ต วอย างแบบฟอร ม การวางแผนโอเวอร ฮอนเคร องจ กร

ฮัมเมอร์ขึ้นเขียง...จีเอ็มเตรียมลอยแพ

เผยแพร่: 10 มิ.ย. 2551 16:27 โดย: MGR Online

ข่าวต่างประเทศ - กลายเป็นเหยื่อรายล่าสุดของการถูกโล๊ะทิ้งออกจากเครือ เมื่อมีข่าวยืนยันว่าในตอนนี้จีเอ็ม หรือเจนเนอรัล มอเตอร์ส แบรนด์ดังหมายเลข 1 ของสหรัฐอเมริกาและของโลก กำลังจะเตรียมขายทอดตลาดกิจการของแบรนด์ออฟโรดร่างยักษ์อย่างฮัมเมอร์ โดยที่มี 2 ผู้ผลิตรถยนต์ชั้นนำของอินเดียเตรียมเข้าแถวรอซื้อ หนังสือพิมพ์อินเดีย ไทม์รายงานว่า ทาทา และมหินธรา 2 แบรนด์รถยนต์จากอินเดีย กำลังแข่งกันยื่นข้อเสนอเพื่อซื้อกิจการของฮัมเมอร์ หลังจากที่จีเอ็มเริ่มวิตกว่าฮัมเมอร์อาจจะกลายเป็นตัวถ่วง และทำให้เกิดรอยรั่วในกระเป๋าเงินอันเนื่องมาจากการเปลี่ยนแปลงของผู้บริโภคทั้งในสหรัฐอเมริกาและทั่วโลกซึ่งเป็นผลมาจากราคาน้ำมันที่เพิ่มสูงขึ้น ทำให้ลูกค้าเหล่านี้เริ่มเมินเอสยูวีคันโตที่ใช้เครื่องยนต์ขนาดใหญ่ และหันมาสนใจรถยนต์ไฮบริด หรือไม่ก็พวกรถยนต์อเนกประสงค์แบบครอสส์โอเวอร์แทน

ต้นตอของข่าวนี้มาจากการที่จีเอ็มประกาศสั่งปิดไลน์ผลิตถึง 4 แห่งในสัปดาห์ที่แล้ว อันเป็นผลมาจากราคาน้ำมันที่ส่งผลต่อยอดขายของปิกอัพและเอสยูวีคันใหญ่ พร้อมกับหันไปทุ่มเทความสนใจให้กับโปรเจ็กต์การพัฒนารถยนต์ที่ใช้ขุมพลังทางเลือกใหม่อย่างเชฟโรเลต โวลต์ รวมถึงการเพิ่มยอดการผลิตของรถยนต์ขนาดคอมแพ็กต์และขนาดกลางที่ประหยัดน้ำมัน เช่น เชฟโรเลต โคโบลต์ หรือมาลิบูแทน

อย่างไรก็ตามทางจีเอ็มก็ยังไม่ยืนยันถึงเรื่องของการขายทอดกิจการของฮัมเมอร์ แต่ข่าวอีกกระแสบอกว่า โอกาสขายกิจการของฮัมเมอร์มีความเป็นไปได้สูง แต่คงยากที่ 2 แบรนด์จากอินเดียจะเทคโอเวอร์สำเร็จ อันเนื่องมาจากฮัมเมอร์มีความเกี่ยวข้องกับธุรกิจในด้านการพัฒนายานยนต์สำหรับใช้ในราชการทหารสหรัฐอเมริกา ขณะที่ทหารของอินเดียใช้ยุทโธปกรณ์จากรัสเซีย

ในช่วงครึ่งแรกของปีนี้ ยอดขายของฮัมเมอร์ลดลงถึง 35% ขณะที่ในปีที่แล้วมียอดขายรวมลดลงมากกว่า 20% เมื่อเปรียบเทียบกับปี 2006 ซึ่งยอดขายของฮัมเมอร์เมื่อเปรียบเทียบกับยอดขายรวมของทุกแบรนด์ในเครือจีเอ็มแล้ว มีสักส่วนเพียงแค่ 1% เท่านั้น

เผยแพร่: 26 มิ.ย. 2555 17:04 โดย: MGR Online

หลักทรัพย์บัวหลวง มาตามนัด เดินหน้าขาย DW 18 ตัว ทั้ง Call Warrant และ Put Warrant อ้างอิงหุ้นสามัญ 13 หลักทรัพย์ ในวันที่ 29 มิ.ย.55 “บรรณรงค์” คงโปรโมชัน “เร้าใจ” แจก The New iPad แก่นักลงทุนเทรด Put DW01 2 เครื่อง

