ตัวอย่าง เรียงความ ประวัติ ส่วนตัว

ตัวอย่าง ประวัติส่วนตัว

ฉันชื่อ xxxxxxxxxxxxxxxx ทุกคนต่างเรียกฉันว่า xxx ฉันเกิดวันที่ x xxxx xxxx อาศัยและเติบโตอยู่ทีบ้านเลขที่ xxx หมู่ xx ตำบลxxxx อำเภอxxxx จังหวัดxxx ฉันโตมาจากครอบครัวเล็กๆที่แสนจะอบอุ่น ท่ามกลางสิ่งแวดล้อมที่ดี รอบบ้านของฉันแวดล้อมไปด้วยต้นไม้ ป่าไม้ ภูเขา แม่น้ำ ท่ามกลางทิวทัศน์ที่สวยงาย ฉันอาศัยอยู่กับพ่อและแม่ของฉันในบ้านหลังเล็กๆหลังนี้ บ้านและครอบครัวของฉันคือสิ่งที่ฉันรักมากที่สุด ทุกครั้งที่ฉันต้องไปค้างคืนที่อื่น ฉันจะคิดถึงบ้านมากจนบางทีก็ร้องไห้จะกลับบ้านอยู่บ่อยครั้ง จนฉันถูกตั้งฉายาจากญาติๆเป็นภาษาท้างถิ่นว่า “xxxxxxx” ซึ่งก็หมายความถึง เสียงของเด็กที่ร้องไห้เสียงดังตลอดเวลา นอกจากฉันจะเป็นคนขี้แยแล้ว ฉันยังเป็นคนที่ซุ้มซ่ามอย่างมาก ฉันชอบมีโลกส่วนตัว เวลาที่ฉันอยู่ในโลกของฉัน ฉันก้อจะมีความสุขมาก ฉันเป็นคนพูดน้อย รักความสงบ และจะหลีกเลี่ยงกับเรื่องราวที่วุ่นวายเสมอ ตอนฉันอายุ 5 ขวบฉันได้เข้าโรงเรียนเป็นครั้งแรก ฉันเข้าเรียนที่โรงเรียนxxxxxxฉันเจอกับเพื่อนมากมาย ชีวิตที่เคยอยู่ในความดูแลของแม่ ต้องกลายมาเป็นภาระหนักของคุณครู ฉันพอจำได้ว่าตอนนั้นฉันร้องไห้อยากกลับบ้านทุกวัน จนคุณครูต้องจับฉันให้นอนหลับก่อนเด็กคนอื่นๆ เพราะฉันจะร้องไห้บ่อยและเสียงดังมาก เมื่อฉันตื่นฉันก็จะร้องไห้เหมือนเดิม เรียกได้ว่า นิ่งเป็นหลับ ขยับก็ร้องไห้เลย ตอนฉันอยู่ประถมฉันก็เริ่มมีกลุ่มเพื่อนที่สนิทที่คอยโอนงานมาให้เสมอ แต่ฉันก็ไม่ค่อยสนใจอะไร ฉันก็แค่รับๆมา แล้วก็ทำจนเสร็จแล้วเอาไปให้เพื่อน ตั้งแต่เด็กๆเลย โดยเฉพาะวิชาวาดรูป ฉันมักจะมีการบ้านหนักกว่าทุกคนเสมอ จนบางครั้งก็ลืมทำการบ้านของตัวเอง ต้องถูกคุณครูลงโทษเอาไม้บรรทัดดีนิ้ว เข็ดไปหลายวัน พอฉันเรียนอยู่ชั้น ม.2 ฉันก็ได้เป็นนักกีฬาวอลเล่ย์บอลของโรงเรียน ช่วงนั้นฉันซ้อมหนักมาก และฉันก็ได้เดินทางไปแข่งขันตามที่ต่างๆมากมาย แต่ก็ได้แค่รองแชมป์กลับมาทุกครั้งไป พอฉันเรียนจบจากที่นี้ ฉันก็ได้ไปสอบเข้าที่โรงเรียนxxxxxในสายการเรียนxxxxxx