ม อถ อโซน ชาจแบตช า ขนาดเปล ยนแบตแล ว

ม อถ อโซน ชาจแบตช า ขนาดเปล ยนแบตแล ว

หลักการชาร์จแบตเตอรี่ ที่ถูกวิธี

ก่อนอื่นต้องบอกว่า หลักการการชาร์จแบตเตอรี่รถยนต์ และ การชาร์จแบตเตอรี่มอเตอร์ไซค์ ใช้หลักการชาร์จเดียวกัน โดยปัจจัยที่ต้องคำนึงถึงจะประกอบไปด้วย

  1. ขนาดความจุแบตเตอรี่ Ah
  2. ความจุแบตเตอรี่ที่เหลืออยู่ก่อนทำการชาร์จ เหลืออยู่เท่าไหร่

ม อถ อโซน ชาจแบตช า ขนาดเปล ยนแบตแล ว

ต้องชาร์จแบตเตอรี่กี่แอมป์ ?

ก่อนอื่นต้องดูว่าแบตเตอรี่ของเรามีขนาดเท่าไหร่ โดยดูจากขนาดความจุแบตเตอรี่ Ah ในการชาร์จแบตเตอรี่รถยนต์และมอเตอร์ไซค์ที่ถูกต้อง เวลาที่เราชาร์จ กระแสชาร์จจะต้องต่ำๆและชาร์จเป็นระยะเวลายาวนาน จึงจะดีต่อแบตเตอรี่ ไม่ควรชาร์จแบบอัดกระแสเยอะๆเพื่อให้แบตเตอรี่เต็มไว เพราะจะส่งผลทำให้แบตเตอรี่เสื่อมสภาพเร็วหรือแบตเตอรี่บวมได้

โดยปกติแบตเตอรี่รถยนต์ 12V และแบตเตอรี่มอเตอร์ไซค์ 12V โหมดการชาร์จ ทั้ง Float charge (stand-by use) คือการชาร์จที่แรงดัน 13.6-13.8V และ Equal charge (cycle use) คือการชาร์จที่แรงดัน 14.2-14.9V เราจะชาร์จที่ 10 % ของความจุแบตเตอรี่(Ah)

วิธีการคำนวณ

กระแสที่ควรชาร์จ \= 10% x ขนาดความจุแบตเตอรี่ (Ah)

ตัวอย่าง เช่น ● แบตเตอรี่รถยนต์ 12V 65Ah : 0.1 x 65 = 6.5A ดังนั้น ควรชาร์จด้วยกระแส 6.5 A

● แบตเตอรี่รถยนต์ 12V 100Ah : 0.1 x 100= 10A ดังนั้น ควรชาร์จด้วยกระแส 10 A

● แบตเตอรี่มอเตอร์ไซค์ 12V 5Ah : 0.1 x 5= 0.5A ดังนั้น ควรชาร์จด้วยกระแส 0.5 A

ชาร์จแบตเตอรี่นานกี่ชั่วโมง ?

ดูค่าได้จากกราฟใน data sheet ของแบตเตอรี่รุ่นที่เราใช้ ส่วนใหญ่เมื่อแบตเตอรี่หมดประจุ จะเหลือความจุแบตเตอรี่ Ah ประมาณ 35% ดังนั้นจึงต้องชาร์จเพิ่มอีก 65% เพื่อให้แบตเตอรี่เต็ม

วิธีการคำนวณ

จำนวน Ah ที่ต้องชาร์จเพิ่ม \= 65% x ขนาดแบตเตอรี่ (Ah)

จำนวนชั่วโมง ชาร์จ = จำนวน Ah ที่ต้องชาร์จเพิ่ม ÷ กระแสที่ควรชาร์จ

ตัวอย่าง เช่น

● แบตเตอรี่รถยนต์ 12V 65Ah

จำนวน Ah ที่ต้องชาร์จเพิ่ม = 0.65 x 65 Ah = 42.25 Ah

จำนวนชั่วโมง ชาร์จ = 42.25Ah ÷ 6.5A = 6.5 ชม. ≈ 7 ชม.

หมายถึง แบตเตอรี่รถยนต์ 12V 65Ah เมื่อแบตเตอรี่หมด เราควรชาร์จเพิ่มอีก 42.25Ah โดยชาร์จด้วยกระแส 6.5A เป็นเวลาประมาณ 7 ชม.

● แบตเตอรี่รถยนต์ 12V 100Ah

จำนวน Ah ที่ต้องชาร์จเพิ่ม = 0.65 x 100 Ah = 65 Ah

จำนวนชั่วโมง ชาร์จ = 65Ah ÷ 10A = 6.5 ชม. ≈ 7 ชม.

