ธรรมศาสตร ร งส ต ไปสนามบ นส วรรณภ ม

ทุกวันหลังเลิกเรียนคุณแม่วราภรณ์ เห็นลูกๆ ชอบซื้อซาลาเปามากิน คุณแม่จึงคิดว่าทำให้ลูกๆ กินเองด้วยสูตรของครอบครัว ซึ่งทั้งอร่อยและสามารถมั่นใจในคุณภาพ จากที่แค่ทำให้ลูกๆ กินเอง ก็กลายมาเป็นทำขาย เริ่มจากธุรกิจเล็กๆ แต่ด้วยคุณภาพของไส้ ที่เลือกใช้วัตถุดิบอย่างดีและความอร่อยถูกปาก ซาลาเปาของคุณแม่ จึงกลายเป็นที่ชื่นชอบ จากร้านเก่าแก่ย่านนางเลิ้ง สู่ร้านวราภรณ์หลายสาขาทั่วกรุงเทพ ในที่สุดซาลาเปาวราภรณ์ ก็กลายเป็นตัวแทนของซาลาเปา ที่มีแป้งนุ่ม รสชาติกลมกล่อม กลิ่นหอมน่ากิน มีไส้หลากหลายให้เลือก จัดเต็มด้วยส่วนผสมชั้นดี ไม่ใส่สารกันบูด แต่ยังใส่ใจในทุกขั้นตอนการปรุง เหมือนทำให้คนในครอบครัว เติมเต็มชีวิตประจำวัน อย่างมีคุณภาพแบบ " อิ่มง่าย..ง่าย อร่อยนุ่ม..นุ่ม "

FROM ORIGINAL

FAMILY RECIPES

ธรรมศาสตร ร งส ต ไปสนามบ นส วรรณภ ม

เมนูที่หลากหลายของวราภรณ์ ซาลาเปา มีเคล็ดลับความอร่อยด้วยการเลือกใช้วัตถุดิบ ครบเครื่องอย่างดี ไม่ใส่สารกันบูด

ซาลาเปาทุกลูกปั้นด้วยมืออย่างประณีต เอาใจใส่ในทุกขั้นตอนการปรุงเหมือนอาหารที่คุณแม่ตั้งใจทำให้ลูกๆ

วราภรณ์ ซาลาเปาจัดเต็มด้วยไส้เน้นๆ แป้งนุ่ม อร่อยเต็มๆ คำ

เผยแพร่: 29 ม.ค. 2561 15:32 ปรับปรุง: 29 ม.ค. 2561 16:27 โดย: MGR Online

“อาจารย์ปริญญา” มอบ จนท.นำหนังสือลงชื่อ 26 อาจารย์ มธ. ยื่น คสช.ขอให้ทบทวนการดำเนินคดีต่อผู้จัดกิจกรรม “เดินมิตรภาพ” ชี้ รธน.บังคับใช้แล้ว ม.44 ที่ห้ามชุมนุมต้องยกเลิก ใกล้โรดแมปควรเปิดกว้างให้ ปชช.มีสิทธิ แถมเป็นกิจกรรมรณรงค์ทางสังคม

วันนี้ (29 ม.ค.) เมื่อเวลา 13.00 น. ที่กองบัญชาการกองทัพบก นายปริญญา เทวานฤมิตรกุล รองอธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ฝ่ายกิจการนักศึกษา ได้มอบหมายให้เจ้าหน้าที่มายื่นหนังสือถึงหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ให้พิจารณาทบทวนการดำเนินคดีกับผู้จัดกิจกรรม “เดินมิตรภาพ” โดยส่งเรื่องผ่านสำนักงานเลขานุการกองทัพบก ทั้งนี้ เนื้อหาหนังสือระบุว่า ตามที่กลุ่มองค์กรภาคประชาชนต่างๆ ในนามของ People Go Network ได้จัดกิจกรรม We Walk “เดินมิตรภาพ” เพื่อรณรงค์เรื่องหลักประกันสุขภาพ ทรัพยากร ความมั่นคงทางอาหาร และสิทธิเสรีภาพตามรัฐธรรมนูญ โดยเริ่มต้นกิจกรรมที่วิทยาลัยพัฒนาศาสตร์ ป๋วย อึ๊งภากรณ์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต เมื่อวันที่ 20 มกราคม 2561 ที่ผ่านมานั้น ทาง คสช. ได้ให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติดำเนินคดีผู้จัดกิจกรรมจำนวน 8 คน ในข้อหาฝ่าฝืนประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ 3/2558 ที่ห้ามมิให้มั่วสุมประชุมทางการเมืองตั้งแต่ 5 คนขึ้นไป โดยหนึ่งในจำนวนนั้นเป็นอาจารย์ที่เป็นคณบดีคณะหนึ่งของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ด้วย

