ว ชญ จามรมาน เป นล ก ม.ร.ว ใคร เทวก ล

พระเถราฟังสาร รับพจมานทุกอัน ธเหาะหรรษ์ด้วยฤทธิรุด เถโร อาานฺตวา ธคืนยังมนุษย์สถาน นำอาการพิบัติ มีแก่สัตว์นรกานต์ โดยวิตถารธแถลง กล่าวสำแดงแก่ชน ทั่วสากลมาฟัง เธอบอกตามสั่งฝูงญาติ ให้ชนชาติเร่งทำ กุศลกรรมบหึง อุทิศถึงพงศ์พันธุ์ จงฉับพลันอย่าช้า เขาจะพ้นทุกขาดูรดล

​ครั้นฝูงชนยินพระศาสน์ ว่าฝูงญาติทุกข์พิบัติ ก็โทมนัสร่ำไร ได้ฟังไภยในนรก ก็ตื่นตระหนกประพรั่น อภิวันท์พระตรัยสรณา ทำทานาทิกุศล บำเพ็ญผลบุญญา แล้วพงศาจึ่งอุททิศ กุศลอิฏฐ์ส่งให้ ขอจงได้แก่พงศ์พันธุ์ พ้นจากสรรพทุกขา ด้วยเดชาเราแผ่ผล กุศลทักษิโณทก ครั้นตกเมธนีธาร ฝ่ายนรกานต์ปรีดา อนุโมทนาส่วนกุศล บัดสิ้นสกนธ์ชนมชาติ ด้วยเดชอาตม์อนโมทน์ กุศลโสดอุบัติ ในทิพยรัตน์พิมาน อันอลังการภิรมย์ สมบัติอุดมโอฬาร ไทธรงญาณเสด็จถึง ยังไตรตรึงส์บนาน เห็นพัสถานเทเวศ อันพิเศษโดยอิษฎิ ด้วยกุศลฤทธิ์ส่งให้ อานุภาพในพระไตรรัตน์ ด้วยกระกัดิศรัทธา พระเถราทฤษฎี แล้วก็จรลีบนาน มากล่าวสารแสดงให้ ​ชนแจ้งใจทุกอัน ดุจเห็นสวรรค์แก่ตา ชนศรัทธาสามารถ ในพระศาสน์สรรเพ็ชญ์ เร่งสำเร็จกุศลบุญ อันเพิ่มพูนบประมาท อุททิศถึงญาติเนืองนิตย์ จงจิตรใฝ่ในทาน ทุกทั่วสถานแหล่งไหล้ พรอะได้ฟังพจน์ไท้ ท่านแจ้งทุกอัน ฯ

๏ อเถกทิวสํ ปางพระมาลัยบพิตร ผู้ธรงฤทธิวิริยา การุณํกาแก่โลก จะให้พ้นโอฆนฤทุกข์ จะอวยศุขนรา อยู่มาวันหนึ่งนั้น ปุพฺพณฺหสมเย เมื่อพรายพรรณพระสุริย์ เรืองอรุณอร่าม สมัยยามยูรยาตร อุฏฺฐายาสนา เสด็จจากอาสนวิจิตร เสร็จชำระกิจพระองค์ ปตฺตจีวรมาทาย ครองสะบงธรงจีวร พระหัตถ์ธรบาตรเสร็จ ไท้ธเสด็จบิณฑบาต คามํ ปาวีสิ สู่คามาตวิถี เพื่อจรลีโปรดสัตว์ ฯ

๏ ตสฺมึ คาเม เอโก ทลิทฺทกปุริโส ในตระบัดเบื้องบน ในบ้านนั้นมีบุรุษ หนึ่งประดาษสุดแสนสา เลี้ยงมารดานิจวาร ตสฺมึ กาเล อยู่ในกาลนั้น​เล่า ชายไต่เต้าตามสถล ไปสู่ชลชำระ ลงในสระชโลธาร เห็นอุบลบานไพจิตร เด็ดดวงพิศชมชู แปดดอกดูเดินพลาง โดยหนทางทอดตา เห็นพระมาลัยลาศ หัตถ์ธรบาตรวิจิตร วิวิธกมลอินทรีย์ สังวรศีลรำงับ รักษาสรรพอิริยาตร บทวิลาศธรา วรรณรูปากฤดิษี ชายทฤษฎีโสมนัสส์ ปิติกรัชปราโมทย์ ก็โอนศิโรตม์แทบบท ประนตทศนัขบวร สโมธานกรกราบไหว้ กระมลฤไทยประดิพัทธ์ ต่อพระอรหัตต์ศรัทธา เป็นอดุลยายิ่งล้น จึ่งเอาอุบลทูลเกล้า ถวายเธอเข้าถึงพระหัตถ์ ท่านรับตระบัดชื่นบาน จึ่งทำประณิธานปรารถนา ข้าแต่พระอรหาอยู่เกล้า เดชข้าพเจ้าได้ถวาย อุบลพรายพรรณรัตน์ แม้นจักอุบัติชาติใด อันความไร้หฤชาติ อย่ามีในอาตม์แห่งข้า ได้สหัสสาแสนชาติ ขอทรัพย์กลาดเกลื่อนตา อย่าทลิททาทุกภพ ​แล้วก็นบบทมาศ กราบพระบาทไท้อยู่แล ฯ

๏ เถโร อฏฺฐ นิลุปฺปลปุปฺผานิ คเหตฺวา ส่วนพระมาลัยนารถ รับอุบลชาติชายทลิท แล้วบพิตรกล่าวคาถา ยํ ยํ ลูขํ ปณีตํ วา อนุโมทนาโดยไนย อันว่าผลใดท่านอวย หฤไทยสวยสาภิรมย์ ก็จะนิยมสุขัง อันยิ่งยังสกลสมิชฌ์ ให้สัมฤทธิ์ปรารถนา โดยอิจฉาทุกประการ ด้วยผลทานอันท่านให้นี้ไซร้ ฯ