หมายถึง แบตเตอรี่รถยนต์ 12V 100Ah เมื่อแบตเตอรี่หมด เราควรชาร์จเพิ่มอีก 65Ah โดยชาร์จด้วยกระแส 10A เป็นเวลาประมาณ 7 ชม.

● แบตเตอรี่มอเตอร์ไซค์ 12V 5Ah

จำนวน Ah ที่ต้องชาร์จเพิ่ม = 0.65 x 5 Ah = 3.25 Ah

จำนวนชั่วโมง ชาร์จ = 3.25Ah ÷ 0.5A = 6.5 ชม. ≈ 7 ชม.

หมายถึง แบตเตอรี่มอเตอร์ไซค์ 12V 5Ah เมื่อแบตเตอรี่หมด เราควรชาร์จเพิ่มอีก 3.25Ah โดยชาร์จด้วยกระแส 0.5A เป็นเวลาประมาณ 7 ชม.

ความคิดเห็นที่ 3

พวกนี้ ต้องมีชิป ในตัวชาร์จ และในมือถือสื่อสารกันครับ จึงจะสั่งชาร์จตามาตรฐานได้ และต้องเป็นมาตรฐานออกมาเดียวกัน แม้แต่มือถือยี่ห้อเดียวกัน อย่างเช่น ของ Samsung ออกมา บางรุ่นใช้มาตรฐาน AFC ตัวเอง บางรุ่นใช้ QC ของ Qualcomm เอาหัวมีชิป QC ไปชาร์จมือถือชิป AFC ก็จะสื่อสารคนละภาษ ก็จะให้ชาร์จธรรมดาได้เท่านั้น

ชิปต้องทำการวัดแบตด้วย ว่าอยู่ระดับไหน ควรจะเริ่มต้นการชาร์จในระดับไหน คนทำมือถือ และคนทำหัวชาร์จขาย ที่ไม่มีงานวิจัยเป็นของตัวเอง หรือต้องการใช้มาตรฐานที่แพร่หลาย ต้องไปซื้อ License จากเจ้าของมาตรฐาน (เราจะเห็นว่า Qualcomm ไม่มียี่ห้อมือถือเป็นของตัวเอง แต่ทำไมเป็นบริษัทยักษ์ได้ ... เพราะขายชิปมือถือ พ่วงขายมาตรฐานชาร์จนี้ไปด้วย และขายมาตรฐานเป็นทรัพย์สินทางปัญญาต่างๆ จากห้องวิจัย ในอดีต CDMA เริ่มจากที่นี่ พัฒนามาจากการสื่อสารด้วยการผสมคลื่นเข้า code ใช้ในการทหาร)

เทคนิคการใช้ Amp มาก มีข้อเสียที่ต้องใช้สายไฟเส้นใหญ่แม้จะเพื่อเป็นการประจุเข้ามือถือธรรมดา (ไม่ใช่ชาร์จ Notebook ที่ยังไง ก็ต้องการกระแสสูง) อย่างของ Huawei Supercharge 5V / 4.5A, 4.5V / 5A กำหนด spec ของสายที่ 5A แล้วต้องเป็นสายที่ฝังชิปภายในหัวสายอีกด้วยสิ ถ้าชิปในเครื่องชาร์จและชิปในมือถือ พยายามติดต่อแล้วหาข้อมูลไม่เจอชิปในสาย ไม่ว่าจะเป็นการใช้สายธรรมดา หรือเหตุเพราะสายมันพังไปแล้ว เลยติดต่อหาสัญญาณชิปสายไม่เจอ (ถถถ ชิปมันหาย) ก็จะถูกมองว่าใช้สายธรรมดา จะกลายเป็นชาร์จธรรมดา ไม่สามารถชาร์จด่วนได้

ม อถ อโซน ชาจแบตช า ขนาดเปล ยนแบตแล ว
แต่ปกติการชาร์จด่วน ไม่ว่าของรายไหน จะหลักการเดียวกัน คือให้ V สูงก่อน / A สูงก่อน แล้วค่อยๆ ลด เมื่อเปอร์เซ็นต์ ประจุเข้าไปในแบตชาร์จขึ้นระดับสูงแล้ว มันคือค่อยๆ ลด Watt นั่นเอง Watt คำนวนตรง V*A ได้เลย

