฤทธิ์ ล ด. หน้ำ ๕๖-๖๐. ๑๓๖ ประทุม ชุมเพ็งพันธ์ ล ด. หน้ำ ๑๒๒ และ ๑๔๘. ๑๓๗ วัลลภำ รุ่งศิริแสงรัตน์ บรรพบุรุษไทย: สมัยก่อนสุโขทัยและสมัยสุโขทัย (กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์แห่งจุฬำลงกรณ์มหำวิทยำลัย,) หน้ำ ๕ นาวิกศาสตร์ 64 ปีที่ ๑๐๔ เล่มที่ ๗ กรกฎาคม ๒๕๖๔

ื ี ถัดมาคือพวกออสโตรเอเชียติก ได้แก่ มอญ เขมร ท่มาจาก หลากหลาย ไม่เป็นสากลเม่อเทียบกับละครเกาหล ี ึ ตอนใต้ของประเทศจีน ซ่งสอดคล้องกับหลักฐานท้ง และสุดท้ายการส่งเสริมความเป็นไทย (Thainess) จะถูก ั ื ี ดีเอ็นเอ และหลักฐานอ่นท่ได้กล่าวแล้วข้างต้นโดย ต่อต้าน ๑๔๒ ออสโตเอเชียติกผลักดันออสโตเนียลงมาผ่านทางไต้หวัน ี ิ ้ ั ั ุ � ู ็ และทางลาว หลงจากนนออสโตเอเชยตกกถกกล่ม แนวทางปลูกจิตสานึกคนไทย ด้านประวัติศาสตร์ ไท - กะไดผลักดันมาอีกทอด และมารวมกับกลุ่มตระกูล ด้วยยุทธศาสตร์ Soft Power เดียวกันมีมาจากอินเดีย ในการด�าเนินการ Soft Power นั้น สามารถน�าเสนอ ในรูปแบบเกมส์ และการ์ตูนส�าหรับเยาวชน ส่วนบุคคล � ั แนวทางปลูกจิตสานึกเยาวชนด้วย Soft Power ท่วไปจะใช้ละครซีร่ส์ แบบละครเกาหล “จูมง” และ ี ี ด้านประวัติศาสตร์ ภาพยนตร์อิงประวัติศาสตร์ โดยไม่เน้นความเป็นไทย ยุทธศาตร์ Soft Power (Thainess) แต่นาเสนอไทโบราณท่เป็นคุณลักษณะ ี � การใช้อานาจละมุน (Soft Power) ตามความคิด รวมกนของคนไท และลาวในอาเซยน ในเรองตาง ๆ ดงน ้ ี � ื ั ่ ี ั ่ ่ ื ๑๓๘ ของ Joseph Nye โน้มน้าวให้ต่างชาติเช่อตน เช่น “ฟู่ห้าว” วีรสตรีไทเชลยสงคราม ยอมสละความรัก ี หนังฮอลลีวูดท่ส่วนใหญ่อเมริกันเป็นพระเอก รัสเซีย ในเผ่าเป็นสนมสาง ต่อมาเป็นแม่ทัพหญิง สู้รบกับฝาง และจีนเป็นผู้ร้าย ซึ่งนอกจากต่างชาติมองสหรัฐอเมริกา ชนะศึกมากมาย ไต่เต้าเป็นมเหสีจักรพรรดิอู่ติ่ง (๑๒๕๐ � ิ ในแง่ดีแล้ว ยังส่งผลให้คนอเมริกันรักชาต จีนพยายาม BC) เป็นธิดาเทพบูชา “สางฟ้า” และทานายทุกเช้า ั ้ ั ใช้ Soft Power โน้มน้าวชาวโลก เช่น การตงสถาบน ก่อนกษัตริย์บริหารบ้านเมือง ภายหลังเกิดความขัดแย้ง ั ๑๓๙ ื ขงจ้อ มีลูกศิษย์มากมายจนสหรัฐอเมริกา ส่งปิด ระหว่างมเหสีซ้าย ฟ้าจิง (ฟู่จิง) มีการใส่ร้ายป้ายสีว่าเป็น ช่วงโควิดระบาดจีนยังใช้ Soft Power กับประชาคม ชู้กับโอรสองค์โต ซู่จี (Zuji) โอรสมเหสีเก่า จนรัชทายาท อาเซียน ๑๔๐ องค์กรต่าง ๆ ล้วนใช้ประโยขน์จาก ถูกเนรเทศและตายต่างแดน สุดท้ายจักรพรรดิอู่ติง Soft Power แม้แต่ประธานาธิบดีทรัมป์ ก็เช่นกัน ๑๔๑ ออกทาพิธีไหว้บูชาสางฟ้า และสางถังเอง แต่ภายหลัง � ี สาหรับไทยน้น สานักงานสนับสนุนการวิจัยได้จัด ด้วยความดีของเธอ ฟ้าห้าวก็สามารถเป็นท่ไว้วางใจอีกคร้ง ั � � ั สัมมนา Soft Power ด้วย ๓ องค์ประกอบ คือ วัฒนธรรม สามวีรสตรีแคว้นเยว่ (๕๐๐ - ๔๘๕ BC) สองพี่น้อง ็ ็ ่ ั ั ค่านิยม และนโยบายต่างประเทศ โดยมุ่งใช้ในกลุ่ม “ไซซ” แมตนเองจะเปนคนรกของแมทพฟนหล แตกยอม ี ่ ี ่ ั ้ ่ � ื ประเทศอาเซียน แต่พบอุปสรรคคือ ขาดการบูรณาการ ทาเพ่อบ้านเมือง ยอมสละตนเองบาเรอฟู่ไฉกษัตริย์แคว้น � จากภาครัฐ และเอกชน ขาดการพัฒนาเชิงลึก ไทย อู่ ส่วนสตรีคนที่สามคือ “หนูมา” (นู่มา) นักรบหญิงไทที่ ี ใช้ประโยชน์จากละคร ภาพยนตร์ และดาราท่ต่างประเทศ ช่วยฟั่นหลี่ สอนทหาร และร่วมรบจนจ้าวเจี้ยนเอาชนะ ี ื นิยมน้อยกว่าท่ควร เน้อหาละครไทยไม่มีความซับซ้อน แคว้นอู่ได้ในที่สุด ๑๓๘ Joseph S. Nye,Jr “The Information Revolution and Soft Power, 2014”Current History 113(759): 19-22 ๑๓๙ Elizabeth Reden, College Move to Close Chinese Government-Funded Confucius Institute and Increase Security, www.insidehigh- ered.com, Retrieved 2021-01-17. ๑๔๐ Keith Zhai and Patpicha Tanakasempipat, China Tests Its Soft Power in Southeast Asia Amid Coronavirus Outbreak, www.reuters. com/, Retrieved 2021-01-17. ๑๔๑ Joseph S. Nye Jr., American Soft Power will Survive Donald Trump, The National Interest, 2021-01-09, https://nationalinterest. org , Retrieved 2021-01-17. ๑๔๒ สกว. ยุทธศำสตร์ Soft Power ของไทย, สัมมนำ ASEAN Watch ใน ๑๗ ก.พ.๖๐ ณ โรงแรมเดอะ ศุโกศล กรงเทพฯ. นาวิกศาสตร์ 65 ปีที่ ๑๐๔ เล่มที่ ๗ กรกฎาคม ๒๕๖๔