๏ เถโร อนุโมทนํ กตฺวา ครั้นเสร็จสารพระคาถา เธอก็จินตนาโดยกล ว่าดอกอุบลอัษฏา เราจะบูชาที่ใดโสด พระมหาโพธิ์ฤๅเจดีย์ พระบาทคีรีฤๅที่นิพพาน ฤๅที่วรญาณสุคต สำแดงรศพระธรรมจักร ฤๅในที่อรรคถานา เธอนิสิทาทั้งเจ็ด ท่านคิดเสร็จบชอบใจ ลำฦกได้ในเจดีย์ ​จุลามณีสรวงสวรรค์ คิดชอบฉันท์บนาน เข้าจตุตถฌาณสมาธิ์ อันเป็นบาทอภิญญาณ เธออธิษฐานจากฌาณเสร็จ ก็เหาะระเห็จด้วยฤทธิรงค์ ดุจสุวรรณหงส์บินบน ลัดมือดลคัคณา บ่ายภักตราวิมลพรรณ ฉะพอะเวชยันต์ปราสาท แห่งสูรราชโกสีย์ อันมีในไตรตรึงส์ ตระบัดถึงพระเจดีย์ จุลามณีประดิษฐา ด้วยรัตนาอินทนิล เธอก็ประทักษิณเวียนสถาน ถวายนมัสการแปดทิศ บัญจางคประดิษฐ์มุรธาร ถวายอุบลบานไพจิตร ทั้งแปดทิศพระเจดีย์ เธอก็ทฤษฎีปรีดา แล้วนิสีทนาที่นั้น ก็อภิวันท์ชมชื่นแล ฯ

๏ สกฺโก เทวราชา ปางนั้นท้าวมัฆพาน นำบริวารคับคั่ง สู่บัลลังก์รัตนรูจี พระจุลามณีทาฒธาตุ ทักขิณานารถสรรเพ็ชญ์ อินทร์เสด็จบูชิต วิวิธทิพยมาลา วิเลปนาคันธาษ แล้วเสด็จอาสน์พิเศษ จึ่งทอดพระเนตร์นัยนา เห็นพระมาลัย​เสด็จ จึ่งปิ่นเพ็ชรปาณี เสด็จจรลีสู่สำนัก ก็โอนวรอรรคมกุฎ วันทนาดุษฎีนารถ แล้วเสด็จอาสน์ที่ควร เทวปริสา ส่วนเทวัญบรรพสัช ถวายนมัสบูชา ทักษิณสาธุชุลี พระเจดีย์แล้วเสร็จสรรพ ชวนกันกลับมาคัล พระอรหันต์อันอุดม์ บริสุทธคุณศีลา ก็ประดับดารายรอบ น้อมนบนอบอยู่ไสว ในที่นั้นดาษแล ฯ

๏ เทวจฺฉรา อันว่าสาวสุรสุรางค์ ถวายปัญจางคประดิษฐ์ พระโมลิศมุนินทร์ ทักษิณเสร็จนมัสการ แล้วก็มากรานกราบเกล้า ล้อมพระมาลัยเจ้า เฝ้าเฟี้ยมอภิวันท์ ฯ

๏ สกฺโก เทวราชา สมเด็จวัชรินทรราช จึ่งพจนาตถ์มฤธู ว่าข้าผู้เป็นเจ้า เธอเสด็จเนาสถานใด จึ่งดลในที่นี้ ขอบพิตรพระชี้ แก่ข้าขอฟัง ฯ

๏ เถโร ดูราราชมัฆพาน อันว่าสถานแห่งอาตม์ ​ในมนุษย์ชาติสิงสถาน เราจะนมัสการพระเจดีย์ (จึ่งมานี้โดยจินต์ ดูกรสุรินทรโกสีย์) พระจุลามณีนี้ท่าน ประดิษฐานไว้ดั่งฤๅ อินทร์ว่าคือข้าไซร้ หากประดิษฐานให้ เทพไหว้บูชา ฯ

๏ เถโร พระเถราจึ่งกล่าว ดูราท้าวเทวราช อันอมรมาตย์เทวัน ทำกุศลสรรพบำเพ็ญ แต่ยังเป็นมนุษยชน จึ่งมาถกลเทวฐาน บัดนี้กาลดั่งฤๅ มาปองปือทำกุศล ขวายขวนทุกเทพโสด จักประโยชน์อันใด ด้วยผลไฉนฝ่ายหน้า ฯ

๏ ภนฺเต เทวราชาก็บัณฑูร ว่าอมรสูรสรพสรรพ์ มาชวนกันก่อเกื้อ กุศลเพื่อปรารถนา ในภพหน้าสืบสกนธ์ ให้ได้ชั้นบนยิ่งขึ้น กว่าเก่าพื้นชั้นนี้ อินทร์จึ่งชี้กุศล เทพลางตนบำเพ็ญ เมื่อยังเป็นมนุสสา ทำกุศลาน้อยนัก ครั้นดล​อรรคเทวฐาน อยู่มินานม้วยมุด ผลบุญสุดสิ้นไป ขออุปไมยถวายบพิตร ยังมีทลิทหนึ่งเล่า มีแต่เข้าเปลือกปิด ทนานหนึ่งนิดเดียวไซร้ มิได้ไถหว่านพืชน์ ให้ยาวยืดสืบสร้าง บัดเปลื้องปลางเปล่าหมด ชายรันทดทวยถวิล มิทำกสินวานิชไซร้ ทรัพย์อันใดจะสืบส้อง สุดแต่จะพร่องพร่ำสิ้น ดุจเทวินทร์บุญน้อย สุดสิ้นสร้อยเศร้าโศก ด้วยวิโยคสุขา มีอุประมาดั่งชายนั้น ภนฺเต พหุธนํ ข้าแต่อรหันต์ผ่านเผ้า ข้าจะเล่าอุประมา มีบุรุษาหนึ่งนั้น มีทรัพย์ครันครามกลาด ธัญญชาติเต็มโกษฐา มีวิริยายิ่งล้ำ กสินกรรมเกือบกอง วานิชนองเนืองนับ ขนเอาทรัพย์พูนเพิ่ม ตวงตักเติมตามได้ ส้องสุมใส่ซ้ำลง เร่งมากคงคั่งครัน ดุจเทวันมีกุศลัง แต่หนหลังทุกสิ่ง ​เป็นเทพยิ่งทำถนัด เพิ่มสมบัติก่อนกล แม้นวายชนม์สู่สวรรค์ ลำดับชั้นขึ้นไป จนถึงในสุธาวาศ ถ้าจักนาสก็นิพพาน ในสฐานที่นั้น บห่อนหั้นคืนหลังเลย ฯ

