พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ซ.ค.10527 (ซ้าย), พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ ซ.ค. 5534 (กลาง), พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ซ.ค. 11975 (ขวา) Show 23 กุมภาพันธ์ 2023 “น้ำเงินและขาวคือดาวสวรรค์ เราจะรักกันตลอดชีวี ร่วมสามัคคี เทิดสีโรงเรียน คือเซนต์คาเบรียลให้คงยืนยาว” คือเนื้อหาท่อนหนึ่งของเพลงมาร์ชประจำโรงเรียนคาทอลิกเก่าแก่ชื่อ “เซนต์คาเบรียล” (Saint Gabriel's College – SG) หรืออักษรย่อ ซ.ค. ที่มีอายุ 103 ปี เครือข่ายศิษย์เก่าของโรงเรียนเซนต์คาเบรียลเข้ามาโลดแล่นในแวดวงอำนาจ ถูกพูดถึงมากขึ้นตามสื่อต่าง ๆ ในช่วง 20 ปีหลัง กระทั่งมีคำเรียกขานเฉพาะว่า “เซนต์คาเบรียลคอนเนกชั่น” สายสัมพันธ์ระหว่างกันของชาวเลือดน้ำเงิน-ขาว ตามสีประจำโรงเรียน แม้ผ่านยุคเสื้อนักเรียนกางเกงขาสั้นมาหลายสิบปีแล้ว ถูกกล่าวขานว่าเหนียวแน่นยิ่ง แม้แต่สมาคมศิษย์เก่าของโรงเรียนก็ตั้งชื่อกลุ่มทางเพจเฟซบุ๊กว่า “เซนต์คาเบรียลคอนเนคชั่น (SG Connection)” เมื่อคืนวันที่ 18 ก.พ. ที่ผ่านมา โรงเรียนเซนต์คาเบรียล เพิ่งจัดงาน SG Homecoming Day 2023 ฉลองครบรอบ 72 ปี ของสมาคมศิษย์เก่าเซนต์คาเบรียล ไป แม้สมัยเป็นนักเรียน หลายคนไม่รู้จักกัน แต่เมื่อก้าวเข้าสู่วัยทำงาน การมีจุดร่วมเป็น “ศิษย์เก่า ซ.ค.” ก็ทำให้เกิดสายใยบาง ๆ ใช้ต่อยอดถักทอเป็นอภิมหาเครือข่ายต่อไปได้ในอนาคต ในรายงานเมื่อ 20 ก.พ. 2561 เว็บไซต์ “คม ชัด ลึก” แบ่งยุคเฟื่องฟูของเซนต์คาเบรียลคอนเนคชั่น ออกเป็น 3 ยุค เริ่มจาก “ยุค คมช. ไม่เข้มข้นเราไม่ทำ” โดยนับจากการรัฐประหารปี 2549 ที่ได้นายกรัฐมนตรี ชื่อ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ ก็เป็นศิษย์เก่า ซ.ค. ตั้งแต่ชั้นประถม (ก่อนมาจบมัธยมปลายที่สวนกุหลาบวิทยาลัย) มีรัฐมนตรีหลายคนก็เป็นศิษย์เก่า ซ.ค. ไล่มาจนถึง ยุคที่ 3 คือ “ยุค ‘ป๋า’ แห่ง ‘ป่ารอยต่อ’” ที่หมายถึง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ผู้นั่งเป็นรองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง และ รมว.กลาโหม จนถึงปี 2562
