ในโลกที่มีการเปลี่ยนแปลงและซับซ้อนมากขึ้นเรื่อยๆ เยาวชนในประเทศต้องเตรียมพร้อมที่จะนำความรู้และทักษะมาใช้ในการแก้ปัญหา เรียนรู้วิธีรวบรวม และตอบสนองความต้องการหรือแก้ปัญหาที่เกี่ยวข้องกับชีวิตประจำวัน โดยมีได้หลายรูปแบบ เช่น การทำความเข้าใจสิ่งที่เป็นปัญหาในชีวิตประจำวัน และต้องหาวิธีการหรือสร้างสิ่งประดิษฐ์ เพื่อแก้ปัญหาดังกล่าว Show
หลักสูตร STEM แตกต่างจากหลักสูตรทั่วไปอย่างไร?
หลักสูตร STEM ในอเมริกา มีสาขาวิชาอะไรให้เลือกเรียนบ้าง?มีหลักสูตรวิทยาศาสตร์ วิศวกรรม เทคโนโลยี และคณิตศาสตร์ (STEM) มากกว่า 300 หลักสูตรซึ่งเปิดสอนในสหรัฐอเมริกา มอบโอกาสในการจ้างงานที่มีความต้องการสูงในอุตสาหกรรมที่มีการแข่งขันและมีค่าตอบแทนสูง ยกตัวอย่างหลักสูตร ดังนี้
5 เหตุผล ทำไมนักเรียนต่างชาติควรเลือกเรียนหลักสูตร STEM ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา?ในสหรัฐอเมริกา วิชาชีพที่เกี่ยวข้องกับสาขา STEM ถือว่ามีความสำคัญสูงมาก เนื่องจากหลายๆ ปัจจัยที่ทำให้ประเทศพัฒนา เกี่ยวข้องกับหลักสูตร STEM ทั้งทางตรงและทางอ้อม นอกจากนี้ ประเทศสหรัฐอเมริกาได้รับการยกย่องให้เป็นผู้นำระดับโลก ในสาขาวิชาที่เกี่ยวข้องกับวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี วิศวกรรม และคณิตศาสตร์ นอกจากนี้ ยังมีเหตุผลอื่นๆ ที่ควรมาเรียนหลักสูตร STEM ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา ดังนี้ 1. ประเทศสหรัฐอเมริกา เป็นต้นแบบของหลักสูตร STEMอย่างที่กล่าวไปข้างต้น หลักสูตร STEM ถูกคิดค้น และพัฒนาโดยสถาบันวิทยาศาสตร์แห่งประเทศสหรัฐอเมริกา National Science Foundation (NSF) ดังนั้น ผู้เรียนจะได้เรียนหลักสูตร STEM ที่เป็นต้นแบบ ของทั่วโลก ครอบคลุมทุกระดับชั้น ตั้งแต่ระดับประถมศึกษา ปลูกฝังความสนใจในด้านวิทยาศาสตร์ จนประสบความสำเร็จในระดับอุดมศึกษา
2. หลักสูตร STEM ได้รับโอกาสขยายระยะเวลาทำงานหลังเรียนจบ หรือ OPT มากกว่าหลักสูตรปกติประเทศสหรัฐอเมริกา เป็นผู้นำด้านเทคโนโลยี และวิทยาศาสตร์ระดับโลก มีองค์กรและหน่วยงานที่มีชื่อเสียงและอยู่ในระดับแนวหน้าของโลก และในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ประเทศสหรัฐอเมริกามีปัญหาขาดแคลนแรงงานสาขาวิชา STEM เพื่อช่วยลดปัญหานี้ ทางกระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิ Department of Homeland Security (DHS) ได้กำหนดหลักสูตร STEM บางหลักสูตรในระดับอุดมศึกษา ให้เป็นหลักสูตร STEM Designated Degree ซึ่งเมื่อสำเร็จการศึกษาแล้ว มีสิทธิ์ ได้ขยายเวลาผู้สำเร็จการศึกษา STEM Extension OPT ได้อีก 24 เดือน รวมเป็น 