คงจะเป็นคำถามสำหรับใครหลายคนที่อยากรู้ว่าค่า SPF ระดับเท่าไรที่ควรจะซื้อดี? คำตอบจากผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนัง ได้กล่าวว่า การเลือกค่า SPF ที่เหมาะสมของกันแดด นั้น ขึ้นอยู่กับว่าคุณต้องการปกป้องผิวของคุณจากรังสี UV มากน้อยแค่ไหน แต่ค่าตัวเลขของ SPF ที่แตกต่างกัน จะแสดงถึงปริมาณรังสี UV ที่ถูกดูดซับ แนะนำว่าควรใช้ผลิตภัณฑ์ที่มี SPF 15 และไม่เกิน SPF 50 จะดีที่สุด เพราะค่า SPF ที่มากกว่านี้ ไม่ได้การันตีว่าจะสามารถป้องกันรังสี UV ได้ 100% Show ค่า SPF แต่ละระดับบอกอะไร?SPF 15การป้องกันแสงแดดจะดูดซับรังสี UV ประมาณ 93 % ในขณะที่ไม่มีครีมกันแดดใดสามารถป้องกันรังสีอันเป็นอันตรายได้ 100% ค่า SPF 15 จะปล่อยให้ผิวของคุณถูกทำร้ายได้เพียงแค่ 7 % ค่า SPF 15 เหมาะสมกับการใช้ประจำวัน หากคุณไม่ได้ออกไปข้างนอกบ่อย หรือน้อยกว่า 20 นาทีต่อครั้งกันแดดใน SPF ระดับนี้เหมาะกับคุณที่สุด SPF 30พบได้ทั่วไปในผลิตภัณฑ์ดูแลผิวนอกเหนือจากครีมกันแดดเพียงอย่างเดียว ค่า SPF 30 จะดูดซับรังสี UV ได้ประมาณ 97 % ซึ่งระดับนี้ให้การปกป้องที่ดียิ่งขึ้นกว่าค่า SPF 15 และได้รับการแนะนำเป็นอย่างสูง เหมาะสมที่สุดหากคุณออกไปทานอาหารกลางวันข้างนอก หรือพาสุนัขไปเดินเล่นในตอนเช้า SPF 50ระดับที่สูงที่สุด ในปัจจุบัน ค่า SPF 50 จะดูดซับรังสี UV ได้ประมาณ 98 % นี่เป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดสำหรับผู้ที่ใช้เวลาค่อนข้างมากอยู่กลางแจ้ง เช่น หากคุณเดินทางไกลจากบ้านไปยังที่ทำงาน หรือวางแผนที่จะออกไปวิ่งในตอนกลางวัน เปอร์เซ็นต์การปกป้องที่มากเป็นพิเศษนั้นคุ้มค่าเป็นอย่างยิ่ง ครีมกันแดดทาเป็นประจำทุกวันเพื่อปกป้องจากการถูกทำร้ายของรังสีการทาครีมกันแดดเป็นประจำทุกวันเป็นสิ่งที่ดีที่สุดที่คุณสามารถทำเพื่อผิวของคุณได้ การปกป้องปัญหาผิวที่แก่ก่อนวัย เช่น ริ้วรอยร่องตื้น , ริ้วรอยร่องลึก และจุดด่างดำ จากการถูกทำร้ายของรังสี UVA และ UVB อย่างลอรีอัลปารีส ยูวีดีเฟนเดอร์ จะช่วยป้องกันผิวจากรังสียูวีได้ครบทั้ง UVA, UVB และ Long UVA เลยทีเดียว มี SPF50+/ PA++++ พร้อมเทคโนโลยี Mexoryl ที่เป็นสารกันแดดเอกสิทธิ์เฉพาะของทาง L'Oréal มีประสิทธิภาพ ช่วยปกป้องรังสี UV ได้ถึง 98% มีความเสถียรสูงและสามารถป้องกันรังสียูวีได้แบบ Broad Spectrum อีกทั้งยังผสานส่วนผสมที่ดีที่สุดของสกินแคร์อย่าง ไนอาซินาไมด์ ที่ช่วยลดเลือนความหมองคล้ำ จุดด่างดำ และริ้วรอยแห่งวัยที่เกิดจากแสงแดด เสมือนต่อเวลาให้ผิวมีความอ่อนเยาว์ยิ่งกว่าอายุจริง ย้อนไปเมื่อ 10 ปีที่แล้ว ผลิตภัณฑ์ป้องกันแสงแดด ไม่ค่อยมีความหลากหลายในการตอบโจทย์ปัญหาผิวของผู้บริโภค ซ้ำยังพบปัญหาอื่นๆตามมา เช่น ผลิตภัณฑ์ที่มีค่า SPF สูงๆ หลังทาจะรู้สึกเหนียว เหนอะหนะ ทำให้ผิวมัน เกิดสิวตามมา สารกันแดดชนิดสะท้อนหรือหักเหแสง (Physical Sunscreen) ทำให้สีผิวหน้าลอยขาวหรือหน้าวอก อีกทั้งสารกันแดดรุ่นเก่ายังไม่มีความเสถียรพอที่จะปกป้องรังสียูวีได้ยาวนาน ปัญหาฝ้า กระ รอยดำ จึงไม่ลดลง แม้จะทาไปในปริมาณมากและสม่ำเสมอ ในปัจจุบัน นับเป็นความโชคดีที่ได้มีการพัฒนาและปรับปรุงแก้ปัญหาของผลิตภัณฑ์กันแดดที่ผ่านมา จนเริ่มเป็นที่ยอมรับและใช้กันแพร่หลายมากขึ้น มาลองอัพเดท 3 Tips การเลือกผลิตภัณฑ์กันแดดแบบครอบคลุมและเจาะลึกกันค่ะ 1.ผลิตภัณฑ์กันแดดที่ดีควรปกป้องผิวได้ทั้งรังสี UVA-I, UVA-II และ UVBแสงยูวีที่จะก่ออันตรายต่อผิวหนังจะประกอบด้วยรังสี UVA I และ UVA II มีอำนาจทะลุทะลวงสูงเข้าสู่ชั้นหนังแท้ ทำให้เกิดการทำลายคอลลาเจนซึ่งเป็นสาเหตุหลักของรอยย่น ความหย่อนคล้อย กระ และมะเร็งผิวหนัง โดยที่รังสี UVA I หรือ Long UVA มีอำนาจทะลุทะลวงสูงที่สุด ส่วนรังสี UVB มีอำนาจทะลุทะลวงผิวหนังน้อยกว่า จึงเข้าสู่ชั้นหนังกำพร้าทำให้เกิดฝ้า ผิวคล้ำ ผิวไหม้จากแดด (sunburn ) Sunscreen หรือสารกันแดดที่ผสมในผลิตภัณฑ์ แบ่งได้เป็น 3 ประเภทใหญ่ ๆ ตามคุณสมบัติคือ
Sunscreen หรือสารกันแดดทุกตัว สามารถปกป้องผิวจากรังสี UVB ได้ทุกตัว แต่จะป้องกันรังสี UVA-I และ UVA-II ได้ครบหรือไม่นั้น นอกจากคำชวนเชื่อที่ผลิตภัณฑ์อ้างที่ตัวบรรจุภัณฑ์ เราสามารถดูสารกันแดดที่ปกป้องได้ครบถ้วน ว่าสารเหล่านี้มีในผลิตภัณฑ์ที่เราใช้หรือไม่ สารที่ป้องกันผิวจากรังสี UVA ได้ครบทั้ง UVA-I ,UVA-II และ UVB ก็คือ Titanium Dioxide ,Zinc Oxide ,Butyl Methoxydibenzoylmethane (Avobenzone) ,Bis-Ethylhexyloxyphenol Methoxyphenyl Triazine (Tinosorb® S), Drometrizole TriSiloxane (Mexoryl® XL), Terephthalylidene Dicamphor Sulfonic Acid (Mexoryl® SX) ,Methylene Bis-Benzotriazolyl Tetramethylbutylphenol (Tinosorb® M) 2.ค่าในการปกป้องผิวจากรังสี UVA และ UVB ต้องสูงเข้าไว้มาตรฐานทั่วโลกที่ใช้วัดค่าการป้องกันรังสี UVB คือ SPF (Sun Protection Factor)
มาตรฐานที่ใช้วัดค่าการป้องกันรังสี UVAปัจจุบันยังไม่มีการกำหนดมาตรฐานสากลในการวัดค่าการป้องกัน UVA ที่พบได้บ่อยเราจะเห็นมี PPD กับ PA (+)
สำหรับแดดเมืองไทย ควรเลือกที่ PA มากกว่าหรือเท่ากับ 3+ ( PA+, PA++) 3.หากผิวแพ้ง่าย ควรเลือกผลิตภัณฑ์แบบไหน สำหรับผิวแพ้ง่าย หรือผิวเด็กนั้น มีหลักการดังนี้
สิ่งสำคัญที่หมออยากบอกไว้คือ ในโลกนี้ไม่มีผลิตภัณฑ์กันแดดใดๆ ที่กัน UVA และ UVB ได้สมบูรณ์แบบ 100% และการทาผลิตภัณฑ์กันแดดเป็นเพียงส่วนหนึ่งในการป้องกันความเสียหายของ DNA ที่ผิวเรา สิ่งที่ควรทำไปควบคู่กันไป คือการเลี่ยงแดดในช่วง 11.00-13.00 น. ซึ่งเป็นช่วงที่มีความเข้มข้นของรังสี UV มากที่สุด กางร่มหรือหลบแดดเท่าที่ทำได้ และควรสวมแว่นตากันแดดที่มีการเคลือบสารกรองรังสี UV เพื่อปกป้องดวงตาเป็นประจำด้วยค่ะ |