1. Adverb of manner คือ คำกริยาวิเศษณ์บอก คุณภาพ อาการ สถานะ ท่าทาง ลักษณะต่าง ๆ ของการกระทำ เป็น Adverb ที่บอกว่ากริยานั้น q กระทำด้วยลักษณะอย่างไร เช่น carefully, quickly, simply, sincerely, slowly เช่น He drives slowly. (เขาขับรถอย่างช้า ๆ) 2. Adverb of time คือ คำกริยาวิเศษณ์บอกเวลา เป็น Adverb ที่บอกว่ากริยานั้นกระทำเกิดขึ้นเมื่อไร บ่อยแค่ไหน นานแค่ไหน เช่น today, yesterday, before, after, all day, often, never, always เช่น I’m going to the market today. (ฉันจะไปตลาดวันนี้) 3. Adverb of place คือ คำกริยาวิเศษณ์บอกสถานที่ เป็น Adverb ที่บอกว่ากริยานั้นเกิดขึ้นที่ไหน เช่น here, away, nearby, under, above, around, near เช่น I’m just looking around. (ฉันแค่มองไปรอบๆ) 4. Adverb of degree (คำกริยาวิเศษณ์บอกระดับ) เป็น Adv. ที่บอกว่ากริยานั้นเกิดขึ้นระดับไหน เช่น very, too, quite, almost, entirely, fully เช่น It’s quite difficult. (มันค่อนข้างจะยาก) 5. Adverb of frequency (คำกริยาวิเศษณ์บอกความถี่) เป็น Adv. ที่บอกว่ากริยานั้นเกิดขึ้นบ่อยเพียงใด เช่น always, often, usually, sometimes, never เช่น คำกริยาวิเศษณ์ที่ใช้บอกลักษณะ อาการ หรือท่าทางบอกให้เราทราบว่าสิ่งนั้นเกิดขึ้นได้อย่างไร โดยทั่วไปแล้วจะวางไว้หลังคำกริยาหลักหรือหลังกรรม ตัวอย่างเช่น
คำกริยาวิเศษณ์ที่ใช้บอกลักษณะ อาการ หรือท่าทางไม่สามารถวางไว้ระหว่างคำกริยาและกรรมตรงได้ ต้องวางไว้ก่อนคำกริยาหรือท้ายอนุประโยคเท่านั้น ตัวอย่างเช่น
หากมีคำบุพบทก่อนหน้าคำกริยาของกรรม คุณสามารถวางคำกริยาวิเศษณ์ที่ใช้บอกลักษณะ อาการ หรือท่าทางไว้ก่อนหน้าคำบุพบทหรือหลังกรรมก็ได้ ตัวอย่างเช่น
คำกริยาวิเศษณ์ที่ใช้บอกลักษณะ อาการ หรือท่าทางควรวางต่อท้ายติดกับคำกริยาที่ไม่มีกรรมมารองรับเสมอ (อกรรมกริยาหรือกริยาที่ไม่ต้องมีกรรมมารองรับ) ตัวอย่างเช่น
well, badly, hard และ fast คือ คำกริยาวิเศษณ์ที่ใช้บอกลักษณะ อาการ หรือท่าทางที่พบได้บ่อย ส่วนใหญ่แล้วจะถูกวางไว้หลังคำกริยาเสมอ ตัวอย่างเช่น
หากในประโยคใด ๆ ก็ตามที่มีคำกริยามากกว่า 1 คำ ตำแหน่งการวางคำกริยาวิเศษณ์ คือ สิ่งที่สำคัญ หากคำกริยาวิเศษณ์ถูกวางไว้ข้างหน้าหรือข้างหลังคำกริยาหลัก คำกริยาวิเศษณ์นั้น ๆ จะทำหน้าที่ขยายคำกริยาเท่านั้น แต่หากคำกริยาวิเศษณ์ถูกวางไว้ท้ายอนุประโยค คำกริยาวิเศษณ์จะทำหน้าที่ขยายการกระทำทั้งหมดที่เกิดขึ้นในอนุประโยคนั้น ๆ โปรดสังเกตความแตกต่างในประโยคต่าง ๆ ดังต่อไปนี้ ตัวอย่าง ความหมาย She quickly agreed to re-type the letter. สิ่งที่เกิดขึ้นเร็ว คือ การเห็นด้วย She agreed quickly to re-type the letter. สิ่งที่เกิดขึ้นเร็ว คือ การเห็นด้วย She agreed to re-type the letter quickly. สิ่งที่เกิดขึ้นเร็ว คือ การพิมพ์ใหม่อีกครั้ง He quietly asked me to leave the house. สิ่งที่เกิดขึ้นอย่างเงียบ ๆ คือ การขออนุญาต He asked me quietly to leave the house. สิ่งที่เกิดขึ้นอย่างเงียบ ๆ คือ การขออนุญาต He asked me to leave the house quietly. สิ่งที่เกิดขึ้นอย่างเงียบ ๆ คือ การออกจากบ้าน การใช้ทางวรรณศิลป์ คำกริยาวิเศษณ์ที่ใช้บอกลักษณะ อาการ หรือท่าทางถูกวางไว้ข้างหน้าคำกริยา + กรรมเพื่อเน้นความหมาย ตัวอย่างเช่น
