การแต งกายภาคตะว นออกเฉ ยงเหน อ ม อะไรบ าง

พันธมิตรฯบุกสีลมวันนี้ อีแต๋นส่อแววร่วมกู้ชาติ

เผยแพร่: 21 มี.ค. 2549 07:55 โดย: MGR Online

กลุ่มพันธมิตรฯ บุกสีลมรณรงค์ดึงนักธุรกิจร่วมขบวนขับไล่แม้ววันนี้ ขยับเวทีไปตั้งบริเวณสะพานมัฆวานรังสรรค์หันหน้ามาทางลานพระรูป ม็อบอีแต๋นส่งสัญญาณเริ่มแปรพักตร์ร่วมไล่ คาราวานบิ๊กไบท์ 9 จังหวัดใต้มุ่งหน้าสู่กรุงเทพฯยิกทักษิณ ทนายมูลนิธิเพื่อผู้บริโภคแถลงปิดคดีชี้ 6 ประเด็นความไม่ชอบมาพากลในการตรา พ.ร.ฎ. แปรรูป กฟผ. เผยศาลปกครองสูงสุดรับฟังข้อมูลรอบด้านส่งสัญญาณที่ดี นัดฟังคำพิพากษาตัดสินคดี 23 มี.ค.นี้

ความเคลื่อนไหวของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ในวันนี้ (21 มี.ค.) แกนนำทั้ง 5 คน ประกอบด้วย นายสมศักดิ์ โกศัยสุข, นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์, นายสนธิ ลิ้มทองกุล, พล.ต.จำลอง ศรีเมือง และนายพิภพ ธงไชย จะนำขบวนประชาชนจากหน้าสวนลุมพินี เดินรณรงค์ไปตามถนนสีลมตั้งแต่ต้นจนสุดปลายถนน เพื่อให้ข้อมูลความไม่ชอบธรรมและขยายแนวร่วมขับไล่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร รักษาการนายกรัฐมนตรี พ้นจากตำแหน่งและยุติบทบาททางการเมือง

ในการเคลื่อนขบวนมากดดันกระทรวงการคลังของพันธมิตรฯ วันพฤหัสฯ ที่ 23 มี.ค. นั้น นายทนง พิทยะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า พร้อมจะออกมารับข้อเรียกร้องด้วยตนเองหากไม่มีภารกิจใดๆ ภายนอกกระทรวงการคลัง

ทางด้านเวทีของพันธมิตรฯ ที่ตั้งที่สี่แยกมิสกวัน และรูปขบวนที่ปิดล้อมทำเนียบรูปตัวแอล ตั้งแต่ถนนพิษณุโลก ถึงแยกสะพานมัฆวานรังสรรค์ ถนนราชดำเนินนอก ในวันนี้ (21 มี.ค.) เวลา 06.00 น.จะมีการขยับเวทีใหม่ไปไปตั้งบนสะพานมัฆวานรังสรรค์ โดยหันหน้าไปทางลานพระรูปทรงม้า เพื่อปรับระบบแสงสีเสียงให้สมดุล ส่วนงานกาชาดจะตั้งบูทมาถึงสี่แยกมิสกวัน ซึ่งจุดรอยต่อนี้กลุ่มพันธมิตรฯ จะตั้งบูทและจอโปรเจคเตอร์ขนาดใหญ่ถ่ายทอดและเผยแพร่ความรู้ให้แก่ประชาชนที่มาร่วมงานกาชาดด้วย

ส่วนแนวทางการต่อสู้เพื่อขับไล่พ.ต.ท.ทักษิณ นั้น แกนนำพันธมิตรฯ ได้ระดมสมองกันอย่างเคร่งเครียดเพื่อยกระดับการกดดันให้มากขึ้น เป็นการนับถอยหลังก่อนถึงวันเลือกตั้งที่กำหนดไว้ 2 เม.ย.