“เราจะรักกันตลอดชีวี” บนทางแยกแห่งอำนาจ ที่มาของภาพ, สำนักโฆษก สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี คำบรรยายภาพ, พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ทว่า ในปี 2566 อนาคตของ พล.อ. ประวิตร อดีตนักเรียน ซ.ค.รหัส 5534 กำลังถูกสั่นคลอน จากรุ่นน้อง ซ.ค. ที่จับมือกันผลักดันให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ศิษย์เก่าโรงเรียนวัดนวลนรดิศ เป็นนายกรัฐมนตรี สมัยที่ 3 ผ่านพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) โดยมีนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค เลขาธิการนายกฯ และหัวหน้า รสทช. รหัสนักเรียน ซ.ค.10527 เป็นผู้ออกหน้า และมี พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ รองเลขาธิการพระราชวัง ผู้บัญชาการทหารบกคนที่ 41 และ นักเรียน ซ.ค.เลขประจำตัว 11975 ที่สื่อไทยหลายรายและคนในแวดวงการเมืองตั้งข้อสังเกตว่าเป็น "เงา" อยู่ข้างหลัง สื่อหลายแห่งรายงานตรงกันว่า พล.อ.อภิรัชต์เป็นคนที่แนะนำให้ พล.อ.ประยุทธ์รู้จักนายพีระพันธุ์ กระทั่งนำไปสู่ทำงานร่วมกันทั้งในฐานะที่ปรึกษานายกฯ เลขาธิการนายกฯ ก่อนจะเข้ารับตำแหน่งหัวหน้าพรรค รทสช. ที่อดีตหัวหน้าคณะรัฐประหารจะใช้สืบทอดอำนาจแทน พปชร. หลังข่าวการแยกทางกันบนเส้นทางการเมืองของ พล.อ.ประยุทธ์ และ พล.อ.ประวิตร หนังสือพิมพ์หลายฉบับรายงานว่า พล.อ.ประยุทธ์ถูกใจนายพีระพันธุ์ ทั้งในฐานะนักกฎหมาย ลักษณะนิสัยความตรงไปตรงมา รวมถึงจุดยืนทางการเมืองที่คล้ายกัน ในการให้สัมภาษณ์เมื่อปี 2563 กับ ประชาชาติธุรกิจ นายพีระพันธุ์ใช้คำว่า “ผู้ใหญ่” ที่ไม่ใช่ฝ่ายการเมือง ไม่ใช่คนของรัฐบาล เป็นผู้ชักชวนให้เข้ามาช่วยงานรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ เพื่อประโยชน์ของชาติบ้านเมือง แม้จะยังไม่เฉลยว่าใครคือผู้ใหญ่คนนั้น แต่เขาก็ยอมรับว่ารู้จักกับ พล.อ.อภิรัชต์ตั้งแต่ยังเด็ก เห็นกันมาตั้งแต่ยังใส่กางเกงขาสั้น เรียนอยู่ที่โรงเรียนเซนต์คาเบรียลด้วยกัน “ผมกับแดง (พล.อ.อภิรัชต์) เป็นพี่น้องกันมาตั้งแต่เด็ก เรารักกันแบบเป็นเพื่อนกันมา อยู่โรงเรียนเซนต์คาเบรียลมาด้วยกัน..ไม่ได้คบกันมาเพราะรู้ว่าเขาจะมาเป็น ผบ.ทบ. ไม่ได้คบกันมาเพราะว่าผมจะเข้ามาเป็นนักการเมือง ..ทุกวันนี้คบกันไม่ได้คุยเรื่องการเมืองกัน เพราะผมกับเขาไม่ได้คบกันเพื่อการเมืองผมคบกันเพราะเป็นพี่น้อง คุยกันเฉพาะเรื่องพี่น้อง ไม่เคยคุยเรื่องการเมือง” คม ชัด ลึก รายงานเมื่อ พ.ค. 2564 ว่านายพีระพันธุ์เป็นนักเรียนเซนต์คาเบรียล รุ่นพี่ 1 ปี แต่ พล.อ.อภิรัชต์ รักใคร่กอดคอกันกลม เหมือนเป็นเพื่อนรุ่นพี่ ซึ่งทั้งคู่ต่างก็เป็นลูกทหาร พล.อ.อภิรัชต์ เป็นลูกชาย พล.อ.สุนทร คงสมพงษ์ หัวหน้าคณะรัฐประหารปี 2534 ส่วนนายพีระพันธุ์ เป็นลูกชาย พล.ท.ณรงค์ สาลีรัฐวิภาค ผู้ริเริ่มการขุดเจาะน้ำมันที่ อ.