กาวท ทำจากเค ยวส ตว น ำท ม เปล อกห ม

“อกหัก” เป็นความรู้สึกเจ็บปวดทางอารมณ์อย่างรุนแรง จากความผิดหวังเรื่องราวในความรัก อาการนี้ไม่ได้ส่งผลกระทบแค่กับสุขภาพจิตเพียงอย่างเดียว เพราะยังสามารถส่งผลกับร่างกายโดยตรงอีกด้วย หลายคนอาจเคยรู้สึกเจ็บตรงหน้าอกกะทันหัน หรือความรู้สึกที่เหมือนหายใจไม่สะดวก ในทางการแพทย์เรียกว่า Broken Heart Syndrome หรือภาวะหัวใจสลาย แม้สาเหตุของโรคยังไม่เป็นที่ชัดเจน แต่ส่วนใหญ่เชื่อว่า ภาวะนี้เกิดจากฮอร์โมนแคทีโคลามีน (Catecholamine) ในร่างกายเพิ่มสูงขึ้นอย่างเฉียบพลัน โดยมีเหตุมาจากการได้รับความเครียด หรือความเสียใจอย่างรุนแรง เช่น การสูญเสียคนรักแบบไม่ได้ตั้งตัว หรือร่างกายได้รับบาดเจ็บร้ายแรง


สารบัญ สไตล์การแต่งตัวผู้ชายมีอะไรบ้าง 7 แนวหลักสำหรับอัปเสน่ห์ของคุณ


อาการของคนอกหักเป็นอย่างไร ?

อาการของการอกหักนั้นแตกต่างออกไปในแต่ละคนเนื่องจากเป็นการเปลี่ยนแปลงของเคมีในสมอง แต่หลัก ๆ แล้วอาการอกหักนั้นจะนำไปสู่ อาการสุดโต่งในด้านใดด้านหนึ่งไม่ว่าจะเป็นทางกายภาพ หรือทางอารมณ์ โดยอาการอกหักแบ่งกลุ่มอาการออกมาคร่าว ๆ ได้ดังนี้

  • กลุ่มอาการอกหักที่เกี่ยวข้องกับอารมณ์: รู้สึกโล่ง โหวง ว่างเปล่า รู้สึกไม่มีแรงผลักดันในชีวิต มีอาการคล้ายซึมเศร้า ผู้ป่วยอาจจะตามมาด้วยอาการติดสารกล่อมประสาทอย่างเช่น ไม่ว่าจะเป็นยาลดไข้ หรือแอลกอฮอล ซึ่ง หากไม่สามารถมูฟออนได้รวดเร็วอาจจะกลายเป็นสาเหตุให้มีอาการเสพติดตามมาได้
  • กลุ่มอาการอกหักที่เกี่ยวข้องกับสังคม: อาการอกหักแบบนี้ อาจจะทำให้ผู้ป่วยไม่อยากคุยกับใคร หรือในบางกลุ่ม อาจจะติดสังคมมากกว่าปกติ ต้องการคนอยู่ด้วยตลอดเวลา ไปจนถึงรู้สึกไม่ปลอดภัย เป็นอีกหนึ่งอาการที่เสี่ยงต่อการพัฒนาไปเป็นโรคซึมเศร้าเรื้อรัง
  • กลุ่มอาการอกหักที่เกี่ยวข้องกับควาามอยากอาหาร: ผู้ป่วยอาจจะรู้สึกไม่อยากอาหาร ทานอะไรไม่ได้ หรืออาจจะอยากอาหารมากเป็นพิเศษ รวมไปถึงร่างกายไม่รู้สึกอิ่ม โดยทั้งสองเคสมีจุดร่วมที่สารเคมีที่รับรู้ความรู้สึก หิว-อิ่ม ของร่างกายนั่นเอง
  • กลุ่มอาการอกหักที่เกี่ยวข้องกับร่างกายโดยตรง: หรือโรคหัวใจสลาย อาการอกหักแบบนี้สามารถตรวจสอบได้จริงผ่านหลักวิทยาศาสตร์ ผู้ป่วยจะมีการเจ็บหน้าอกรุนแรงกะทัน รวมไปถึงอาจจะมีอาการหน้ามืดและหายใจลำบาก แทรกซ้อน โดยภาพรวมของอาการนั้นใกล้เคียงกับโรคหัวกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด รวมไปถึงอันตรายที่ใกล้เคียงกัน ฉะนั้นอย่ามองว่าอาการอกหักเป็นแค่เรื่องตลก และเข้ารับคำปรึกษาจากแพทย์ทันทีที่มีอาการรุนแรง
  • กลุ่มอาการอกหักที่มีผลต่อความอ่อนไหวทางอารมณ์: ผู้ป่วยกลุ่มนี้จะแตกต่างจากกลุ่มก่อนหน้าเล็กน้อย เพราะไม่ได้มีปัญหาในการเข้าสังคม หรือความเหงา แต่พวกเขาจะมีความอ่อนไหวทางอารมณ์มากขึ้น ร้องไห้มากขึ้น ซึ่งถือว่าเป็นกลุ่มที่มีความเสี่ยงมีโรคแทรกซ้อนต่ำที่สุด เนื่องจากการร้องไห้ถือว่าเป็นวิธีในการระบายความเครียดของร่างกายตามธรรมชาติอยู่แล้ว