สำหรับรายการพิเศษบนเวที เมื่อวานนี้ เวลา 19.45 น. น.ส.สมศรี หาญอนันต์สุ จากองค์การนิรโทษกรรมสากลขึ้นเวทีพูดเรื่องบีบีซี จากนั้น นายสุริยะใส กตะศิลา โฆษกพันธมิตรกู้ชาติฯ ขึ้นเวทีแจ้งเรื่องการร่วมเวทีดีเบตของพีเนตซึ่งฝ่ายรัฐบาลปฏิเสธไม่เข้าร่วม เวลา 21.25 น. คณะกรรมการพันธมิตร ฯ แถลงความเคลื่อนไหวในจังหวะก้าวต่อไป จากนั้นเวลา 23.00 น. นายสนธิ ลิ้มทองกุล ขึ้นเวทีขับไล่ทักษิณ ส่วนยอดเงินบริจาค รวมทั้งหมดประมาณ 13 ล้านบาท ยอดใช้จ่ายทั้งสิ้น 3.4 บาท

นายสุริยะใส กล่าวบนเวทีถึงกลุ่มคาราวานคนจนที่ขับรถอีแต๋นมาชุมนุนกันที่สวนจตุจักรว่า มีสัญญาณที่ดีว่าอาจจะมาร่วมให้กำลังแก่กลุ่มผู้ชุมนุม ณ แยกสวนมิสวัน

"ถ้าเขาขอมาเป็นพวกเราแล้วขอให้ทักษิณ ลาออก เราจะต้อนรับไหมครับอีกไม่นานเราจะมีข่าวดี เขารักชาติมากกว่ารักคุณทักษิณ เขาเป็นเกษตรกร อย่าไปโกรธเขา เขาถูกปิดหูปิดตา ถ้าเขาได้อ่านเอกสารหยุดระบอบทักษิณที่เราถูกจับ เขาจะมาให้กำลังใจพวกเรา ปรบมือต้อนรับเขาล่วงหน้า" นายสุริยะใส กล่าวทิ้งท้าย

ถัดจากนั้น มีตัวแทนเกษตรกรจากกลุ่มม็อบอีแต๋น ขึ้นเวทีอธิบายถึงการหันมาเข้าร่วมกับพันธมิตรฯ ขับไล่ พ.ต.ท.ทักษิณ และชี้แจงว่าเหตุที่มาสนับสนุนรักษาการนายกฯ ในตอนแรกนั้นเพราะไม่มีข้อมูลอีกด้านหนึ่ง

บรรยากาศภายในบริเวณการชุมนุมของพันธมิตรฯ วานนี้ ยังมีเหตุการณ์ที่นายสำเริง เกตุแก้ว อายุ 50 ปี ชาวนครศรีธรรมราช อดีต ส.จ.2 สมัย และนักจัดรายการวิทยุชุมชน ใช้มีดโกนกรีดนิ้วชี้ของตัวเองเพื่อนำเลือดมาเขียนจดหมายลงในกระดาษ A-4 จำนวน 4 แผ่นเพื่อเรียกร้องให้นายกฯ ลาออก โดยมีใจความว่า "นายกฯ ต้องลาออก ประชาชนจะมีสุข แผ่นดินจะสูงขึ้น" ที่บริเวณหน้าเวทีพันธมิตร สี่แยกสวนมิสกวัน

**ศาลปกครองนัดตัดสินคดีกฟผ.23 มี.ค.นี้

วานนี้ ( 20 มี.ค.) องค์คณะตุลาการศาลปกครองสูงสุด ที่มีนายจรัญ หัตถกรรม เป็นตุลาการเจ้าของสำนวน ได้ออกนั่งพิจารณาคดีครั้งแรกในคดีที่มูลนิธิเพื่อผู้บริโภคและตัวแทนเครือข่ายองค์กรผู้บริโภค 11 คน ยื่นฟ้องนายกรัฐมนตรี สำนักนายกรัฐมนตรี รมว.พลังงาน กระทรวงพลังงาน และคณะรัฐมนตรี ที่ออกพระราชกฤษฎีกา(พ.ร.ฏ.) กำหนดอำนาจ สิทธิและประโยชน์ของบริษัทการไฟฟ้าฝ่ายผลิตจำกัด (มหาชน) พ.ศ. 2548 และ พ.ร.ฏ.กำหนดเงื่อนเวลายกเลิกกฎหมายว่าด้วยการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย 2548 ไม่ชอบด้วยกฎหมาย และขอให้ศาลปกครองสูงสุดพิจารณาพิพากษายกเลิก เพิกกอนพ.ร.ฎ.ทั้ง 2 ฉบับดังกล่าว ท่ามกลางความสนใจของประชาชน พนักงานกฟผ.ที่มาเฝ้าติดตามการพิจารณาคดีกว่า 200 คน