ในการเข้าเรียนปรับระดับนั้นฉันจะไม่ค่อยได้พูดกลับใครเลย เพราะไม่รู้ว่าฉันจะต้องเริ่มยังไง ปกติแล้วฉันก็จะพูดน้อย แต่พอต้องมาห่างจากเพื่อนที่เคยเรียนร่วมกันมาตั้งแต่อนุบาล มาถึงตอนนี้ฉันจึงทำตัวลำบาก กว่าที่ฉันจะรู้จักเพื่อนสักคนมันต้องมีเรื่องบังเอิญเกิดขึ้นก่อนเสมอ ฉันเดินไปชนเขาบ้าง นั่งใกล้ๆกันบ้าง และทุกครั้งก็เป็นเพื่อนเขาที่ถามชื่อเราก่อน พอนานไปฉันก็กลับกลายเป็นอีกคน อยู่กับเพื่อนฉันจะพูดมากจนเพื่อนๆต้องบอกให้หยุดพูด เพราะเพื่อนจะได้พูดบ้าง ฉันมีเพื่อนสนิทอยู่แค่ไม่กี่คน ทุกครั้งที่เพื่อนมีเรื่องเดือดร้อนฉันก็พร้อมที่จะยื่นมือเข้าไปช่วยเหลือเท่าที่จะช่วยได้อย่างสุดความสามารถเสมอ ไม่ว่าเรื่องน้อยใหญ่ ฉันจะไม่ค่อยปฏิเสธที่จะช่วยเหลือเพื่อน ช่วงนี้ฉันเริ่มมีมุขขำๆมาอำเพื่อนบ่อยๆ จนทำให้เพื่อนๆหัวเราะไปตามๆกัน ช่วงเวลานี้เป็นช่วงเวลาที่น่าจดจำมาก เพราะเป็นช่วงเวลาที่ฉันรู้สึกว่ามันมีค่าและยาวนานที่สุด ทั้งสุขและทุกข์ร่วมกัน หัวเราะ ร้องไห้ด้วยกัน นอกจากนี้แล้วฉันยังได้รับรางวัลลูกกตัญญูจากโรงเรียนอีกด้วย ฉันและพ่อกับแม่ต่างภูมิใจกับรางวัลที่ได้รับ พ่อกับแม่ดูแลและคอยอบรมสั่งสอนฉันตลอด และฉันก็ไม่เคยคิดว่าฉันโตแล้ว ฉันคิดเสมอ ว่าพ่อกับแม่ท่านเป็นผู้ใหญ่กว่า ฉะนั้น ทุกคำที่ท่านพร่ำสอน ฉันก็จะตั้งใจฟังเสมอ ฉันพยายามตั้งใจเรียน ไม่ออกนอกลู่นอกทาง และขยันให้มากๆ มากกว่าคนอื่น เพราะฉันไม่ได้เกิดมาท่ามกลางทุกอย่างที่เพียบพร้อม ฉันอาจจะไม่มีสิ่งอำนวยความสะดวกสบาย พ่อกับแม่ต้องทำงานหนัก ออกไปรับจ้างเพื่อส่งเสียฉันให้ได้เล่าเรียน ก่อนที่ฉันจะทำอะไร ถ้าฉันคิดว่ามันมีผลกระทบต่อความรู้สึกของพ่อกับแม่ ฉันก็จะหลีกเลียงเสมอ ถึงแม้ว่าที่ผ่านมาอาจจะมีบางครั้งที่ทำให้พ่อกับแม่ต้องเป็นห่วง อาจมีบางเวลาที่ทำยังทำดีได้ไม่เท่าดั่งที่ท่านคาดหวัง ทุกวันนี้สิ่งที่ฉันกำลังพยายามคือ การตั้งใจศึกษาเล่าเรียน เพื่ออนาคตของครอบครัวและตัวฉันเอง แม้วันเวลาจะเปลี่ยนแปลงไป แต่ไม่ว่าจะเด็กหรือโตฉันคนนี้ก็ไม่เคยเปลี่ยน เรื่องราวของฉันมันยังคงมีคุณค่าและมีความหมายกับฉันเสมอ ถึงแม้จะเนิ่นนานสักแค่ไหน ทุกอย่างยังเหมือนเป็นเครื่องเดือนใจให้ยิ่งก้าวเดิน ไปตามหนทางข้างหน้าอย่างตั้งใจ และแน่วแน่ ที่ผ่านมาอาจจะมีทั้งอุปสรรคและขวากหนาม แต่มันก็เป็นแบบทดสอบหนึ่งของหนทางแห่งความสำเร็จ เมื่อยิ่งทดสอบมากเท่าไหร่ก็ยิ่งทำให้เรายิ่งชำนาญ และแข็งแกร่ง แบบทดสอบต่อไปมันก็เป็นเรื่องไม่ยากสำหรับเรา ที่จะสามารถผ่านแบบทดสอบนี้ไปอย่างง่ายดาย

ดิฉันชื่อ เด็กหญิง ชลนิชา บุญปลื้ม ชื่อเล่นชื่อ กระแต เกิดเมื่อ วันจันทร์ ที่ 26 เดือน มิถุนายน พุทธศักราช 2543 ปีมะโรง ราศี เมถุน ดิฉันเกิดที่ โรงพยาบาล เชียงคำ ตำบล หย่วน ถนน พิศาล อำเภอ เชียงคำ จังหวัด พะเยา 56110 เมื่อเวลา 9 นาฬิกา 48 นาที ถือสัญชาติ ไทย เชื้อชาติ ไทย ดิฉันเป็นบุตรคนที่ 1 มีพี่น้องร่วมสายโลหิต 1 คน ปัจจุบันดิฉันอาศัยอยู่ ณ บ้านเลขที่ 36 บ้านทุ่งกล้วย ตำบล ทุ่งกล้วย อำเภอ ภูซาง จังหวัด พะเยา 56110 บิดาชื่อ สิทธิพล บุญปลื้ม อาชีพ ธุรกิจส่วนตัว มารดาชื่อ สุคำ บุญปลื้ม อาชีพ ธุรกิจส่วนตัว ก่อนที่ดิฉันจะเปลี่ยนนามสกุลเป็นนามสกุล บุญปลื้ม ดิฉันเคยใช้นามสกุลของมารดามาก่อนคือ มีโชค ก่อนที่จะมาเปลี่ยนเป็นนามสกุลของบิดา ดิฉันมีเพื่อนสนิท อยู่ 9 คน คือ เด็กหญิงกรรวี คำแดง เด็กหญิงประกายดาว แสงศรีจันทร์ เด็กหญิงวิชญาดา ประเสริฐ เด็กหญิงบุญสิตา แก้วเพ็ชรวงค์

เด็กหญิงชลธิดา บริรักษ์พัฒนกุล เด็กหญิงอรปรียา บุญมา เด็กหญิงศิรินทิพย์ วงศ์ทิพย์ เด็กหญิงทิพยรัตร โยธาวุทธ และ เด็กชายไทเกอร์ แทนเนอร์ บางคนเราก็เป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่ อนุบาล บางคนก็ประถม แต่บางคนก็พึ่งมาเป็นเพื่อนสนิมกันตอนอยู่มัธยมแต่เราก็เข้ากันได้ดีโดยส่วนตัว ดิฉันเป็นคนที่มีนิสัย ร่าเริง แจ่มใส เป็นคนหังเราะง่าย โกรธง่ายหายเร็ว แต่บางครั้งก็เอาแต่ใจตัวเองไปบ้าง ประวัติการศึกษาของดิฉัน เมื่อตอนที่ดิฉันอายุได้ ดิฉันได้เริ่มศึกษาอนุบาล 1-3 ที่โรงเรียนปิยมิตรวิทยา เป็นโรงเรียนเอกชนแห่งหนึ่งใน อำเภอ เชียงคำ จังหวัดพะเยา ต่อมาดิฉันก็ได้เริ่มศึกษาประถมศึกษาปีที่ 1 – 6 