ในฐานะที่กิจกรรมนี้เริ่มต้นที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ซึ่งเป็นชุมชนทางวิชาการ และเป็นสถาบันการศึกษาที่สนับสนุนการมีส่วนร่วมของประชาชนเสมอมา รองอธิการบดีที่รับผิดชอบพื้นที่ศูนย์รังสิตร่วมผู้บริหารมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ท่านอื่น อันประกอบด้วย รองอธิการบดี 4 คน คณบดี 10 คณะ ผู้อำนวยการสถาบัน 5 สถาบัน และผู้ช่วยอธิการบดี 10 คน ตามรายนามข้างท้าย จึงใคร่ขอแสดงความคิดเห็นดังต่อไปนึ้ 1.รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ฉบับชั่วคราว พ.ศ. 2557 ได้สิ้นสภาพลงไปแล้ว นับแต่วันที่รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2560 ประกาศใช้เมื่อวันที่ 6 เมษายน 2560 ที่ผ่านมา ถึงแม้ว่าบทเฉพาะกาลของรัฐธรรมนูญฉบับใหม่จะกำหนดให้มาตรา 44 ของรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราว และคำสั่งของ คสช.ที่ออกตามมาตรา 44 จะยังมีผลบังคับใช้ต่อไป แต่ในเมื่อประเทศไทยได้มีรัฐธรรมนูญฉบับถาวรที่รับรองสิทธิเสรีภาพของประชาชนแล้ว การจำกัดสิทธิเสรีภาพต้องกลายเป็นเรื่องยกเว้น มิใช่เรื่องหลักอีกต่อไป

ดังนั้น คำสั่ง คสช.ที่ 3/2558 ที่ออกโดยอาศัยอำนาจตามมาตรา 44 ที่ “ห้ามมั่วสุมประชุมทางการเมืองตั้งแต่ 5 คนขึ้นไป” ซึ่งเปิดให้เจ้าหน้าที่รัฐตีความและใช้อำนาจนี้อย่างกว้างขวางในการจำกัดสิทธิและเสรีภาพของประชาชน จึงควรต้องทบทวนที่จะบังคับใช้ต่อไป มิเช่นนั้นแล้วจะเท่ากับว่ารัฐธรรมนูญฉบับถาวรที่รับรองสิทธิเสรีภาพของประชาชน ซึ่งผ่านการลงประชามติและประกาศใช้แล้ว ยังคงไม่มีผลบังคับใช้ และเท่ากับว่าประเทศไทยยังไม่มีรัฐธรรมนูญฉบับถาวรอยู่เหมือนเดิม ซึ่งไม่ควรจะเป็นเช่นนั้น

2. ประเทศไทยกำลังเดินหน้าตามโร้ดแมปกลับสู่สภาวะปกติ คสช.จึงควรเปิดกว้างมากขึ้น และให้ประชาชนมีสิทธิและเสรีภาพภายในขอบเขตของกฎหมายและภายใต้รัฐธรรมนูญมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการแสดงออกและการมีส่วนร่วมของพลเมือง ดังที่ นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช.ได้กล่าวหลายครั้งว่า ประชาชนอย่าเอาแต่รอรัฐบาล แต่ต้องมาช่วยกันแก้ปัญหาของประเทศด้วย การแสดงออกของประชาชนภายในขอบเขตของกฎหมายปกติ และโดยสันติวิธี จึงเป็นสิ่งที่ควรได้รับการสนับสนุน การดำเนินคดีต่อผู้จัดกิจกรรมการแสดงออกใดๆ ควรจะดำเนินการต่อเมื่อผู้จัดกิจกรรมฝ่าฝืนกฎหมายปกติเท่านั้น

3. การจัดกิจกรรม We Walk “เดินมิตรภาพ” ที่กำลังเดินไปตามถนนมิตรภาพโดยมีปลายทางที่จังหวัดขอนแก่นนั้น เป็นกิจกรรมรณรงค์ประเด็นทางสังคมโดยใช้วิธีการเดินรณรงค์ ทำนองเดียวกับการจัดวิ่ง หรือขี่จักรยาน หรือกิจกรรมรณรงค์รูปแบบอื่นในทำนองเดียวกัน คสช.จึงไม่ควรถือว่าเป็นการมั่วสุมประชุมทางการเมือง และโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อศาลปกครองได้มีคำสั่งให้คุ้มครองชั่วคราว ห้ามเจ้าหน้าที่ตำรวจปิดกั้นขัดขวางการใช้เสรีภาพในการชุมนุมและต้องอำนวยความสะดวกปลอดภัยในการชุมนุม จึงไม่ควรมีการดำเนินคดีด้วยข้อหาฝ่าฝืนคำสั่ง คสช.ที่ 3/2558 อีก

โดยเหตุผลทั้งหมดที่กล่าวมานี้ จึงขอให้ คสช.ทบทวนการดำเนินการกับผู้จัดกิจกรรมทั้ง 8 คน รวมถึงผ่อนปรนการแสดงออกของประชาชนที่เป็นไปอย่างสันติ ในขอบเขตของกฎหมายปกติ และโดยวิถีทางแห่งรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2560 ทั้งนี้ ขอให้การบังคับใช้กฎหมายเป็นดุลพินิจของเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพราะการสั่งการให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติดำเนินคดีอาจถือได้ว่าเป็นการก้าวล่วงพนักงานเจ้าหน้าที่ในกระบวนการยุติธรรม ซึ่งทำให้กลายเป็นเรื่องการเมือง ไม่ใช่การบังคับใช้กฎหมายอีกต่อไป อันไม่เป็นผลดีต่อประชาชน ภาพลักษณ์ต่อประชาคมโลกที่ประเทศไทยเป็นสมาชิก และต่อ คสช. เองด้วย