� ึ “ย่าคาแดง” และ “ย่าย้อย” สองวีรสตรีของไท ข้นเหนือประมาณ ๓๐,๐๐๐ ปี คนไทในจีนประกอบด้วย ิ � ี ยุคก่อนส้นแคว้นเยว่ (๓๓๔ BC) ท่นาทัพไทร่วมกับ เผ่าเสียน และเอี้ยน ที่ถูกกลืน จ้วงยวน หลอ ซ่ง และภู ึ ื กษัตริย์อู่เจียงโจมตีแคว้นฉู่ แต่ถูกแคว้นฉู่ซ้อนกล ส่วนหน่งมาไทย แต่ส่วนใหญ่ตกค้างในจีน และเพ่อนบ้าน ส่งแม่ทัพรูปงามมาหลอกล่อสองวีรสตรีไท กว่าจะรู้ตัว ไทสร้างอาณาจักรสาง รัฐเยว่ อ้ายล้าว และน่านเจ้า � ี ี ก็สายเกินไป ทัพไทแตกพ่าย ทัพฉู่โต้กลับ แคว้นเยว่ ต่อมาถูกเผ่าเซ่ยท่เข้ามาจากนอกด่านผลักดัน ทาสงคราม ื ิ ั ั � ล่มสลาย ย่าคาแดงยอมสละความรักพาไทล้ออพยพมา กันหลายคร้งต้งแต่ยุคเส้นหนง เอ้ยนต สงครามสางถัง ี ี อยู่เชียงรุ้ง (สิบสองจุไท) ส่วนย่าย้อยก็เช่นกัน พาคนไท สงครามฉินปราบแดนใต้ สงครามกับฮ่นตะวันตก ั ี ี ู ุ อพยพไปญ่ป่นบริเวณเกาะคิวช สอนการเกษตรชาวญ่ป่น จนต้องอพยพลงใต้เป็นระยะจนถงสสุวรรณภูม สอดคล้อง ุ ึ ิ ู่ ื ทาเคร่องปั้นดินเผา สักตัว ตายไปถูกฝังเด่ยวในถา กับการค้นคว้าแบบเดิม และต�านาน พงศาวดารต่าง ๆ ี � � ้ ชาวญี่ปุ่นเรียกว่า Yayoi (ออกเสียงยาโยอิ) ในการผลักดันให้เยาวชนชาวไทยหันมานาพา � เจาะเวลาหาอ้ายลาว เป็นเร่องอ้ายสาม (๑๓๕ - ประวัติศาสตร์ ด้วยยุทธศาสตร์ Soft Power ท้งกลุ่ม ั ื � ี ๘๗ BC) สายเลือดนาค วงศ์สางดา ท่พยายามปกป้อง เยาวชน และบุคคลทั่วไป ซึ่งคนไทนอกประเทศจะได้รับ ชาวไทจากการรุกรานของฮ่นตะวันตก เพ่อเปิดเส้นทาง ประโยชน์ด้วย โดยกลุ่มเยาวชนจะใช้แนวคิดการสร้าง ั ื ั สายไหมผ่านอ้ายลาว โดยติดตามคณะทูตฮ่นไปขุด เกมส์ และการ์ตูน ส่วนบุคคลทั่วไป น�าเสนอแบบละคร ์ � ี ื ั ่ ู หนองมงจาลองในเมืองฉางอาน พบรกกบลกหลาน ซรส และภาพยนตรองประวตศาสตร และเนอหาทจะสอ ้ ั ิ ์ ่ ิ ์ ี ี ่ ื ั ่ ิ จักรพรรดิฮั่นอู่ตี้ ร่วมเดินทางผจญทางสายไหม (๑๑๙ - กับชาวไทนอกประเทศจะเน้นความเป็นไท โดยมีตัวอย่าง ๑๑๕ BC) ไปเมืองอู่ซุน กับคณะจางเชียน ร่วมรบใน คือ (๑) วีรสตรีไท “ฟ้าห้าว” (๒) สองวีรสตรีของไท สงครามนามเวียต ๑๑๒ BC แต่ด้วยความรักชาติ และ “ย่าค�าแดง” และ “ย่าย้อย” (๓) สามวีรสตรีแคว้นเยว่ ชนเผ่าไทต้องยอมเสียสละความรัก ทาผิดต่อกองทัพ “ไซซี และนู่มา” และ (๔) เจาะเวลาหาอ้ายลาว � พาคนไทอพยพเข้าร่วมสงครามแถน (๑๐๙ BC) ถูก ----- ขังคุกร่วมกับซือหม่า เชียน (๑๐๐ BC) ช่วยอ้ายลาวรบ บรรณานุกรม ั ั กับฮ่น พาไทอพยพมาต้งอาณาจักรสยามท้งสองแห่ง หนังสือไทย ั สุดท้ายเสียชีวิตด้วยความเข้าใจผิด ตายเพราะนาค กัลญำ ลีลำลัย (๒๕๔๑) ประวัติกำรค้นคว้ำวัฒนธรรมชนชำติไท และ ศ.คุณบรรจบ พันธุเมธำ สกว. เจ้ำพญำธรรมำเต้ แปลโดยเจ้ำหงหยิน และ สมพงศ์ วิทยศักดิ์พันธ์ (๒๕๔๔) พงศำวดำรเมืองไท รมฝั่งโขงตามประวัตไทยอาหม และเป็นต้นกาเนิด เครือเมืองกูเมือง กรุงเทพฯ หจก. ส�ำนักตรัสวิน (ซิลค์เวอมบุค) ิ ิ � บั้งไฟพญานาคมาจนถึงทุกวันนี้ ฉัตรทิพย์ นำถสุภำ และอุษำ โลหะกุล (๒๕๕๗) ชนชิตไทในประเทศจีน กรุงเทพฯ: ส�ำนักพิมพ์สร้ำงสรรค์ ฉัตรทิพย์ นำถสุภำ และอุษำ เจริญโลหะกุล (๒๕๖๒) วัฒนธรรมไทโบรำณชนชำติจ้วง กับควำมเข้ำใจ วัฒนธรรมไทย กรุงเทพฯ: ส�ำนักพิมพ์สร้ำงสรรค์ จ�ำกัด ชลธิรำ สัตยำวัฒนำ (๒๕๖๑) ด�้ำแถน สรุป ก�ำเนิดรัฐไท กรุงเทพฯ: ส�ำนักพิมพ์อีศำน ชำญวิทย์ เกษตรศิริ (บรรณำธิกำร) กุลพัทธ์ มำนิตย์กุล และ จากการค้นคว้าประวัติศาสตร์ไทยโดยอาศัย คณะ (ผู้แปล) (๒๕๔๕) นี่ เสียมกุก “SYAM KUK” (อ้ำงอิง Groslier, Bernard-Phillipe) กรุงเทพฯ: มูลนิธิโครงกำรต�ำรำสังคมศำสตร์

้ ุ ั การวเคราะห์ทางพนธกรรมทงเพศชายแบบ Y - DNA ธีรภำพ โลหิตกุล (๒๕๓๗) “คนไทในอุษำคเนย์” กรุงเทพฯ: ส�ำนักพิมพ์ประพันสำสน์ จ�ำกัด นพคุณ ตันติ ั ิ และเพศหญิงแบบ mtDNA พบว่าคนไทโบราณร่วมกับ กุล (๒๕๔๘) “ล้ำนนำ” ในมิติกำลเวลำ เชียงใหม่: ส�ำนักพิมพ์ The knowledge center ประวัติศำสตร์จีน กรุงเทพฯ: หจก. เอม่ เทรดด้ง บุญยงค์ เกศเทศ ิ ี ิ ี ทวป วรดลก (๒๕๔๗) กลุ่มภาษาออสโตเอเชียติก ออสโตนีเชีย จีน - ทิเบต และ (๒๕๔๘) อรุณรุ่งฟ้ำ “ฉำน” เล่ำต�ำนำนคน “ไท”. กรุงเทพฯ: ส�ำนักพิมพ์หลักพิมพ์ ม้ง - เมี่ยน อพยพมาจากอัฟริกาใน ๖๐,๐๐๐ ปีมาแล้ว ประทุม ชุ่มเพ็งพันธ์ (๒๕๔๖) สุวรรณภูมิ กรุงเทพฯ: ส�ำนักพิมพ์ สุวิริยำสำส์น พลำดิศัย สิทิธัญกิจ (๒๕๔๗) ผ่านอินเดียเข้าสู่จีนเป็นหลักยืนยันดีเอ็นเอเพศหญิง ประวัติศำสตร์ไทย กรุงเทพฯ: ฝ่ำยโรงพิมพ์ บริษัท ตถำตำพับลิเคชั่น จ�ำกัด ภัททิยำ ยิมเรวัต (๒๕๔๔) ประวัติศำสตร์สิบสองจุไท กรุงเทพฯ: ส�ำนักพิมพ์สร้ำงสรรค์ จ�ำกัด ี ิ แบบ B ท่ปักก่งอาย ๔๐,๐๐๐ ปี บางส่วนใช้เส้นทางเหนือ มำลัย จันทร (๒๐๒๑) ประวัติศำสตร์ในในอดีตจนถึงสุโขไทย https://www.thaigoodview.com/ ุ ู ี ในลักษณะก้ามป และกลุ่มท่อยู่ทางใต้ต่อมาเดินทาง ยศ สันตสมบัติ (๒๕๔๓) หลักช้ำง กรุงเทพฯ: ส�ำนักงำนมูลนิธิวิถีทรรศน์ & บริษัทอมรินทร์พริ้นติ้ง แอนด์พับลิซซิ่ง จ�ำกัด (มหำชน)