36 เดือน (3 ปี) นอกจากนี้ ยังได้รับโอกาสในการขอเป็นประตูสู่วีซ่าทำงาน หรือการเป็นพลเมืองของสหรัฐอเมริกา จึงเป็นแรงผลักดันให้นักเรียนต่างชาติ เดินทางเข้ามาเรียนต่อ และทำงานในประเทศสหรัฐอเมริกาอย่างมาก หลักสูตร STEM Designated Degree ส่วนใหญ่แล้ว อยู่ในสาขาวิชาวิศวกรรมศาสตร์ (Engineering) วิทยาศาสตร์ชีวภาพ (Biological Sciences) คณิตศาสตร์ (Mathematics) และวิทยาศาสตร์กายภาพ (Physical Sciences) นอกจากนี้ ยังรวมถึงสาขาที่เกี่ยวข้องกับการวิจัย (Research) นวัตกรรม (Innovation) หรือ การพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ๆ โดยใช้วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีในการพัฒนา โดยสามารถตรวจสอบหลักสูตร STEM Designated Degree สามารถตรวจสอบโดยชุดรหัสที่เรียกว่า CIP (Classification of Instructional Programs) คลิก เพื่อตรวจสอบรายชื่อหลักสูตร STEM Designated Degree เงื่อนไขในการขอรับ STEM OPT Extension
3. อาชีพ STEM ประสบความสำเร็จ และมีงานรองรับมากที่สุดการศึกษา STEM ช่วยให้มีโอกาสในการทำงานมากขึ้น และพร้อมที่จะตอบสนองความต้องการแรงงานในปัจจุบัน องค์ประกอบ STEM แต่ละส่วนช่วยให้ผู้เรียนมีความเข้าใจในเชิงลึกเกี่ยวกับโลกรอบตัวเรา ช่วยให้สามารถค้นคว้าและคิดวิเคราะห์ได้ดีขึ้น พร้อมทำงานในสภาพแวดล้อมที่เต็มไปด้วยนวัตกรรมไฮเทค เพิ่มพูนทักษะการแก้ปัญหาและนำความรู้ไปใช้ในโครงการใหม่ๆ สามารถวิเคราะห์ข้อมูลขจัดข้อผิดพลาดและตัดสินใจอย่างมีสติ ผู้สำเร็จการศึกษาด้าน STEM ในอนาคตจึงสามารถเลือกงาน STEM ที่มีศักยภาพ และผลตอบแทนจำนวนมากได้ จากสถิติสำนักงานของกระทรวงแรงงานสหรัฐฯ พบว่า อาชีพที่เกี่ยวข้องกับสาขา STEM มีศักยภาพที่สามารถเติบโต และค่าตอบแทนสูงสุดในศตวรรษที่ 21 อีกด้วย โดยเว็บไซต์ STEMconnector.org ได้สรุปการคาดการณ์ความต้องการของงานที่เกี่ยวข้องกับหลักสูตร STEM ดังนี้
หมายเหตุ: ควรตรวจสอบให้แน่ใจว่าหลักสูตรที่เรียนอยู่ในหมวด STEM และมีสิทธิ์ขอ STEM Extension OPT เพราะ ไม่ใช่ทุกโปรแกรมที่มีสิทธิ์ โดยสามารถตรวจสอบได้จากเว็บไซต์ของมหาวิทยาลัย หรือปรึกษากับศูนย์ฯ เดอะเบสท์ ตัวอย่างอาชีพ STEM ที่น่าสนใจอาชีพ รายได้เฉลี่ย ต่อปี Computer Systems Administrator – ดูแลระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ขององค์กร รวมถึงเครื่องมือการสื่อสารต่างๆ ให้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและราบรื่น 81,100 USD (ประมาณ 2,514,100 บาท) Computer Network Architect – ทำงานออกแบบโครงข่าย ฐานข้อมูลให้กับองค์กร 104,650 USD (ประมาณ 3,244,150 