เถโร ปสีทิตฺวา ปุน สกฺกํ ปุจฺฉิ พระมาลัยเฉลยถามเล่า ดูกรเจ้าไตรตรึงส์ เทพอึงคนึงมาคัล อภิวันทโมลี พระเจดีย์อลังการ องค์พระศรีอาริย์เมตไตรย เป็นไฉนบเห็นคลา ยังจะมาฤๅไท้ ท้าวสหัสไนยสนองนารถ อันพระบาทเมตไตรย ย่อมเคยไคลจรมา พระเถราจึ่งกล่าว ท่านท้าวเสด็จเมื่อใด อินทร์ขานไขโอวาท บรมนารถเสด็จจรัล แปดค่ำบัณรัศมี วันสิบสี่อุโบสถ ไทธรงยศเธอลีลา มาวันทาพระเจดีย์ เถโร สกฺเกน พระเถรมีพจนพลัน บัดนี้วันอุโบสถ อัฏฐ์กำหนดแน่ไซร้ (น่า) จะเสด็จในวันนี้ โกสีย์​รับวัจนา ภันเตสาธุด้วยพลัน พระอรหันต์กับสหัสไนย นั่งปราศรัยสารา มีเทพดาผู้ไกร จรคัลไลยจะนมัสการ ด้วยบริการถ้วนร้อย เถโร ทิสฺวา พระเถรชม้อยเห็นมา ถามอินทราทันใด พระเมตไตรยแลฤๅมา สุรินทราว่ามิใช่ พระมาไลยว่าดั่งฤๅ เทพนี้คือผู้ใด ท้าวสหัสไนยแสดงพจน์ บปรากฎโดยนาม พระเถรถามบุพพกรรม ว่าเทพทำกุศลไฉน ตรีเนตร์ไขตอบคดี ว่าเทพนี้อยู่มนุษย์ ประดาษสุดทลิททา เที่ยวเกี่ยวหญ้านิรันดร์ ขายเลี้ยงชีวันอาตมา ให้ทานกาบหึงส์ ข้าวก้อนหนึ่งเท่านั้น ม้วยดลสวรรค์เสวยสวัสดิ์ มีบริสัชร้อยองค์ ด้วยผลส่งสืบสรรค์ ตทนนฺตเร อันดับนั้นเทวา บริวารมาถึงพัน รัศมีวรรโณฬาร ช่วงชัชวาลย์ทิศา จึ่งพระมาลัยถาม อินทร์ว่านามเมตไตรย เทพว่าใช่วรญาณ เธอถามว่า​กาลก่อนกล เทพทำผลเป็นไฉน มัฆวาฬไกรพจนา ว่าเทพาแต่ก่อนกาล เป็นโคบาลกลางไร่ เอาโภชนไปให้ทาน เพื่อนโคบาลดุจกัน กุศลนั้นเพียงนี้ ให้ผู้บมีศีลคุณ ผู้อับบุญบสืบไว้ ถ้าผู้ใดให้ทาน ได้บริวารพันหนึ่ง รูปโฉมพึงพอใจ เทพนั้นไซร้ก็วันทา ทักษิณศิรากราบไหว้ ถวายมาลัยคันธรศ ก็ประณตประจิมทิศไท้ นั่งในสถานที่นั้นแล ฯ

อปโร เทวปุตฺโต ปางนั้นมีเทพอื่น บริวารหมื่นหนึ่งมา จะวันทาพระเจดีย์ พระเถรมีประสาสน์ ถามเทวราชดุจก่อน ยินแล้วย้อนถามผล ว่ากุศล (อัน) ใดอมรทำ อินทร์จึ่งนำสารมา เมื่อเทพาอยู่มนุษย์ ให้โภชนยุดพอพึง สามเณรหนึ่งศีลสรรพ เธอก็รับทานไส้ บุญส่งให้เป็นเทพ สมบัติเสพบริวาร ปุถุชนปานดั่งนี้ สุดแต่มีศีลา ให้โภชาเป็นทาน ได้บริวารถ้วนหมื่น ​โฉมฉันชื่นเฉิดฉาย เทพถึงถวายมนัส มาลารัตน์ธูปเทียน ทักษิณเวียนสามรอบ ไหว้นบนอบโมลี รัตนเจดีย์ไพจิตร นั่งอยู่ทิศทักษิณ โดยอาจิณที่นั้นแล ฯ