ที่โรงเรียนปิยมิตรวิทยา เมื่อตอนที่ดิฉันศึกษาอยู่ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ดิฉันได้ไปแข่งทักษะ ดนตรีไทย ที่โรงเรียน บ้านบัวสถาน เมื่อดิฉันจบประถมศึกษาปีที่ 6 ดิฉันก็ได้โควต้า เรียนต่อที่โรงเรียนปิยมิตรวิทยา โดยที่ไม่ต้องสอบเข้า ตอนมัธยมศึกษาปีที่1 ตอนที่ดิฉันศึกษาอยู่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 เทอม 1 ดิฉันได้รับทุนการศึกษาลำดับที่ 1 เป็นเงินจำนวนหนึ่ง ปัจจุบันดิฉันศึกษาอยู่ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่3/2 โดยมีครู ปรียานุช ขันโท เป็นครูที่ปรึกษาของห้องดิฉัน ดิฉันชอบเรียนในรายวิชา ภาษาอังกฤต เพราะโดยส่วนตัวดิฉันคิดว่าเป็นวิชาที่เรียนแล้วสนุก เป็นภาษาที่คนนิยมใช้กัน และ เป็นภาษาที่สำคัญต่อการสื่อสารในปัจจุบัน รายวิชา ประวัติศาสตร์ เพราะวิชานี้เป็นวิชาที่เราจะต้องมาศึกษาในเรื่องราวของอดีตที่ผ่านมา ทำให้เราได้รู้ว่ากว่าจะมีทุกวันนี้ประเทศของเราได้ผ่านเรื่องราวอะไรมาบ้าง รายวิชา คณิตศาสตร์ เพราะวิชานี้เป็นวิชาที่เราจะต้องคิดคำนวณซึ่งเมื่อตอนที่ดิฉันอยู่ประถมศึกษาดิฉันเป็นคนที่ไม่ชอบวิชานี้เลย เพราะว่าครูสอนไม่ค่อยเข้าใจ แต่พอขึ้นมาตอนมัธยมดิฉันก็เริ่มเข้าใจว่าการคิดคำนวณมันไม่ใช่เรื่องยากถ้าเราค่อยๆศึกษาและยอมรับมันจนถึงตอนนี้วิชานี้ได้กลายเป็นวิทชาที่ดิฉันชอบอีกวิชานึง และสุดท้ายรายวิชา วิทยาศาสตร์ เพราะวิชานี้เราได้ทำการทดลองต่างๆที่เราไม่เคยทำ ไม่รู้ว่าผลการทดลองในครั้งนั้นจะเป็นอย่างไรจะออกมาดี หรือ ล้มเหลว มันเป็นวิชาที่ให้ความตื่นเต้นได้ดีทีเดียว และ ในภาคทฤษฎี ก็เป็นเรื่องที่น่าสนใจเพราะเป็นเรื่องที่เราต้องรู้และมีหลายเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการใช้ชีวิตประจำวันของคนเราในด้านต่างๆ