นาวิกศาสตร์ 66 ปีที่ ๑๐๔ เล่มที่ ๗ กรกฎาคม ๒๕๖๔

ดนัย ไชยโยธำ (๒๕๔๖) ประวัติศำสตร์ไทย: ยุคก่อนประวัติศำสตร์ถึงสิ้นอำณำจักรสุโขทัย กรุงเทพฯ: University of British Columbia ส�ำนักพิมพ์โอเดี้ยนสโตร์ Liang-Gu Ming, 2008 “Comparative Analysis of The Complete mtDNA genome Between ธนิก เลิศชำญฤทธิ์ (๒๕๖๐) ภำชนะดินเผำยุคก่อนประวัติศำสตร์ในประเทศไทย นนทบุรี: ส�ำนักพิมพ์ Tibetan and Han Population”, Zhonghua Yi Xue Yi, 25(4):382-386. มิวเซียมเพรส Paola Dematte 1999 “Longshan Erra Urbanism: The Role of Cities in Predynastic China,” วัลลภำ รุ่งศิริแสงรัตน์ (๒๕๔๘) บรรพบุรุษไทย: “สมัยก่อนสุโขทัยและสมัยสุโขทัย” กรุงเทพฯ: Asian Perspective 38(2):119-153. โรงพิมพ์แห่งจุฬำลงกรณ์มหำวิทยำลัย Patrick S. 2014 “New underwater archeological discoveries made at Fuxian,” Retrieved วลัยลักษณ์ ทรงศิริ และคณะ (๒๕๔๕) ภำพเขียนสีพิธีกรรม ๓,๐๐๐ ปีที่ผำศักดิ์สิทธิ์ กรุงเทพฯ: from https://AncientPages.com. ส�ำนักพิมพ์มติชน Pedro A. Soars et al. 2016 Resolving the ancestry of Austronesian-speaking Populations, รณี เลิศเลื่อมใส (๒๕๔๔) จักรวำลทัศน์ “ฟ้ำ-ขวัญ-เมือง” ค�ำภีร์โบรำณไทยอำหม กรุงเทพฯ: Hum Genet, 135: 309-326. ส�ำนักงำนมูลนิธิวิถีทรรศน์ Ping He, “Re-exploring the early History of tai People,” Yunnan University. (ไม่ระบุปีพิมพ์) สุรพล ด�ำหริกล (๒๕๔๙) แผ่นดินอีสำน กรุงเทพฯ: ส�ำนักพิมพ์เมืองโบรำณ Qiaomei Fu et al. 2103 “DNA analysis of an early modern human from Tainyuan Cave,” เริงวุฒิ มิตรสุริยะ (๒๕๕๗) ประวัติศำสตร์อำเซียน กรุงเทพฯ: ส�ำนักพิมพ์ยิปซี China, PNAS, Vol. 110, No.6, 222. วลัยลักษณ์ ทรงศิริ และ วิวรรณ แสงจันทร์ (๒๕๔๕) ภำพเขียนสีพิธีกรรม ๓,๐๐๐ ปีที่ผำศักดิ์สิทธิ์ Qian Y P et al. 2001 “Generic Relationship among four Yunnan populations revealed by กรุงเทพฯ: ส�ำนักพิมพ์มติชน sequence of mtDNA D-loop,” Yi Chuan Xua Bao. 28 (40):291-300. วิภู กุตะนันท์ และดำวรุ่ง กังวำนพงศ์ (๒๐๑๔) โครโมโซมวำยกับกำรศึกษำวิวัฒนกำรของมนุษย์ Thai J. Sergio Prostak 2013 “DNA Analysis Reveals Common Origin of Tianyuan Humans and Genet 7(2): 69-86 Native Amercans,” Asians, Jan 24, วิภู กุตะนันท์ (๒๐๑๒) ดีเอ็นเอไมโทคอนเดรีย: เครื่องมือติดตำมประวัติกำรสืบเชื้อสำยประชำกร, KKU Silp Panthurangsee 2018 “the completion of Tai History,” PSAKU International Journal Sci. J. 40(3) 708-719 of Interdisciplinary Research, 7(1): 252-263 ยรรยง จิระนคร และ ดร. รัตนำพร เศรษฐกุล (๒๕๔๔) ประวัติศำสตร์สิบสองปันนำ กรุงเทพฯ: Stevan Harrell & Li Yongxiang, “The History of Yi, Part II” Vol.29, No.3, p.362-396 ส�ำนักงำนมูลนิธิวิถีทรรศน์ Sutherland, A. 2015 Underwater City: Unveiling the secrets at the bottom of Fuxian Lake, ศ.สุรพล ด�ำริห์กุล. แผ่นดินอีสำน. กรุงเทพฯ: ส�ำนักพิมพ์เมืองโบรำณ http://ancientpages.com/ เสมอชัย พูลสุวรรณ (๒๕๖๐) รัฐฉำน (เมืองไต). กรุงเทพฯ: ศูนย์มำนุษย์วิทยำสิรินทร (องค์กำรมหำชน) Wade, G. 2009. “The Polity of Yelang” Sino-Platonic Papers, No. 188: 22-26. ส�ำเภำ พงศธร พล.ร.อ. (๒๕๖๔) “สงครำมกรีก” (อ้ำงอิงค�ำกล่ำววินตัน เชอร์ชิล) เอกสำรบรรยำย วทร. Watson, B. 1963. Ssu-Ma Ch’ien: Grand Historian of China. New York City: Columbia ส�ำเภำ พลธร พล.ร.อ. และคณะ (ผู้แปล) (๒๕๕๗) (อ้ำงอิง Atlas of World History) University Press. แผนที่ประวัติศำสตร์โลก Wibhu Kutanan et al. 2019 “Contrasting Paternal and maternal genetic histories of Thai สมพงศ์ วิทยศักดิ์พันธุ์. (๒๕๔๔) ประวัติศำสตร์ไทยใหญ่. กรุงเทพฯ: ส�ำนักพิมพ์สร้ำงสรรค์ จ�ำกัด and Lao Populations,” https://doi.org/10.1101/509752. หม่องทินอ่อง (แปลโดย เพชรี สุมิตร). (๒๕๔๘) ประวัติศำสตร์พม่ำ. กรุงเทพฯ: มูลนิธิโตโยต้ำประเทศไทย Wibhu Kutanan et al. 2018 “NE INSIDE FROM Thailand into the maternal genetic history หลวงวิจิตรวำทกำร พลตรี (๒๕๖๑)ประวัติศำสตร์สำกล: ประวัติศำสตร์ไทย, ส�ำนักพิมพ์แสงดำว of Mainland Southeast Asia,”EU Journal of Human Genetics, 26:898-911. อุดม เชยกีวงศ์. (๒๕๕๓) ประวัติศำสตร์ชำติไทย. กรุงเทพฯ: แสงดำว Yang, B. 2008. Between Wind and Cloud. New York City: Columbia University Press. หนังสือต่ำงประเทศ Yong-Gang Yao et al. “Phylogeographic Diffrentiation of mtDNA in Han Chinese,”Am. J. Baker, C. 2002. “From Yue to Tai” Journal of Siam Society 90 (1) 1-26 Hum. Genet. 70:6353651. Bin Yang 2008 “Between Wind and Cloud”, Columbia University Press Chin, Tamara T., “Defamiliarizing the Foreigner, Sima Qian’s Ethnography and Han- อื่น ๆ Xiongnu Marriage Diplomacy” University of Chicago FamilyTreeDNA, https://familytreedna.com, Retrieved Feb 27, 2021 Cohen, P. 2010. The Gaojian Story in Antiquity. Oakland: University of California press. Academia 2021 “The Shang and Zhou Dynasty of Ancient China: was one an Extension of Crespigny, Rafe De “General of the South: The Foundation and early history of Three the Other. Kingdom State of Wu,” Chapter 1. Asian History Y-DNA, http://www.genebase.com/learning/article/21-23 Haijing Wang et al. 2004 “Molecular genetic Analysis of Ramainings from Lamadong Battle of Banquan & Zhoulu, https://en.wikipedia.org/wiki/ Retrieved July 24, 2000 Cemetry, Liaoning, China”, Am J Phys Antropol. 134(3):404-11. Jidanfa, https://en.wikipedia.org/wiki/ Retrieved July 24, 2000 Hargett, J. 2013. “Guaiji? Guiji? Huiji? Kuaiji?” Sino-Platonic Papers, Number 234, March Poundtawan “สรุปกำรเสียดินแดน ๑๔ ครั้งของไทยที่คนไทยส่วนใหญ่ไม่เคยรู้มำก่อน” 2013, 7-21 https://www.winnews.tv/news/7875, Retrieved Feb 27, 2021 Heater Peters 1990 “Tatoo Faces and Stilt House: Whoever the ancient Yue?” SINO- Rock Painted Guangxi, https://en.wikipedia.org Retrieved 9 Sept 2020 PLATONIC PAPERS, Number 17 Vietnamese & Southerners, http://www.imperialchina.org/vietnamese.html, Retrieved Henry, E. 2007. The Submerged History of Yue.” Sino-Platonic Papers, 176: 1-36. 12/26/2009. Huisheng Tang, “New Discovery of Rock Art and Megalithic Sites in Central Pain China” Shang Dynasty, Retrieved from https://en.wikipedia.org/wiki/Shang_dynasty, First Issued Gyaneshwer Chaubey et al. 2011 “Population Genetic structure in Indian Austroasiatic May 23, 2007, last edited on May 4, 2018. Speaker,” Mol Biol Evol. 28(2): 1013-24. Yuxin, Retrieved from https://en.wikipedia.org/wiki/Yuxin, First Issued Nov 26, 2006, Jean Clottes and Benjamin Smith, Rock Art in East Asia, (Citing Seog H. Jang), Jan 2019 last edited on May 4, 2018. Kayser Manfred 2008 “The impact of the Austronesian expansion: evidence from mtDNA Tai Si, Retrieved from https://en.wikipedia.org/wiki/Tai , First Issued Oct 25, 2009, and Y chromosomal Diversity in the Admiralty Islands of Melanesia,” Mol Biol last edited on Nov 7, 2017. Evol. 25(7): 1362-74. Yi Culture Under Scrutiny, http://www.china.org.cn/english/2000/Nov/4274.htm, Retrieved Lee, H. and Clontz, J. 2012 “reviewing the prehistoric linguistic relationships of the Tai- 26 Dec 2009. Kadai language family and its putative linguistic affiliations” Silapasart J.:20-38. Zhong Surname, https://en.wikipedia.org/wiki/ , Retrieved 24/9/2562 Lary, Diana, “The Tomb of King Nanyue – The Contemporary Agenda of History”,

นาวิกศาสตร์ 67 ปีที่ ๑๐๔ เล่มที่ ๗ กรกฎาคม ๒๕๖๔

การฝึกยิงตอร์ปิโด MK46 ครั้งประวัติศาสตร์

ในการฝึกกองทัพเรือ ประจ�าปีงบประมาณ ๒๕๖๔

กองเรือฟริเกต ที่ ๑ กองเรือยุทธการ

้ � ยามศึกเรารบ ยามสงบเราฝึก ภัยคุกคามจากเรือดานา MK 46 ได้ โดยได้พิจารณาถึงข้อมูลความถ่และ � ี ถือได้ว่าเป็นภัยคุกคามท่มีอานุภาพสูง และยากต่อการ การทางานของตอร์ปิโด การสะท้อนสัญญาณเสียง � ี จดการ กองทพเรอจงได้จดให้มการฝึกยงตอร์ปิโด ให้เป้าฝึกเปรียบเสมือนเรือดานา และออกแบบตัวเป้า ิ ั ี ั � ้ � ึ ื ั MK 46 (หัวรบจริง) ในการฝึกกองทัพเรือ ประจาปี ให้มีความหนาท่เพียงพอ เม่อตอร์ปิโดชนเป้าแล้วเกิดการ ื ี � ึ ั � ี � ้ ึ ึ พ.ศ.๒๕๖๔ ซ่งกองทัพเรือได้เคยทาการยิงตอร์ปิโด ระเบิดข้น ซ่งการจัดทาเป้าฝึกฯ ในคร้งน เน้นการสะท้อน ื MK 46 เมื่อนานมาแล้ว ในปี พ.ศ.๒๕๕๒ โดยเรือหลวง ของรูปทรงในทุก ๆ มุม ท่คล่นเสียงสามารถสะท้อนได้ ี พุทธเลิศหล้านภาลัย สาหรับการฝึกคร้งน้มีวัตถุประสงค์ ซ่งผลการคานวณการสะท้อนของเสียง (Target Strength) � ั ึ � ี เพ่อทดสอบการทางานของระบบควบคุมการยิง และ พบว่าเป้ายิงตอร์ปิโดม Target Strength ท่เพียงพอ � ื ี ี � ั ลูกตอร์ปิโด (การโคจร และการทางานข้นตอนการค้นหาเป้า) ส�าหรับตอร์ปิโด ทดสอบความพร้อมของเรือและอากาศยาน และ การทดลองตรวจจับเป้าใต้น�้า � � ้ � เพ่อฝึกกาลังพลประจาเรือให้มีความรู้ ความสามารถ ในการทดลองตรวจจับเป้าใต้นา ได้ดาเนินการ ื � ิ ั และเพ่มพูนความชานาญในการยิงตอร์ปิโด โดยม ี ทดสอบ ทดลอง รวมท้งหมด ๒ คร้ง ในการฝึกองค์บุคคล � ั ี ่ พลเรือตร สมบัต นาราวิโรจน์ ผู้บัญชาการกองเรือฟริเกต และยุทธวิธ กองเรือฟริเกตท ๑ ประจาปีงบประมาณ ี ี � ิ ที่ ๑ เป็นผู้บังคับหมวดเรือฝึกยิงตอร์ปิโด (ผบ.มวต.๖๔) ๒๕๖๓ และประจ�าปีงบประมาณ ๒๕๖๔ โดยเรือหลวง ิ ั ึ ุ � ซ่งการฝึกได้ประสบความสาเรจและเป็นไปด้วยความ ภมพลอดลยเดช และเรอหลวงรตนโกสนทร์ ทาการ � ิ ็ ู ื ั ิ ึ ่ � ั เรียบร้อย โดยมีล�าดับการปฏิบัติที่ส�าคัญ ดังนี้ ตรวจจบเป้าฝึกยงตอร์ปิโด ซงสามารถทาการตรวจจบ เป้าฝึกได้เป็นอย่างดี แนวความคิดในการออกแบบเป้า ส�าหรับการฝึกยิง การขนย้ายเป้าฝึก ี ี ่ � ี � จากท่ได้มีการกาหนดให้มีการฝึกยิงตอร์ปิโด MK 46 ทาการขนย้ายลงเรือหลวงราว ในวันท ๓๐ มีนาคม ั ี ้ (หัวรบจริง) ในการฝึกยิงคร้งน ทางกองเรือฟริเกตท ๑ พ.ศ.๒๕๖๔ ณ ท่าเรือแหลมเทียน ฐานทัพเรือสัตหีบ ี ่ ิ ิ ได้รบมอบหมายให้เป็นหน่วยรบผดชอบในการฝึกยง จากนั้น ในวันที่ ๓๑ มีนาคม พ.ศ.๒๕๖๔ เรือหลวงราวี ั ั ี ตอร์ปิโด MK 46 จึงได้มีการประชุมกับหน่วยท่เก่ยวข้อง ได้ออกเดินทางจากฐานทัพเรือสัตหีบ และเดินทาง ี ื ื ี ื ั หลายคร้ง เพ่อออกแบบและจัดทาเป้าให้ได้เป้าฝึก ส่งเป้าให้กับเรือหลวงอ่างทองในพ้นท่ฝึก เม่อวันท ๑ ี ่ � ี ท่สามารถตอบสนองต่อระบบตรวจจับของตอร์ปิโด เมษายน พ.ศ.๒๕๖๔ 68 นาวิกศาสตร์ ปีที่ ๑๐๔ เล่มที่ ๗ กรกฎาคม ๒๕๖๔

