โรคหัวใจ ถือเป็นอีกหนึ่งโรคร้ายที่คร่าชีวิตคนไทยสูงเป็นอันดับต้นๆ โดยในผู้ป่วยบางรายมักมีสัญญาณเตือนก่อน เช่น เหนื่อยง่ายเวลาออกกำลังกาย เจ็บหน้าอก หายใจเข้าได้ลำบาก เป็นต้น แต่ในผู้ป่วยบางรายก็ไม่มีอาการแสดงแต่อย่างใด คุณเป็นโรคหัวใจหรือไม่? รู้ได้ด้วยวิธีการตรวจวินิจฉัยเหล่านี้
*โปรแกรมในการตรวจจะขึ้นอยู่กับอาการของผู้ป่วย ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของแพทย์ด้วย การตรวจสมรรถภาพหัวใจด้วยการวิ่งสายพาน EST (Exercise Stress Test) เป็นการตรวจเพื่อวินิจฉัยโรคหัวใจ โดยให้ผู้ป่วยออกกำลังกายโดยการวิ่งบนสายพานซึ่งสามารถช่วยในการวินิจฉัยภาวะกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดขณะออกกำลังกาย ช่วยให้แพทย์ตรวจพบการตอบสนองที่ผิดปกติ เช่น หายใจลำบาก เจ็บแน่นหน้าอก อัตราการเต้นของหัวใจที่ผิดปกติ หรือ มีการเปลี่ยนแปลงของคลื่นไฟฟ้าหัวใจ ภาวะหัวใจห้องบนเต้นระริก (Atrial Fibrillation) หรือเรียกย่อ ๆ ว่า AF หรือ A-Fib เป็นภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะชนิดที่พบได้บ่อยที่สุดถึงร้อยละ 1 – 2 รายในประชาชนทั่วไป และพบบ่อยขึ้นตามอายุ โดยประชาชนในกลุ่มอายุ 80 – 90 ปี พบสูงสุดถึงร้อยละ 5 – 15 ซึ่งโรคหัวใจเต้นระริกเป็นเหตุให้เกิดโรคสมองขาดเลือดประมาณ 120,000 รายต่อปีทั่วโลก หรือกล่าวได้ว่า 1 ใน 4 ของผู้ป่วยโรคสมองขาดเลือดทั้งหมดเป็นผลมาจากเป็นโรคหัวใจเต้นระริก ซึ่งทำให้มีคุณภาพชีวิตที่แย่ลง เกิดภาวะทุพพลภาพมากขึ้น และอายุขัยที่สั้นลง ดังนั้นการป้องกันโรคสมองขาดเลือดจากภาวะหัวใจเต้นระริกจึงเป็นอีกเป้าหมายสำคัญในการรักษา ซึ่งปัจจุบันมีวิธีการรักษาหลายวิธี โดยมียาป้องกันการเกิดลิ่มเลือดเป็นหัวใจหลักในการป้องกันรักษา รู้จักภาวะหัวใจห้องบนเต้นระริก ภาวะหัวใจห้องบนเต้นระริกเป็นภาวะที่หัวใจห้องบนเต้นแบบกระจัดกระจายไร้ความสามัคคี ทำให้แรงบีบตัวของหัวใจห้องบนเสียไป เลือดจึงหมุนวนตกค้างในหัวใจห้องบนจนก่อให้เกิดลิ่มเลือด ซึ่งสามารถหลุดออกจากหัวใจไปอุดกั้นหลอดเลือดสมอง ทำให้เกิดโรคอัมพฤกษ์และอัมพาตเฉียบพลันได้ โดยมีโอกาสสูงกว่าคนทั่วไปถึง 5 เท่า นำไปสู่ความพิการและเสียชีวิตในที่สุด อีกทั้งยังส่งผลให้หัวใจห้องล่างเต้นเร็วและไม่สม่ำเสมอ ทำให้แรงบีบตัวเพื่อสูบฉีดเลือดลดน้อยลง ซึ่งหากไม่ได้รับการรักษาที่เหมาะสมจะนำไปสู่ภาวะหัวใจวายในที่สุด สาเหตุภาวะหัวใจห้องบนเต้นระริก
อาการภาวะหัวใจห้องบนเต้นระริก ผู้ป่วยภาวะหัวใจห้องบนเต้นระริกเกือบครึ่งหนึ่งไม่มีอาการ แต่ต้องมาพบแพทย์ด้วยภาวะแทรกซ้อนของโรค โดยเฉพาะอัมพาตตามส่วนต่าง ๆ ของร่างกายแทน ส่วนอาการที่มาพบแพทย์ก็ไม่ได้เฉพาะเจาะจง ดังต่อไปนี้
ตรวจวินิจฉัยภาวะหัวใจห้องบนเต้นระริก
รักษาภาวะหัวใจห้องบนเต้นระริกและป้องกันโรคสมองขาดเลือด การรักษาภาวะหัวใจห้องบนเต้นระริกมีวัตถุประสงค์หลักคือ รักษาอาการและลดภาวะแทรกซ้อน ซึ่งลดโอกาสเสียชีวิตและโอกาสต้องเข้าโรงพยาบาล โดยการรักษาที่เหมาะสมขึ้นอยู่กับปัจจัยต่าง ๆ เช่น อายุของผู้ป่วย ประวัติการเจ็บป่วย อาการของผู้ป่วยโรคอื่นที่เป็นร่วมด้วย เป็นต้น โดยมีวิธีการหลักดังนี้
รู้จักยาป้องกันการเกิดลิ่มเลือด ยาป้องกันการเกิดลิ่มเลือด บางครั้งเรียกว่ายาต้านการแข็งตัวของเลือด เป็นยาที่ออกฤทธิ์ต่อต้านระบบการแข็งตัวของเลือดที่ซับซ้อน ยาที่ใช้ในผู้ป่วยโรคหัวใจเต้นระริกมีอยู่หลายกลุ่มและออกฤทธิ์ต่อระบบการแข็งตัวของเลือดที่ต่างตำแหน่งกัน ได้แก่ |