เทคนิค เพิ่ม...ลด กระแส อย่างของ Huawei Mate9 เป็นต้นมา

5V * 4.5A = 22.5W 5V * 3.6A = 18W ลด A ลง เมื่อ batt 55% 5V * 2A = 10W ลด A ลง เมื่อ batt 70% => ระดับเท่าชาร์จธรรมดา 5V * 1A = 5W ลด A ลง เมื่อ batt 80% (บอกก่อนว่ากระแสอันนี้ ไม่ได้เป๊ะๆ ตามนี้นะครับ แค่ประมาณให้เห็นใกล้เคียง และเห็นหลักการ จริงๆ มีวัดอุณหภูมิมาเกี่ยวอีกด้วย เล่นเกมร้อนมา แบต 44 องศา ระบบจะไม่ยอมให้อัดกระแสที่ 4.5A)

เทคนิค เพิ่ม...ลด แรงดัน กระแสเปลี่ยนเล็กน้อย เช่น ของ PD (Power Delivery) ใน iPhone, McBook บางรุ่น ในเกมของ Nintendo Switch QC (Qualcomm) ใน XiaoMi บางรุ่น Samsung บางรุ่น

12V * 2A = 24W 12V * 1.5A = 18W 9V * 1.2A = 10.8W 5V * 2A = 10W 3.6V * 2A = 7.2W

มาตรฐาน PD เผื่องานใหญ่อย่าง Notebook เริ่มต้นที่สูงกว่านี้ เผื่อไว้เป็น 100W [25V * 4A = 100W 20V * 4A = 80W 20V * 3A = 60W 12V * 3A = 36W]

2

ม อถ อโซน ชาจแบตช า ขนาดเปล ยนแบตแล ว

ชาร์จแบตเข้าช้าเป็นเพราะอะไร

สาเหตุที่พบบ่อยที่สุดประการหนึ่งที่ทำให้แบตเตอรี่ชาร์จช้าคือ สิ่งสกปรก ฝุ่น บนพอร์ตมือถือเยอะเกินไป ให้พยายามทำความสะอาดด้วยลมอัด หรือแปรงขนาดเล็ก คุณสังเกตเห็นว่าพอร์ตหรือที่ชาร์จรู้สึกหลวมกว่าเมื่อก่อนหรือไม่ บางครั้งพอร์ตเหล่านี้อาจชำรุดทำให้แบตเตอรี่ชาร์จช้าลง

ทำไม iPhone ถึงชาร์จได้แค่ 80%

หลายคนอาจไม่เคยรู้ถึงสาเหตุ ซึ่ง Apple เองให้เหตุผลสั้น ๆ ว่าระหว่างชาร์จ iPhone อยู่ตัวเครื่องจะค่อย ๆ เกิดการอุ่นขึ้นในระหว่างที่ชาร์จแบตอยู่ เมื่อพบว่าแบตเกิดความร้อนเกินไป ซอฟต์แวร์จะเริ่มจำกัดการชาร์จไม่ให้เกิน 80% เพื่อที่ว่าจะได้รักษา และช่วยเพิ่มอายุการใช้งานของแบตเตอรี่นั่นเอง

ควรชาร์จแบตแค่ 80% จริงไหม

การชาร์จแต่ละครั้ง อีกทั้งการชาร์จอุปกรณ์ในที่ที่มีอุณหภูมิโดยรอบสูงก็อาจทำให้แบตเตอรี่เสื่อมลงมากกว่า เดิมได้ด้วย และเมื่อชาร์จเกิน 80% ไปแล้ว ซอฟต์แวร์อาจจำกัดการชาร์จหากอุณหภูมิของแบตเตอรี่สูงกว่า ระดับที่แนะนำ หรือแม้แต่การเก็บแบตเตอรี่ไว้ในที่ที่มีอุณหภูมิสูงก็ทำให้แบตเตอรี่เสื่อมได้เช่นกัน ส่วนการใช้

จําเป็นต้องชาร์จแบตเต็ม100ไหม

เหตุผลที่ไม่ควรชาร์จไฟให้แบตเตอรี่มีไฟเต็ม 100% ทุกครั้งเพราะจะทำให้แบตเตอรี่เสื่อมเร็วขึ้น โดยแบตเตอรี่ควรจะจะชาร์จเมื่อแบตเตอรี่เหลือไฟน้อยกว่า 40% แต่ไม่ควรหมด และ ชาร์จไฟแค่ 80 – 90% ก็เพียงพอแล้ว ส่วนชาร์จไฟเต็ม 100% ทำแค่ เดือนละครั้งก็เพียงพอแล้ว