อปเร วีสติสหสฺเส ลำดับกันเทเวศร์ หนึ่งวิเศษจรจัล บังคมคัลสถูปรัตน์ รังษีชัชวาลย์ชื่น เทพสองหมื่นบรรพสัช มาลัยทัศนาเล่า ถามกลเก่าบนาน ใช่พระศรีอาริย์แล้วถาม ถึงนามกรรมแต่บรรพ์ เทวราชชั้นกล่าวสาร ถึงก่อนกาลเทวบุตร เป็นมนุษย์ชนชาย เธอได้ถวายบิณฑบาต สงฆ์อายาจน์โทนเที่ยว ทัพพีเดียวดั่งนั้น ได้เสวยสวรรค์เทวฐาน มีบริวารสองหมื่น แม้นบุคคลอื่นอันอวย ทานสละสลวยแก่สงฆ์ ให้ทานจงปูนกัน จะได้ผลนั้นเสมอสมาน บริวารมานเพียงนั้น สองหมื่นมั่นพรรณราย เทวาฉายรัศมี ถึงเจดีย์ก็บูชา สุคนธามาลย์มาศ ​ถวายอภิวาทเวียนวาร นิสีทิสถานอุดร ก็ประนมกรสถิตอยู่แล ฯ

ตทา เอโก ตึสสหสฺสปริวาโร มีเทวินทร์หนึ่งโสด รัศมีโชติโฉมสรรพ สามหมื่นประดับบริวาร มานมัสการสถูปา จึ่งพระมาลัยถาม เอยียวว่านามเมตไตรย วัชรินทร์ไฉนใช่ท้าว เธอถามข่าวกุศลมี สุชัมบดีพจมาน ว่าเทวานผู้นี้ เป็นเศรษฐีบุรพกาล ชื่อหริบาลสมญา มีศรัทธาศีลวัตร ในตรัยรัตนนิจกาล สรรพทานทุกสิ่งโสด ผ้าพรรณโภชนโอสถ (ชลารศไตรจีวร ถวายสงฆษรมนัศา) ด้วยเดชผลานิสงส์ไซร้ ส่งสืบไห้สมบัติสวรรค์ บริวารมหันต์สามหมื่น สำราญรื่นรมยา ครั้นเทพมาดลสฐาน ถวายสักการ​ปทุมมาศ ทิพมาลาศพรรณราย เรียบโปรยปรายรอบทฤษฎิษ ทั้งแปดทิศทำประทัก ษิณสามวักบริเวร ธาตุชิเนนทร์สรรเพ็ชญ์ วันทนาเสร็จเบ็ญจางค์ นั่งในหว่างเทพไท้ กฤษดาญชลิตไหว้ น้อมเกล้าศิรสา ฯ

เอโก จตฺตาฬีสสหสฺสปริวาโร เทพบุตรหนึ่งจรคลา สี่หมื่นมาบริวาร วันทนาการโมลี พระทฤษฎีปุจฉา ดูกรเทพาอดิศร เมตไตรยจรเธอว่าใช่ พระเถรไซร้ถามกรรม สหัสสนัยนำแสดงเหตุ ว่าเทเวศร์นี้ไซร้ เมื่ออยู่ในอนุราธ บุรีนารถประไพ ช่างหูกไหมทอผ้า เผากเฬวราก์ผู้อนาถ ถวายบิณฑบาตจีวร ปัจฐรณ์เสนาสน์ทาน แก่สงฆญาณยิ่งพัน อุททิศผลส่งไป แด่ผู้กษัยสุดสกนธ์ เดชะกุศลอันกระทำ เที่ยงแท้นำศุไข สมบัติในบรโลก เทพอุทโยคมาถึง เกศธาตุจึ่งบูชา ทิพคันธามาลัย วันทเวียนไหว้ตรีวาร นมัสการกระทำ ​เสร็จสรรพ นั่งลำดับแดนควร โดยขบวนนั้นก็อยู่แล ฯ

เอโก ปญฺญาสสหสฺสปริวาโร มีเทวินทร์เอกองค์ บริวารวงรายรื่น ห้าหมื่นสรรพาภรณ์ ยูรยาตรจรจรัลจรา สมเด็จมาลัยบพิตร ถามโมลิตไตรตรึงส์ พระศรีอาริย์จึ่งเสด็จมา สหัสไนยาเธอว่าใช่ เธอเลียงไล่ผลบูญ อินทร์บัณฑูรโดยนาม เทพสถิตดามพ์บรรณใน นุชอภัยทุษฐนารถ นามดิศราชศรัทธา ปสันนาพุทธรัตน์ ธรงธรรมัสสังฆา เคารพสาธุนิจัง ปัญจศีลังคอัตรา อัฎฐศีลาอุโบสถ ทานปรากฎทั่วทวีป บรวบรีบตระหนี่หน่าย ทรัพย์จับจ่ายจำแนก ยาจกแจกนิจกาล ด้วยกุศลมานมากมาย บริวารหลายคับคั่ง ครั้นถึงยังเจดีย์ฐาน ถวายกฤษดาญบังคม เคียมประนมนอบนบ ทักษิณครบสามวง ถวายบุษบงแปดทิศ ทีปบูชิตสุ​คนธาร นั่งดับสฐานควรราช ในเสนาสน์ที่นั้น สถิตแล ฯ

เอโก สฏฺฐิสหสฺสปริวาเรหิ ปางนั้นเทพสุนทร มีอมรหกหมื่น เรียบรอบรื่นบรรพสัช มายังรัตนเจดีย์ มาลัยมีปุจฉา เมตไตรยมากมังธว่าใช่ พระถามไถ่กุศลัง วิสัชนังอินทร์กล่าว เทพนี้ท้าวอภัยทุษฐ์ เป็นจอมมกุฎในลังกา เป็นทานาธิปไตย รัตนไตรอุปถัมภก เธอยอยกพระศาสนา คารวตาพระตรัยรัตน์ ด้วยสักกัจศรัทธา โพธิรุกขาก็บำรุง พระสถูปผดุงผดานิตย์ มารดรบิตุอุปถัมภ์ อาวาศกรรมกุฎาคาร จัตุปัจจัยทานนิตยภัตร ถวายสังฆัสดิลก พรรณิพพกก็พึ่งพา สรรพยาจกนาเนก ทานอดิเรกรวดเมื่อ บบ่ายเบื่อบุญบาล ทั้งผลทานก็ประสัฏฐ์ ทั้งศีลวัตรก็ประเสริฐ จึ่งบังเกิดสวรรคา บริวาราเป็นขนัด แสนสมบัติเหลือ​ขนาด เทพยูรยาตรมานบ เคารพกราบพระสถูป ถวายเทียนธูปทิปคันธ์ สุมณฑ์สวรรค์สักการ ทักษิณารไตรตราว เรียบมาลาแปดทิศ เบ็ญจางคประดิษฐ์สรรพเสร็จ เทพเสด็จที่สม โดยดับนิยมนั้นแล ฯ