บาท) Database Administrator – ผู้เชี่ยวชาญด้านการจัดเก็บข้อมูล และสามารถใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัย 87,020 USD (ประมาณ 2,697,620 บาท) Web Developer – นักพัฒนาเว็บไซต์ ซอฟต์แวร์ และแอพลิเคชั่น 67,990 USD (ประมาณ 2,107,690 บาท) Political Scientist – นักรัฐศาสตร์ วิเคราะห์ข้อมูล สำรวจ และวิจัยผลกระทบของกฏหมาย ที่มีต่อพลเมือง และองค์กรต่างๆ 117,570 USD (ประมาณ 3,644,670 บาท) School Psychologist – นักจิตวิทยาที่ดูแลเฉพาะในโรงเรียน ดูแลด้านปัญหา สุขภาพจิต พฤติกรรม และความบกพร่องทางการเรียนรู้ของนักเรียน 76,990 USD (ประมาณ 2,386,690 บาท) Mechanical Engineer – วิศวกรเครื่องกล ทำงานในโรงงานอุตสาหกรรมที่หลากหลาย ออกแบบ สร้าง และทดลองอุปกรณ์ที่ช่วยอำนวยความสะดวกในการทำงาน 85,880 USD (ประมาณ 2,662,280 บาท) Information Security Analyst – ผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยี คอมพิวเตอร์ และเครือข่าย ป้องกันการถูกโจรกรรม การแฮ็ก การละเมิดข้อมูล และการโจมตีทางเครือข่าย 95,510 USD (ประมาณ 2,960,810 บาท) Psychologist – นักจิตวิทยา ดูแล และวิจัยเกี่ยวกับสุขภาพจิต พฤติกรรม และการทำงานของระบบสมอง และบำบัดผู้ป่วยที่มีปัญหาทางด้านสุขภาพจิต 100,770 USD (ประมาณ 3,123,870 บาท) Civil Engineer – วิศวกรโยธา ออกแบบ สร้าง และซ่อมแซมโครงการก่อสร้าง เช่น ถนน สะพาน อุโมง 84,700 USD (ประมาณ 2,625,700 บาท) Operations Research Analyst – นักวิจัย และวิเคราะห์ข้อมูล โดยใช้เครื่องมือทางคณิตศาสตร์ เพื่อช่วยให้องค์กร และบริษัทต่างๆ ดำเนินการได้อย่างมีประสิทธิภาพ ตามเป้าหมายด้านงบประมาณ 83,390 USD (ประมาณ 2,585,090 บาท) Actuary – นักคณิตศาสตร์ประกันภัย ผู้เชี่ยวชาญด้านตัวเลข และการวิเคราะห์ผลตอบแทน ความเสี่ยง สำหรับองค์กร เช่น บรษัทประกันภัย 102,880 USD (ประมาณ 3,189,280 บาท) Medical and Health Services Manager – ผู้บริหารด้านการดูแลสุขภาพ ช่วยให้สถานพยาบาล โรงพยาบาล และศูนย์ดูแลสุขภาพ ดำเนินการไปอย่างราบรื่น 99,730 USD (ประมาณ 3,091,630 บาท) IT Manager – ผู้เชี่ยวชาญด้านไอที จัดระเบียบเทคโนโลยีขององค์กร ติดตั้ง อัพเดทระบบ และเจรจากับฝ่ายอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับไอทีได้อย่างมีประสิทธิภาพ 139,220 USD (ประมาณ 4,315,820 บาท) Pediatrician – แพทย์ที่เชี่ยวชาญการดูแลเด็กทารก และวัยรุ่น 183,240 USD (ประมาณ 5,680,4400 บาท) Orthodontist – ทันตแพทย์เฉพาะทางที่เชี่ยวชาญด้านการจัดฟัน การแก้ไขรอยยิ้มโดยใช้เครื่องมือจัดฟัน 208,000 USD (ประมาณ 