เปลี่ยนไปจากเดิม "สหพันธ์เซปักตะกร้อนานาชาติ" แจ้งปรับนับแต้มจาก 21 เหลือ 15 คะแนน กำหนดบังคับใช้ 1 ก.พ. นี้ วันที่ 30 ธ.ค. 66 สหพันธ์เซปักตะกร้อนานาชาติ หรือ (ISTAF) ได้ทำหนังสือแจ้งไปยังบรรดาสมาชิกถึงวาระสำคัญปรับใช้ในปี 2024 นั่นคือการเปลี่ยนการนับคะแนนต่อเซตจากเดิม 21 คะแนน เหลือ 15 คะแนน เป็นที่เข้าใจกันว่า การนับคะแนนดังกล่าวนั้น จะใช้ในการแข่งขันทุกทัวร์นาเมนต์ ซึ่งจะมีการบังคับใช้ในวันที่ 1 กุมภาพันธ์ ปี 2024 หรือในช่วงต้นปีหน้านี้ ซึ่งการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญครั้งนี้มาจาก การประชุมหารือโดยคณะกรรมการด้านเทคนิค สหพันธ์เซปักตะกร้อนานาชาติ (ISTAF) เมื่อวันที่ 8 ธันวาคมที่ผ่านมา ทั้งนี้การเปลี่ยนแปลงที่น่าสนใจ นอกจากการนับคะแนน 15 คะแนนต่อ 1 เซต แข่ง 2 ใน 3 เซต แล้ว ยังมีกรณีที่คะแนน 14-14 ให้แข่งขันจนกว่าจะมีทีมใดทีมหนึ่งทำคะแนนได้ที่ 17 จึงจะเป็นฝ่ายชนะในเซตนั้นๆ ตลอดจน ผลัดกันเสิร์ฟฝั่งละ 1 ลูก ไม่ว่าจะเป็นทีมไหนได้แต้มก็ตามที เอริก เทน ฮาก กุนซือแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ออกมาเปิดใจหลังพาทีมบุกมาแพ้ นอตติงแฮม ฟอเรสต์ ในศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ นัดล่าสุด วันที่ 31 ธ.ค. 66 เอริก เทน ฮาก ผู้จัดการทีม "ปิศาจแดง" แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ระบุชัด ปัญหานักเตะมีอาการบาดเจ็บหลายคน บวกกับการเสียประตูแบบไม่จำเป็น ทำให้ทีมบุกมาแพ้ นอตติงแฮม ฟอเรสต์ 1-2 ศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ เมื่อคืนวันเสาร์ที่ผ่านมา "ผลการแข่งขันชัดเจน มันน่าผิดหวัง ครึ่งแรกผลงานเราโอเค ส่วนครึ่งหลังพอถูกนำ 1-0 เราคัมแบ็กกลับมาได้ได้ และเราทำได้ดี ผมคิดว่าเกมเป็นของเรา และเราพยายามที่จะยิงประตู 2-1 แต่ในช่วงเวลาโต้กลับเราดันมาเสียประตู ซึ่งเป็นการเสียแบบไม่จำเป็นเลย เรามีช่วงเวลาของเรา แต่เราทำได้ไม่ดีพอที่จะชนะที่นี่ เรารู้ว่าผลการการแข่งขันนี้ต่ำกว่ามาตรฐานของเรา” “เรารู้ว่าเราต้องมีความสม่ำเสมอมากกว่านี้ และต้องทำให้ดีขึ้น ในเกมมี 90 นาที และเราต้องเอาตั้งแต่นาทีแรก" "เรารู้เหตุผลว่าทำไมมันถึงไม่เวิร์ค ไม่มีทีมใดสามารถจัดการกับปัญหามากมายและอาการบาดเจ็บเหมือนที่เรามี เราควรที่จะทำได้ดีกว่านี้และเราก็มีขุมกำลังที่โอเค แต่เมื่อคุณเจออาการบาดเจ็บมากมาย การทดแทนมันก็ไม่เพียงพอ เราหวังว่าผู้เล่นหลายคนจะกลับมาในปีใหม่ และพวกเขาจะเสริมความแข็งแกร่งให้กับทีม” หาก ผู้เล่นทั้งสองฝ่ายทำคะแนนได้เท่ากันในคะแนนที่ 20 จะมีการเล่นต่อ จนกว่าว่าจะมีคะแนนมากกว่าฝ่ายตรงข้าม 2 คะแนน แต่ถ้ายังไม่สามารถทำคะแนนห่างกัน 2 แต้มได้ จะเล่นต่อไปเรื่อยๆ แต่ เมื่อแต้มได้ 29 เท่ากัน ใครที่ทำได้แต้ม 30 ก่อนจะเป็นฝ่ายชนะ กีฬาแบดมินตันจะแบ่งผู้เล่นออกเป็น 2 ฝ่าย และแบ่งการเล่นออกเป็น 2 ประเภท คือ "ประเภทเดี่ยว" แบ่งผู้เล่นออกเป็นฝ่ายละ 1 คน และ "ประเภทคู่" แบ่งผู้เล่นออกเป็นฝ่ายละ 2 คน การเล่นรอบหนึ่งเรียกว่า 1 นัด นัดละ 3 เกม (บางคนเรียกเซต) ตัดสินแพ้ชนะ 2 ใน 3 เกม