ั ่ ี ในวนท ๑ เมษายน พ.ศ.๒๕๖๔ เวลา ๑๖๐๐ ส่วนประกอบหลักของเป้าฝึกประกอบไปด้วย ทุ่นลอยตัว เป้าใต้น�้า และสมอ โดยใช้เวลาในการด�าเนินการวางเป้า ประมาณ ๓ ชั่วโมง การด�าเนินการใช้เวลาค่อนข้างมาก เน่องจากมีหลายข้นตอนในการปฏิบัต และเป้ามีขนาด ื ิ ั ค่อนข้างใหญ่ ซ่งในวันดังกล่าวสภาพอากาศและทะเล ึ เป็นใจ คือ คลื่นลมสงบและฟ้าเปิด จึงท�าให้การวางเป้า ไม่มีอุปสรรคมากนักในการด�าเนินการ ภาพการขนย้ายเป้าฝึก

การส�ารวจพื้นที่ฝึกยิงตอร์ปิโด การสารวจพ้นท่ฝึกยิงตอร์ปิโดมีวัตถุประสงค์ ี ื � ื ื เพ่อตรวจสอบว่าพ้นท้องทะเลในพ้นที่การฝึกมีผลต่อ ื � การทางานของลูกตอร์ปิโดหรือไม่ หากมีเป้าใต้นา ้ � ขนาดใหญ่ อาจส่งผลกระทบต่อการทางานของตอร์ปิโดได้ � ก�าลังที่ด�าเนินการส�ารวจพื้นที่ยิงตอร์ปิโด ประกอบด้วย เรือหลวงบางระจัน เรือหลวงหนองสาหร่าย และ � ้ ี เจ้าหน้าท่ประดานาจากกรมสรรพาวุธทหารเรือ โดยม ี � ื ี พ้นท่สารวจบริเวณสนามฝึกปราบเรือดานาและยิงอาวุธ � ้ � สนาม ๑๑ (S3) ของกองทัพเรือ ซึ่งได้ด�าเนินการส�ารวจ ดังนี้ ่ ๑. ในวันท ๓๐ มีนาคม พ.ศ.๒๕๖๔ เรือหลวง ี หนองสาหร่าย ทาการสารวจพ้นท่ฝึกยิงตอร์ปิโด ี ื � � ิ ื ี ่ (พ้นทจริง) พบเป้าทงหมด ๑๔ เป้า จากการวเคราะห์ ั ้ ข้อมูล เป้าในพื้นที่ไม่มีผลกระทบต่อการฝึก ๒. ในวันที่ ๒ เมษายน พ.ศ.๒๕๖๔ เวลา ๑๔๐๐ - หน่วยตรวจพื้นที่สนามยิง ๑๗๓๐ ภายหลังจากการฝึกยิงตอร์ปิโด เรือหลวง � ื บางระจันทาการพิสูจน์ทราบตาบลท่เป้าใต้นา เพ่อให้ ้ ี � � ม่นใจว่าพ้นท่ฝึกมีความปลอดภัยต่อการใช้ทะเลต่อไป ี ั ื � ี ผลการสารวจไม่พบเป้าท่จะมีผลกระทบ หรือจะเป็น อันตรายต่อการเดินเรือ การวางเป้า ในวันที่ ๑ เมษายน พ.ศ.๒๕๖๔ เรือหลวงอ่างทอง ี และเรือหลวงราว เดินทางเข้าพ้นท่การฝึก (บริเวณ ี ื � ึ ิ จุดนัดพบ) และดาเนินการวางเป้า ซ่งวางเป้าเสร็จส้น ภาพการวางเป้า โดยเรือหลวงอ่างทอง นาวิกศาสตร์ 69 ปีที่ ๑๐๔ เล่มที่ ๗ กรกฎาคม ๒๕๖๔

ความลึกต่าง ๆ เพื่อเก็บเสียงการแพร่คลื่นของตอร์ปิโด อีกด้วย ซึ่งข้อมูลเสียงของตอร์ปิโดที่ได้เป็นข้อมูลส�าคัญ

ี � ในการวิเคราะห์การเคล่อนท่และการทางานของตอร์ปิโด ื

ภาพการวางเป้า โดยเรือหลวงอ่างทอง

การไล่เป้าในพื้นที่ฝึกยิงตอร์ปิโด การปฏิบัติในการรักษาความปลอดภัยของสนามยิงน้น ั � � ได้ทาการแบ่งพ้นท่ออกเป็น ๔ เซกเตอร์ เซกเตอร์ละ ๑ ลา ื ี � โดยมีเรือหลวงเจ้าพระยา ดารงภาพสถานการณ์ในพ้นท ี ่ ภาพโครงข่ายการถ่ายทอดสัญญาณภาพบนพื้นน�้า ื ี ควบคุมการไล่เป้าของเรือในพ้นท่ฝึก ผลักดันให้เรือผิวนา สถานการณ์การฝึกยิงตอร์ปิโด � ้ ื ท่ไม่เก่ยวข้องออกจากพ้นท ต้งแต่วันท ๑ เมษายน สมมติสถานการณ์ เม่อเข้าพ้นท่ปฏิบัติการ ในวันท ่ ี ี ่ ี ี ื ่ ื ั ี ื ี � พ.ศ.๒๕๖๔ เวลา ๑๖๐๐ และเฝ้าตรวจในพ้นท่จนถึง ๒ เมษายน พ.ศ.๒๕๖๔ เวลา ๐๙๐๐ กาลังทางเรือ ื ี � ิ ื ั ี ่ ิ � ั ิ วันท ๒ เมษายน พ.ศ.๒๕๖๔ เวลา ๑๒๐๐ โดยวางกาลัง ของกองกาลงทางเรอเฉพาะกจปฏบตการระยะไกล ื � ี ี ป้องกันและรักษาสนามยิงให้เรือท่ไม่เก่ยวข้องเข้ามา (กก.๗๑) ได้เข้ามาใกล้กับพ้นท่ปฏิบัติการของเรือดานา � ี ้ ในสนามยิง และให้อย่ห่างจากขอบพนทมากกว่า ๒ ไมล์ และจากการรายงานด้านการข่าวได้ตรวจพบกล้องตาเรือ ื ้ ่ ู ี ี ้ ็ ้ ่ ึ ่ ึ ็ ิ ้ จนเสรจสนการฝก ซงการไลเปาเปนไปดวยความเรยบรอย (Periscope) ของเรือด�าน�้า ชั้น Scorpene ซึ่งมองเห็น ้ ่ ่ � ่ ื ี ่ ุ � ี ื ึ ี ้ และไมมอปสรรค เนองจากพนทฝกมความหนาแนนของ ด้วยสายตาและได้จางหายไป จึงได้กาหนดตาบลท ี ่ การจราจรทางทะเลต�่า ครั้งสุดท้ายของเรือด�าน�้า (Datum) ณ จุดวางเป้าใต้น�้า การถ่ายทอดสัญญาณภาพและเสียง (ที่ละติจูด ๐๙ องศา ๔๘ ลิปดา เหนือ ลองจิจูด ๑๐๐ ี เจ้าหน้าท่กรมการส่อสารและเทคโนโลยีสารสนเทศ องศา ๓๗ ลิปดา ตะวันออก) ต่อมา OTC (กก.๗๑) สั่ง ื � ทหารเรือ ได้ดาเนินการติดต้งอุปกรณ์การถ่ายทอด จัดหน่วยค้นหาและทาลายเรือดานา (Search Attack ั ้ � � � ้ � สัญญาณภาพและเสียงท้งบนพ้นนาและใต้นา โดยติดต้ง Unit : SAU) ประกอบด้วย เรือหลวงรัตนโกสินทร์ และ ั ้ � ื ั บนเรือหลวงจักรีนฤเบศร เรือหลวงรัตนโกสินทร์ เฮลิคอปเตอร์ปราบเรือดานา แบบท ๑ (ฮ.ปด.๑) จานวน � ่ � � ี ้ � ้ เฮลิคอปเตอร์ปราบเรือด�าน�้า แบบที่ ๑ (ฮ.ปด.๑) และ ๒ ลา เข้าดาเนินการต่อตีเป้าใต้นา และเม่อสนามยิง � � ื ี ่ เฮลิคอปเตอร์ลาเลียง แบบท ๖ (ฮ.ลล.๖) โดยการ ปลอดภัย เรือหลวงรัตนโกสินทร์จึงทาการควบคุม � � ถ่ายทอดสัญญาณภาพประกอบไปด้วย ภาพการปฏิบัติงาน ฮ.ปด.๑ ลาแรก ลาแรก (DIPPER) เข้าทาการค้นหาและ � � � � � ภายในห้องศูนย์ยุทธการของเรือหลวงรัตนโกสินทร์ กาหนดตาบลท่ของเป้าใต้นา เม่อสามารถยืนยันได้แล้ว ื ี ้ � ิ ื � ภาพมุมสูงจากอากาศยาน และภาพเม่อทาการท้งลูก ว่าเป็นเป้าใต้นาข้าศึก เรือหลวงรัตนโกสินทร์จึงควบคุม ้ � � ี ่ ตอร์ปิโด ผ่านจอภาพท่ติดต้งบนเรือหลวงจักรีนฤเบศร ฮ.ปด.๑ (PONY) อกหนงลาเข้าทาการยิงตอร์ปิโด � ึ ี ั � � ้ � รวมท้งได้ดาเนินการวางและตรวจสอบการทางานของ ตามยุทธวิธีต่อเป้าใต้นา ท้งตอร์ปิโดทระยะ ๕๐๐ หลา ิ ี ั ่ เซ็นเซอร์ใต้น�้า โดยวางไฮโดรโฟน จ�านวน ๓ ตัว ที่ระดับ จากเป้า 70 นาวิกศาสตร์ ปีที่ ๑๐๔ เล่มที่ ๗ กรกฎาคม ๒๕๖๔