ความชอบโดยส่วนตัว โดยส่วนตัวดิฉันเป็นคนชอบทาน ไม่ว่าจะเป็นอาหารหวาน อาหารคาว และเป็นคนชอบทำอาหาร เพราะว่าการทำอาหารทำให้เราได้มีความคิดสร้างสรรค์ที่จะทำเมนูใหม่ๆขึ้นมาให้คนรอบข้างทานไม่ว่าจะเป็น พ่อ แม่ พี่ น้อง หรือ เพื่อน การทำอาหารเป็นการใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ ชอบฟังเพลงแนว pop rock ชอบอ่านนิยาย ชอบช็อปปิ้ง ดิฉันเป็นคนชอบสะสม หมวก รองเท้า กระเป๋า และเสื้อผ้า เป็นคนชอบถ่ายรูป เพราะรูปถ่ายแต่ละรูปที่เราถ่ายนั้นแสดงให้เห็นถึงอารมของเราตอนนั้นได้เป็นอย่างดีไม่ว่าจะ มีความสุข หรือว่าเศร้า เราทุกคนก็ต่างแสดงออกมาด้วยอะไรที่ต่างๆกัน แต่ของดิฉัน แสดงมันออกมาด้วยรูปภาพ เพราะมันสามารถกลับมาย้อนดูได้ว่า ณ ตอนนั้นเรารู้สึกอย่างไร และ ชอบวาดรูป เพราะว่าการวาดรูปสักรูปไม่มีคำว่าถูกหรือคำว่าผิด ไม่มีคำว่าสวยหรือว่าไม่สวย เพราะถ้าเป็นรูปที่เราต้องการที่จะวาดออกมาแล้วไม่ว่าเราจะทำมันให้ออกมาเป็นรูปแบบไหนมันก็ไม่มีคำว่าผิดสำหรับศิลปะ ดิฉันมีไอดอลคือ พ่อ กับ แม่ ของดิฉันค่ะ เพราะว่า ไม่ว่าพ่อกับแม่จะต้องทำงานหนักขนาดไหน ท่านก็ไม่เคยที่จะมาบ่นว่าเหนื่อย ไม่บ่นว่าไม่อยากทำ แต่ท่านบอกกับดิฉันเสมอว่า “ไม่ทำเพื่อลูกแล้วจะทำเพื่อใคร ถ้าไม่ทำตอนนี้จะทำตอนไหน” และเมื่อใดที่ฉันเหนื่อยท่านก็จะพูดเสมอว่า “เมื่อใดที่ลูกล้มก็จงลุกขึ้นมาเพราะว่ามีคนที่คอยให้กำลังใจลูกอยู่เสมอก็คือพ่อกับแม่ ลูกทำแค่นี้ลูกยังเหนื่อยแล้วถ้าอนาคตลูกไม่มีพ่อกับแม่ล่ะลูกจะทำยังไง พ่อกับแม่ไม่ได้อยู่กับลูกตลอดไปหรอกนะเมื่อถึงเวลาลูกก็ต้องยืนด้วยลำแข้งของลูกเอง ไม่ว่าจะเหนื่อยสักแค่ไหนจะยากสักเท่าไรลูก็ต้องทำมันให้ได้ ลูกอย่าลืมว่าลูกยังมีพ่อกับแม่ที่คอยมองความสำเร็จของลูกอยู่” บางครั้งที่ดิฉันคิดว่าสิ่งที่ดิฉันต้องทำมันทำไม่ได้แน่ๆท่านก็จะพูดเสมอว่า “แล้วลูกได้ลองทำมันหรือยังลูกถึงได้รู้ว่าลูกทำไม่ได้ ลูกได้ทำสุดความสามารถของลูกแล้วหรือถึงบอกว่ามันยาก ไม่มีสิ่งไหนจะยากเกินกว่าความสามารถของคนเราได้หรอกถ้าหากว่าเราตั้งใจที่จะทำมันจริงๆ แต่ถ้าพยายามจนถึงที่สุดแล้วลูกก็ทำมันไม่ได้พ่อกับแม่จะไม่ว่าอะไรลูกเลย ขอแค่ตอนนี้ให้ลูกได้พยายามอย่างสุดความสามารถก่อน ถ้าไม่ไหวจริงๆค่อยหยุด ลูกจะได้ไม่รู้สึกเสียใจทีหลังที่ลูกมาถอดใจทั้งๆที่ลูกยังไม่ได้ลงมือทำอะไรกับมันเลย” และบางอย่างท่านจะไม่พูดแต่จะพยายามที่จะทำให้ดูเป็นตัวอย่างว่าสิ่งไหนดีสิ่งไหนไม่ดีสิ่งไหนควรทำหรือไม่ควรทำ ถึงแม้ว่าท่านจะต้องทำงานหนักในตอนกลางวันแต่พอกลับบ้านท่านก็จะถามเสมอว่า วันนี้เรียนอะไรมาบ้าง เป็นยังไงบ้าง เล่าให้ฟังหน่อยได้ไหม ดิฉันเคยถามท่านว่า “ท่านเหนื่อยไหมที่ตอนกลางวันจะต้องทำงานแล้วกลับจากงานต้องมาดูแลลูกอีก” ท่านก็ตอบกลับมาว่า “ถึงพ่อกับแม่จะเหนื่อยแค่ไหน ลำบากสักเท่าไรแต่ถ้ามันทำให้ลูกของพ่อกับแม่สุขบายได้พ่อกับแม่ก็พร้อมที่จะทำมัน” เพราะเหตุนี้ดิฉันจึงยกให้ท่านเป็นไอดอลในดวงใจตลอดมา เพราะว่าท่านเป็นคนที่สำคัญที่สุดในชีวิตของดิฉันก็ หากในอนาคตดิฉันจะสามารถทำแบบที่พวกท่านมันให้ดิฉันได้หรือเปล่า จะทำได้ดีเท่าพวกท่านหรือเปล่า ท่านสอนอะไรให้ดิฉันหลายๆอย่าง ยามสุข ยามทุกข์ก็จะมีท่านมีค่อยอยู่ข้างๆเป็นกำลังใจให้เสมอมา

อาชีพที่อยากเป็น ถ้าพูดถึงอาชีพที่อยากจะเป็นก็คงมีมากมายเหมือนกัน เพราะตั้งแต่ตอนเด็กๆจนถึงโตขึ้นมา อาชีพที่อยากจะเป็นก็คงจะเปลี่ยนไปตามเวลา และความรู้ความสามารถ ความต้องการที่แตกต่างกันออกไป อย่างที่อาชีพที่ดิฉันอยากเป็นคือ เชฟ เพราะดิฉันเป็นคนที่ชอบทำอาหาร การที่เราทำอะไรโดยที่ไม่ต้องฝืนใจทำมันมักจะออกในด้านที่ดีเสมอ แต่ถ้าหากเราไม่ได้จะเต็มใจที่จะทำมันมันก็จะออกมาได้ไม่ค่อยดี การที่เราจะทำความฝันของเราให้เป็นจริงได้นั้น เราต้องมีความมุ่งมั้นที่จะทำมันจริงๆตั้งใจจริงๆ แต่พ่อกับแม่ของดิฉันท่านก็ไม่ค่อยเห็นด้วยสักเท่าไหร่ เพราะท่านอยากให้ดิฉันเรียนพยาบาลตำรวจ แต่ดิฉันก็บอกกับท่านไปว่า”อนาคตเป็นสิ่งที่ลูกต้องเลือกเองถ้าหากว่าลูกต้องทำงานที่ลูกไม่ชอบพ่อกับแม่คิดว่าลูกจะทำมันออกมาดีได้ไหม แล้วลูกก็ไม่ได้รักในสิ่งที่พ่อกับแม่ต้องการให้เป็น ถ้าหากว่าทางที่ลูกเลือกมันทำให้ลูกต้องผิดหวังลูกจะไม่เสียใจเลยที่ลูกได้ทำมันไป” เพราะการที่เราจะต้องทำอาชีพอะไรสักอย่างนั้นเราต้องเลือกของเราเอง ไม่ใช่เพราะไปตามเพื่อน หรือพ่อแม่ต้องการให้เป็น ถ้าเกิดวันใดวันนึงที่เราคิดว่ามันไม่ใช่สิ่งมี่เราต้องการมันจะทำให้เราเสียใจทีหลัง อนาคตเป็นสิ่งที่เราต้องกำหนดเอง