บางครั้งผู้เขียนจะวางคำกริยาวิเศษณ์ที่ใช้บอกลักษณะ อาการ หรือท่าทางไว้ตอนต้นของประโยคเพื่อสร้างความสนใจและทำให้เกิดความสงสัยเพื่อกระตุ้นความรู้สึกทำให้อยากอ่านต่อไป ในแกรมม่าภาษาอังกฤษ เรื่องที่หลาย ๆ คนชอบสับสนและใช้ผิดอยู่บ่อย ๆ นั่นก็คือ Adverb ค่ะ ซึ่งปัญหาใหญ่ ๆ เลย คือ ไม่รู้จะวางไว้ตำแหน่งไหนของประโยค หรือแยกไม่ออกว่าคำศัพท์ตัวไหนเป็น Adverb วันนี้ Globish จะพาไปหาคำตอบเองค่ะ ว่า Adverb คืออะไร? มีกี่ประเภท? ต่างจาก Adjective อย่างไร? วางไว้ตรงไหนของประโยคดี? Adverb คือ คำกริยาวิเศษณ์ที่ใช้ขยาย Verb, Adjective, Adverb และประโยค เพื่อให้รู้ว่าประธานทำกริยานั้นอย่างไร จุดเด่นของ Adverb ที่ใครเห็นก็ต้องรู้ว่าเป็น Adverb นั่นก็คือ การลงท้ายด้วย -ly ค่ะ ซึ่งคำศัพท์ประเภท Adverb เกิดจาก Adjective + -ly นั่นเอง เช่น quick + ly = quickly ถ้าอยากเก่งอังกฤษยิ่งขึ้นไปอีก สามารถดูวิธีการพัฒนาภาษาได้ที่ คลิก 5 ข้อต้อง "ข้าม" เมื่อเริ่มฝึกภาษาอังกฤษ ฝึกจับใจความภาษาอังกฤษ ด้วยทฤษฎี GTM Adverb ใช้ยังไง? ขยายอะไรได้บ้าง? 1. ใช้ขยายคำกริยา เพื่อให้รู้ว่าประธานทำกริยานั้นอย่างไร เช่น บอกความบ่อย ความเร็ว เช่น 2. Adverb ใช้ขยาย Adjective ในขณะที่ Adjective ใช้ขยายคำนาม เช่น 3. ใช้ขยาย Adverb หรือคำกริยาวิเศษณ์ เช่น 4. ใช้ขยายประโยค เช่น ระวัง! 28 คำศัพท์ที่มีรูป Adjective และ Adverb เหมือนกัน 5 ตำแหน่งหลักของ Adverb 1. ถ้าในประโยคที่ Verb เพียงตัวเดียว สามารถใส่ Adverb ไว้ข้างหน้าประโยค (เพื่อเน้น Adverb) หรือข้างหลังประโยคก็ได้ เช่น 2. ถ้าในประโยคที่ Verb เพียงตัวเดียว สามารถวาง Adverb ไว้หน้าหรือหลังคำกริยาที่ Adverb ตัวนั้นขยาย เช่น 3. Hard, Fast, Well และ Badly วางหลังคำกริยาเท่านั้น เช่น 4. วาง Adverb หลัง Verb to be และ Verb to have เช่น 5. ถ้าในประโยคมี Verb ช่วยหลายตัว ให้วาง Adverb หลังกริยาช่วยตัวแรก เช่น Adverb แบ่งออกเป็น 8 ประเภท
คำกริยาวิเศษณ์ที่ใช้บอกว่าการกระทำนั้นเกิดขึ้นเมื่อไหร่ เช่น When เมื่อ Before ก่อน After หลัง Afterward ในภายหลัง Formerly แต่ก่อน Soon เร็ว ๆ นี้ Today วันนี้ Lately เมื่อเร็ว ๆ นี้ Late สาย Since ตั้งแต่ Ago ผ่านมาแล้ว Already แล้ว, เรียบร้อย Immediately ทันที Yet ยัง Once ครึ่งหนึ่ง Still ยังคง Shortly Tonight Yesterday Tips: already, just, still, eventually, finally, last, soon วางไว้หน้ากริยาแท้ ตัวอย่างประโยค I have already eaten breakfast.