6,448,000 บาท) Nurse Anesthetist – วิสัญญีพยาบาล 165,120 USD (ประมาณ 5,118,720 บาท) Dentist – ทันตแพทย์ที่ดูแลเกี่ยวกับปัญหาสุขภาพฟัน 158,120 USD (ประมาณ 4,901,720 บาท) Biomedical Engineer – ใช้ความรู้จาก Healthcare and Engineering เพื่อออกแบบซอฟต์แวร์และอุปกรณ์ใหม่ ๆ สำหรับอุตสาหกรรมการแพทย์ 76,000 USD (ประมาณ 2,356,000 บาท) Environmental Engineer – ใช้ความรู้ด้านวิศวกรรมของคุณเพื่อค้นหาวิธีแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อมเช่นภาวะโลกร้อนมลภาวะการกำจัดขยะ ฯลฯ 73,000 USD (ประมาณ 2,263,000 บาท) Forensic Science Technician – ช่วยหน่วยงานตำรวจในการรวบรวมและวิเคราะห์หลักฐานที่ใช้ในการสืบสวนคดีอาชญากรรม 55,000 USD (ประมาณ 1,705,000 บาท) Accountant – จัดเตรียมและตรวจสอบบัญชี การจ่ายภาษี และประเมินการดำเนินงานทางการเงินของธุรกิจ 56,000 USD (ประมาณ 1,736,000 บาท) 4. หลักสูตร STEM มีโอกาสในการย้ายถิ่นฐานมากกว่าหลักสูตร STEM เป็นหลักสูตรที่มีความต้องการทั่วโลก ประเทศสหรัฐอเมริกาก็เป็นประเทศที่ต้องการ และขาดแคลนแรงงานเกี่ยวกับ STEM เช่นเดียวกัน ดังนั้น จึงให้สิทธิ์มากกว่าผู้ที่เรียนจบหลักสูตรธรรมดา โดยการขยายระยะเวลา OPT เพิ่มอีก 24 เดือน รวมเป็น 36 เดือน และยังให้สิทธิ์ในการพิจารณาพิเศษ สำหรับ วีซ่าทำงาน H-1B พูดง่ายๆ คือ การได้รับปริญญา STEM ในฐานะนักเรียนต่างชาติ เป็นตั๋วผ่านประตูเพื่อทำงานแบบเต็มเวลา หรือเป็นพลเมืองของประเทศสหรัฐอเมริกา ที่มีโอกาสเป็นไปได้มากที่สุด และมีโอกาสในการขอ Green Card มากที่สุด สำนักสถิติแรงงานของกระทรวงแรงงานสหรัฐฯ ตีพิมพ์ในคู่มือ Occupational Outlook ให้รายละเอียดเกี่ยวกับอาชีพของสาขา STEM ว่า มีศักยภาพในการเติบโตมากที่สุดและค่าตอบแทนสูงสุดในศตวรรษที่ 21 พวกเขายังระบุถึงสิบสี่ภาคส่วนที่คาดว่าจะเพิ่มงานใหม่จำนวนมากให้กับเศรษฐกิจซึ่งส่งผลต่อการเติบโตของอุตสาหกรรมอื่นๆ ด้วย สำหรับนักเรียนที่กำลังมองหาโอกาสในการทำงานที่มีโอกาสได้รับค่าตอบแทนสูง ทั้งในสหรัฐอเมริกา และประเทศที่พัฒนาแล้วทั่วโลก วีซ่า H-1B คืออะไร?วีซ่า H-1B ของสหรัฐอเมริกาเป็นวีซ่าสำหรับผู้ย้ายถิ่นฐานที่อนุญาตให้ บริษัท ในสหรัฐอเมริกาจ้างคนงานระดับบัณฑิตศึกษา ในอาชีพที่ต้องการความเชี่ยวชาญทางทฤษฎี หรือทางเทคนิคในสาขาเฉพาะทาง เช่น ไอที การเงิน การบัญชี สถาปัตยกรรม วิศวกรรม คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ การแพทย์ ฯลฯ 5. เหตุผลอื่นๆ ที่ควรมาเรียนหลักสูตร STEM ที่อเมริกา