ี ผลการฝึก มีความพร้อมในการปฏิบัติภารกิจท่ได้รับมอบหมาย ั ้ ี ี � � การฝึกประสบผลสาเร็จและเป็นท่น่าประทับใจ เป็นอย่างด รวมทงกาลงพลซงได้ห่างเหนจากการฝึก ิ ึ ั ่ ื ี � ้ เป็นอย่างมาก ตอร์ปิโด MK 46 เคล่อนท่และชนเป้าใต้นา ยิงตอร์ปิโดจริง มาเป็นเวลามากกว่า ๑๐ ปี ได้รับความร ู้ � � � ี ึ ั ท่ความลึก ๒๕ เมตร อย่างแม่นยา ทาให้ทราบถึง และความชานาญในการยิงตอร์ปิโดมากย่งข้น อีกท้ง ิ � ขีดความสามารถท่แท้จริง และการทางานของตอร์ปิโด ทาให้ทราบว่ากองทัพเรือสามารถจัดทาเป้าใต้นาได้เอง � ี ้ � � � ่ ี ั ิ ั โดยการทางานของลูกตอร์ปิโดน้น ใช้เวลา ๕ วินาท ี และสามารถใช้งานได้จรง และทสาคญทสดคอ ื � ่ ี ุ � � ้ ในการติดเคร่องยนต์หลังจากตกนา หลังจากนั้นจะใช้ จากความสาเร็จจากการฝึกยิงตอร์ปิโด MK 46 ในการ ื เวลา ๗ วินาท เพ่อดาลงไปท่ความลึก ๒๕ เมตร ฝึกกองทัพเรือ ประจาปี พ.ศ.๒๕๖๔ ในคร้งน ้ ี ื � ั ี � ี � � ึ (Search Depth) และจะเปิดระบบการค้นหา และ ซ่งการดาเนินการท้งหมดกองทัพเรือได้ดาเนินการเอง ั ึ ั ี ั ิ ึ เคล่อนท่เข้าหาเป้าอีก ๔๐ วินาท ก่อนชนเป้า ซ่งเป็น ท้งหมด ไม่ได้พ่งพาต่างชาต จึงม่นใจได้ว่ากองทัพเรือ ี ื � ี ้ ไปตาม Profile การเคลื่อนที่ของตอร์ปิโด และที่ส�าคัญ มีเข้ยวเล็บและศักยภาพในด้านการปราบเรือดานา � ้ � � ่ ึ � คือเฮลิคอปเตอร์ปราบเรือดานา แบบท ๑ (ฮ.ปด.๑) ซ่งสะท้อนถึงความพร้อมรบ ความชานาญการยุทธ ี และเรือควบคุมอากาศยาน (เรือหลวงรัตนโกสินทร์) ทางทะเล ด้วยการเตรียมก�าลังชั้นเลิศ ภาพขณะท�าการยิงตอร์ปิโด MK 46 จากเฮลิคอปเตอร์ ภาพการระเบิดใต้น�้าจากการชนเป้าของตอร์ปิโด MK 46 ปราบเรือด�าน�้า แบบที่ ๑ ภาพผู้บังคับบัญชา ตรวจเยี่ยมการฝึกยิงตอร์ปิโด MK 46 นาวิกศาสตร์ 71 ปีที่ ๑๐๔ เล่มที่ ๗ กรกฎาคม ๒๕๖๔

คำ�ถ�มเดือน กรกฎ�คม ๒๕๖๔ (จำ�นวน ๓ ร�งวัล)

ร�งวัล ร่มร�ชน�วิกสภ� จำ�นวน ๓ ร�งวัล

คำ�ถ�ม

ต้นรวงผึ้ง มีชื่ิอส�มัญว่�อะไร ?

ส่งคำ�ตอบม�ที่ [email protected] หรือไปรษณียบัตร/จดหม�ย จ่�หน้�ซองถึง สำ�นักง�นร�ชน�วิกสภ� ถนนอรุณอมรินทร์ แขวงศิริร�ช เขตบ�งกอกน้อย กรุงเทพฯ ๑๐๗๐๐ ตรวจสอบร�ยชื่อผู้ได้รับร�งวัลที่ WWW.FACEBOOK.COM/นิตยส�รน�วิกศ�สตร์ ผู้ตอบแบบสอบถ�ม กรุณ�เขียนชื่อ ที่อยู่ เบอร์โทรศัพท์ที่ติดต่อได้ *ห�กมีผู้ตอบคำ�ถ�มถูกม�กกว่� ๓ ท่�น จะใช้วิธีจับสล�กคัดเลือกผู้โชคดี เพื่อรับร�งวัลแทน

นาวิกศาสตร์ 72 ปีที่ ๑๐๔ เล่มที่ ๗ กรกฎาคม ๒๕๖๔

นาวิกศาสตร์ 73 ปีที่ ๑๐๔ เล่มที่ ๗ กรกฎาคม ๒๕๖๔

บอกผมที แบบนี้ผิดหรือถูก ?

ผมสงสัยครับ ผมสงสัย ? การเขียนวันเดือนปี ถ้าจะใช้ให้ถูกต้อง ต้องใช้อย่างไรครับ ช่วยบอกผมที

การเขียน “วัน เดือน ปี” ไม่ใช่ค่ะ การเขียน “วัน เดือน ปี” � ี ถ้าจะต้องการย่อบรรทดของ หากระบุวันหรือคาว่า “วันท่” ต้องม ี ั ำ ข้อความนั้นให้กระชับ ไม่จาเป็น ค�าว่า “พ.ศ.” หน้าเลขบอก พ.ศ. เช่น ี ่ ต้องใส่ “พ.ศ.” ก็ได้ ให้ใส่เลขป ี วันอาทิตย์ ท ๑ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๕๕ ี ่ ั ไปเลยแค่สองหลักเท่านั้น เช่น วนท ๑ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๕๕ วันจันทร์ ที่ ๑ กรกฎาคม ๕๕

� ุ ขัดใจเก่ง ! หากไม่ระบ ไม่จาเป็นค่ะ ถ้าหากไม่ระบุวันหรือ � ี � “วันท่” ต้องใช้คำาเต็มของ พ.ศ. ใช้คาว่า “วันท่” ไม่ต้องมีคาว่า “พ.ศ.” ี เป็นพุทธศักราช และตามด้วย หน้าเลขบอก พ.ศ. เช่น ๑ กรกฎาคม เลขป เช่น ๒๓ กรกฎาคม ๒๕๖๔ ี พุทธศักราช ๒๕๖๔

รู้เยอะจริงเลย ! การเขียน เกือบดีแล้วค่ะ หากเขียนวันเดือนปี

“วัน เดือน ปี” แบบย่อไม่ต้องระบุ อย่างย่อ ระบุเฉพาะเลขวันที อักษร ่ “พ.ศ.” แต่เลขปีตามท้ายใช้สี่หลัก ย่อของช่อเดือน และเลขบอก พ.ศ. ื ไปเลย เช่น ๑ ก.ค. ๒๕๖๔ สองหลักท้าย (เป็นการเขียนอย่างไม่เป็น ทางการแต่กาหนดไว้พอเป็นแนวทาง) � เช่น ๑ ก.ค. ๖๔

นาวิกศาสตร์ 74 ปีที่ ๑๐๔ เล่มที่ ๗ กรกฎาคม ๒๕๖๔

ี flogging a dead horse ๑. ว่ากันตามตัวอักษร การลงแส้ม้าท่ตายแล้ว หมายถึง ิ ี ทาอะไรเสียเวลาเปล่า เป็นการกระทาส่งท่เป็นไปไม่ได้ � � ี เปรียบเหมือนการลงแส้ม้าท่ตายแล้ว เช่น ประโยค He keep trying to ask for another recount of the votes but I think he's flogging a dead horse. ี ั เขาพยายามท่จะขอให้นับคะแนนโหวตใหม่อีกคร้ง แต่ฉันคิดว่าเขาก�าลังลงแส้ม้าที่ตายแล้ว (เสียเวลาเปล่า) ี ี ๒. ถกเถยงในเรองทได้ข้อยุตหรือจบไปแล้ว ่ ื ิ ่ ี ื ในยุคเรือใบเม่อกะลาสีใหม่ลงเรือ ก่อนท่เรือจะออก เช่น ประโยค : I don't mean I flogging a dead horse, ทะเล พวกเขาจะได้รับเงินเดือนล่วงหน้า ๑ - ๒ เดือน but I still don't understand what happened. เป็นเร่องปกติท่กะลาสีเหล่าน้นส่วนใหญ่มักหมดตัว (ถกเถียงในเรื่องที่ยุติไปแล้ว) ี ั ื ไปกับสุรา นารี และเรื่องบันเทิงอื่น ๆ ก่อนที่เรือจะออก flog the glass เทคนิคการออกยามให้เร็วขึ้น ทะเล ดังน้นเม่อเรือออกทะเลไปแล้วกล่าวได้ว่า ื ั � พวกเขาทางานเหมือนไม่มีค่าตอบแทน แต่กัปตันเรือ ิ และนายทหารเรือได้พยายามหาส่งกระตุ้นให้พวกเขา มีก�าลังใจในการท�างาน ี อาจมีคาถามว่า ม้ามีส่วนเก่ยวข้องอย่างไรกับ � ั ื กะลาสีใหม่เหล่าน้น เพ่อเป็นการแก้เซ็งพวกเขา ื หาเร่องสนุก โดยการใช้ผ้าใบและหญ้าแห้งทาเป็นม้า glass ในที่นี้หมายถึง นาฬิกาทรายซึ่งเป็นอุปกรณ์ � ้ (ในเรอของสเปนบรรทกมาขณะเดนทางไปทวปอเมรกา) บอกเวลาในสมัยยุคเรือใบ ุ ื ี ิ ิ ึ ผูกเชือกชักรอกข้น สู่แขนพรวน (yardarm) แล้วตัดเชือก ยุคเรือใบในช่วงของเวลา การเปล่ยนยาม การนับ ี ื ั � เพ่อให้ม้าปลอมน้นตกทะเลไป สาหรับกะลาสีม้าเป็น เวลาอาศัยนาฬิกาทราย ซ่งในยุคน้นยังไม่มีนาฬิกา ึ ั สัญลักษณ์ของการทางานท่ไม่ได้รับเงินตอบแทน โครโนมิเตอร์ บรรดายามบางคนเช่อว่าทรายจะไหลเร็วข้น ี � ึ ื (รับไปแล้วและใช้หมดก่อนเรือออกทะเล) หากมีการส่น (flog the glass) หรือบางคนเช่อว่า ื ั flogging a dead horse ต่อมา ถูกน�ามาใช้บนบก การทาให้อุ่นหรือร้อนก็เป็นอีกวิธีหน่ง คาแสลงนปจจบน ี ุ ้ ั ั � ึ � ในความหมายดังต่อไปนี้: เม่อใช้บนบกมีความหมายทานองเดียวกันกับเม่อใช้บนเรือ ื � ื นาวิกศาสตร์ 75 ปีที่ ๑๐๔ เล่มที่ ๗ กรกฎาคม ๒๕๖๔

ี � ้ ึ � ึ ื คือ พยายามทาด้วยวิธีใดวิธีหน่งเพ่อให้ออกยามเร็วข้น ทะเลเรียบ อากาศด ในราชนาวีอังกฤษหมายถึง ในน่านนา “warm the bell” มีความหมายท�านองเดียวกัน มหาสมุทรอินเดีย foul anchor สมอพันโซ่/เชือก flotsam and jetsam flotsam ิ ี ้ � คือขยะลอยนา หมายถึงส่งของท่พบในทะเล อาจเกิดจาก ี เรืออับปาง หรือส่งของท่ตกลงจากเรือ ปัจจุบันยังหมายถึง ิ พืชหรือดอกไม้ และสัตว์ (flora and fauna) ต่าง ๆ ที่ถูกซัดขึ้นฝั่ง เช่น เศษไม้ และสาหร่ายทะเล ิ ั ส่วน jetsam เป็นส่งของท่โยนลงทะเลโดยต้งใจ ี � ้ อาจเป็นเพราะต้องการลดนาหนักบรรทุกของเรือ หรือการ ทิ้งขยะลงทะเล หรือลักลอบทิ้งของผิดกฎหมายลงทะเล Flying Dutchman เรือผีสิง สมอพันโซ่หรือเชือก หรือสมอติดขัดขณะหะเบสสมอ ี ิ ด้วยสาเหตุใด ๆ ก็ตาม ส่งท่ปรากฏกลายเป็นภาพ สัญลักษณ์ของกระทรวงทหารเรืออังกฤษและของ ราชนาวีอังกฤษ ต่อมาได้ปรากฏให้เห็นแพร่หลายท้ง ั � ในส่วนของกองทัพเรือและชาวเรือโดยท่วไป แต่สาหรับ ั ชาวเรือท่แท้จริงแล้ว เป็นปรากฏการณ์ท่บางคร้งเรียกว่า ี ั ี ี ความอับอายขายหน้าของกะลาส (sailor's disgrace) เรือปีศาจหรือเรือผีสิง เป็นความเช่อของชาวเรือ เพราะแสดงถึงความสะเพร่า หรือความอ่อนหัดทาง ื โบราณ กลาวกันวามักจะพบเห็นในบริเวณแหลมกู๊ดโฮป ด้านการเรือ (seamanship) เดิมเป็นตราเคร่องหมาย ื ่ ่ เป็นเรือท่ถูกสาปให้ท่องทะเลไปเจ็ดย่านนาโดยไม่ม ี ของ Lord Howard of Effington ในปี ค.ศ. ๑๖๐๑ � ้ ี � ิ � ื วันส้นสุด ไม่สามารถเดินทางกลับบ้านได้ มักพบเห็น เม่อเขาดารงตาแหน่ง Lord High Admiral และได้ใช้ ในเวลาท่มีหมอกหนาจัด หรือเห็นแสงประหลาด ซ่งชาวเรือ เป็นเครื่องหมายของทหารเรือ ึ ี เข้าใจว่าเรือผีสิงได้ส่งสัญญาณฝากข้อความไปยังคน รู้จักบนแผ่นดินใหญ่ กล่าวกันว่า HMS Bacchante free the slide ี � ื ี เคยรายงานว่าได้เห็นเรือลาน้เม่อตอน ๐๔.๐๐ น. ของ สแลงท่ใช้บนโต๊ะอาหาร หมายถึง ขอร้องให้ช่วย วันที่ ๑๑ กรกฎาคม ค.ศ. ๑๘๘๑ ส่งเนยมาให้ (pass the butter, please) flying fish sailor Friday while ี � ั ี เป็นคาสแลงท่ใช้ในเชิงไม่ค่อยดีต่อกะลาส ี สแลงด้งเดิมของราชนาวิกโยธินอังกฤษท่ได้หยุดยาว ี ี ท่บังเอิญโชคดีตลอดเวลาท่เขาอยู่ในทะเล เจอแต่ วันสุดสัปดาห์ (long weekend leave) นาวิกศาสตร์ 76 ปีที่ ๑๐๔ เล่มที่ ๗ กรกฎาคม ๒๕๖๔

ลงเรือลำ�เดียวกัน (Be in the same boat)

ี � ี ี ราชบัณฑิตยสถานได้ให้นิยามวลีน้ท่เก่ยวกับชาวเรือว่า “ทางานร่วมกัน ร่วมรับผลการกระทาด้วยกัน” เป็นอุปมา � ี � � ี ท่หมายถึงการลงมือทางานร่วมกัน เป็นพวกเดียวกันหรือตกอยู่ในสถานการณ์ท่ต้องรับผลจากการกระทาร่วมกัน ั � � ดังน้นต้องช่วยกันคิดช่วยกันทาต่อไปให้สาเร็จ ไม่ควรเอาตัวรอดเพียงคนเดียว ตรงกับภาษาอังกฤษว่า Be in the same boat ซึ่ง Cambridge English Dictionary ให้ความหมายว่า อยู่ในสถานการณ์ที่ไม่น่ายินดีเช่นเดียวกันทุกคน หรืออยู่ใน สถานการณ์ที่มีปัญหาเช่นเดียวกัน วลีนี้เริ่มใช้กันตั้งแต่ศตวรรษที่ ๑๖ คนแรกที่ใช้คือ Thomas Hudson ในปี ค.ศ. ๑๕๘๔ โดยใช้ในเชิงอุปมาว่า ื อยู่ในชะตาเดียวกัน เขาอธิบายว่า “เม่อเรือกาลังเดินทางไม่มีใครคนใดออกไปจากเรือได้ ไม่ว่าเขาจะเลือกหรือไม่ก็ตาม” � ่ ี ึ ึ มีอีกทฤษฎีหนึงกล่าวถึงต้นตอของวลีดังกล่าวซ่งเกิดข้นกลางศตวรรษท ๑๙ ใช้กันมากในบรรดาชาวกรีก ่ ในความหมายคล้ายคลึงกัน กล่าวคือผู้โดยสารเรือต้องเผชิญความเสี่ยงเช่นเดียวกัน เมื่อพวกเขาต้องลงไปอยู่ในเรือบต หรือเรือช่วยชีวิต (Lifeboat) แต่ยังมีอีกทฤษฎีหนึ่งซึ่งน่าสนใจ ส่วนจะเชื่อถือได้เพียงใดนั้นขอให้ใช้ดุลพินิจเองแล้วกัน กล่าวกันว่าวลีดังกล่าว ี ี ื ่ ี มีต้นตอมาจากการจมของเรือโดยสารใหญ่ท่สุดของอังกฤษท่เรารู้จักกันดีคือ RMS Titanic เม่อวันท ๑๕ เมษายน � ึ ค.ศ. ๑๙๑๒ ซ่งชนกับภูเขานาแข็ง คร้งน้นทุกคนทุกชนช้นตกอยู่ในสถานการณ์และชะตากรรมเดียวกันแม้ก่อน ้ ั ั ั เรือไททานิคจะจม ระหว่างเดินทางผู้โดยสารและลูกเรืออาจมีหลายสถานะและต่างชนชั้นกัน แต่เมื่อเรือจมและทุกคน ลงไปอยู่บนเรือบต หรือเรือช่วยชีวิตแล้ว ทุกคนตกอยู่ในชะตากรรมเดียวกันเสี่ยงต่อการอยู่รอดเหมือนกัน ต้องไม่สับสนกับส�านวน “ตะเภาเดียวกัน” ซึ่งค�านี้หมายถึง พวกเดียวกันหรือแบบเดียวกัน ตะเภาในที่นี้หมายถึง เรือส�าเภาของจีน ผู้ที่อพยพมาจากเมืองจีนในเรือล�าเดียวกันย่อมมีขนบธรรมเนียมประเพณีเหมือน ๆ กัน เราจึงเรียก ผู้ที่ท�าอะไรเหมือน ๆ กันว่า “ตะเภาเดียวกัน” หรือ “มาตะเภาเดียวกัน”