คำกริยาวิเศษณ์ที่ใช้แสดงช่วงเวลาว่าเหตุการณ์เกิดนานแค่ไหน หรือเกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่ ได้แก่ For เป็นเวลา (ตามด้วย + ระยะเวลา เช่น for 2 months) Since ตั้งแต่ (ตามด้วย + จุดเริ่มต้นของเวลา เช่น since 1998) From...to ตั้งแต่...ถึง From...till ตั้งแต่...ถึง From...until ตั้งแต่...ถึง Till ถึง Untill ถึง Tips: Since และ For มักใช้ใน Present Perfect Tense อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Present Perfect Tense ได้ที่นี่ คลิก ตัวอย่างประโยค I have taught English for 8 years.
คำกริยาวิเศษณ์ที่ใช้บอกว่าการกระทำเกิดขึ้นที่ไหน เช่น Where ที่ซึ่ง Above บน Across ข้าม Along ตามทาง Around รอบ ๆ Back หลัง Below ข้างใต้ Nowhere ไม่มีที่ไหน Somewhere ที่ใดที่หนึ่ง There ที่นั่น Here ที่นี่ Downstairs ชั้นล่าง In ใน On บน At ใน Under ข้างใต้ ตัวอย่างประโยค Your coat is hung there. 4. Adverb of Frequency (กริยาวิเศษณ์บอกความถี่) คำกริยาวิเศษณ์ที่ใช้บอกว่าการกระทำเกิดขึ้นบ่อยแค่ไหน เช่น Every day ทุกวัน Generally เป็นประจำ Always ตลอด Frequently, Often บ่อย ๆ Usually, Normally เป็นปกติ Occasionally, Sometomes บางครั้ง Never ไม่เคย Rarely, Seldom ไม่ค่อยจะ Again อีกครั้ง ตัวอย่างประโยค It’s always cold in this room. 5. Adverb of Manner (กริยาวิเศษณ์บอกลักษณะอาการ) คำกริยาวิเศษณ์ที่ใช้แสดงว่าผู้กระทำหรือประธานทำกริยานั้นด้วยความรู้สึกหรืออารมณ์แบบไหน อย่างไร เช่น Angrily อย่างโมโห Badly อย่างแย่มาก, อย่างมาก Carefully อย่างรอบคอบ Easily อย่างง่ายดาย Calmly อย่างสงบ Intentionally อย่างตั้งใจ Terribly อย่างร้ายกาจ Together ด้วยกัน Sincerely อย่างจริงใจ Willingly อย่างเต็มใจ ตัวอย่างประโยค “Don’t do that!” she shouted angrily. 6. Adverb of Degree (กริยาวิเศษณ์บอกระดับ) คำกริยาวิเศษณ์ที่ใช้บอกว่าปริมาณว่ามากน้อยแค่ไหน หรืออยู่ในระดับไหน เช่น Almost เกือบจะ Nearly เกือบ Quite ค่อนข้าง Entirely ทั้งหมด Extremely อย่างที่สุด Greatly อย่างยิ่งใหญ่ Very มาก Too เกินไป Enough เพียงพอ ตัวอย่างประโยค She is almost 20. 7. Adverb of Affirmation or Negation (กริยาวิเศษณ์บอกการรับปละการปฏิเสธ) คำกริยาวิเศษณ์ที่ใช้ยืนยันว่าใช่ (Affirmation) หรือ ไม่ใช่ (Negation) เช่น Yes ใช่ Absolutely อย่างแน่นอน Certainly อย่างแน่นอน Surely อย่างแน่นอน Indeed แน่นอน Of course แน่นอน Preciously อย่างชัดเจน Absolutely อย่างแน่นอนที่สุด Entirely อย่างสิ้นเชิง No, Not, Never ไม่ ตัวอย่างประโยค I absolutely believed him. 8. Conjunctive Adverb (กริยาวิเศษณ์เชื่อมประโยค) คำกริยาวิเศษณ์ที่ใช้เป็นคำเชื่อม 2 ประโยค หรือ เชื่อมประโยคกับวลีหรือคำ เข้าด้วยกัน เช่น Hence, Therefore ดังนั้น Consequently ด้วยเหตุนี้ Then หลังจากนั้น Firstly อันดับแรก Secondly อันดับสอง Furthermore, In addition, Moreover มากไปกว่านั้น Before ก่อน Meanwhile ในขณะที่ However อย่างไรก็ตาม Instead แทนที่ Inspite of ทั้ง ๆ ที่ But แต่ Briefly อย่างย่อ In conclusion สรุป For example เช่น For instance เช่น Namely กล่าวคือ ตัวอย่างประโยค We were unable to get funding and therefore had to abandon the project, เรียนภาษาอังกฤษเพิ่มความโปร พูดโฟลว์ได้อย่างมั่นใจ ได้ที่ Globish คอร์สเรียนภาษาอังกฤษที่ดีที่สุดสำหรับวัยทำงาน พิสูจน์แล้วจากผู้เรียนกว่า 10,000 คน ว่าพูดได้จริง ไม่ใช่แค่ท่องจำ |