เห็นได้ชัดว่าอาการอกหักไม่ได้ส่งผลดีกับใครเลย คุณควรรู้วิธี “Move On” เพื่อก้าวออกมาจากความรักครั้งเก่า และสลัดความเจ็บปวดจากห่วงความทรงจำในอดีต รับรองได้ว่า 10 วิธีทำใจเมื่ออกหักต่อจากนี้ จะช่วยคุณให้รับมือกับอาการอกหักได้แบบนักรักมืออาชีพ

กาวท ทำจากเค ยวส ตว น ำท ม เปล อกห ม

10 วิธีฮีลใจของคนอกหักอยาก Move On

1. ให้เวลาตัวเองได้เศร้าบ้าง

คุณไม่ควรหาใครเข้ามาในทันที นี่เป็นคำแนะนำของนักจิตวิทยา เพราะหลังจากอกหัก คุณจำเป็นที่จะต้องให้พื้นที่ และเวลาให้กับตัวเอง โอบกอดตัวเองในทุกเวอร์ชัน รวมถึงเวอร์ชันนี้ที่คุณไม่ได้เป็นคนเก่ง และกำลังมีน้ำตา รู้สึกเศร้าจากภายใน อ่อนไหวเร็วกับทุกสิ่งเร้าที่เข้ามา

ควรรับรู้ทุกความรู้สึกที่กำลังเกิดขึ้นอย่างละเอียด ทุกอย่างที่กำลังพรั่งพรูออกมาจากใจคุณ ฟัง และทำความเข้าใจ เพราะการจะก้าวข้ามอาการอกหักนี้ให้ได้ คุณต้องยอมรับสิ่งที่เกิดขึ้นว่าความรักที่ผ่านมานั้นผิดหวัง ไม่เป็นไปตามที่คาด แต่มันไม่เป็นไรเลย ถ้าไม่รู้สึกดีขึ้น การหาเพื่อนสักคนที่เป็นผู้ฟังที่ดี รบกวนเขาให้มาอยู่เป็นเพื่อนคุณในเวลาที่ยากลำบากนี้ ก็เป็นไอเดียที่ดีไม่น้อย

กาวท ทำจากเค ยวส ตว น ำท ม เปล อกห ม

2. อย่าปล่อยให้อารมณ์ครอบงำ

อ้างอิงจาก The Five Stage of Grief ซึ่งเป็นแบบจำลองของคือเบลอร์-รอสส์ (Elisabeth Kubler-Ross) ที่อธิบายการเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์ของมนุษย์ เมื่อเผชิญหน้ากับความสูญเสีย หรือผู้ป่วยที่หมดทางรักษา ในแต่ละลำดับขั้น ดังนี้

  • Denial: การปฏิเสธ หรือไม่ยอมรับเรื่องที่เกิดขึ้น
  • Anger: ความรู้สึกโกรธ เพื่อระบายความอัดอั้น
  • Bargaining: การต่อรอง เพื่อหวังว่าสิ่งต่างๆ จะเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น
  • Depression: ความสิ้นหวัง หรือท้อแท้
  • Acceptance: การยอมรับว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นความจริง