ฝาง จ.เชียงใหม่ และก่อตั้งปั๊มน้ำมันสามทหาร ในการให้สัมภาษณ์กับ ไทยพีบีเอส เมื่อ พ.ย. 2565 นายพีรพันธุ์ กล่าวว่า "ผมกับแดง (พล.อ.อภิรัชต์) สนิทกันมาตั้งแต่เด็ก ๆ เขาอายุน้อยกว่าผม 1 ปี สนิทกันมานานแล้ว คนเราจะไม่ให้รู้จักใครบ้างเลยหรือ แล้วก็เอามาเขียนวิเคราะห์มาโยง ทั้งที่ไม่เกี่ยวกันเลย" ปลายปี 2565 มติชนสุดสัปดาห์ เผยแพร่คำพูดของนายพีระพันธุ์ที่ย้ำสายสัมพันธ์ “ตั้งแต่สมัยเรียน” กับ พล.อ.อภิรัชต์อีกครั้ง “ผมกับแดงวิ่งเล่นมาด้วยกัน เป็นพวกเรียนไม่เก่ง ผมนี่หัวหน้าแก๊งโดดเรียนเลย นำทำผิดระเบียบ ทั้งการแต่งตัว ใส่กางเกงสั้นมาก พอใส่กางเกงยาว ก็ยาวจนมาสเตอร์บอกว่า ยาวไป ผมก็ตัดให้สั่นจุ๊ดเลย ไม่ได้โดนตีนะ โดนหวดเลย”
จุดเริ่มต้น เซนต์คาเบรียลคอนเนกชั่นที่มาของภาพ, AFP คำบรรยายภาพ, ภาพหมู่คณะรัฐมนตรีของ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี ถูกขนาบข้างด้วยศิษย์เก่าเซนต์คาเบรียล ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล ซ.ค.6268 และ นายโฆสิต ปั้นเปี่ยมรัษฎ์ ซ.ค. 4961 เซนต์คาเบรียลคอนเนกชั่น ถูกกล่าวถึงเป็นครั้งแรก ๆ หลังการยึดอำนาจเมื่อปี 2549 แล้วมีอดีตนักเรียน ซ.ค. ก้าวไปถึงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ได้แก่ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ รหัสนักเรียน ซ.ค.4925 พร้อมกับรัฐมนตรีที่มี “เลือด” น้ำเงิน-ขาว ซ.ค. อีก 4 คน ได้แก่
หลังจากนั้น คำว่า ซ.ค.คอนเนกชั่นก็ไม่เคยห่างหายไปจากการเมืองไทย โดยมี พล.อ.ประวิตร ซ.ค.5534 เป็นศูนย์กลาง เมื่อคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ยึดอำนาจในปี 2557 มีการแต่งตั้งคณะที่ปรึกษา คสช. 4 ใน 10 คน เป็นศิษย์เก่าเซนต์คาเบรียล ได้แก่ พล.อ.ประวิตร, ม.ร.ว.ปรีดิยาธร, นายยงยุทธ ยุทธวงศ์ และ พล.อ.อ.อิทธพร ศุภวงศ์ อดีตผู้บัญชาการทหารอากาศ ซ.ค.8306 ในยุครัฐบาล คสช. ที่สืบทอดมาถึงรัฐบาลชุดปัจจุบัน ปฏิเสธไม่ได้ว่า “พี่ใหญ่ 3 ป.” หรือ พล.อ.ประวิตร ถือเป็นผู้มีบทบาท อำนาจ และบารมีสูงยิ่ง ผ่านเครือข่ายอำนาจ 4 ขา ทั้งมูลนิธิป่ารอยต่อ 5 จังหวัด, เตรียมทหาร รุ่นที่ 6, ทหารเสือราชินี-บูรพาพยัคฆ์ และ ซ.ค.