ตทา เอโก สตฺตติสหสฺสปริวาโร กาลนั้นเทวหนึ่งเล่า เธอไต่เต้ามาวันทา เจ็ดหมื่นจราบริวาร อลังการโสภาส มาลัยนารถถามอินทร์ เธอคิดถวิลดุจก่อน ปิ่นอมรกล่าวดุจเก่า เธอแถลงเล่ากรรมฤๅ อินทร์ว่าคือเทเวนทร์ เป็นสามเณรน้อยนัก สงวนศีลรักษ์นิจกาล แล้วอภิบาลอุปัชฌาย์ อาจาริยานอบนบ เคียมเคารพนิรันดร์ นั่งนวดฟั้นเฟี้ยมเฝ้า กวาดผงเผ่าผัดแผ้ว เสนาสนแล้วตักน้ำ ธูปเทียนดำขัดใส น้ำมันใส่ไส้วาง จุดเพลิงพลางพับผ้า ถวายจิวราเสร็จสรรพ นั่งนบสดับโอวาท ฤๅคลาคลาดปรนนิบัติ พระ​ไตรรัตน์ก็บูชา เล่าเรียนธราธรรเมศ บคร้านเนตรในเพียร กลางคืนเรียนพระธรรม เมื่อกลางวันปรนนิบัติ ศีลวัตรพระอาจารย์ บุญเห็นปานดั่งนี้ สมบัติมีโอฬาร์ ด้วยเหตุผลานิสงส์ไซร้ เทพถึงในพุทธสถิต ก็บูชิตวันทนา มาลยทิพพาพึงชม ดุจนิยมเทพทั้งหลาย นมัศการถวายในที่ บังควรมีเสนาสนัง เธอก็นั่งเป็นผาสุกแล ฯ

เอโก อสีติสหสฺเสหิ ดับนั้นเทวราช องค์หนึ่งลาศลีลา มาบูชาสถูปนบ แปดหมื่นครบบริวาร พระพจมานถามนารถ เมตไตรยราชฤๅท้าว พันเนตร์กล่าวว่าอื่น มาลัยคนถามเหตุ มกุฎเกศสุรนารถ ว่าเทวราชนี้ไซร้ อุบัติในทลิททา เห็นสมณาอายาจน์ เที่ยวบิณฑบาตโดยสกล เอาโภชนตนแต่งถวาย เอาภาชน์ผายตามตรอก ตัก​เตือนบอกบ้านอื่น ร้องเครงครื้นป่าวชน ท่านขวายขวนตามได้ ใส่บาตร์ไท้ถวายทาน ชนชาวบ้านปรีดา ถือโภชามามาก บางไฝ่ฝากทลิทชาย ได้โภชน์หลายเหลือแหล่ เพื่อนเผื่อแผ่ผลทั่ว บทำแต่ตัวเตือนท่าน กุศลปานฉะนี้ไซร้ จึ่งอุบัติในวิมาน มีศฤงฆารสมบัติ เทพยถึงรัตนถูปา ถวายบูชาเพยียมาศ จุลคันธาศทิพย์รศ แล้วก็ประณตทักษิณ สถูปอินทนิลมณี แล้วนิสีทนาโดยดับ สถิตกับเสนาสน์นั้นแล ฯ

เอโก นวุติสหสฺสปริวาโร เทพหนึ่งมีฤทธา บริวารารอบระรื่น เก้าหมื่นพรึบพรั่งพร้อม ระแวดล้อมมาวันทา พระทัศนาถามประสงค์ รู้ว่าใช่องค์พระศรีอาริย์ ถามมัฆวาฬด้วยกรรมก่อน จรรโลงอมรกล่าวสาร ว่าเทพานผู้ไกร เมื่ออยู่ในลังกา เห็นถูปาบรรจุธาตุ บรมบาทศาสดา มีศรัทธาสาภิรมย์ กรประณมวันทนา ดอกกรร​ณิกามาถวาย เรี่ยโรยรายนิรันดร์โสด อุททิศศิโรตม์เป็นประทุมมา อุททิศนัยนาทั้งสอง ต่างประทีปทองโสภา อุททิศวาจาสาธุสาสน์ ต่างประทุมาศเทียนไชย อุทิศหฤทัยกระมล ต่างสุคนธบูชา แก่พุทธาธรรมัส สังฆารัตนนิจกาล ด้วยผลทานมโน ให้สุขโอฬารา ในสวรรคานี้ไซร้ ส่วนเทพไกรครั้นดล รัตนวิมลเจดีย์ ก็นมัศาศิโรเพศ โอนมกุฎเกศกราบถวาย สุคันธรศร่ายปรายมาลย์ ทักษิณสฐานแล้วไซร้ นั่งนบไนเหนืออาสน์ เวสาวาศนั้นแล ฯ