หลายคนจะเห็นว่า ในช่วงแรกของการสูญเสียกว่าที่จะไปถึงขั้นยอมรับความเป็นจริง (Acceptance) นั้น จะมีอารมณ์ต่างๆ ที่พรั่งพรูออกมากมาย ทั้งความโกรธ หรือความเสียใจ ดังนั้น วิธีทำใจเมื่ออกหักวิธีที่ 2 คือ คุณไม่ควรปล่อยให้อารมณ์เหล่านี้มาครอบงำ คุณจำเป็นต้องมอง และรับรู้ไว้ว่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องจริง รวมถึง ความสัมพันธ์ในครั้งนี้ได้จบลงไปแล้ว ถ้ารู้สึกคับแค้น หรือเสียใจกับคนรักเก่า ให้ค่อยๆ ปรับมุมมองว่าความสัมพันธ์ที่เกิดขึ้น มันไม่ใช่ความล้มเหลวในชีวิต แต่มันเป็นหนึ่งในประสบการณ์ที่จะทำให้คุณได้เรียนรู้ ได้ก้าวข้ามความเสียใจเหล่านี้ไปในสักวันหนึ่ง และเป็นคนที่เติบโตขึ้นไป

ถ้าบังเอิญได้ไปเจอคนรักเก่าคบหากับคนใหม่แล้ว หากรู้ตัวว่าสภาพจิตใจยังไม่พร้อมที่จะเห็นเขา ไม่ว่าจะเจอหน้า หรือผ่านโซเชียล วิธีการบล็อก หรือลบเพื่อนก็เป็นทางออกที่ดี และเป็นวิธี Move On ที่เร็ว และเห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจน เพราะคุณจะไม่สามารถไปต่อได้ หากยังคงต้องพะว้าพะวงเรื่องของเก่าๆ อยู่

กาวท ทำจากเค ยวส ตว น ำท ม เปล อกห ม

3. หันมาใส่ใจดูแลตัวเอง และก้าวต่อไป

ช่วงที่กำลังฟื้นตัวจากอกหักนี้ เป็นช่วงที่ควรให้ความสำคัญกับตัวเองมากๆ เป็นอันดับแรก โดยการดูแลทั้งร่างกาย และจิตใจของตัวเอง เพราะคุณจะไม่สามารถจัดการกับความเครียดได้ดีแน่ ถ้าหากร่างกายยังรู้สึกเจ็บป่วย หรือจิตใจยังคงเต็มไปด้วยความหมองหม่น วิธีทำใจเมื่ออกหักจะเห็นผลลัพธ์ได้ดีเมื่อทั้งกาย และใจของคุณรู้สึกสบาย แข็งแรง และเสถียรมากพอ โดยการดูแลตัวเองให้ดีในช่วงอกหัก ยังส่งผลในด้านอื่นๆ อีกด้วย ดังนี้

  • เสริมสร้างสุขภาพที่แข็งแรง: การปรนเปรอตัวเองด้วยสิ่งของอาจจะนำมาซึ่งความสุขแบบชั่วคราว แต่การมอบกินอาหารเพื่อสุขภาพ จะมอบร่างกายที่แข็งแรง และยังช่วยทำให้คุณรู้สึกผ่อนคลายไปในเวลาเดียวกัน นอกจากนี้ การเลือกกินอาหาร และออกกำลังกายยังช่วยเปลี่ยนโฟกัสจากเรื่องเศร้าๆ มาเป็นสิ่งที่อยู่ตรงหน้าแทนได้อีกด้วย
  • พัฒนาสุขภาพจิต: การได้ใช้เวลาอยู่กับตัวเอง ทำให้คุณได้คิดถึงตัวเองบ้าง เพราะในสังคมปัจจุบันมีหลายสิ่งที่เข้ามาดึงความสนใจจากตัวคุณเองอยู่ตลอดเวลา จนในบางครั้งคุณลืมไปว่าตัวคุณเองได้รับความใส่ใจมากเท่าที่ควรหรือยัง
  • ทำให้คุณเป็นผู้ดูแลที่ดี: ทุกวันนี้คุณอาจจะเป็นหัวหน้าที่ดูแลลูกน้อง ลูกที่ดูแลพ่อ และแม่ หรือผู้ปกครองที่ดูแลลูก จนอาจหลงลืมไปว่า คนที่ควรดูแลคุณในทุกมิติของชีวิต คือ ตัวคุณเอง ดังนั้น ช่วงเวลาแบบนี้คุณควรรู้จัก และหาวิธีรับมือกับตัวเองให้ได้ และเมื่อคุณเป็นผู้ดูแลตัวเองได้แล้ว การจะดูแลคนอื่นจะไม่ใช่เรื่องยากเลยแม้แต่น้อย

