ป ดตาย คต นหลวงพ อโด ว ดนามะต ม

เผยแพร่: 13 ธ.ค. 2566 10:28 ปรับปรุง: 13 ธ.ค. 2566 16:14 โดย: ผู้จัดการออนไลน์

พิษณุโลก - เกิดเหตุไฟไหม้ศาลาการเปรียญวัดดังบางกระทุ่มสร้างด้วยไม้สักทั้งหลังสุดอลังการวอดเสียหายทั้งหลัง แถมรถโดนไฟไหม้ซ้ำ คาดเสียหายไม่ต่ำกว่า 200 ล้าน พระสงฆ์กระโดดหนีตายจากชั้น 2 เจ็บอีก 1 รูป

วันนี้ (13 ธ.ค. 66) พ.ต.อ.สุเมธ สุนะ ผกก.สภ.บางกระทุ่ม รับแจ้งมีเหตุเพลิงไหม้ศาลาการเปรียญวัดห้วยแก้ว ตั้งอยู่เลขที่ 27/3 หมู่ 3 อ.บางกระทุ่ม จ.พิษณุโลก เมื่อ 02.30 น.เศษที่ผ่านมา จึงประสาน ว่าที่ร้อยตรี สุเทพ สุวรรณ ปลัดอำเภอ ปฏิบัติราชการแทนนายอำเภอบางกระทุ่ม น.ส.ตรีรัตน์ ประพรม ปลัดอำเภอฝ่ายความมั่นคง นายกเทศมนตรีตำบลบางกระทุ่ม นายกเทศมนตรีตำบลห้วยแก้ว นายก อบต.นครป่าหมาก ปลัด ทต.บางกระทุ่ม กำนัน ต.บางกระทุ่ม และเจ้าหน้าที่ป้องกัน เจ้าหน้าที่กู้ภัยบูรพา เจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยมูลนิธิประสาทบุญสถาน พร้อมรถน้ำจำนวนมากเข้าระงับเหตุ

ที่เกิดเหตุพบศาลาการเปรียญไม้สัก 2 ชั้นของวัดห้วยแก้ว ซึ่งสร้างเมื่อปี พศ. 2552 กำลังถูกเพลิงลุกไหม้ทั้งหลัง เกรงว่าจะลุกลามไปติดแฟลตตำรวจที่อยู่ติดกัน ทำให้เจ้าหน้าที่เทศบาลบางกระทุ่ม เทศบาลห้วยแก้ว เทศบาลเนินกุ่ม เทศบาลสนามคลี เทศบาลบ้านใหม่ องค์การบริหารส่วนตำบลโคกสลุด และ บ.น้ำตาลพิษณุโลก จำกัด ต้องระดมรถดับเพลิงฉีดน้ำสกัดกันอย่างโกลาหล

แต่เนื่องจากศาลาการเปรียญทำด้วยไม้สักจึงเป็นเชื้อเพลิงอย่างดี ต้องใช้เวลาฉีดน้ำสกัดเพลิงนานกว่า 1 ชม. จึงสามารถควบคุมเพลิงเอาไว้ได้ แต่เพลิงได้เผาศาลาการเปรียญวอดเสียหายทั้งหมด และพบพระลูกวัดที่นอนเฝ้าศาลาการเปรียญได้รับบาดเจ็บ 1 รูป แต่ไม่มีผู้เสียชีวิต ทั้งนี้ประเมินความเสียหายเบื้องต้นคาดว่าประมาณ 200 ล้านบาท

จากการสอบสวนเบื้องต้นทราบว่าเมื่อคืนมีการจัดงานศพของชาวบ้านในพื้นที่ แต่เมื่อเสร็จพิธีก็แยกย้ายกันกลับบ้าน กระทั่งเมื่อช่วงเวลาประมาณ 02.00 น. เกิดเหตุเพลิงไหม้บริเวณห้องครัว แล้วไฟลุกลามติดไปทั่วศาลาการเปรียญอย่างรวดเร็ว จนพระลูกวัดที่นอนเฝ้าอยู่ต้องกระโดดหนีตายลงมาด้านล่างจนได้รับบาดเจ็บดังกล่าว

เบื้องต้นจะได้ประสานไปยังตำรวจวิทยาการ ศูนย์พิสูจน์หลักฐาน 6 เพื่อเข้ามาตรวจสอบหาสาเหตุของเพลิงไหม้ในครั้งนี้อย่างละเอียดอีกครั้ง ส่วนล่าสุดเช้านี้เพลิงที่ลุกไหม้ยังคุกรุ่นอยู่ ต้องให้รถน้ำมาฉีดน้ำหล่อเลี้ยงเอาไว้จนดับสนิทต่อไป

สำหรับวัดห้วยแก้วเป็นวัดราษฎร์ในสังกัดคณะสงฆ์มหานิกาย จัดเป็นวัดเก่าแก่วัดหนึ่งใน จ.พิษณุโลก สิ่งสำคัญในวัดคือศาลาการเปรียญไม้สัก 2 ชั้น ที่ก่อสร้างมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2552 ซึ่งคาดว่าน่าจะใหญ่ที่สุดในประเทศไทย