คอนเนกชั่น ที่มาของภาพ, สมาคมศิษย์เก่าเซนต์คาเบรียล ศิษย์เก่าน้ำเงิน-ขาว ในหลายวงการที่มาของภาพ, สมาคมศิษย์เก่าเซนต์คาเบรียล โรงเรียนเซนต์คาเบรียล เป็นโรงเรียนเอกชนชายล้วนในเครือคณะภราดาเซนต์คาเบรียล ซึ่งเป็นนักบวชในศาสนาคริสต์นิกายคาทอลิก ตั้งอยู่ริมถนนสามเสน แขวงวชิรพยาบาล เขตดุสิต กรุงเทพฯ โดยถือเอาวันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2463 เป็นวันก่อตั้ง เปิดสอนตั้งแต่ชั้น ป.1-ม.6 โรงเรียนนี้เป็นหนึ่งในสถาบันการศึกษาที่อยู่ภายใต้การดูแลของเครือมูลนิธิเซนต์คาเบรียลแห่งประเทศไทย (เครือเซนต์คาเบรียล) ร่วมกับมหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ หรือเอแบค, โรงเรียนอัสสัมชัญ, โรงเรียนมงฟอร์ตวิทยาลัย, โรงเรียนเซนต์หลุยส์ เป็นต้น เว็บไซต์สมาคมศิษย์เก่าโรงเรียนเซนต์คาเบรียล เผยแพร่ประกาศเชิดชูเกียรติศิษย์เก่า ซ.ค. ในวาระครบรอบ 100 ปี เป็น SG Alumni Leaders Board ซึ่งทำงานในตำแหน่งสำคัญทั้งในอดีตและปัจจุบัน ดังนี้
นอกจากนี้ ยังมีนักวิชาการ, ผู้มีบทบาทสำคัญทางการแพทย์ การช่วยเหลือสังคม การศาสนา, ผู้ทำธุรกิจและประสบความสำเร็จ, สื่อมวลชน, คนในวงการบันเทิง, นักกีฬาระดับชาติ, ศิลปินแห่งชาติ ฯลฯ รวมหลายสิบคน ทั้งนี้ สมาคมศิษย์เก่าโรงเรียนเซนต์คาเบรียลมีการมอบรางวัล “ศิษย์เก่าดีเด่น” อยู่เป็นประจำทุกปี โดยแบ่งประเภทรางวัลตามความสำเร็จในด้านต่างๆ เช่น การศึกษา (Louis Marie Award), ภาครัฐ (Martin de Tours Award), ภาคธุรกิจ (John Mary Award), การเมือง (Greg Award), การพัฒนาสังคม (Monfort del Rosario Award), การค้นคว้าวิจัย (Vincent Mary Award), นักปราชญ์นักวิชาการ (Hubert Cousin Award) ฯลฯ และหากทำประโยชน์ให้ชาติ ศาสน์ กษัตริย์ และสังคมไทย ก็จะได้รับการจารึกชื่ออยู่ใน Hall of Fame ที่ปัจจุบันมีผู้ได้รับการจารึกชื่อ จำนวน 31 คน เน้นภาษาอังกฤษที่มาของภาพ, สมาคมศิษย์เก่าเซนต์คาเบรียล ศิษย์เก่า ซ.ค. รายหนึ่ง อดีตผู้บริหารสื่อสิ่งพิมพ์ ในวัยใกล้ 80 ให้ข้อมูลว่า เหตุผลที่ศิษย์เก่าน้ำเงิน-ขาวมักก้าวไปสู่ตำแหน่งสำคัญ ๆ เมื่อเติบโตขึ้น โดยเฉพาะในแวดวงราชการ ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร เนื่องจากเป็นโรงเรียนที่มีชื่อเสียงมาตั้งแต่อดีต สมัยเขาเรียน นายทหารและข้าราชการมักจะส่งลูกหลานมาเรียน ในทุกวัน จะมีรถรับส่งของทหารบก, ทหารเรือ, ทหารอากาศ อย่างละ 1-2 คันมารอรับส่งลูกหลานนายทหารที่ได้เข้าเรียน ที่หากเป็นผู้ชายก็เรียนที่โรงเรียนเซนต์คาเบรียล หากผู้หญิงก็จะเรียนโรงเรียนหญิงล้วนบริเวณใกล้ๆ กัน อย่างโรงเรียนเซนต์ฟรังซีสเซเวียหรือโรงเรียนราชินี ทำให้รู้จักเห็นหน้าค่าตากันตั้งแต่ยังเด็ก อีกเหตุผลของความนิยมส่งลูกหลานมาเรียนที่โรงเรียนแห่งนี้ แม้ค่าเทอมจะถือว่าค่อนข้างสูง คือจุดเด่นทางวิชาการ โดยเฉพาะภาษาอังกฤษ นายสมัคร สุนทรเวช อดีตนายกรัฐมนตรี ซ.