การสอบ ก.พ. เกณฑ์คะแนนแต่ละวิชาจะมีสัดส่วนและคะแนนการสอบผ่านที่ชัดเจน โดยคะแนนของการสอบผ่านนั้นจะแตกต่างกันตามวุฒิการศึกษาที่เราใช้ในการสมัครสอบ เกณฑ์คะแนน ก.พ. 64เกณฑ์ผ่านระดับ ปวช. ปวท/ปวส/อนุปริญญาและปริญญาตรีวิชาที่สอบคะแนนเต็มคะแนนที่ต้องได้ Show
1. วิชาความรู้ความสามารถทั่วไปในการคิดวิเคราะห์ 10060 2. วิชาภาษาอังกฤษ 5025 3. ความรู้และลักษณะการเป็นข้าราชการที่ดี 5030 เกณฑ์ผ่านระดับ ปริญญาโทวิชาที่สอบคะแนนเต็มคะแนนที่ต้องได้ 1. วิชาความรู้ความสามารถทั่วไปในการคิดวิเคราะห์ 10065 2. วิชาภาษาอังกฤษ 5025 3. ความรู้และลักษณะการเป็นข้าราชการที่ดี 5030 จำนวนข้อสอบ (อ้างอิงจากข้อสอบ ก.พ. ปี 63)คณิตศาสตร์ + ภาษาไทย 50 ข้อ อนุกรม5เลขทั่วไป5ตาราง5เงื่อนไขสัญลักษณ์10เงื่อนไขภาษา5เรียงประโยค5สรุปความ10อุปมาอุปไมย5 กฎหมาย 25 ข้อ พ.ร.บ.บริหารราชการแผ่นดิน6พ.ร.ฎ.กิจการบ้านเมืองที่ดี6พ.ร.บ.วิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง6พ.ร.บ.มาตรฐานทางจริยธรรม3พ.ร.บ.ความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่2ประมวลกฎหมายอาญาความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ2 ภาษาอังกฤษ 25 ข้อ CONVERSATION5VOCABULARY5STRUCTURE5READING10 มีแต่คนบอกว่า สอบ ก.พ ใช้ วุฒิ ปวส สอบได้ ถึงจบ ป.ตรีแล้ว พอติด แล้วค่อยเอาวุฒิ ป.ตรี ไปปรับ มันดีกว่า จริงหรือครับคือผม จบ ป.ตรี มาหลายปีแล้ว พยายามสอบ ก.พ ให้ติดให้ได้ แต่ก็ พลาดมา 3-4 รอบแล้ว โดยใช้ วุฒิ ป.ตรี สมัครสอบ คราวนี้ญาติฝ่ายแม่ผม ก้อแน่ะนำว่า เอาวุฒิ ปวส ไปสอบสิ ง่ายกว่าพอติดแล้ว ก้อเอาวุฒิป.ตรีไปเทียบขึ้นเงินเดือนได้ ผมก็ไม่ทราบระบบราชการเท่าไร ความจริงมันสามารถทำแบบนั้นได้ไหมครับ แล้วมันดีกว่าไหม ที่จะเอาวุฒิ ปวส ไปสอบ แทน วุฒิ ป.ตรี แล้วข้อสอบมันง่ายกว่า หรือเหมือนกันครับ ระหว่าง ป.ตรี กับ ปวส ขอบคุณครับ คืออะไรกันแน่ แล้วก็อาจจะเกิดความสงสัยทำไมการสอบนี้ถึงมีการแข่งขันสูง และคนเลือกที่จะไปสอบกันเยอะในทุกปี แล้วการสอบ กพ สามารถนำไปใช้ในการประกอบอาชีพอะไรได้บ้าง หรือแม้แต่ใครที่เกิดสนใจอยากสอบ กพ แต่ยังไม่รู้รายละเอียดของการสอบ ไม่ว่าจะเป็นคุณสมบัติต่าง ๆ วุฒิการศึกษา รวมถึงรายละเอียดของข้อสอบ ก.พ. บทความนี้จะช่วยทุกคนไขข้อข้องใจเหล่านี้ด้วยข้อมูลเบื้องต้นที่จำเป็นจะต้องรู้ นอกจากนี้ยังมีทริคดี ๆ เกี่ยวกับการเตรียมตัวสอบ ก.พ. และยังมีคำถามที่พบบ่อยมาฝากอีกด้วย สอบ ก.พ. คืออะไรการสอบ ก.พ. อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของสำนักงาน ก.พ. (OCSC) หรือสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน ซึ่งเป็นองค์การที่ดูแลด้านการบริหารทรัพยากรบุคคลในราชการพลเรือน มีหน้าที่ในการส่งเสริมการพัฒนาข้าราชการ และเจ้าหน้าที่ของรัฐให้มีคุณภาพชีวิตและการทำงานที่ดี รวมถึงร่วมพัฒนาระบบการบริหารกำลังคนในราชการให้เป็นกลไกในการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ของชาติอย่างมีประสิทธิภาพ การสอบ ก.พ. คืออะไร? การสอบ ก.พ. จึงเป็นการสอบแข่งขัน เพื่อคัดเลือกบุคคลในระดับวุฒิการศึกษา และสาขาวิชาชีพที่แตกต่างกัน ที่มีความสนใจอาชีพราชการให้เข้ามาทำงานให้กับหน่วยงานราชการ การสอบ กพ จึงเปรียบเสมือนตัวกลางระหว่างผู้ที่ต้องการทำงานราชการกับหน่วยงานราชการที่ขาดแคลนคนนั่นเอง ปัจจุบันการสอบ กพ จะแบ่งออกเป็น 3 ระดับ ได้แก่ การสอบ กพ ภาค ก, ภาค ข และภาค ค โดยในปี 2563 มีผู้ที่เข้าสอบ กพ ทั้งสิ้น 500,000 คน นับเป็นอัตราที่ค่อนข้างสูง แต่กลับมีอัตราการสอบผ่านเพียง 2.72% หรือคิดเป็น 13,604 คนเท่านั้น สอบ ก.พ. ทํางานอะไรได้บ้างหลังจากได้รู้เบื้องต้นว่าการสอบ ก.พ. คืออะไร หลาย ๆ คนก็คงจะมีคำถามต่อมาอีกว่า มีการสอบ กพ เพื่ออะไร, การสอบนี้สามารถใช้ต่อยอดทำอะไรได้ และสอบ กพ ทำงานอะไรได้บ้าง โดยทั่วไปการสอบ กพ จะสามารถนำไปใช้ในการทำงานในหน่วยงานราชการต่าง ๆ ได้อย่างหลากหลาย ตัวอย่างเช่น – นักวิเคราะห์นโยบายและแผนปฏิบัติการ – นักทรัพยากรบุคคลปฏิบัติการ – นักวิชาการตรวจสอบภายในปฏิบัติการ – พยาบาลวิชาชีพปฏิบัติการ – เภสัชกรปฏิบัติการ – นักวิเทศสัมพันธ์ปฏิบัติการ – นักวิชาการเงินและบัญชีปฏิบัติการ – นักวิชาการคอมพิวเตอร์ปฏิบัติการ คุณสมบัติและอายุของผู้เข้าสอบ ก.พ.การสอบ กพ คุณสมบัติและอายุนับเป็นสิ่งสำคัญที่จะต้องทราบก่อนที่จะทำการสมัครสอบ โดยการสอบ ก.พ. นั้นมีคุณสมบัติและอายุ ดังนี้ – มีอายุไม่ต่ำกว่า 18 ปี (ไม่กำหนดอายุสูงสุด) – มีสัญชาติไทย – ต้องเป็นผู้ที่จบการศึกษาแล้ว หรือผู้ที่กำลังศึกษาชั้นปีสุดท้ายของระดับ ปวช. ปวท. ปวส. อนุปริญญา ปริญญาตรี หรือปริญญาโท – ผู้สมัครสอบต้องมีคุณสมบัติทั่วไปและไม่มีลักษณะต้องห้าม (ตามมาตรา 36 แห่งพ.ร.บ.ระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551) สอบ ก.พ. ใช้วุฒิอะไรในการสมัครโดยทั่วไปการสอบ ก.พ. จะแบ่งระดับวุฒิการศึกษาที่รับสมัครสอบออกเป็น 4 ระดับ นอกจากนี้การสอบ ก.พ. ใช้วุฒิอะไรบ้าง รวมถึงความแตกต่างของแต่ละระดับเป็นอย่างไร เราจะพาไปทำความเข้าใจกัน 1. ระดับ 1 คือระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.) 2. ระดับ 2 คือระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพเทคนิค (ปวท.) อนุปริญญา หรือประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง (ปวส.) 3. ระดับ 3 คือระดับปริญญาตรี เป็นระดับที่มีคนสอบมากที่สุด 4. ระดับ 4 คือระดับปริญญาโท การสอบ ก.พ. ที่แบ่งตามวุฒิการศึกษาจะมีความแตกต่างกันในการสอบเพื่อวัดความรู้ความสามารถทั่วไป (ภาค ก.) โดยการสอบภาค ก. จะแบ่งออกเป็น 3 วิชา ได้แก่
ผู้สอบที่มีระดับต่ำกว่าปริญญาตรีและระดับปริญญาตรี จะต้องได้คะแนนไม่ต่ำกว่าร้อยละ 60 หรือ 60 คะแนน และผู้สอบที่มีระดับปริญญาโทต้องได้คะแนนไม่ต่ำกว่าร้อยละ 65 หรือ 65 คะแนน
ผู้สอบในทุกระดับชั้นจะต้องได้คะแนนไม่ต่ำกว่าร้อยละ 50 หรือ 25 คะแนน
ผู้สอบทุกระดับชั้นจะต้องได้คะแนนไม่ต่ำกว่าร้อยละ 60 หรือ 30 คะแนน การสอบ ก.พ. มีทั้งหมดกี่ภาค สอบอะไรบ้างภาค ก. การสอบวัดความรู้ ความสามารถทั่วไปการสอบภาค ก. เป็นการสอบภาคความรู้ ความสามารถทั่วไปที่มีการจัดสอบเป็นประจำในทุกปี นับเป็นด่านแรกที่ต้องสอบให้ผ่านจึงจะไปสอบขั้นต่อไปได้ ภาค ก. จะแบ่งออกเป็น 3 วิชา ได้แก่
มีเนื้อที่คลอบคลุม 4 ประเด็น ได้แก่ การคิดวิเคราะห์เชิงภาษา, การคิดวิเคราะห์เชิงนามธรรม และการคิดวิเคราะห์เชิงปริมาณ โดยจะเป็นข้อสอบจำนวน 50 ข้อ 100 คะแนน
เป็นวิชาที่วัดทักษะด้านต่าง ๆ ของภาษาอังกฤษในระดับเบื้องต้น โดยจะแยกเป็น 4 หมวดหมู่ ได้แก่ การพูด การเขียน การอ่าน และการฟังภาษาอังกฤษ ข้อสอบจำนวน 25 ข้อ 50 คะแนน
เป็นการทดสอบความรู้ที่เป็นพื้นฐานของการเป็นข้าราชการที่ดี ข้อสอบจำนวน 25 ข้อ 50 คะแนน โดยมีประเด็นที่สำคัญ ได้แก่ – ระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน – หลักการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี – วิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง – หน้าที่และความรับผิดในการปฏิบัติหน้าที่ราชการตลอดจนเจตคติและจริยธรรมสำหรับข้าราชการ ภาค ข. การสอบวัดความรู้ ความสามารถเฉพาะตำแหน่งการสมัครสอบก.