ปุน อญฺญตโร สตสหสฺเสหิ มีเทพองค์หนึ่งเล่า เป็นปิ่นเกล้าบรรพสัช อื้ออึงอัดแห่แหน สุรสุราแสนสรับสรรพ์ มาอภิวันท์บรมเกศ พระทอดเนตรทฤษฎี ถามโกสีย์ว่าศรีอารย์ เกล้าอมรขานว่าผิด เธอว่าฤทธิกุศลไฉน อธิปไตยดึงสา ว่าเทพบุตตาองค์นี้ เมื่ออยู่บุรีอนุราธ ​ทุกข์ประดาษเลี้ยงกาย เกี่ยวหญ้าขายชอบธรรม รักษาปัญจศีลา ไตรสรณานิจกาล จึ่งจรสถานชโลธา เลียบตามติรารีบรวด เห็นหาดกรวดกล้ากลาด ทรายขาวดาษพรายพรรณ ดั่งแสงหิรัญหลั่งหล่อ ก็กอบกวาดก่อโกยกอง ประมวลปองเป็นเจดีย์ เสร็จเปรมปรีดิ์ก็มนัศ ดั่งไพฑูรย์รัตนประภา ประภัศราประพราย ชวลิตชายช่วงโชติ แสงสว่างโสดสุรเพลิง เร่งบรรเทิงหรรษา เก็บมาลามาเรียบราย ชมชื่นชายเกษมสันต์ นบอภิวันท์ปราโมทย์ โอนศิโรตม์ภิรมย์ ทานพอสมทลิททา ถวายสังฆาฉลองฉลาด ประดิพัทธอาตม์ทำได้ นมัสไตรทวารา ด้วยวาจามโนนิตย์ เสริมสุจริตบริบูรณ์ ด้วยกุศลพูนเพิ่มให้ บริวารได้เป็นแสน เป็นเจ้าแมนมร ครั้นเทพไปถึงองค์ เจดีย์จงนมัสการ แปดสฐานทักษิณ บูษมนิลบูชา คันธโอฬาร์ก็สักการ ​นั่งในฐานอันควร ลำดับขบวนนั้นแล ฯ

ตทา เมตฺเตยฺยโพธิสตฺโต ปน โกฏิสตสหสฺเสหิ ปางนั้นจอมโมลิต สันดุสิตฤทธิไกร องค์เมตไตรบรมนารถ เสด็จยุรบาตยาตรา ด้วยหมู่คณาอมรแมน สาวสุรแสนโกฏิไกร ดูสว่างไสวกลดกลิ้ง พัชนีพริ้งพรายพรรณ บังสูรสรรพ์ชุมสาย จามรรายจามรี วาลวิชนีแกว่งกวัด มยุรฉัตรเบญจรงค์ราย ทั้งธวัชปลายปลิวปลาบ หางยูงยยาบระรืบ เทพพร้อมพรืบพลพรืนท์ ฆ้องกลองครืนนฤโฆษ เสียงเสนาะโสตรคเครง ดุริยางค์ละเวงแฉ่งฉิ่ง คีตดีดดิ่งบัณเฑาะว์ โพนพาทย์เพราะพิณเพลง เทพบรรเลงระบำบรรพ์ หระทึกมหันต์มหึมา แซ่ซ้องส้าเสียงฮือ อิดอึงอื้อแออัด ตามขนบขนัดขวาซ้าย ฝูงสุรฉายโฉมเฉิด อาภรณ์เพริศพรายพร้อย สายสอิ้งสร้อยสังวาลย์ พรรณประพาฬประภัศร แสง​ฉวีวรวิโรจน์ อาภรณ์โชติเรืองรุ่ง ดาษเต็มมุ่งเมิลแมน ห้อมแห่แหนบรรฦๅ อมรธรถือมาลย์มาศ ประทุมชาติกุสุมรัตน์ ธูปเทียนทัดประทีปทอง อุบลกรองโกเมศ สุมนทเศวตสัตบัน บุษมาศหิรัญรัตนา เทวัจฉราถือถวาย เถือกยั่งย้ายอเนกแล ฯ

ตทา อริยเมตฺเตยฺโย โกฏีหิ ปริวาริโต ปุรโต จ สตํกญฺญา ปจฺฉโต อจฺฉราสตํ ทกฺขินโต สตํกญฺญา วามโต จ อจฺฉราสตํ เตสํ มชฺเฌ จ เมตฺเตยฺโย ตารามชฺเฌว จนฺทิมา พระผู้อุทโยคยศยง พระองค์เสด็จท่ามกลาง สาวสุรางค์รอบล้อม สะพรั่งพร้อมพรายวิโรจน์ ได้แสนโกฏิ์เทวา แห่เบื้องหน้ารอบรื่น ได้สองหมื่นห้าพันโกฏิ์ ขวาซ้ายโสดเสมอกัน เบื้องหลังนั้นดุจหน้า ประมวลมาทั้งสี่ทิศ จงวินิจโดยพิศดาร เป็นบริวารแสนโกฏิ์ พรรณรายโชติรังรอง แถว​เถือกถ่องทั่วสกล แสงขาวปนเพ็ชร์พราย สีแดงฉายดังดวงสูริย์ สีแสดจรูญดังแดดแจ้ง สีเขียวแข่งมรกต เทพสีขนดสี่พรรณ เหลื่อมหลากกันสี่หมู่ ขวาซ้ายอยู่หน้าหลัง แสงสีรังเรืองสว่าง พระเสด็จกลางบริวาร ดั่งจันทรธารทรงกลด อันเมฆหมดหลีกเลื่อน โฉมเฉกเงื่อนงามฉัน อมรสรรดั่งดารา รอบบรมาประเสริฐ รพีพรรณเลิศประสัฏฐ์ อาภรณ์รัตนประพราย ศิริวิลาศฉายประเพริศ เครื่องประดับเลิศประจง รัตนาภรณ์ทรงประจิตต์ แสงวิวิธไวยเวก โฉมฉันเฉกโสภา ดุจสุริยาได้หมื่นดวง ชัชวาลย์ช่วงด้วยศริรา อาภรณาเรืองรับ ประกอบกับรัศมี แห่งสุรศรีสาวสวรรค์ มีบรมธรรม์เป็นประธาน รังษีวิตถารได้หมื่นโยชน์ ดับแสงโชติสุริยงค์ ทั้งรังษีองค์ทรงเครื่อง เร่งรุ่งเรืองพิรัญชิต ฉายฉัพพิธรังสรรค์ ดั่งรวิวรรณจันทรโกฏิ์ รุจิโรจน์​แสงรุ่งเร้า ทุกทั่วเท่าหกห้องฟ้า แหล่งหล้าสรรเสริญโสม สรวบรวบโฉมทุกเทพ ประมวลเสพสวมองค์ อดิเรกจงจิตรใฝ่ เตือนตาให้เล็งแล ทุกชั้นเทพพ่ายแพ้ กราบเกล้าอภิวันท์ ฯ