อยากเรียนหลักสูตร STEM จะต้องเริ่มต้นอย่างไร?ปัจจุบัน วิวัฒนาการของโลก เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว จนบางครั้ง สิ่งที่มีอยู่ล้าสมัยในเวลาเพียงไม่กี่เดือน ทุกๆ ปี Apple หรือ Samsung จะเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ เช่น โทรศัพท์มือถือสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ อย่างน้อย 2 – 3 รุ่น ที่มีคุณสมบัติที่น่าดึงดูด จนก้าวหน้ารุ่นเก่าเพียงแค่ไม่กี่เดือน หรือบริษัทยักษ์ใหญ่ เช่น Amezon, Google และ Facebook ซึ่งเมื่อก่อน เป็นบริษัทขนาดเล็ก แต่ในช่วงเวลาเกือบสองทศวรรษ ได้กลายเป็นบริษัทแนวหน้าของโลก Artificial Intelligence (AI) หรือปัญญาประดิษฐ์ มีบทบาทสำคัญอย่างมากในชีวิตประจำวัน เรียกได้ว่าเป็นสมองที่ชาญฉลาด ที่มนุษย์สามารถนำมาใช้เพื่อแก้ปัญหาการทำงานต่างๆ ที่ซับซ้อน ซึ่งจะเห็นได้ในธุรกิจเกือบทุกรูปแบบ ดังนั้น หากจะเริ่มเรียนหลักสูตร STEM ควรเริ่มเรียนตั้งแต่ระดับประถมศึกษาตอนต้น เพื่อเชื่อมโยงสมองของเด็กในการแก้ปัญหา และสร้างทัศนคติที่ดี นอกจากนี้ สมองของเด็กประถมวัยมีพัฒนาการที่รวดเร็ว มีความอยากรู้อยากเห็น และมีทักษะในการใช้เหตุผลของตนเอง โดยหลักสูตร STEM จะช่วยเสริมสร้างความสามารถ และสร้างรากฐานที่แข็งแกร่งและมั่นคง แต่การเริ่มเรียนในระดับอุดมศึกษา ก็ไม่ได้สายเกินไป หลักสูตร STEM เปิดสอนที่ไหนบ้าง?ในสหรัฐอเมริกา เปิดสอนเนื้อหาเกี่ยวกับ STEM ตั้งแต่ระดับประถมศึกษา โดยสามารถเริ่มเรียนตั้งแต่ระดับประถมศึกษาเป็นต้นไป สำหรับผู้ปกครองเด็กไทยส่วนใหญ่ นิยมส่งบุตรหลานเข้าเรียนต่อระดับมัธยมศึกษาตอนปลายเป็นต้นไป เพื่อเสริมฐานความรู้ทางวิชาการให้แข็งแกร่ง และโอกาสในการเข้ามหาวิทยาลัยชั้นนำมากยิ่งขึ้น ถ้าหากผู้ปกครองท่านใด ที่อยากส่งบุตรหลานของท่าน เข้าเรียนต่อในระดับ Grade 9 – 12 ศูนย์ฯ เดอะเบสท์ ขอแนะโรงเรียน Wisconsin Lutheran High School เป็นโรงเรียนมัธยมปลายนานาชาติ มีทุนการศึกษามอบให้สูงสุด 60% ต่อปี คลิก เพื่อศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับโรงเรียนนานาชาติ Wisconsin Lutheran High School USA พร้อมข้อมูลทุนการศึกษามูลค่าสูงสุด 60% สำหรับนักเรียนไทย สำหรับน้องๆ ที่กำลังเรียน ม.4 หรือ ม.5 อยากเรียนต่อหลักสูตร STEM ที่อเมริกา แต่ไม่อยากเรียนซ้ำ ม.4 ใหม่ ทางศูนย์ฯ เดอะเบสท์ ขอแนะนำ โครงการ International High School Completion ซึ่งเป็นโครงการสำหรับน้องๆ อายุ 16 ปีขึ้นไป ที่ยังเรียนไม่จบมัธยมปลาย สามารถข้ามการเรียนในระดับมัธยมปลาย 2 ปีสุดท้ายใน Grade 10 – 11 ได้เลย เมื่อสำเร็จการศึกษา ได้ประกาศนียบัตรมัธยมปลาย High School Diploma และประกาศนียบัตรอนุปริญญา Associate