องค์คณะได้เปิดโอกาสให้คู่กรณีได้แถลงปิดคดี ซึ่งฝ่ายของมูลนิธิเพื่อผู้บริโภคโดยนายนิติธร ล้ำเหลือ ทนายความได้ แถลงปิดคดีด้วยวาจาเพียงฝ่ายเดียว ว่าการที่ผู้ถูกฟ้องคดีพยายามทำนำเสนอต่อศาลว่าการตรา พ.ร.ฎ. 2 ฉบับ จะทำให้เศรษฐกิจของประเทศดีได้อย่างไรนั้น ถือเป็นความพยายามเบี่ยงเบนประเด็นแห่งคดี ซึ่งทางมูลนิธิเพื่อผู้บริโภค ยืนยันว่าการตรา พ.ร.ฎ.ทั้ง 2 ฉบับ ไม่ชอบด้วยกฎหมาย กล่าวคือ 1) ขัดกับรัฐธรรมนูญมาตรา 87 และ88 เพราะทำให้เอกชนมีโอกาสผูกขาดในกิจการไฟฟ้า ซึ่งเป็นกิจการสาธารณะ

และ 2) ขัดต่อพ.ร.บ.ทุนรัฐวิสาหกิจ ที่มีเจตนารมณ์แปรรูปรัฐวิสาหกิจที่มีกิจการการบริหารที่ไม่คล่องตัว ไม่มีประสิทธิภาพ มีปัญหาเรื่องขาดทุนต่อเนื่องจนเป็นภาระด้านงบประมาณของประเทศ แต่ กฟผ.เป็นรัฐวิสาหกิจที่ไม่มีปัญหาในเรื่องเหล่านี้ และเป็นรัฐวิสาหกิจที่มีลักษณะพิเศษเฉพาะที่ไม่อาจนำไปแปรรูป อันจะทำให้เอกชนหรือนักลงทุนต่างชาติมีโอกาสเข้ามามีส่วนร่วมในการบริหารหรือแทรกแซง

นายนิติธร แถลงว่า การตราพ.ร.ฎ.ทั้ง 2 ฉบับ ที่อาศัยอำนาจตามพ.ร.บ.ทุนรัฐวิสาหกิจ ยังไม่สามารถทำได้เนื่องจากรัฐสภาไม่สามารถที่จะมอบอำนาจที่เป็นของรัฐสภาโดยแท้ให้กับฝ่ายบริหาร การตรา พ.ร.ฎ.ดังกล่าวจึงขัดต่อหลักการเรื่องการแบ่งแยกการใช้อำนาจอธิปไตย

  1. คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญที่ 50/42 ที่ระบุว่าพ.ร.บ.ทุนรัฐวิสาหกิจไม่ขัดหรือแย้งกับรัฐธรรมนูญ ไม่สามารถจะนำมาใช้อ้างในการตรา พ.ร.ฎ.ทั้ง 2 ฉบับได้ เพราะสาระสำคัญเป็นการวินิจฉัยในประเด็นทั่วไปไม่ได้ชี้เฉพาะถึงการแปรรูปของรัฐวิสาหกิจใดรัฐวิสาหกิจหนึ่ง และไม่ได้หมายความว่าการตรา พ.ร.ฎ.ทั้ง 2 ฉบับของฝ่ายรัฐในเชิงเนื้อหาจะไม่ขัดหรือแย้งกับรัฐธรรมนูญ
  1. ทรัพย์สินของกฟฝ.มีลักษณะเป็นสาธารณะสมบัติของแผ่นดิน และสิทธิบางอย่างมีลักษณะเป็นการใช้อำนาจของมหาชน ไม่สามารถที่จะขายหรือให้มีการครอบครอง ยึดถือโดยองค์กรที่จัดตั้งขึ้นตามกฎหมายเอกชน ซึ่งมีวัตถุประสงค์ในการแสวงหากำไรได้