นายบรรณรงค์ พิชญากร กรรมการผู้จัดการ กิจการค้าหลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทเตรียมเสนอขายใบสำคัญแสดงสิทธิอนุพันธ์ (Derivative Warrant: DW) 18 ตัว ทั้งประเภทสิทธิในการซื้อ (Call Warrant) และประเภทสิทธิในการขาย (Put Warrant) อ้างอิงหุ้นสามัญ BCP, BEC, BH, BTS, DTAC, GLOW, MINT, SPALI, STA, TISCO, TOP, TRUE และ TUF โดยจะเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ พร้อมกันวันที่ 29 มิ.ย.55 และยังคงโปรโมชัน “Trade Put DW01 Get The New iPad” ต่อเนื่องจากเดือนพฤษภาคม โดยแจก The New iPad สำหรับนักลงทุนที่มีมูลค่าการซื้อขายสะสมสูงสุดใน Put DW01 และนักลงทุนที่เทรด Put DW01 โดยมีจำนวนหลักทรัพย์สูงสุด ประเภทละ 1 รางวัล ทั้งนี้ เป็นยอดซื้อขายสะสมระหว่าง 17 เม.ย.-31 ก.ค.55 โดยนักลงทุนที่สนใจซื้อขาย DW สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ โทร. 0-2618-1111 หรือติดตามรายละเอียดและเครื่องมือการวิเคราะห์แบบมืออาชีพได้ที่ www.blswarrant.com

“หลักทรัพย์บัวหลวงได้เล็งเห็นโอกาสการลงทุน จึงได้เสนอขาย DW อ้างอิงหุ้น BEC, BH, BTS, GLOW และ MINT ซึ่งเป็นหุ้นอ้างอิงที่บริษัทไม่เคยออกมาก่อน เพื่อเป็นทางเลือกใหม่ให้แก่นักลงทุน นอกจากนี้ การเสนอขาย DW อ้างอิงหุ้น BCP, DTAC, SPALI, STA, TISCO, TOP, TRUE และ TUF นั้น ยังเพื่อตอบสนองความต้องการของนักลงทุนที่มีต่อ DW บนหุ้นอ้างอิงดังกล่าว ซึ่งมีปริมาณการซื้อขายเฉลี่ยสูงกว่า 2 ล้านบาทต่อวัน และยังเป็นการรองรับ พุตและคอลวอร์แรนต์ ที่กำลังจะหมดอายุช่วงต้นเดือนกรกฎาคมนี้ด้วย” นายบรรณรงค์กล่าว

ทั้งนี้ หลังการเสนอขาย DW ชุดนี้ จะทำให้บริษัทมี DW ทั้งหมด 87 ตัว ครอบคลุม 41 หุ้นอ้างอิง ถือเป็นการตอกย้ำการเป็นอันดับ 1 ของอุตสาหกรรม อย่างไรก็ดี คาดว่าภายในสิ้นปีนี้ จะมี DW ที่ซื้อขายในตลาดในบางช่วงเวลาสูงถึง 300 ตัว จากตอนนี้ที่มีอยู่ประมาณ 240 ตัว เนื่องจากอาจมีโบรกเกอร์รายใหม่ หันมาเสนอขาย DW เพื่อเพิ่มความสามารถในการสร้างรายได้ นอกเหนือจากธุรกิจนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์

สำหรับมูลค่าการซื้อขาย DW ทั้งระบบเมื่อเดือน พ.ค.ที่ผ่านมา อยู่ที่ 5.3 พันล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้าถึง 17.3% เนื่องจากนักลงทุนเริ่มเห็นโอกาสในการลงทุนหลังจากที่ราคาหุ้นอ้างอิงปรับตัวลดลงมากแล้ว ประกอบกับ การเปลี่ยนกลยุทธ์การลงทุนใน DW ที่เน้นลงทุนระยะสั้นมากขึ้น จากความกังวลเกี่ยวกับปัญหาหนี้ในยุโรป ส่วนมูลค่าการซื้อขายสะสมของ DW ที่ออกโดยหลักทรัพย์บัวหลวงต่อมูลค่าการซื้อขายสะสมของ DW ทั้งระบบ นับตั้งแต่ต้นปีจนถึงปลายเดือน พ.ค. 55 อยู่ที่ 88.4% ทั้งนี้ บริษัทคาดว่าจะมีส่วนแบ่งการตลาดเฉลี่ยทั้งปีไม่ต่ำกว่า 70% โดยบริษัทมีแผนจะออก DW ทั้งปีประมาณ 140-150 ตัว ปรับเพิ่มขึ้นจากประมาณการเดิมที่ 110-120 ตัว แบ่งเป็นหุ้นกลุ่มพลังงาน และธนาคาร 60% ที่เหลือ 40% เป็นหุ้นขนาดกลาง และเล็ก