Degree ซึ่งสามารถใช้เทียบโอนหน่วยกิตเข้าเรียนปริญญาตรีได้เลย คลิก เพื่อศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับโครงการ International High School Completion สำหรับน้องๆ ที่เรียนจบมัธยมศึกษาปีที่ 6 เรียบร้อยแล้ว และอยากเรียนต่อระดับปริญญาตรี หลักสูตร STEM ที่อเมริกา แต่ขาดคุณสมบัติบางส่วน เช่น ระดับภาษาอังกฤษไม่ถึงเกณฑ์ที่ทางมหาวิทยาลัยกำหนด หรือขาดคุณสมบัติบางประการ ศูนย์ฯ เดอะเบสท์ ขอแนะนำ โครงการ American Honors Program โครงการนี้ เป็นโครงการเรียนในหลักสูตรอนุปริญญาตรี Associate Degree 2 ปี และเทียบโอนหน่วยกิตเข้าเรียนมหาวิทยาลัยชั้นนำ TOP University ของอเมริกาได้ หรือหลายคนรู้จักในชื่อหลักสูตร 2+2 ประหยัดค่าใช้จ่าย มีทุนการศึกษา และที่สำคัญ วุฒิ GED ก็สมัครได้ คลิก เพื่อศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับโครงการ American Honors Program เรียน 2 Year College + 2 Year TOP University สำหรับน้องๆ ที่เรียนจบปริญญาตรีแล้ว หากต้องการเรียนต่อในระดับปริญญาโท มีหลักสูตรที่เกี่ยวกับ STEM ให้เลือกเรียนในหลากหลายสาขาวิชา และหลากหลายมหาวิทยาลัย ซึ่งรวมถึงหลักสูตร MBA ด้วย สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมจากทางศูนย์ฯ เดอะเบสท์ได้เลย เพื่อวางแผนการเรียนต่อให้ประสบความสำเร็จตามที่ได้ตั้งเป้าหมายไว้ เรียนหลักสูตร STEM ที่มหาวิทยาลัยไหนดี?สามารถเรียนในมหาวิทยาลัยได้ทั่วประเทศสหรัฐอเมริกา แต่ผู้เรียนจะต้องตรวจสอบให้แน่ใจว่า หลักสูตร STEM ได้รับการรับรองจาก DSH ให้เป็น STEM Designated Degree ถ้าหากต้องการขอ STEM OPT Extension หากไม่มั่นใจ สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม หรือขอคำแนะนำในการเลือกหลักสูตร เลือกมหาวิทยาลัย กับทางศูนย์ฯ เดอะเบสท์ได้เลย ตัวอย่างมหาวิทยาลัย ที่เปิดสอนหลักสูตร STEM Designated DegreePACE University (New York)PACE University มหาวิทยาลัยเอกชนที่มีวิทยาเขตอยู่ที่นิวยอร์ก ก่อตั้งในปี 1906 เปิดสอนหลักสูตรมในระดับปริญญาตรี ปริญญาโท และปริญญาเอก หลักสูตร STEM Designation หลากหลายหลักสูตร โดดเด่นด้านสุขภาพ และวิทญาสตร์ คลิกเพื่อดูหลักสูตร STEM Designation ที่เปิดสอน