การตรา พ.ร.ฎ.ทั้ง 2 ฉบับเสมือนว่าให้รัฐสามารถขายสิทธิในการผูกขาดทางด้านพลังงานไฟฟ้า ตลอดจนทรัพย์สินที่มีลักษณะเป็นสาธารณะสมบัติของแผ่นดินที่ไม่อาจขายได้ให้เอกขน ซึ่งนำไปสู่การผูกขาดอย่างถาวรของกลุ่มทุนบางกลุ่มที่มีอำนาจทางการเงิน รวมทั้งในอนาคตรัฐอาจมีสั่งให้มีการจำหน่ายหุ้นให้เอกชนเพิ่มเติม เพราะไม่มีบทบัญญัติใดในพ.ร.ฎ.ห้ามไม่ให้นำหุ้นบริษัท กฟผ.มาขายให้เอกชนเกินกว่าร้อยละ 25 ท้ายที่สุดผู้ที่ได้รับประโยชน์อย่างแท้จริงคือเครือญาติพวกพ้องของนักธุรกิจการเมืองที่มีเงินทุนสูง ที่จะฉวยโอกาสเข้าไปกว้านซื้อหุ้นจากผู้ถือหุ้นรายย่อยโดยอาศัยกลไกการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ได้ที่ปรากฏในการแปรรูปปตท.

  1. กระบวนการในการตราพ.ร.ฎ.ทั้ง 2 ฉบับ ไม่ได้มีการปฏิบัติตามขั้นตอน หรือวิธีการอันเป็นสาระสำคัญที่กฎหมายกำหนดไว้ แม้ปรากฏว่าผู้ถูกฟ้องคดีจัดให้มีการรับฟังความเห็นจากประชาชนจำนวน 5 ครั้ง แต่มีประชาชนเข้าร่วมฟังเพียง 3,623 คน ขณะที่คนทั่วประเทศมี 62 ล้านกว่าคน อีกทั้งการทำประชาพิจารก็ไม่ได้มีการเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ ให้ประชาชนซึ่งมีส่วนได้เสียทั้งประเทศรับทราบล่วงหน้าถึงเหตุผลความจำเป็น ผลได้ และผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นได้กับประชาชนและประเทศ

และ 6) การตรา พ.ร.ฎ.ทั้ง 2 ฉบับอ้างผลดีทางเศรษฐกิจเพียงด้านเดียว โดยปราศจากข้อมูลทางวิชาการหรือผลวิจัยที่ชัดเจนมาอ้างอิง จึงเป็นการตราที่ไม่มีเหตุผล เป็นการใช้ดุลยพินิจตามอำเภอใจ และถือได้ว่าผู้ถูกคดีใช้ดุลยพินิจโดยมิชอบ

จากนั้นนายจรัญ ได้แจ้งให้ผู้ได้รับมอบอำนาจจากฝ่ายรัฐบาลทราบว่าศาลฯต้องการข้อมูลของนายพรชัย นุชสุวรรณ ผู้ช่วยเลขารัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เกี่ยวกับการดำรงตำแหน่งทางการเมืองและการเข้าเป็นไปดำรงตำแหน่งเป็นกรรมการในคณะกรรมการนโยบายทุนรัฐวิสาหกิจว่าเป็นเช่นไร โดยขอให้จัดส่งเอกสารภายในวันนี้

ขณะที่นางเสริมดรุณี ตันติเวสส ตุลาการผู้แถลงคดี แจ้งว่า ไม่ขอแถลงความเห็นส่วนตัวด้วยวาจา แต่ได้ทำเป็นเอกสารเรียบร้อยแล้ว และจะมอบให้คู่กรณีในวันที่ศาลมีคำพิพากษา ซึ่งนายจรัญได้นัดคู่กรณีมารับฟังคำพิพากษาในวันที่ 23 มี.ค.เวลา 14.00 น.