ค.3657 เขียนเล่าไว้ในหนังสืออัตชีวประวัติ "การเมืองเรื่องตัณหา" ว่า เหตุผลที่ถูกพ่อส่งเข้าเรียนชั้นมัธยมศึกษาที่เซนต์คาเบรียล “ต้องการให้ลูกเรียนรู้ภาษาฝรั่ง” แม้ค่าเทอมจะแพงมาก เช่นเดียวกับ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ ประธานองคมนตรี ในฐานะศิษย์เก่า ซ.ค.4925 ที่ให้สัมภาษณ์ไว้ในหนังสือ ฉลองครบรอบ 100 ปี ชาวเซนต์คาเบรียล ว่า สิ่งที่ได้มาก จากโรงเรียนนี้คือภาษาอังกฤษ เพราะเน้นสอนแบบ dialogue หรือ conversation เมื่อไปเรียนต่อที่โรงเรียนสวนกุหลาบเพื่อช่วยแบ่งเบาภาระครอบครัว จึงได้รับคำชมว่าภาษาอังกฤษดีเยี่ยม นายกล้านรงค์ จันทิก ส.ว. และอดีตกรรมการ ป.ป.ช. ซ.ค.5514 ย้อนความหลังกับบีบีซีไทยว่า ในสมัยที่ตนยังเรียนอยู่ โรงเรียนเซนต์คาเบรียลชั้นประถมมี 5 ห้อง และชั้นมัธยม 4 ห้อง (สมัยก่อนแต่ละห้องจะแทนด้วยตัวอักษรภาษาอังกฤษ เช่น A B C D E ปัจจุบันเปลี่ยนมาใช้เป็นตัวเลข) มีนักเรียนห้องละประมาณ 50 คน มาสเตอร์จะค่อนข้างดุและเข้มงวดมาก ตัวเขาได้รับการปลูกผังเรื่องการเรียนและระเบียบวินัยจากที่นี่ ทุกวันศุกร์จะมี bad note ใครที่ไม่ทำการบ้าน หรือเกเร จะถูกเรียกมาตี ส่วนสาเหตุที่ศิษย์เก่า ซ.ค. กลายไปเป็นผู้มีบทบาทสำคัญหรือคนมีชื่อเสียงจำนวนมาก นายกล้านรงค์มองว่า เพราะโรงเรียนนั้นอยู่มานาน และมีศิษย์เก่าเป็นหมื่นๆ คน ย่อมมีคนที่ออกไปทำเพื่อประโยชน์ของชาติบ้านเมือง ประมวลจากข้อมูลต่างๆ ข้างต้น เหตุผลที่เหล่าผู้ปกครองผลักดันให้ลูกหลานได้เรียนในโรงเรียนแห่งนี้ จึงอาจนับเป็น “การลงทุน” เพื่อเส้นทางชีวิตและหน้าที่การงานในอนาคต “เพื่อนรัก-พี่ใหญ่” ของชาว ซ.ค. และกองทัพบกที่มาของภาพ, ข่าวสด พล.อ.ประวิตร ศิษย์เก่าดีเด่นถือเป็นชาวเลือด “น้ำเงิน-ขาว” เข้มข้นคนหนึ่ง เขากลับไปร่วมกิจกรรมกับโรงเรียนเก่าอยู่เสมอ สมัยเป็น ผบ.ทบ. ก็เคยไปเป็นประธานในพิธีเปิดงานกีฬาสีของโรงเรียน เมื่อเป็นรองนายกฯ และ รมว.กลาโหม ในรัฐบาล คสช. ก็ไปร่วมงาน Hall of Fame Night และกล่าวว่า ระลึกถึงโรงเรียนอยู่ตลอด พร้อมสนับสนุนกิจกรรมต่าง ๆ เพื่อประโยชน์ของศิษย์ยุคปัจจุบัน ชื่อของ ซ.ค.คอนเนกชั่นถูกสื่อประโคมข่าวอย่างหนักอีกครั้ง ในปี 2561 หลังเกิดกรณี “นาฬิกายืมเพื่อน” เมื่อปรากฎภาพ พล.อ.ประวิตรสวมใส่นาฬิกาหรูราคาหลักล้านบาทนับสิบเรือน แต่กลับไม่ได้แจ้งไว้ในบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินที่ต้องยื่นต่อ ป.