Washington State University (Washington)Washington State University มหาวิทยาลัยรัฐบาลที่ก่อตั้งในปี 1890 เป็นหนึ่งในมหาวิทยาลัยที่ใหญ่ และเก่าแก่แห่งหนึ่งในอเมริกาตะวันตก เปิดสอนหลักสูตร STEM ทั้งในระดับปริญญาตรี และปริญญาโท โดยเน้นหลักสูตรที่มีความต้องการของตลาดแรงงานสูง University of New Heaven (New Heaven)University of New Haven เป็นมหาวิทยาลัยเอกชนที่ตั้งอยู่ในชุมชน West Haven อยู่ติดกับเมือง New Haven และ Long Island เป็นมหาวิทยาลัยขนาดใหญ่ที่อยู่ในระดับแนวหน้าในการพัฒนาหลักสูตร STEM ซึ่งออกแบบมาเพื่อปลูกฝังให้นักเรียนของเรามีความเชี่ยวชาญด้านเทคนิคที่นายจ้างกำลังมองหาในการจ้างงานในอนาคต และเพื่อช่วยนายจ้างได้แรงงานที่มีคุณสมบัติเหมาะสม คลิกเพื่อดูหลักสูตร STEM Designation ที่เปิดสอน
Suffolk University (Boston)Suffolk University เป็นมหาวิทยาลัยวิจัยเอกชนในบอสตัน รัฐแมสซาชูเซตส์ ก่อตั้งในปี 1906 ในย่านใจกลางเมืองของ Beacon Hill ปัจจุบันเป็นมหาวิทยาลัยที่ใหญ่เป็นอันดับแปดในนครบอสตัน หลักสูตรมุ่งเน้นไปที่การศึกษาด้านกฏหมาย การบริหารธุรกิจ การเงิน และ MBA ในระดับปริญญาตรี ปริญญาโท และปริญญาเอกระดับโลก คลิกเพื่อดูหลักสูตร STEM Designation ที่เปิดสอน Arizona State University (Arizona)Arizona State University เป็นมหาวิทยาลัยที่ตั้งอยู่ในรัฐแอริโซนา ได้รับการยกย่องจาก U.S. News & World Report ให้เป็นมหาวิทยาลัยที่โดดเด่นด้านนวัตกรรมมากที่สุดของประเทศ อาจารย์ และนักศึกษาหลายคนทำงานร่วมกับ NASA คลิกเพื่อดูหลักสูตร STEM Designation ที่เปิดสอน University of Wisconsin Milwaukee (Wisconsin)University of Wisconsin Milwaukee เป็นมหาวิทยาลัยแห่งการวิจัยในเมืองมิลวอคกี รัฐวิสคอนซิน และเป็นมหาวิทยาลัยที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในเขตมิลวอคกี อยู่ในกลุ่ม R1 Doctoral Universities คลิกเพื่อดูหลักสูตร STEM Designation ที่เปิดสอน
Colorado State University (Colorado)Colorado State University (Colorado State หรือ CSU) เป็นมหาวิทยาลัยวิจัยแห่งรัฐโคโลราโด จัดอยู่ในกลุ่ม “R1: Doctoral Universities หรือกลุ่มที่มีผลงานการวิจัยที่สูงมาก มีโครงการที่หลากหลายเพื่อแก้ไขปัญหาต่างๆที่สังคมกำลังเผชิญอยู่ ในฐานะมหาวิทยาลัยที่ให้ที่ดินเรามีความมุ่งมั่นที่จะจัดการกับปัญหาเหล่านี้ในทางปฏิบัติและพัฒนาโปรแกรมการศึกษาการวิจัยและการเผยแพร่ประชาสัมพันธ์เพื่อทำให้โลกของเราน่าอยู่ขึ้น Louisiana State University (Louisiana)Louisiana State University เป็นมหาวิทยาลัยวิจัยที่ในแบตันรูช รัฐลุยเซียนา มหาวิทยาลัยแห่งนี้ก่อตั้งขึ้นในปี 1853 เป็นมหาวิทยาลัยหลักที่กว้างขวาง มีหลักสูตรครอบคลุม และมีสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย โดดเด่นทั้งวิชาการ และงานวิจัย มีโครงการที่ได้รับการสนุบสนุนกว่า 800 โครงการ เช่น สถาบันสุขภาพแห่งชาติ มูลนิธิวิทยาศาสตร์แห่งชาติ การบิน และอวกาศแห่งชาติ คลิกเพื่อดูหลักสูตร