เถโร อาห พระมาลัยทัศนา เล็งอลังการ์โพธิสัตว์ เห็นเป็นมหัศอัศจรรย์ จึ่งถามวชิรัญบันฦๅ นั่นฤๅคือพระเมตไตรย ท้าวอมเรศไขคำรับ พระศรีอาริย์สรรพบริวาร พระเถรแถลงสารสืบไป ดูกรสหัสไนยนรนารถ อันอมรดาษมาหน้า พระเมตไตรยาลังการ ทั้งเครื่องธารเครื่องทรง ทั้งแสงองค์อาภรณัง ล้วนขาวดั่งเพ็ชรัตน์ เรืองบรัศรังษี กุศลอันมีกลใด จึ่งวิไชยสุรารักษ์ นำเอาลักษณกุศลา มาพรรณนาถวายนารถ อันสุรราชสาวสวรรค์ แต่เบื้องบรรพ์บำเพ็ญ กุศลเป็นประณิตยิ่ง ทานทุกสิ่งขาวตระดาษ ​ผ้าพรรณอาสน์อาหาร เครื่องคันธารมาลาศ สรรพสะอาดขาวสิ้น เป็นทุกทินบูชา พุทธรัตนาธรรเมศ สังฆนาเขตต์บุญญา เบ็ญจศีลาอาจิณ อุโบสถภิญโญภาพ ด้วยบุญลาภเนืองนำ เป็นอุปถัมภ์เทพไซร้ จึ่งสำเร็จให้ดั่งเห็นนี้ ฯ

เถโร อาห พระเถรชี้ถามเล่า ดูกรเจ้าดึงษ์สวรรค์ เทพสบสรรพ์เบื้องขวา แห่งพระมหาบุรุษราช สีเหลืองดาษดุจทอง ทั้งสร้อยส้องสังวาลย์วรรณ ศริราพรรณพรายเพริศ วัตถาเทริดทรงธาร สุคันธมาลย์เหลืองหลาก ทุกสิ่งภาคพิมพ์เดียว กุศลเอี้ยวไฉนทำ สุรินทรนำบุญกล่าว นางสุรสาวศรีสวัสดิ์ บำเพ็ญวัตรกุศลมี พึงพะสีเหลืองลาศ ถวายผ้าภาษปัจฐรณ์ สุคันธรโภชา บุษบาล้วนเหลือง บูชาเนื่องนิจกาล รัตนตรัยญาณนิรันดร ศีลสังวรเบ็ญจอรรถ เหตุปรนนิบัติดั่งนี้ จี่งรังษีแสงแสด เหลืองดั่งแดด​พรายพราย เลื่อมเลื่อมฉายรัศมี ประดับพระตรีภูวนารถ เหลืองดั่งมาศอนันต์ เถโร อาห มาลัยผันถามอินทร์ ว่าเทพฉินโฉมเฉิด เบื้องซ้ายประเสริฐสีแดง ดั่งสุรแสงทอตา วรรณศิราเรืองรัตน์ ภักตร์เฉกผัดบรัศพริ้ง สร้อยสนิมสอิ้งสนองสนอบ ทรงวไลยรอบวรกร พัตราภรณ์พรายรัตน์ สุคันธัศมาเลศ สรรพวิเศษสีแดง ดั่งแสงสุริยโอภาศ ประดับดาษแห่แหน บุญแห่งแมนเป็นไฉน จอมอมรไตรตอบสาร อันอมรมาลย์สาวศรี กุศลมีบำเพ็ญไว้ ถวายมาไลยแดงฉัน จันทน์แดงคันธวิรัต ผ้าพรรณปัจฐรณ์ลาด สุปเพียญชาติโภชา ล้วนรัตตาแดงดาษ บูชานารถชินรัตน์ ธรรมสังฆัสเกษตรบุญ อุโบสถมูลสดับธรรม์ นางสุรางค์สรรพก่อเกื้อ เหตุฉะนี้เพื่อบุญผล จึ่งดำกลรังษี มีรัศมีดั่งสุริยงค์ ควรประดับองค์โพธิสัตว์ เป็นที่มนัสทัศนาการ ​เป็นมโหฬารดิเรกนั้น เถโร อาห พระมาลัยชั้นปุจฉา ปิ่นอมราฤทธิไกร สาวสวรรค์ไสวเบื้องหลัง เรียบสพรั่งพรายพร้อม หฤหรรษ์ห้อมแห่แหน เขียวขำแม้นมรกต คันธรศมาลย์รัตน์ อาภรณ์พัสตร์นิลพรรณ มงกุฎกรรฐาภรณ์ ประวิชบวรวิไลยรัตน์ สังวาลย์วัดเวียรสมร เกยูรธรสอิ้งมาศ กองเชิงบาทยุคลงค์ เครื่องบระไพองค์ประภัศร รังษีวรวิลาวรรณ นิลาชัญประพรายแสง เขียวขำแข่งนิลปัทม์ โฉมจันทรบรัศเพ็ญพาล ทำกุศลปานใดก่อน ปิ่นเกล้าอมรแมนมิ่ง แสดงสารสิ่งสบสรรพ์ ว่าสุราวรรณวรนาฎ บำเพ็ญชาติก่อนกล ผ้าพรรณผลผลาหาร สุคันธมาลย์วิเลศ ล้วนนิเวศเขียวขำ แกล้งวิจิตรจำนงนิตย์ เป็นบูชิตพระพุทธรัตน์ ทรงธรรมัถบวรา องค์สังฆาธิวิสิฏฐ์ เบ็ญจศีลนิจอุโบสถ กรประณตชินราช บประมาทการกุศล ด้วยทำ​ผลนี้ไซร้ จึ่งสรรพได้สมบัติ ล้วนนิรัตนประไพ พูนสำหรับประดับไท้ ปิ่นเกล้าสูรพรหม ฯ