ป.ช. ตามกฎหมาย ซึ่งโทษของการฝ่าฝืน มีทั้งการถูกจำคุกและต้องพ้นจากตำแหน่งทางการเมือง คนสนิทของ พล.อ.ประวิตรอ้างว่า นาฬิกาดังกล่าว “ยืมเพื่อนมาใส่” เจ้าของตัวจริงคือ เสี่ยคราม-นายปัฐวาท สุขศรีวงศ์ ผู้ก่อตั้งบริษัท คอม-ลิงก์ จำกัด ที่สนิทสนมกับ พล.อ.ประวิตร เพราะเรียนที่โรงเรียนเซนต์คาเบรียลด้วยกันตั้งแต่ ป.1 โดยบิ๊กป้อม-เสี่ยคราม-หม่อมอุ๋ยถือเป็นเพื่อนร่วมรุ่น ซ.ค. เดียวกัน รู้จักและสนิทสนามกันมาหลายสิบปี กระทั่งเมื่อ พล.อ.ประวิตรก่อตั้งมูลนิธิป่ารอยต่อ 5 จังหวัด ที่ถูกมองว่าเป็นศูนย์รวมอำนาจอย่างไม่เป็นทางการในยุคหลังรัฐประหารปี 2557 เพราะรายชื่อกรรมการมูลนิธิ นอกจาก 3 ป., นายทหารระดับสูง, ข้าราชการตำแหน่งสำคัญ, นักธุรกิจคนดัง ก็ยังมีชื่อของ “เพื่อนสนิทตั้งแต่เด็ก” อย่าง ม.ร.ว.ปรีดิยาธรและนายปัฐวาทรวมอยู่ด้วย ที่มาของภาพ, Wasawat Lukharang/BBC Thai ในหนังสือ “พี่ป้อม พี่ใหญ่ พี่ชายที่แสนดี” ที่นายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ส.บัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) นำมาแจกสื่อมวลชนเมื่อ 25 ส.ค.2565 ที่รัฐสภา ได้มีการบันทึกเรื่องราวเสี่ยคราม-ปัฐวาท สุขศรีวงศ์ ในบทที่ว่าด้วย “เป็นเพื่อนแท้ แท้...ที่ไม่เคยทิ้งเพื่อน” ไว้ว่า “ครอบครัววงษ์สุวรรณ และครอบครัวสุขศรีวงศ์ ต่างสนิทชิดเชื้อกันเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะเรื่องการทำบุญ เพราะพี่ป้อมและพี่คราม ต่างก็เดินทางในสายบุญด้วยกันมาหลายสิบปี โดยมักจะเดินสายทำบุญ สร้างศาสนสถาน ทอดกฐินและมอบทุนการศึกษาให้แก่เด็กในพื้นที่ต่างๆ และพี่ครามก็เป็นหนึ่งในคณะกรรมการมูลนิธิอนุรักษ์ป่ารอยต่อ 5 จังหวัดอีกด้วย” อีกตอนหนึ่งของหนังสือระบุว่า “พี่ป้อม พี่ครามนั้นสนิทกันมาก เคยไปกินไปนอนที่บ้านใน กองพล ปตอ.เป็นประจำ เตะฟุตบอลด้วยกัน ลอกการบ้านด้วยกัน กินข้าวฝีมือคุณย่า (สายสนี วงษ์สุวรรณ) ด้วยกัน พี่ป้อมถึงตัวจะเล็ก แต่ใจนักเลงไม่กลัวใครและมีคุณพ่อเป็นทหาร ก็มักจะช่วยเหลือปกป้องเพื่อน ไม่ให้ใครมาข่มเหงรังแก” กระทั่งในวันที่เพื่อนรักเจ็บไข้ได้ป่วย พล.อ.ประวิตรก็ไม่ทอดทิ้งเพื่อน “..ความผูกพันของเพื่อนทั้งสองคนนี้ มีมากจริงๆ ดูอย่างที่พี่ครามป่วยจนเดินแทบไม่ได้ พี่ป้อมจะกุลีกุจอ ถามไถ่น้อง ๆ ว่ามีหมอเก่ง ๆ ที่ไหน แล้วรีบให้ฝ่าย เสธ. ติดต่อทันที และยังช่วยเหลือดูแลด้วยตัวเอง จนพี่ครามดีขึ้น สองคนนี้เขารักกันเหมือนพี่เหมือนน้อง” ที่ผ่านมา พล.อ.