ด้านนางสาวรสนา โตสิตระกูล หนึ่งในผู้ฟ้องคดี กล่าวว่า ไม่ทราบว่าเหตุผลว่าทำไมศาลต้องการข้อมูลของนายพรชัย แต่ก็อยากรู้เช่นกันว่านายพรชัย ซึ่งเคยเป็นอดีตผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ เข้ามาเกี่ยวข้องกับเรื่องการแปรรูปอย่างไร อย่างไรก็ตามแปลกใจว่าเหตุใดตุลาการผู้แถลงคดีจึงไม่แถลงความเห็นส่วนตัวด้วยวาจา แต่จะนำเสนอเป็นเอกสารส่งให้คู่กรณีภายหลัง

น.ส.สารี อ่องสมหวัง ผู้จัดการมูลนิธิเพื่อผู้บริโภค กล่าวเช่นเดียวกันว่า ขณะนี้ทางผู้ฟ้องคดียังไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับนายพรชัยว่ามีความเกี่ยวข้องอย่างใดกับการแปรรูปกฟผ. เพราะได้ร้องไป 2 คนคือนายปริญญา นุตาลัย ที่ขณะนั้นดำรงตำแหน่งเป็นผู้ช่วย รมว.ทรัพยากรฯ และได้รับแต่งตั้งเป็นประธานคณะกรรมการจัดทำการรับฟังความเห็นประชาชนในการแปรสภาพกฟผ. กับนายโอฬาร ไชยประวัติ ที่ขณะนั้นเป็นกรรมการในบริษัทชินคอร์ปฯ และได้รับแต่งตั้งให้มาดำรงตำแหน่ง กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการเตรียมการจัดตั้งบริษัทกฟผ.จำกัด (มหาชน)

น.ส.สารี กล่าวว่า การเข้าดำรงตำแหน่งดังกล่าวมีลักษณะความเกี่ยวข้องในเชิงผลประโยชน์ทับซ้อน และเข้าข่ายขัดต่อระเบียบคณะกรรมการนโยบายทุนรัฐวิสาหกิจ ที่ระบุว่า ห้ามผู้ที่เป็นข้าราชการการเมือง หรือดำรงตำแหน่งทางการเมือง เข้าดำรงตำแหน่งเป็นคณะกรรมการนโยบายทุนรัฐวิสาหกิจ ซึ่งเมื่อขั้นตอนตรงนี้ไม่ถูกต้องย่อมทำให้กระบวนการตราพ.ร.ฎ.ทั้ง 2 ฉบับไม่ชอบด้วยกฎหมายไปด้วย แต่การที่ศาลให้ความสนใจกรณีของนายพรชัย ก็ยิ่งทำให้รู้สึกว่าวันที่ 23 มี.ค.น่าจะได้ข่าวดี

** ป้อง "พรชัย" ไม่เข้าข่ายเป็นนักการเมือง

นายวิเศษ จูภิบาล รักษาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า ยังไม่ทราบว่า นายพรชัย นุชสุวรรณ เข้ามาช่วยทำงานขั้นตอนการแปรรูป กฟผ.ตรงจุดใดบ้าง แต่เบื้องต้นได้รับทราบรายงานว่านายพรชัย เข้ามาเป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ในคณะกรรมการทุนรัฐวิสาหกิจที่มีนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน ในช่วงนั้นซึ่งปกติผู้ที่ดำรงตำแหน่งกรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรี ไม่ถือว่าเป็นนักการเมือง ไม่ได้มีอำนาจทางการเมืองแต่อย่างใด