เถโร ตํ สุตฺวา ตาสํ ปุญฺญกมฺมํ ปสํสนฺโต พระมาลัยพิศเพี้ยน เมิลระเมียรโพธิสัตว์ ถามจอมทัศบรินทร์ ว่าพระปิ่นภูวนารถ ทรงมหันตราชยโส เกียรติตะโบหริรักษ์ ศรีประภูศักดิศฤงฆาร เดชโอฬารดิเรก สวัสดิ์ภิเศกอภิสิญจน์ สฤษดิวรินทราทิตย์ ดลดุสิตสุรโลก ด้วยบุพปโยคยิ่งยล เธอคฤดลผลดั่งฤๅ จึ่งบันฦๅฤทธิรงค์ มีจิตรจงจะใคร่รู้ จึ่งท้าวผู้วชิราวุธ กล่าวสารสุทธิ์ตอบถ้อย ปัญญาข้าน้อยยิ่งนัก จะขอชักอุปรไมยถวาย ดุจกระต่ายเล็กสุด จะหยั่งสมุทรคัมภีรา ดั่งบุรุษตามืดมนธ์ จะลงจากบนบรรพตา มีอุปรมาดุจนั้นไซร้ ข้าจะแถลงได้แต่สังเขป บารมีเทพจอมมงกุฎ ข้าจะกล่าวพุทธบารเมศ มีประเภทสามสถาน คือปัญญาธิการ​เป็นต้น ศรัทธาธิกลมัชฌิมา วิริยธิกาครบสาม อันองค์พระนามเมตไตรย เธอนับได้ในวิริยาธึก สมภารพลึกนี้สามารถ เธอประณามนมัสไตรการ คือมโนทวารวาจัน ทั้งกายันก็ประดิษฐ์ พร้อมสุจริตทุกประการ ทั้งสามทวารเสร็จสรรพ อักขนิฐกัลปนับนาน แล้วประทานปัญจบริจาค อันกระทำยากทั้งห้า ผิจะคณนาโดยภาค คือทรัพย์บริจาคเธอสละสลวย พิริยอวยบเอื้อเฟื้อ บุตรทานเชื่อปลงปลิด มางษโลหิตบอาทระ ถึงชีวิตพระก็เสลขสลัด บข้องขัดมัจฉริยา ถ้วนปัญจมหาบริจาค แล้วจะแบ่งภาคโดยอรรถ เป็นพระทัศบารมิตา คือทานาเป็นอาทิ แล้วศีลสมาธิสังวร บรรพชากรวิเนศกรม ญาณอุดมอันอเนก ศรัทธาเสลขวิริยัง อดใจตั้งขันตี สัจจวาทีอธิษฐาน เมตตาญาณเป็นยิ่ง อุเบกขาสิ่งสิบทัศ จึ่งจำแนกจัดเป็นสาม ทัศบารมีคาม​เกือบกอง ทัศอุปบารมีนองนับ ทัศบรมัตถ์สรรพถ้วน สามสิบทั้งมวลมูลมาก อันพระองค์หากให้บริบวรณ์ โดยสมควรด้วยวิริยา หวังบรมาภิสมโภชน์ พุทธปวิโรจน์ประเสริฐ บังเกิดสัพพัญญุตัญญาณ อันประมาณพระคุณบสิ้น ใช่วิสัยอินทร์จะพรรณนา เป็นอดูลยาวิเศษ กล่าวแต่เอกเทศตามได้ บอาจว่าให้สิ้นสุด แห่งอังกูรพุทธคุณา เป็นอัปปริมานานันต์ สมภารอันวิสุทธ สมโพธิอุดม์วิสรร จะนับกัปกัลป์ยากไซร์ ฤๅอาจพรรณนาได้ ยากแท้สัจจา ฯ

ตโย หิ โพธิสตฺตา อันโพธิสัตว์สามอย่าง พระองค์เสด็จสร้างสมโพธิ์ สมภารโสดสมบูรณ์ อันพุทธางกูรปัญญาธึก บารมพลึกฤๅไกร ได้สี่อสงไขยแสนกัลป์ ครบครันโดยกำหนด ก็ปรากฏบริบูรณ์ สมภารพูนไพโรจน์ ก็ถึงแก่โพธิสัพพัญญู นี้คือพระผู้ปัญญายิ่ง โดยแท้จริงเธอ​กล่าวแล ฯ

เอโก สทฺธาธิโก พระโพธิสัตว์องหนึ่งไซร้ เธอนับในศรัทธาเลิศ บารมีประเสริฐโดยใน แปดอสงไขยแสนกัลป บำเพ็ญสรรพเสร็จถ้วน ปรากฏควรถึงสฐาน แห่งสมโพธิญาณโอฬาร์ฤก นี้ศรัทธาธึกโดยนาม สำเร็จตามประเวณี พระชินศรีนั้นแล ฯ