มีกำหนดคะแนนสูงสุด 21 คะแนน ฝ่ายใดทำคะแนนได้ถึง 21 คะแนนก่อนจะเป็นผู้ชนะในเกมนั้น ประวัติ[แก้]ภาพ "battledore and shuttlecock" ในปี 1804กีฬาแบดมินตันมีความเป็นมาที่ไม่ชัดเจนมากนัก ซึ่งจากหลักฐานต่าง ๆ จะสามารถบ่งบอกที่มาของกีฬาประเภทนี้ไว้ที่หลายยุค เช่น ในจีนช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 7 มีภาพวาดเก่า ๆ ซึ่งบ่งบอกว่ามีการใช้ขนไก่มาทำเป็นลูกขนไก่ใช้ในการเล่น ซึ่งตอนนั้นจะใช้เท้าเตะกัน 2 คนหรือจะตั้งวงกัน 3-4 คน คริสต์ศตวรรษที่ 13 ชาวอินเดียแดงในอเมริกาตอนใต้ ใช้ขนนกหรือขนไก่ผูกติดกับลูกกลมโดยลูกบอลกลมนั้นใช้หญ้าฟางพันขมวดเข้าด้วยกัน และให้ขนไก่ชี้ไปทางเดียวกันและเวลาเล่นใช้มือจับลูกขนไก่นั้นปาใส่ผู้เล่นคนอื่น ๆ ให้ช่วยกันจับ ตลอดช่วงเวลาที่กล่าวมานี้ ยังไม่มีการใช้แร็กเกต หรืออุปกรณ์อื่น ๆ ตีปะทะลูกขนไก่ แต่ใช้มือ หรืออวัยวะอื่น ๆ แทน คริสต์ศตวรรษที่ 14 ชาวญี่ปุ่นได้มีการใช้ขนไก่ หรือขนนกเสียบผูกติดกับหัวไม้ และใช้ไม้ตีลูกขนไก่นั้น โดยไม้ที่ใช้ตีทำมาจากไม้กระดาน ตีลูกขนไก่ไปมานับว่าเป็นวิวัฒนาการในรูปลักษณ์ของการเล่นแบดมินตันที่ใกล้เคียงกับยุคปัจจุบันมากที่สุด โดยมีการใช้แร็กเกตตีลูกขนไก่แทนการใช้อวัยวะของร่างกาย ปลายคริสต์ศตวรรษที่ 17 ในแถบยุโรปมีการเขียนภาพสีน้ำมันถึงการเล่นกีฬาแบดมินตันในราชสำนักต่าง ๆ พระราชินีคริสตินาแห่งสวีเดนทรงจำลองไม้แบดมินตันมาจากแร็กเกตในกีฬาเทนนิส และใช้ขนไก่หรือขนนกเสียบติดกับหัวไม้ก๊อก เจ้าฟ้าชายเฟรดเดอริค มกุฎราชกุมารแห่งเดนมาร์ก ทรงแบดมินตันในลักษณะเดียวกัน แต่ในตอนนั้นเรียกแบดมินตันว่า "แบตเทิลดอร์กับลูกขนไก่" คริสต์ศตวรรษที่ 18 ในเยอรมนีกษัตริย์ของปรัสเซียเฟรดเดอริคมหาราช และพระเจ้าหลานเธอเฟรดเดอริค วิลเลียมที่สอง ทรงแบดมินตันในลักษณะเดียวกัน และในประเทศอังกฤษมีเรื่องเล่าว่าในปี ค.ศ. 1870 นายทหารคนหนึ่งที่ไปประจำการอยู่ในเมืองปูนา ประเทศอินเดียได้เห็นกีฬาตีลูกขนไก่จึงนำกลับไปเล่นในอังกฤษ และในอังกฤษ ณ คฤหาสน์ “แบดมินตัน” ของยุคแห่งบิวฟอร์ด ที่ตำบลกล๊อสเตอร์เชอร์ ในปี ค.ศ. 1873 เกมกีฬาตีลูกขนไก่จึงถูกเรียกว่า “แบดมินตัน” ตามชื่อของสถานที่นับตั้งแต่นั้นมา วิธีการเล่น[แก้]ไม้แบดมินตันหรือแร็กเกตการเสิร์ฟลูกในสนามแบดมินตันในช่วงต่าง ๆ ของการแข่งขันประเภทเดี่ยวและคู่กีฬาแบดมินตันจะแบ่งผู้เล่นออกเป็น 2 ฝ่าย และแบ่งการเล่นออกเป็น 2 ประเภท คือ "ประเภทเดี่ยว" แบ่งผู้เล่นออกเป็นฝ่ายละ 1 คน "ประเภททีม" แบ่งผู้เล่นออกเป็นฝ่ายละ 2 คน วิธีการนับคะแนน[แก้]
การเสิร์ฟลูก[แก้]
- ขณะตีลูกโต้กัน ห้ามนำส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกายหรือไม้แบดไปสัมผัสกับเน็ท - ห้ามตีลูกที่ฝั่งตรงข้ามโต้กลับมาในขณะที่ลูกยังไม่ข้ามเน็ทมายังแดนเรา (Over net) การดิวส์[แก้]หากผู้เล่นทั้งสองฝ่ายทำคะแนนได้เท่ากันในคะแนนที่ 20 จะมีการเล่นต่อ จนกว่าว่าจะมีคะแนนมากกว่าฝ่ายตรงข้าม 2 คะแนน แต่ถ้ายังไม่สามารถทำคะแนนห่างกัน 2 แต้มได้ จะเล่นต่อไปเรื่อย ๆ แต่เมื่อแต้มได้ 29 เท่ากัน ใครที่ทำได้แต้ม 30 ก่อนก็จะเป็นฝ่ายชนะทันที. |