กาวท ทำจากเค ยวส ตว น ำท ม เปล อกห ม

4. พูดคุย พบปะกับเพื่อนสนิท

การได้เปลี่ยนแปลงสภาพแวดล้อมรอบตัว ช่วยในการเยียวยาได้ดีแบบที่หลายคนอาจคาดไม่ถึง เพราะการอยู่แต่บรรยากาศแบบเดิม ทำให้คุณอาจจะหวนนึกถึงวันเก่าๆ ความทรงจำดีที่เคยสร้างไว้กับคนรักเก่า ดังนั้น การได้ไปพบเจอเพื่อนๆ เพื่อพูดคุย หรือใช้เวลาด้วยกัน เป็นวิธี Move On ที่ทำได้ง่าย และรู้สึกปลอดภัยเป็นพิเศษ เพราะเพื่อนของคุณจะช่วยแบ่งปันพลังงานดีๆ ให้กับคุณ อีกทั้งยังเป็นหน่วยสนับสนุนหลักเลยก็ว่าได้ เพื่อให้คุณได้ผ่านความท้าทายชีวิตในช่วงเวลาแบบนี้ไปให้ได้

กาวท ทำจากเค ยวส ตว น ำท ม เปล อกห ม

5. ทำกิจกรรมที่ช่วยให้ผ่อนคลาย

การทำกิจกรรมที่ช่วยให้รู้สึกผ่อนคลาย เป็นอีกวิธีทำใจเมื่ออกหัก โดยคุณอาจเลือกทำงานอดิเรก หรือกิจกรรมที่สร้างความผ่อนคลาย เช่น การอ่านหนังสือ การดูภาพยนตร์ การแช่เท้าในน้ำอุ่น หรือการออกกำลังกาย เพราะการทำกิจกรรมที่ชื่นชอบ ร่างกายจะหลั่งสารโดพามีน (Dopamine) หรือสารแห่งความสุข ซึ่งเป็นอีกตัวช่วยให้ร่างกายผ่อนคลาย และยังช่วยให้นอนหลับง่ายอีกด้วย

กาวท ทำจากเค ยวส ตว น ำท ม เปล อกห ม

6. หากิจกรรมที่สนใจอื่นๆ แทน

การที่คุณรู้สึกเศร้า และเสียใจ มักจะเป็นการพุ่งโฟกัสไปที่วันวานของคุณ และคนรัก เกิดภาพซ้ำย้ำไปมาอยู่เรื่อยๆ ดังนั้น วิธีการ Move On อีกอย่าง คือ การหากิจกรรมที่สนใจแทน หรืออาจลุกขึ้นมาแล้วจัดตารางเพื่อออกไปเที่ยว เพื่อให้คุณได้เปลี่ยนทั้งบรรยากาศ และความรู้สึก รวมถึง เพิ่มความตื่นเต้น หรือความท้าทายในสิ่งใหม่ๆ สิ่งนี้จะช่วยดึงให้คุณออกไปจากความทุกข์ และความเศร้าที่กำลังเผชิญกับอาการอกหักอยู่ได้ นอกจากนี้ คุณอาจได้สร้างประสบการณ์ใหม่ไปกับเพื่อนพ้อง หรือจะไปผจญภัยเปิดมิติใหม่คนเดียวก็ยังได้