นาวิกศาสตร์ 77 ปีที่ ๑๐๔ เล่มที่ ๗ กรกฎาคม ๒๕๖๔

รัฐอิสราเอล

บริษัท ThyssenKrupp ส่งมอบเรือ INS Oz ให้แก่กองทัพเรืออิสราเอล

บริษัท ThyssenKrupp Marine Systems (TKMS) ั ประเทศเยอรมน ได้ท�ำพิธีส่งมอบเรือคอร์เวต INS Oz ข้อมูลท่วไป เรือคอร์เวต INS Oz ี ให้แก่กองทัพเรืออิสรำเอล เมื่อวันที่ ๔ พฤษภำคม พ.ศ. ระวางขับน�้า ๑,๙๐๐ ตัน ๒๕๖๔ ความยาว ๙๐ เมตร ั เรือคอร์เวต INS Oz เป็นเรือช้น SA’AR 6 ระยะปฏิบัติการ ๔,๐๐๐ ไมล์ทะเล ี ่ ของกองทัพเรืออิสรำเอล ล�ำท ๒ ในจ�ำนวน ๔ ล�ำ ระบบขับเคลื่อน ี ตำมโครงกำรท่ท�ำสัญญำกับบริษัท TKMS ร่วมกับบริษัท - เครื่องยนต์ดีเซล สองเพลำใบจักร ื German Naval Yards เม่อเดือนพฤษภำคม พ.ศ. ๒๕๕๘ - ควำมเร็วสูงสุด ๒๖ นอต ่ ้ ิ ื ี เรอลำแรกของโครงกำรนคอ INS Magen เรมสร้ำง ระบบอาวุธ � ื เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๖๑ และได้เข้ำประจ�ำกำรใน กองทัพเรือ - ปืน ๗๖ มม. Oto Melara ๑ แท่น อิสรำเอล ในปี พ.ศ. ๒๕๖๓ - ระบบปืนกลควบคุมระยะไกล Typhoon ๒ แท่น ื เรือ SA’AR 6 ออกแบบโดยใช้พ้นฐำนมำจำกเรือ - อำวุธปล่อยน�ำวิถีพื้นสู่อำกำศ Barak-8 ท่อยิงทำงดิ่ง ๓๒ เซล ื ิ คอร์เวตเอนกประสงค์แบบ MEKO 100 ของกองทัพเรือ - อำวุธปล่อยน�ำวิถีพ้นสู่อำกำศ C-Dome ท่อยิงทำงด่ง ๔๐ เซล ั ี เยอรมน แต่อิสรำเอลได้ท�ำกำรติดต้งระบบตรวจจับ - อำวุธปล่อยน�ำวิถีต่อต้ำนเรือผิวน�้ำ Gabriel V ๑๖ ลูก และระบบอำวุธของตนเอง ซ่งรวมถึงระบบป้องกันภัย - ท่อยิงตอร์ปิโดขนำด ๓๒๔ มิลลิเมตร ๒ แท่น ึ เฮลิคอปเตอร์ MH-60 Seahawk ทำงอำกำศแบบ Iron Dome ด้วย แหล่งท่มา : http://www.navyrecognition.com/index.php/naval-news/naval-news-archive/2021/may/10100-thyssenkrupp- ี delivers-ins-oz-to-the-israeli-navy.html นาวิกศาสตร์ 78 ปีที่ ๑๐๔ เล่มที่ ๗ กรกฎาคม ๒๕๖๔

สาธารณรัฐฟิลิปปินส์ กองทัพเรือฟิลิปปินส์เสนอความต้องการเรือตรวจการณ์ไกลฝั่ง ๖ ล�า

่ ิ � ิ ้ ั ั ิ ่ ่ ื กระทรวงกลำโหมฟิลปปินส์ได้แถลงข่ำวเมอเดอน ไปแลว โดยกำรตอเรอนนคำดวำจะดำเนนกำรโดยบรษท ้ ื ื พฤษภำคม พ.ศ.๒๕๖๔ เร่องกองทัพเรือฟิลิปปินส์ได้ Austal ของประเทศออสเตรเลีย ซึ่งมีอู่ต่อเรืออยู่ที่เมือง ื ตกลงใจในกำรจัดหำเรือตรวจกำรณ์ไกลฝั่ง (OPV) จ�ำนวน เซบู ี ี ๖ ล�ำ ตำมโครงกำรพัฒนำก�ำลังรบของกองทัพฟิลิปปินส์ เรือ OPV ชุดน้สร้ำงจำกแบบมำตรฐำนท่มีควำม ่ � ิ ระยะ Horizon 2 เหมำะสมตอกำรปฏบตงำนในนำนนำเขตรอน ลำดตระเวน ้ ั ่ ้ ิ ื โครงกำรพัฒนำก�ำลังรบของกองทัพฟิลิปปินส์ ตำมแนวชำยแดนและปฏิบัติกำรทำงเรืออ่น ๆ มีดำดฟ้ำบิน เรียกว่ำ Horizon แบ่งออกเป็น ๓ ระยะคือ Horizon 1 ท่สำมำรถรองรับเฮลิคอปเตอร์หรืออำกำศยำนไร้คนขับได้ ี ด�ำเนินกำรระหว่ำงปี พ.ศ. ๒๕๕๖ – ๒๕๖๐, Horizon 2 บริเวณกรำบขวำมีแท่นเรือยนต์และท้ำยเรือมีทำงลำด ิ � ดำเนนกำรระหวำงป พ.ศ. ๒๕๖๑ – ๒๕๖๕ และ Horizon 3 ส�ำหรับรับ – ส่งเรือยำง รวมถึงมีประตูขนถ่ำยและพื้นที่ ี ่ จะด�ำเนินกำรในปี พ.ศ. ๒๕๖๖ – ๒๕๗๑ อเนกประสงค์ส�ำหรับรองรับตู้คอนเทนเนอร์ในกำรปฏิบัต ิ กำรพัฒนำก�ำลังรบทำงเรือของฟิลิปปินส์ในระยะ ภำรกิจต่ำง ๆ ได้ Horizon 2 ได้แก่ เรือยนต์เร็วโจมตีติดอำวุธปล่อยน�ำวิถี ข้อมูลทั่วไปของเรือ Austal OPV ขนำดควำมยำว ึ เรือยกพลข้นบกขนำดใหญ่ เรดำร์ตรวจกำรทำงอำกำศ ๘๓ เมตร กว้ำง ๑๓.๓ เมตร กินน�้ำลึก ๔ เมตร ควำมเร็ว และยุทโธปกรณ์อื่น ๆ ส�ำหรับกำรจัดหำเรือ OPV เป็น สูงสุด ๒๒ นอต ระยะปฏิบัติกำรไกลสุด ๓,๕๐๐ ไมล์ทะเล ื โครงกำรเพ่อน�ำมำทดแทนเรือรบเก่ำท่ปลดประจ�ำกำร ี แหล่งที่มา : http://www.navyrecognition.com/index.php/naval-news/naval-news-archive/2021/may/10140-philippine-navy- confirms-acquisition-of-six-new-opv-offshore-patrol-vessels.html นาวิกศาสตร์ 79 ปีที่ ๑๐๔ เล่มที่ ๗ กรกฎาคม ๒๕๖๔

สาธารณรัฐอินโดนีเซีย

เรือ X18 ของอินโดนีเซีย

บริษัท Indonesian North Sea Boats ได้น�ำเสนอ ต้นแบบของ “เรือรถถัง” (Tank Boat) X18 ส�ำหรับ ื กองทัพเรืออินโดนีเซีย เม่อเดือนเมษำยน พ.ศ. ๒๕๖๔ ี ท่ผ่ำนมำ โดยมีแนวควำมคิดในกำรออกแบบเรือตำม ควำมต้องกำรของกองทัพเรืออินโดนีเซีย เรือต้นแบบล�ำแรก ั ื ได้ถูกส่งต่อเม่อปี พ.ศ. ๒๕๖๒ โดยกระทรวงกลำโหม อินโดนีเซีย ภำยใต้กำรพัฒนำ และสร้ำงแบบร่วมกันระหว่ำง บริษัท PT Pindad, PT Lundin (North Sea Boats), PT Len Industri และ PT Hariff ปัจจุบัน เรือต้นแบบ ดังกล่ำวอยู่ในขั้นกำรทดสอบในท่ำและในทะเล เรือรถถัง X18 เป็นเรือยนต์โจมตีขนำดเล็กแบบตัวเรือแฝด (Twin รักษำเสถียรภำพตัวปืน (Stabilizer) สำมำรถยิงได้ท้ง ั Hull) ขนำดควำมยำว ๑๘ เมตร ล�ำตัวเรือสร้ำงจำกวัสดุ กลำงวันและกลำงคืน ใช้กระสุนปืนใหญ่รถถังมำตรฐำน