พ. ภาค ข. ผู้สมัครสอบจะต้องนำหนังสือรับรองการสอบผ่านภาค ก. มายืนยันก่อนจึงจะสามารถสมัครได้ การสอบในภาค ข. เป็นการสอบที่เน้นใช้ความรู้และความสามารถเฉพาะตำแหน่ง ผู้จัดสอบ กพ ในภาคนี้จะเป็นหน่วยงานราชการต่าง ๆ ที่เปิดรับสมัคร การสอบภาค ข. จะมีการเปิดสอบสำหรับหลายตำแหน่ง โดยตำแหน่งที่ได้รับความนิยมมากที่สุดจากผู้สมัคร ได้แก่ นักวิเคราะห์นโยบายและแผนปฏิบัติการ, นักวิชาการเงินและบัญชีปฏิบัติการ นิติกร และเจ้าพนักงานสาธารณสุขปฏิบัติงาน เป็นต้น ภาค ค. การสอบสัมภาษณ์เมื่อผู้เข้าสอบได้สอบผ่านทั้งภาค ก. และภาค ข. แล้ว ขั้นตอนสุดท้ายของกระบวนการสอบคัดเลือกข้าราชการคือการสอบสัมภาษณ์ โดยจะมีผู้สัมภาษณ์หน่วยงานต้นสังกัดนั้น ๆ มาร่วมทำการทดสอบ นอกจากนี้อาจมีการทดสอบเพิ่มเติมตามความเหมาะสม เช่น ทดสอบร่างกาย หรือทดสอบจิตวิทยา การสอบ ก.พ. แบบ E-exam คืออะไรการสอบ ก.พ. แบบ E-exam หรือการสอบ กพ อิเล็กทรอนิกส์ เป็นการสอบด้วยคอมพิวเตอร์สำหรับบุคคลทั่วไป โดยจะเปิดรับสมัครคนละรอบกับ paper and pencil และจะทำการจัดสอบเฉพาะระดับปริญญาตรีและปริญญาโทเท่านั้น ซึ่งแตกต่างจากการสอบแบบ paper and pencil ที่เป็นการสอบแบบปกติด้วยการฝนกระดาษคำตอบ สำหรับผู้สนใจทั่วไป การสอบรูปแบบนี้ยังมีศูนย์สอบทั้งสิ้น 500,000 ที่นั่ง จาก 15 จังหวัดทั่วประเทศไทย หากผู้สมัครสอบ กพ ได้ทำการสอบแบบ E-exam ไปแล้วก็สามารถลงสอบแบบ paper and pencil ได้อีกครั้งในปีเดียวกัน ขั้นตอนการสมัครสอบ ก.พ.การสอบ ก.พ. จะมีขั้นตอนการสมัครสอบ ดังนี้ 1. สมัครสอบผ่านทางเว็บไซต์ http://job2.ocsc.go.th ไปที่หัวข้อ “สมัครสอบเพื่อวัดความรู้ความสามารถทั่วไปด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ ประจำปี 2564” จากนั้นคลิก “สมัครสอบ” 2. กรอกข้อมูลรายละเอียดต่าง ๆ 3. เลือกรอบสอบและศูนย์สอบที่สะดวกในการสอบ กพ 4. ชำระเงินค่าธรรมเนียมในการสมัครสอบ 330 บาท ภายในวันที่กำหนด 5. หลังจากชำระเงินแล้ว 1 วัน จึงเข้าตรวจสอบเว็บไซต์ http://job2.ocsc.go.th หากยังไม่มีรูปถ่ายของผู้สมัคร จะต้องอัพโหลดรูปก่อน (รูปถ่ายหน้าตรง ขนาด 1*1.5 นิ้ว) 6. พิมพ์บัตรประจำตัวสอบ พร้อมลงลายมือชื่อให้เรียบร้อยเพื่อนำไปในวันสอบ กพ สอบ ก.