สลด! พ่อเฒ่าชาวนครพนมเครียดจัดฆ่าตัวตายสังเวยภัยแล้งคากระท่อมกลางนา หลังนาข้าวยืนต้นตาย

เผยแพร่: 2 ก.ค. 2558 10:02 ปรับปรุง: 2 ก.ค. 2558 13:36 โดย: MGR Online

นครพนม - สลด! พ่อเฒ่าเมืองนครพนมวัย 71 ปีเครียดจัดหลังถูกภัยแล้งคุกคาม ทำนาข้าวที่มีอยู่ทั้ง 18 ไร่แห้งเฉารอยืนต้นตาย ตัดสินใจใช้ปืนแก๊ปยิงเบ้าตาดับอนาถคากระท่อมเถียงนา

วันนี้ (2 ก.ค.) ร.ต.ท.ทรงกลด อุปฮาด ร้อยเวร สภ.เมืองนครพนม เปิดเผยว่า เมื่อเวลา 21.45 น. คืนที่ผ่านมาได้รับแจ้งเหตุมีคนยิงตัวตายที่ ต.บ้านผึ้ง อ.เมืองนครพนม หลังรับแจ้งจึงไปตรวจสอบพร้อมแพทย์เวร โรงพยาบาลนครพนม และหน่วยกู้ภัยนครพนม

โดยที่เกิดเหตุอยู่ห่างกระท่อมเถียงนา บ้านผึ้ง หมู่ 2 ราว 30 เมตร และห่างถนนทางหลวงชนบท นพ.2010 สายบ้านผึ้ง-วังกระแส ประมาณ 300 เมตร พบศพนายจันทา นรินทร์ อายุ 71 ปี นอนจมกองเลือดเสียชีวิต สภาพศพนอนหงาย สวมเสื้อยืดสีขาว กางเกงขายาวสีดำ ไม่สวมรองเท้า ช่วงเท้าถึงหน้าอกพบอาวุธปืนแก๊ปยาว 1.2 เมตร มือซ้ายกำปลายกระบอกปืนไว้แน่น

ตรวจสอบภายในกระเป๋ากางเกงขวายังพบลูกแก๊ปกว่า 20 นัด บรรจุในขวดน้ำยาบ้วนปาก ส่วนที่บริเวณเบ้าตาซ้ายมีรอยกระสุนปืน 1 นัด มีเลือดไหลออกที่จมูก พบรอยสักรูปนกอินทรีย์ที่หน้าอกและต้นแขนซ้าย แพทย์สันนิษฐานว่าอาจเสียชีวิตมาไม่ต่ำกว่า 2 ชั่วโมง

นายชาญ นรินทร์ วัย 40 ปี บุตรชายผู้ตายให้การว่า หลังผู้เป็นแม่หรือภรรยาของพ่อ เสียชีวิตได้ 2 ปี พ่อก็มักจะมานอนเฝ้าบ่อปลาในเถียงนาห่างหมู่บ้าน 500 เมตร โดยมีอาชีพเสริมรับซื้อต้นยูคาลิปตัส โดยให้ตน และนายศราวุธ สุพรม หลานวัย 20 ปี เป็นคนไปตัดนำส่งขาย หลังเกิดเหตุหลานคนนี้ถึงกับช็อกหมดสติ 2-3 ครั้ง ก่อนนำตัวไปปฐมพยาบาลที่บ้านพัก

บุตรชายผู้ตายเล่าต่อว่า ก่อนเกิดเหตุพ่ออยู่กับเหลนวัย 5 ขวบ ซึ่งเป็นบุตรชายของนายศราวุธในกระท่อมนา ซึ่งก่อนที่บิดาจะเสียชีวิต 2 วันได้บ่นให้ตนฟังว่าเครียดเรื่องนา เพราะต้นข้าวซึ่งเป็นนาหว่านขาดน้ำกำลังจะแห้งยืนต้นตายทั้ง 18 ไร่ และเช้าวันเดียวกันตนพร้อมนายศราวุธหลานชายได้นำรถไถนาเดินตามไปสูบน้ำจากสระสาธารณะผันน้ำเข้าสระเลี้ยงปลา แต่ยังไม่ทันปล่อยลงนาข้าว ชาวบ้านจึงไปบอกว่าพ่อฆ่าตัวตายแล้ว

ด้าน ร.ต.ท.ทรงกลดกล่าวว่า จากการสอบถามญาติและเพื่อนบ้าน ผู้ตายไม่เคยมีศัตรูหรือเรื่องบาดหมางกับผู้ใด ไม่ดื่มสุราและไม่มีโรคประจำตัว ดูจากลักษณะไม่น่าจะเกิดอุบัติเหตุหกล้มแล้วปืนลั่นใส่ น่าจะฆ่าตัวตายหลังพบว่ามือซ้ายกำปลายกระบอกปืนไว้ คาดว่าอาจใช้เท้าขวานิ้วโป้งหรือนิ้วชี้กดลั่นไกเพราะลำกล้องกับไกปืนห่างกันตั้ง 1 เมตร