สังเครำะห์ ขับเคล่อนด้วยเคร่องยนต์ดีเซลและระบบ NATO ขนำด ๑๐๕ มิลลิเมตร มีระยะยิงหวังผลแบบ ื ื � Waterjet ท�ำควำมเร็วสูงสุดได้ถึง ๔๐ นอต กินน้ำลึก เล็งตรง ๕,๐๐๐ เมตร และเล็งจ�ำลอง ๑๐,๐๐๐ เมตร เพียง ๑ เมตร ท�ำให้ปฏิบัติกำรในเขตน�้ำต้นได้ รวมถึง นอกจำกน ยังสำมำรถยิงอำวุธปล่อยน�ำวิถีต่อสู้รถถัง ี ื ้ กำรเข้ำเกยหำดหรือขอบฝั่งเพื่อกำรรับ-ส่งชุดปฏิบัติกำร จำกล�ำกล้องปืนใหญ่ (Gun Launched Anti - Tank � พิเศษ และบรรทุกเรือยำงส�ำหรับกำรแทรกซึมทำงน้ำ Guided Missile : GLATGM) ได้ ถือเป็นครั้งแรกในกำร ั ใช้ก�ำลังพลประจ�ำเรือ ๖ นำย และชุดปฏิบัติกำร ๒๐ นำย น�ำป้อมปืนใหญ่รถถังมำติดต้งบนเรือยนต์ขนำดเล็ก ่ � ่ ั ุ อำวธหลกของเรอคอปนใหญแรงถอยตำขนำด ๑๐๕ ควำมเร็วสูง รวมถึงยังสำมำรถเพิ่มเติมระบบป้อมปืนกล ื ื ื มิลลิเมตร บนป้อมปืนรถถังแบบ Cockerill 3105 มีระบบ ขนำด ๗.๖๒ – ๓๐ มิลลิเมตรได้ด้วย แหล่งที่มา : https://navalpost.com/x18-tank-boat-indonesian-navy/ นาวิกศาสตร์ 80 ปีที่ ๑๐๔ เล่มที่ ๗ กรกฎาคม ๒๕๖๔

สาธารณรัฐเกาหลี เรือฟริเกต ROKS Daejeon กองทัพเรือเกาหลีใต้

ั ข้อมูลท่วไป เรือฟริเกต ROKS Daejeon

ระวางขับน�้าเต็มที่ ๓,๕๙๒ ตัน ความยาว ๑๒๒ เมตร ความกว้าง ๑๔ เมตร กินน�้าลึก ๔ เมตร ระบบขับเคลื่อน - ระบบดีเซล-ไฟฟ้ำ ร่วมกับกังหันกำซ - เครื่องยนต์กังหันกำซ Rolls-Royce MT30 ๑ เครื่อง - เครื่องยนต์ดีเซล MTU 12V 4000 M53B ๔ เครื่อง - มอเตอร์ไฟฟ้ำ Leonardo DRS ๒ เครื่อง ความเร็วสูงสุด ๓๐ นอต ระยะปฏิบัติการ ๔,๕๐๐ ไมล์ทะเล ก�าลังพลประจ�าเรือ ๑๔๐ นำย ระบบตรวจจับ - เรดำร์อำกำศ SPS-550K 3D - เรดำร์ควบคุมกำรยิง SPG-540K - โซนำร์ Hull-mounted แบบ SQS-240K - โซนำร์ลำกท้ำย SQR-250K - กล้องตรวจจับ SAQ-540K ระบบอ�านวยการรบ เรือฟริเกต ROKS Daejeon (FFG-823) ของ - Naval Shield Integrated Combat Management System ื � กองทัพเรือเกำหลีใต้ ได้รับกำรปล่อยลงน้ำเม่อวันท ๓ ระบบอาวุธ ่ ี พฤษภำคม พ.ศ. ๒๕๖๔ ณ อู่ต่อเรือบริษัท Daewoo - ปืน ๑๒๗ มิลลิเมตร Mk 45 Mod 4 Shipbuilding & Marine Engineering (DSME) - ปืนกล ๒๐ มิลลิเมตร Phalanx CIWS บนเกำะ Geoje ประเทศเกำหลีใต้ - ท่อยิงตอร์ปิโดแฝดสำม ๒ แท่น เรือ ROKS Daejeon (FFG-823) เป็นเรือฟริเกต - ตอร์ปิโด K745 Blue Shark � ั ี ึ อำวุธปล่อยน�ำวิถีล�ำท่ห้ำของช้น Daegu ซ่งเรือเป็นเรือรบ - อำวุธปล่อยน�ำวิถีต่อต้ำนเรือผิวน้ำ SSM-700K Haeseong ๘ ลูก ั ้ ่ ี ่ ั ื รนใหมแบบ FFX Batch II ของกองทพเรอเกำหลใต เรอชน - อำวุธปล่อยน�ำวิถีต่อสู้อำกำศยำน Haegung K-SAAM ท่อยิง ื ้ ุ Daegu มีพ้นฐำนกำรออกแบบมำจำกเรือฟริเกตช้น ทำงด่ง รวม ๖๔ ลูก ื ั ิ Incheon โดยมีแผนที่จะต่อเรือชั้นนี้จ�ำนวนทั้งสิ้น ๘ ล�ำ - อำวุธปล่อยน�ำวิถีโจมตีภำคพ้น Haeryong VL-Tactical Land ื ิ ซงเป็นส่วนหนงในโครงกำรจดสร้ำงเรอฟรเกตร่นใหม่ Attack Missiles ุ ึ ่ ั ื ่ ึ ี ี ั แบบต่ำง ๆ ของกองทัพเรือเกำหลีใต้ ท่ต้งเป้ำไว้ท่จ�ำนวน - จรวดปรำบเรือด�ำน�้ำ K-ASROC Red Shark เรือทุกแบบรวม ๒๐ – ๒๒ ล�ำ เฮลิคอปเตอร์ประจ�าเรือ AW-159 แหล่งที่มา : https://navalpost.com/roks-daejeon-ffg-823-daewoo-launch-daugu-class/ นาวิกศาสตร์ 81 ปีที่ ๑๐๔ เล่มที่ ๗ กรกฎาคม ๒๕๖๔

ภาพกิจกรรม

ี พล.ร.อ.ชาติชาย ศรีวรขาน ผบ.ทร. ผู้แทน ผบ.ทสส. มอบประกาศเกียรติคุณชมเชยและรางวัลให้แก่ จ.อ.อริย น้อยม พยาบาลแผนกพลาธิการ ร.ล.ท่าดินเเดง หมวดเรือที่ ๒ กทบ.กร. จากเหตุการณ์ช่วยเหลือหญิงถูกชิงทรัพย์ได้รับบาดเจ็บบนสะพานลอย หน้า รพ.สมเด็จพระปิ่นเกล้า พร. จนได้รับความปลอดภัยทั้งร่างกายและทรัพย์สิน เมื่อ ๖ มิ.ย.๖๔ ณ ห้องรับรอง ชั้น ๒ อาคาร บก.ทร. พระราชวังเดิม เขตบางกอกน้อย กรุงเทพฯ เมื่อ ๑๔ มิ.ย.๖๔

ผบ.ทร. ให้โอวาทแก่ นนร. ที่เดินทางไปศึกษาต่อยัง รร.นร.ต่างประเทศ และ นนร.ที่ส�าเร็จการศึกษาจาก รร.นร.ต่างประเทศ จ�านวน ๓ นาย ณ ห้องรับรอง บก.ทร. พระราชวังเดิม เขตบางกอกใหญ่ กรุงเทพฯ เมื่อ ๑๔ มิ.ย.๖๔

ผบ.ทร. และ นางจุฬารัตน์ ศรีวรขาน นายกสมาคมภริยาทหารเรือ ผบ.ทร. ตรวจความพร้อมการซักซ้อมของคณะกรรมการบริหารวัคซีน � ั นาคณะนายทหารช้นผู้ใหญ่ของ ทร. และภริยา ถวายพระพรชัยมงคล ป้องกันโรคติดเช้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (COVID-19) กองทัพเรือ ในการ ื � ื � และทาบุญตักบาตรถวายแด่พระภิกษุสงฆ์ ร่วมปล่อยพันธุ์ปลา เพ่อถวาย เตรียมการสาหรับฉีดวัคซีนป้องกันโรคติดเช้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ ื ื เป็นพระราชกุศล สมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชิน เน่องในโอกาส (COVID-19) ให้แก่กาลังพล ทร. ณ หอประชุม ทร. เขตบางกอกใหญ่ กรุงเทพฯ ี � ุ ิ ิ

วนเฉลมพระชนมพรรษา ๓ มถนายน ๒๕๖๔ ณ บก.ทร. พระราชวังเดม เมื่อ ๔ มิ.ย.๖๔ ั ิ เขตบางกอกใหญ่ กรุงเทพฯ เมื่อ ๒ มิ.ย.๖๔

์ ิ ี ั ผบ.ทร. เป็นประธานพิธีเปิดกิจกรรม “รวมใจภักด อนุรักษ์พันธุ์ปลา ผบ.ทร. ตรวจเย่ยมสถานีวัดความส่นสะเทือน อศ. จว.เชียงใหม่ รักษาป่าชายเลน” ในมูลนิธิอนุรักษ์แนวปะการัง และส่งมีชีวิตใต้ทะเลไทย พร้อมรับฟังการบรรยายสรุปการปฏิบัติงานของสถานีวัดความส่นสะเทือนฯ ั ิ ่ ี ในสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวร นารีรัตนราชกัญญา คร้งท ๓/๒๕๖๔ และ ส.ทร.๑๑ ณ สถานีวัดความส่นสะเทือน อศ. จว.เชียงใหม่ ระหว่าง ั ั ี ่ ณ หมวดเรือท ๓ กทบ.กร. อ.พระสมุทรเจดีย์ จว.สมุทรปราการ เม่อ ๙ มิ.ย.๖๔ ๑๐ - ๑๑ มิ.ย.๖๔ ื ี

ผบ.ทร. ในฐานะนายกสมาคมสามสมอสมาคม รับมอบเงินจานวน ผบ.ทร. เป็นประธานในกิจกรรมการมอบอาหารและนาด่มให้กับ � � ้ ื ๕๑๐,๐๐๐ บาท จากผู้ให้การสนับสนุนสามสมอสมาคม โดย พล.ร.ท.ไกรศรี ประชาชน พร้อมท้งปล่อยขบวนรถ ในกิจกรรม “กองทัพเรือเพ่อประชาชน

ั ื

เกษร ผบ.รร.นร. และคณะ นนร.รุ่นที่ ๘๐ ร่วมบริจาคเงิน ณ ห้องรับรอง ร่วมใจต้าน COVID - 19” ถวายเป็นพระราชกุศล ณ บริเวณลานจอดรถ