สำหรับรายละเอียด DW ประเภทสิทธิในการซื้อ 13 ตัว ประกอบด้วย ใบสำคัญแสดงสิทธิอนุพันธ์ในหุ้น บางจากปิโตรเลียม (BCP) ชื่อย่อ BCP01CC จำนวน 50 ล้านหน่วย ราคาใช้สิทธิ 20 บาท อัตราการใช้สิทธิ 8 ใบสำคัญแสดงสิทธิอนุพันธ์ต่อ 1 หุ้นสามัญ ใบสำคัญแสดงสิทธิอนุพันธ์ในหุ้น บีอีซี เวิลด์ (BEC) ชื่อย่อ BEC01CA จำนวน 44.44 ล้านหน่วย ราคาใช้สิทธิ 45 บาท อัตราการใช้สิทธิ 20 ใบสำคัญแสดงสิทธิอนุพันธ์ต่อ 1 หุ้นสามัญ ใบสำคัญแสดงสิทธิอนุพันธ์ในหุ้น โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ (BH) ชื่อย่อ BH01CA จำนวน 35 ล้านหน่วย ราคาใช้สิทธิ 57 บาท อัตราการใช้สิทธิ 20 ใบสำคัญแสดงสิทธิอนุพันธ์ต่อ 1 หุ้นสามัญ ใบสำคัญแสดงสิทธิอนุพันธ์ในหุ้น บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ (BTS) ชื่อย่อ BTS01CAจำนวน 60 ล้านหน่วย ราคาใช้สิทธิ 0.7 บาท อัตราการใช้สิทธิ 1 ใบสำคัญแสดงสิทธิอนุพันธ์ต่อ 2 หุ้นสามัญ

นอกจากนั้น ยังมีใบสำคัญแสดงสิทธิอนุพันธ์ในหุ้น โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น (DTAC) ชื่อย่อ DTAC01CC จำนวน 60 ล้านหน่วย ราคาใช้สิทธิ 70 บาท อัตราการใช้สิทธิ 20 ใบสำคัญแสดงสิทธิอนุพันธ์ต่อ 1 หุ้นสามัญ ใบสำคัญแสดงสิทธิอนุพันธ์ในหุ้น โกลว์ พลังงาน (GLOW) ชื่อย่อ GLOW01CA จำนวน 35 ล้านหน่วย ราคาใช้สิทธิ 57 บาท อัตราการใช้สิทธิ 20 ใบสำคัญแสดงสิทธิอนุพันธ์ต่อ 1 หุ้นสามัญ

และใบสำคัญแสดงสิทธิอนุพันธ์ในหุ้น ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล (MINT) ชื่อย่อ MINT01CA จำนวน 44 ล้านหน่วย ราคาใช้สิทธิ 11.3 บาท อัตราการใช้สิทธิ 5 ใบสำคัญแสดงสิทธิอนุพันธ์ต่อ 1 หุ้นสามัญ ใบสำคัญแสดงสิทธิอนุพันธ์ในหุ้น ศุภาลัย (SPALI) ชื่อย่อ SPAL01CB จำนวน 36 ล้านหน่วย ราคาใช้สิทธิ 13.8 บาท อัตราการใช้สิทธิ 5 ใบสำคัญแสดงสิทธิอนุพันธ์ต่อ 1 หุ้นสามัญ