**พันธมิตร 9จ.ใต้ จัดคาราวานจยย.สู่กรุง

วานนี้ (20 มี.ค.) แกนนำพันธมิตรกู้ชาติ กู้ประชาธิปไตย สงขลา กว่า 20 คน ได้ประชุมร่วมกัน ณ ห้องประชุมสภาอาจารย์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ (มอ.) วิทยาเขตหาดใหญ่ หารือเกี่ยวกับการนำการเคลื่อนไหวของภาคประชาชนในพื้นที่ เพื่อสนับสนุนภารกิจกู้ชาติของพันธมิตรในกรุงเทพฯ โดยที่ประชุมมีมติสำคัญๆ คือ วันนี้ (21 มี.ค.) จะมีตัวแทนจากพันธมิตรจังหวัดต่างๆ ทั่วภาคใต้ส่งตัวแทนมาร่วมประชุมหารือกันที่ มอ.หาดใหญ่ เพื่อกำหนดทิศทางการเคลื่อนไหวของกลุ่มพันธมิตรในจังหวัดต่างๆ ให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน รวมถึงการจัดเวทีใหญ่ร่วมกัน เบื้องต้นกำหนดวันที่ 25 มี.ค. ที่สนามฟุตบอล มอ.หาดใหญ่

นายบรรจง นะแส ผู้อำนวยการโครงการจัดการทรัพยากรชายฝั่งภาคใต้ หนึ่งในแกนนำพันธมิตรกู้ชาติ กู้ประชาธิปไตย สงขลา เปิดเผยว่า ที่ประชุมยังมีการหารือเกี่ยวกับการสนับสนุนกลุ่มวัยรุ่นรักชาติใน จ.สงขลา ได้ประสานกับเพื่อนๆ ในจังหวัดต่างๆ ของภาคใต้นัดแนะกันขับขี่รถจักรยานยนต์เข้าสู่กรุงเทพฯ เพื่อเข้าร่วมเคลื่อนไหวกับพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยในกรุงเทพฯ ซึ่งคาดว่าจะมีรถจักรยานยนต์เข้าร่วมเฉพาะใน จ.สงขลากว่า 200 คัน และยังจะมีในจังหวัดอื่นๆ เข้าสมทบตามรายทางอีกด้วย โดยกำหนดว่าจะออกเดินทางวันศุกร์ที่ 24 มี.ค.นี้ ใช้เวลาประมาณ 3 วันถึงหน้าทำเนียบรัฐบาล

**โคราชลั่นยืนหยัดไล่'แม้ว'ต้านสิงคโปร์

ส่วนที่จ.นครราชสีมา แกนนำเครือข่ายพันธมิตรโคราชเพื่อประชาธิปไตย 51 องค์กร นำโดยนายฉลอง แสงราษฎร์เมฆินทร์ ,อ.วรชัย ยงพิทยาพงศ์ รองประธานสภาคณาจารย์และข้าราชการมหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา ได้ร่วมกันแถลงข่าวต่อสื่อมวลชน เกี่ยวกับการมาตรการขับไล่พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร รักษาการนายกรัฐมนตรี รวมทั้งการรณรงค์ต่อต้านไม่ใช้สินค้าและบริการของชินคอร์ปภายใต้การครอบงำของกลุ่มทุนเทมาเส็ก สิงคโปร์

เครือข่ายพันธมิตรฯ ยังเรียกร้องให้ คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ประจำจังหวัดนครราชสีมา หยุดเป็นเครื่องมือรับใช้ผู้นำทรราช ที่หวังอาศัยกลไก กกต.ฟอกตัวทางการเมืองกลับมาเข้าบริหารประเทศอีกครั้ง โดยไม่สนใจต่อข้อเรียกร้องของประชาชน ที่ต้องการให้ยุติบทบาททางการเมืองและปฏิรูปการเมืองใหม่ ทั้งนี้เครือข่ายพันธมิตรโคราชฯ ได้ร่วมกันออกแถลงการณ์ ฉบับล่าสุด เรื่อง "โคราชต้านสินค้าชินคอร์ปหัวใจสิงคโปร์-เรียกร้องกกต.หยุดรับใช้ทรราช"