กาวท ทำจากเค ยวส ตว น ำท ม เปล อกห ม

7. หลีกเลี่ยงการรับรู้เรื่องแฟนเก่า 60-90 วัน

จิตใจที่บอบบางกำลังฟื้นฟูตัวเองอยู่ นักแสดงตลกชื่อดังชาวอเมริกันอย่าง Greg Behrendt ได้ให้คำแนะนำเรื่องวิธี Move On ไว้ว่า มีความจำเป็นอย่างมากที่คุณจะต้องหลีกเลี่ยงการพบเจอกับแฟนเก่าตลอดช่วง 60-90 วัน เพื่อให้เวลาตัวเองได้โฟกัสตัวคุณเป็นหลัก และรับรู้ถึงความต้องการจริงๆ ของตัวเอง โดยปราศจากสิ่งเร้าอื่นที่จะดึงความสนใจของคุณออกไป

กาวท ทำจากเค ยวส ตว น ำท ม เปล อกห ม

8. ใจดีกับตัวเอง

สุขภาพจิตที่ดีเกิดขึ้นได้โดยเริ่มจากตัวคุณเอง การให้กำลังใจ และชื่นชมตัวเองเป็นเรื่องที่แนะนำให้ทำในช่วงหลังอกหัก เพราะในช่วงนี้คุณจะเริ่มโฟกัสคนอื่นมากกว่าตัวเอง ทั้งคำพูดคนอื่น เรื่องราวในอดีต และแฟนเก่า หากคุณยังเป็นอีกคนที่คอยซ้ำเติม และมอบคำบั่นทอนกำลังใจ จะยิ่งทำให้สถานการณ์ดูแย่ลง

ในทางกลับกันคุณควรเพิ่มพลังใจให้ตัวเอง และเสริมความมั่นใจด้วยการเห็นคุณค่าในตัวเอง อย่าปล่อยให้สิ่งเร้ารอบตัวเล็กๆ น้อยๆ มีอิทธิพลเหนือคุณ

กาวท ทำจากเค ยวส ตว น ำท ม เปล อกห ม

9. เรียนรู้จากอดีต แต่ไม่จมกับความเศร้า

อดีตคือเรื่องราวที่ผ่านไปแล้ว คุณจำเป็นต้องตระหนักอยู่เสมอว่าความสัมพันธ์ระหว่างคุณ และแฟนเก่าได้จบลง ไม่ว่ามันจะจบลงแบบสวยงามหรือไม่ก็ตาม แต่สิ่งที่คุณได้รับจากความสัมพันธ์ครั้งนั้น คือ ประสบการณ์ชีวิต และความรัก คุณได้เรียนรู้การรักคนอื่นอย่างเหมาะสม หากนึกถึงวันวานระหว่างคุณสองคน ให้เลือกจำ และรู้สึกดีกับช่วงเวลาแห่งความอบอุ่น อย่าโฟกัสเรื่องแย่ๆ เพราะวิธี Move On คือ การเปิดใจยอมรับ และเข้าใจในสถานการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างจริงใจ คุณไม่ควรพูดถึง หรือตั้งแง่กับแฟนเก่า เพราะนอกจากจะส่งพลังงานลบให้กับผู้คนรอบข้างแล้ว นี่จะยังเป็นพลังงานที่ทำร้ายตัวคุณโดยที่หลายคนไม่รู้ตัว

กาวท ทำจากเค ยวส ตว น ำท ม เปล อกห ม

10. ออกไปเที่ยวรับอากาศดีๆ จากธรรมชาติ

ผลักตัวเองออกไปข้างนอกบ้าง เพราะสภาวะหลังอกหักจะเต็มไปด้วยความรู้สึกเศร้า และความเหงาที่เข้ามาครอบงำคุณ การได้ออกไปข้างนอกจะทำให้คุณได้มองสิ่งรอบตัวในมิติใหม่ ออกไปสังสรรค์กับเพื่อนๆ พบปะกับผู้คน เปิดวงสังคมใหม่ นี่เป็นวิธีจัดการกับอาการอกหักตามหลักจิตวิทยาที่มีคนใช้กันทั่วโลก เพราะหากคุณยังอยู่ในสภาพแวดล้อมเดิมด้วยตัวคนเดียว อาจจะยากเกินไปสำหรับใครบางคนในช่วงแรก การได้พลังงานบวกจากเพื่อน หรือผู้คนรอบตัวก็ดูเป็นกำลังเสริม เพื่อพลังให้ต่อสู้กับความท้าทายในครั้งนี้ได้ง่ายขึ้นก็เป็นได้