ขณะเดียวกัน ยังมีใบสำคัญแสดงสิทธิอนุพันธ์ในหุ้น ทิสโก้ไฟแนนเชียลกรุ๊ป (TISCO) ชื่อย่อ TISC01CB จำนวน 35 ล้านหน่วย ราคาใช้สิทธิ 33 บาท อัตราการใช้สิทธิ 15 ใบสำคัญแสดงสิทธิอนุพันธ์ต่อ 1 หุ้นสามัญ ใบสำคัญแสดงสิทธิอนุพันธ์ในหุ้นไทยยูเนียน โฟรเซ่น โปรดักส์ (TUF) ชื่อย่อ TUF01CB จำนวน 35 ล้านหน่วย ราคาใช้สิทธิ 62 บาท อัตราการใช้สิทธิ 20 ใบสำคัญแสดงสิทธิอนุพันธ์ต่อ 1 หุ้นสามัญ รวมถึงใบสำคัญแสดงสิทธิอนุพันธ์ในหุ้น ไทยออยล์ (TOP) ชื่อย่อ TOP01CC จำนวน 60 ล้านหน่วย ราคาใช้สิทธิ 54 บาท อัตราการใช้สิทธิ 20 ใบสำคัญแสดงสิทธิอนุพันธ์ต่อ 1 หุ้นสามัญ ใบสำคัญแสดงสิทธิอนุพันธ์ในหุ้น ทรู คอร์ปอเรชั่น (TRUE) ชื่อย่อ TRUE01CD จำนวน 45 ล้านหน่วย ราคาใช้สิทธิ 3 บาท อัตราการใช้สิทธิ 1 ใบสำคัญแสดงสิทธิอนุพันธ์ต่อ 1 หุ้นสามัญ โดย DW ดังกล่าวจะซื้อขายวันสุดท้ายในวันที่ 6 ธ.ค.และครบกำหนดอายุวันที่ 13 ธ.ค.55

นอกจากนั้น ยังมีใบสำคัญแสดงสิทธิอนุพันธ์ในหุ้น ศรีตรังแอโกรอินดัสทรี (STA) ชื่อย่อ STA01CD จำนวน 33.23 ล้านหน่วย ราคาใช้สิทธิ 13.4 บาท อัตราการใช้สิทธิ 5 ใบสำคัญแสดงสิทธิอนุพันธ์ต่อ 1 หุ้นสามัญ โดยจะซื้อขายวันสุดท้ายวันที่ 16 ม.ค.และครบกำหนดอายุวันที่ 22 ม.ค.56 ส่วน DW ประเภทสิทธิในการขาย 5 ตัว ประกอบด้วย ใบสำคัญแสดงสิทธิอนุพันธ์ในหุ้น บางจากปิโตรเลียม (BCP) ชื่อย่อ BCP01PC จำนวน 25 ล้านหน่วย ราคาใช้สิทธิ 25.5 บาท อัตราการใช้สิทธิ 5 ใบสำคัญแสดงสิทธิอนุพันธ์ต่อ 1 หุ้นสามัญ ใบสำคัญแสดงสิทธิอนุพันธ์ในหุ้น โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น (DTAC) ชื่อย่อ DTAC01PC จำนวน 24 ล้านหน่วย ราคาใช้สิทธิ 90 บาท อัตราการใช้สิทธิ 10 ใบสำคัญแสดงสิทธิอนุพันธ์ต่อ 1 หุ้นสามัญ ใบสำคัญแสดงสิทธิอนุพันธ์ในหุ้น ไทยออยล์ (TOP) ชื่อย่อ TOP01PC จำนวน 32 ล้านหน่วย ราคาใช้สิทธิ 72 บาท อัตราการใช้สิทธิ 10 ใบสำคัญแสดงสิทธิอนุพันธ์ต่อ 1 หุ้นสามัญ ใบสำคัญแสดงสิทธิอนุพันธ์ในหุ้น ทรู คอร์ปอเรชั่น (TRUE) ชื่อย่อ TRUE01PD จำนวน 24 ล้านหน่วย ราคาใช้สิทธิ 4.2 บาท อัตราการใช้สิทธิ 1 ใบสำคัญแสดงสิทธิอนุพันธ์ต่อ 1 หุ้นสามัญ โดยจะซื้อขายวันสุดท้ายในวันที่ 6 ธ.ค.และครบกำหนดอายุวันที่ 13 ธ.ค.55

สุดท้าย คือใบสำคัญแสดงสิทธิอนุพันธ์ในหุ้น ศรีตรังแอโกรอินดัสทรี (STA) ชื่อย่อ STA01PC จำนวน 12 ล้านหน่วย ราคาใช้สิทธิ 18 บาท อัตราการใช้สิทธิ 4 ใบสำคัญแสดงสิทธิอนุพันธ์ต่อ 1 หุ้นสามัญ ซึ่งจะซื้อขายวันสุดท้ายในวันที่ 16 ม.ค. และครบกำหนดอายุ 22 ม.ค.56