พ. วันไหน ? โดยปกติการสอบ กพ จะประกาศรับสมัครสอบประมาณเดือนกุมภาพันธ์ – มีนาคมของทุกปี และมีการจัดสอบช่วงเดือนมิถุนายน – กรกฎาคม และประกาศผลช่วงเดือนกันยายน สำหรับการสอบ กพ 64 วันไหนนั้น จากข้อมูลล่าสุดจะจัดสอบวันที่ 8 และ 29 พฤษภาคม 2565 วิธีเตรียมตัวก่อนสอบ ก.พ.สำหรับการเตรียมตัวสอบ กพ 65 นั้น การสอบ กพ ยังไงให้ผ่านเป็นปัญหาที่สร้างความกังวลให้กับหลาย ๆ คน วันนี้เราจะมาบอกเทคนิคว่าสอบ กพ อ่านอะไรบ้างให้ผ่านฉลุย ดังนี้ ศึกษาข้อรายละเอียดข้อสอบเพื่อให้ทราบเนื้อหาของข้อสอบ และจำนวนข้ออย่างชัดเจน ทำให้อ่านเนื้อหาสำคัญได้อย่างตรงจุด ซึ่งจะช่วยลดเวลาในการอ่านได้ และเหลือเวลาไปใช้ในการทบทวนส่วนอื่นแทนได้ ฝึกทำข้อสอบเก่าข้อสอบเก่าจะช่วยสร้างความคุ้นเคยกับข้อสอบ เมื่อลงสนามจริงจะได้ไม่ตื่นเต้น นอกจากนี้ยังเป็นการบอกแนวข้อสอบที่สำคัญได้อีกด้วย จับเวลาทุกครั้งเมื่อทำข้อสอบการจับเวลาจะช่วยให้สามารถจัดการกับเวลาได้เป็นอย่างดี ซึ่งจะช่วยลดปัญหาการทำข้อสอบไม่ทันได้ ลงเรียนคอร์สติวสอบ ก.พ. ออนไลน์ในปัจจุบันการลงคอร์สติวสอบ กพ ออนไลน์ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก เนื่องจากมีการจัดเตรียมเนื้อหาที่ต้องใช้ในการสอบอย่างครบถ้วน มีการเน้นเนื้อหาที่สำคัญ พร้อมแจ้งรายละเอียดการสอบที่สำคัญ นอกจากนี้การเรียนในรูปแบบออนไลน์ยังสะดวกสบาย และเหมาะอย่างยิ่งกับสถานการณ์ในปัจจุบัน คำถามที่พบบ่อยเรื่องการสอบ ก.พ.สอบ ก.พ. ใช้เวลากี่ชั่วโมง?การสอบ ก.พ. ใช้เวลา 3 ชั่วโมงในการทำข้อสอบ เฉลี่ยข้อละ 1.8 นาที สอบ ก.พ. ได้ถึงอายุเท่าไหร่?การสอบ ก.พ. ไม่มีการจำกัดอายุ สอบ ก.พ. ใส่ชุดอะไร?แต่งกายด้วยชุดที่สุภาพเรียบร้อย ไม่ควรใส่กางเกงยีนส์ และสามารถใส่รองเท้าผ้าใบได้ สอบ ก.พ. ได้กี่ครั้ง? ผลคะแนนมีอายุกี่ปี?การสอบ ก.พ. ไม่มีการจำกัดจำนวน สามารถสมัครได้ทุกปี และผลสอบไม่มีวันหมดอายุ ข้อสรุปเรื่องการสอบ ก.พ.การสอบ ก.พ. เป็นการสอบคัดเลือกรูปแบบหนึ่งเพื่อเข้าทำงานในหน่วยงานราชการ การสอบ กพ นับเป็นการสอบที่ได้รับความสนใจเป็นอย่างมากจึงมีการแข่งขันที่สูง เนื่องจากสามารถใช้ในการสมัครงานราชการได้หลากหลายหน่วยงาน การสอบ ก.พ. จะเป็นการสอบเพื่อวัดความรู้และความสามารถในระดับต่าง ๆ ข้อสอบจะไม่ได้ยากจนเกินไปแต่จะต้องใช้ความรอบคอบ และจะต้องจัดการเวลาให้ดี การสอบ กพ ให้ผ่านจะต้องใช้ความมุ่งมั่นและการฝึกฝน แต่ถ้าหากต้องการตัวช่วยการลงเรียนคอร์สติวสอบ กพ ออนไลน์ก็เป็นอีกทางเลือกที่น่าสนใจในปัจจุบัน |