ประวิตรใช้สถานะการเป็นพี่ใหญ่ในกองทัพและศิษย์เก่าเซนต์คาเบรียล ในการแบ่งปันจัดสรรทั้งอำนาจและผลประโยชน์ให้กับบุคคลในเครือข่ายรอบตัว ทว่านับแต่เกิดความขัดแย้งระหว่าง “พี่ใหญ่-น้องเล็ก” ใน 3 ป. ฐานอำนาจของ พล.อ.ประวิตรก็มีอันต้องสั่นคลอน โดยเฉพาะการตีจาก พปชร. พาหนะที่อดีตผู้นำ คสช. เคยใช้สืบทอดอำนาจในการเลือกตั้งปี 2562 ไปอยู่กับ รทสช. ของ พล.อ.ประยุทธ์ ซึ่งมีเซนต์คาเบรียลคอนเนกชั่นอีกกลุ่มหนึ่ง เป็นฐานในการสนับสนุน เป็นชาวเลือดน้ำเงิน-ขาว ที่ไม่อยู่ใต้ปีก
เกมแย่งลูกเทนนิส ในสนามการเมืองที่มาของภาพ, EPA อดีตนักเรียนเซนต์คาเบรียลรุ่นใหญ่หลายคน มักจะกล่าวถึงกิจกรรมที่เด็กโรงเรียนนี้สมัยก่อนชอบเล่นกันตอนพักกลางวัน-หลังเลิกเรียน คือการโยนลูกเทนนิสเก่า ๆ แล้วแย่งกันเตะกลางสนามฟุตบอล คนหลายสิบกรูเข้ากันไปแย่งเตะลูกเทนนิสลูกเดียว ใครเตะได้มากกว่าถือว่าเก่ง แม้จะไม่มีใครได้ครอบครองลูกเทนนิสดังกล่าวนานนัก “คนทั้งสนามแย่งกันเตะลูกเทนนิสลูกเดียวกัน เมื่อเตะโด่งขึ้นไปแล้วขณะที่ตกลงมากลางสนามฟุตบอล คนนับหลายสิบจะล้อมวงกันเข้าไปเตะสวนลูกเทนนิสที่กำลังลอยต่ำลงมาให้กระเด็นสูงขึ้นไป ..ใครเตะโดนได้มากถือว่าเก่ง บางคนกล้าหาญชาญชัยมาก ยื่นมือรอรับลูกที่กำลังตกลงมาท่ามกลางหมู่คนที่พร้อมจะเตะสวน ..เล่นสนุกกันแบบนี้โดยไม่มีใครโกรธกัน” ม.ร.ว.ปรีดิยาธรเขียนเล่าไว้ในหนังสืออัตชีวประวัติ ในหนึ่งแผ่นดิน การแย่งชิงอำนาจในสนามการเมืองก็อาจจะไม่ต่างกัน การเลือกตั้ง 2566 จึงนอกจากเป็นสนามแข่งขันกันระหว่างพี่-น้องที่เคยร่วมใช้ชีวิตในบ้านหลังเดียวกัน ครั้งรับราชการเป็นนายทหารตัวเล็ก ๆ กระทั่งเติบโตขึ้นมามีอำนาจสูงสุดในรัฐบาล ยังเป็นการแข่งขันระหว่างศิษย์เก่า ซ.ค. เลือดน้ำเงิน-ขาว ที่อาจจะเคยเล่นสนุกแบบเด็ก ๆ ในสนามโรงเรียนเดียวกัน ด้วยเกมแย่งเตะลูกเทนนิส เพียงแต่เดิมพันในสนามการเมือง มันสูงลิบยิ่งกว่าความสัมพันธ์ ในฐานะพี่น้องหรือศิษย์ร่วมโรงเรียน ต้องมีฝ่ายหนึ่งแพ้ ฝ่ายหนึ่งชนะ พลเอกสุรยุทธ์ จุลานนท์ มีลูกกี่คนชีวิตครอบครัว พลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ สมรสครั้งแรกกับนางสาวดวงพร รัตนกรี มีบุตรชาย 1 คนคือ พันโท นนท์ จุลานนท์ ผู้บังคับกองร้อยปฏิบัติการจิตวิทยาที่ 1 กองทัพภาคที่ 1 สมรสครั้งที่สองกับ พันเอกหญิง ท่านผู้หญิงจิตรวดี จุลานนท์ (สันทัดเวช) มีบุตรชาย 2 คน คือ นายสันต์ จุลานนท์ (ข้าว) |
พล.อ.ส รย ทธ จ ลานนท ม ลน ธ จ ลานนท
กระทู้ที่เกี่ยวข้อง
ลิขสิทธิ์ © 2024 th.apacode Inc.