STEM Designation ที่เปิดสอน Naveen Jindal School of Management – The University of Texas at Dallas (Texas)Naveen Jindal School of Management เป็นวิทยาลัยที่อยู่ภายใต้มหาวิทยาลัย The University of Texas at Dallas เปิดสอนในระดับปริญญาตรีปริญญาโทปริญญาเอกและผู้บริหาร โปรแกรมมุ่งเน้นไปที่ความเชี่ยวชาญทางธุรกิจ เช่น Accounting, Finance and Managerial Economics, Information Systems, Marketing, Operations Management, Organizations and Strategy และ International Management มุ่งเน้นไปที่การพัฒนาอาชีพในสาขาเฉพาะและสร้างเครือข่ายการฝึกงานและโอกาสในการจ้างงานในอนาคต UNC Charlotte (North Carolina)UNC Charlotte เป็นมหาวิทยาลัยที่ตั้งอยู่ในเมือง Charlotte รัฐนอร์ทแคโรไลนา เปิดสอนหลักสูตรปริญญาตรี ปริญญาโท และปริญญาเอกคุณภาพสูง โดดเด่นด้านวิทยาศาสตร์ คอมพิวเตอร์ เทคโนโลยี วิศวกรรม และหลักสูตรเกี่ยวกับสุขภาพ มีวิทยาเขตสวยงามและเงียบสงบ ไม่มีถนนสายหลักตัดผ่าน มีทะเลสาบหลายแห่ง และป่าไม้หนาแน่น ใจกลางมหาวิทยาลัยมีสวนสองแห่งที่ดึงดูดผู้เข้าชมมากกว่า 3 แสนคนต่อปี มีสถาบันวิจัยชื่อ Charlotte Research Institute โดยมุ่งเน้นการวิจัยเกี่ยวกับ Optoelectronics, Optical Communication และ Software and Information Technology คลิกเพื่อดูหลักสูตร STEM Designation ที่เปิดสอน MASTER’S PROGRAMS
DOCTORAL PROGRAMS
Clark University (Massachusetts)Clark University เป็นมหาวิทยาลัยวิจัยเอกชนในวอร์เซสเตอร์รัฐแมสซาชูเซตส์ เป็นหนึ่งในมหาวิทยาลัยวิจัยคุณภาพสูงในอเมริกา ประสบความสำเร็จในด้านการเรียนการสอนระดับโลก โดดเด่นด้านสาขามนุษยศาสตร์ สังคมศาสตร์ วิทยาศาสตร์ และวิศวกรรม คลิกเพื่อดูหลักสูตร STEM Designation ที่เปิดสอน ติดต่อเดอะเบสท์เพื่อสอบถามข้อมูลการเรียนต่อต่างประเทศเพิ่มเติมเดอะเบสท์ เป็นศูนย์บริการให้คำปรึกษาเรียนต่อต่างประเทศครบวงจร เราเป็นตัวแทนที่ให้บริการแนะแนวศึกษาต่อต่างประเทศ เช่น ออสเตรเลีย อังกฤษ สหรัฐอเมริกา นิวซีแลนด์ สิงคโปร์ และ ประเทศอื่นๆ อีก 25 ประเทศทั่วโลก เรายินดีให้ความช่วยเหลือตั้งแต่เริ่มสมัครเรียน จนสำเร็จการศึกษา รวมถึงดูแลนักเรียนระหว่างเรียนจนนักเรียนเรียนจบด้วยทีมผู้เชียวชาญในด้านการเรียนต่อต่างประเทศ ที่มีประสบการณ์มากกว่า 10 ปี ขั้นตอนเหล่านี้เราดำเนินการให้ฟรี และเราพร้อมที่จะทำตามคุณภาพ และมาตรฐานดังสโลแกนที่ว่า “We are Quality” บริการของเรามีอะไรบ้าง ?
“เรายินดีที่จะดูแลนักเรียนทุกคน ตั้งแต่เริ่มต้นจนนักเรียนสำเร็จการศึกษา และทำให้การเรียนต่อของคุณเป็นเรื่องง่าย ” |