การม ภ ม ค มก นท ด เศรษฐก จพอเพ ยง

“Self-Sufficiency นนั หมายความว่า ผลติ อะไรมพี อทจี ะใช้ ไมต่ อ้ งไปขอยมื คนอนื อยไู่ ดด้ ว้ ยตนเอง”

ฉะนนั เมอื เตมิ คาํ ว่า Economy เขา้ ไป กลายเป็น Self-Sufficient Economy แลว้ นัน จะมคี วามหมายว่า เศรษฐกจิ แบบพอเพยี งกบั ตวั เอง คอื การทสี ามารถอยไู่ ดด้ ว้ ยตนเองอยา่ งไมเ่ ดอื ดรอ้ น ไมต่ ้องพงึ พาผอู้ นื แต่ในทุกวนั นี ประเทศไทยเรายงั เดอื ดรอ้ น ยงั มคี วามจาํ เป็นตอ้ งพงึ พาผูอ้ นื อยู่ ทใี นความเป็นจรงิ ทเี ราจะ สามารถช่วยเหลอื ตวั เองไดก้ ต็ าม ดงั นัน Self-Sufficient Economy จงึ หมายถงึ เศรษฐกจิ แบบพอเพยี งกบั ตวั เอง ทแี ตกต่างจาก Sufficiency Economy ซงึ หมายถงึ เศรษฐกจิ พอเพยี งทยี งั คงมกี ารพงึ พากนั และกนั อยู่ ดงั พระราชดาํ รสั เพมิ เตมิ ทวี า่

คอื พอมพี อกนิ ของตวั เองนนั ไมใ่ ช่เศรษฐกจิ พอเพยี ง เป็นเศรษฐกจิ สมยั หนิ สมยั หนิ นันเป็นเศรษฐกจิ พอเพยี งเหมอื นกนั แต่ว่าค่อยๆ พฒั นาขนึ มา ตอ้ งมกี ารแลกเปลยี นกนั มกี ารช่วยระหว่างหมบู่ า้ น หรอื ระหว่าง จะเรยี กว่าอําเภอ จงั หวดั ประเทศ จะต้องมกี ารแลกเปลยี น มกี ารไมพ่ อเพยี ง จงึ บอกวา่ ถ้ามี

เศรษฐกจิ พอเพยี ง เพยี งเศษหนึงสว่ นสกี จ็ ะพอแลว้ จะใชไ้ ด”้

ปรชั ญาเศรษฐกจิ พอเพยี งนัน เป็นแนวทางการดํารงชวี ติ และการปฏบิ ตั ติ นของประชาชนทุกระดบั โดยยดึ แนวทางการพฒั นาทมี คี น หรอื ประชาชนเป็นศูนยก์ ลาง ซงึ สงิ เหล่านีเองจะเป็นตวั การทนี ําไปสู่การพฒั นาที ยงั ยนื หรอื ในภาษาองั กฤษ คอื Sustainable Development

หลกั แนวคิดของเศรษฐกิจพอเพียง

การพฒั นาตามหลกั แนวคดิ เศรษฐกจิ พอเพยี ง คอื การพฒั นาทตี งั อยบู่ นพนื ฐานของทางสายกลางและความ ไมป่ ระมาท โดยคาํ นึงถงึ ความพอประมาณ ความมเี หตุผล การสรา้ งภมู คิ ุม้ กนั ทดี ใี นตวั ตลอดจนใชค้ วามรู้ ความรอบคอบ และคณุ ธรรม ประกอบการวางแผน การตดั สนิ ใจและการกระทาํ

ปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง มีหลกั พิจารณาอยู่ ๕ ส่วน ดงั นี 1. กรอบแนวความคิด เป็นปรชั ญาทชี แี นะแนวทางการดํารงอยแู่ ละปฏบิ ตั ติ นในทางทคี วรจะเป็น โดยมพี นื ฐานมาจากวถิ ชี วี ติ ดงั เดมิ ของสงั คมไทย สมารถนํามาประยกุ ตใ์ ชไ้ ดต้ ลอดเวลา และเป็นการมองโลกเชงิ ระบบทมี กี าร เปลยี นแปลงอยตู่ ลอดเวลา มงุ่ เน้นการรอดพน้ จากภยั และวกิ ฤต เพอื ความมนั คง และ ความยงั ยนื ของการ พฒั นา

2. คณุ ลกั ษณะ เศรษฐกจิ พอเพยี งสามารถนํามาประยกุ ตใ์ ชก้ บั การปฏบิ ตั ติ นไดใ้ นทกุ ระดบั โดยเน้นการปฏบิ ตั บิ นทางสาย กลาง และการพฒั นาอย่างเป็นขนั ตอน

3. คาํ นิยาม ความพอเพยี งจะตอ้ งประกอบดว้ ย ๓ คณุ ลกั ษณะ พรอ้ ม ๆ กนั ดงั นี

1. ความพอประมาณ: หมายถงึ ความพอดที ไี ม่น้อยเกนิ ไปและไม่มากเกนิ ไปโดยไมเ่ บยี ดเบยี น ตนเองและผอู้ นื เชน่ การผลติ และการบรโิ ภคทอี ยใู่ นระดบั พอประมาณ

2. ความมเี หตผุ ล: หมายถงึ การตดั สนิ ใจเกยี วกบั ระดบั ของความพอเพยี งนัน จะตอ้ งเป็นไปอย่างมี เหตุผลโดยพจิ ารณาจากเหตุปัจจยั ทเี กยี วขอ้ งตลอดจนคาํ นงึ ถงึ ผลทคี าดวา่ จะเกดิ ขนึ จากการกระทาํ นนั ๆ อยา่ งรอบคอบ

3. การมภี มู ิค้มุ กนั ทีดีในตวั : หมายถงึ การเตรยี มตวั ใหพ้ รอ้ มรบั ผลกระทบและการเปลยี นแปลงด้าน ต่าง ๆ ทจี ะเกดิ ขนึ โดยคาํ นึงถงึ ความเป็นไปไดข้ องสถานการณ์ ต่าง ๆ ทคี าดวา่ จะเกดิ ขนึ ในอนาคต ทงั ใกลแ้ ละไกล

4. เงือนไข การตดั สนิ ใจและการดําเนินกจิ กรรมต่าง ๆ ใหอ้ ยใู่ นระดบั พอเพยี งนันตอ้ งอาศยั ทงั ความรู้ และคุณธรรมเป็น พนื ฐาน กลา่ วคอื

 เงือนไขความร:ู้ ประกอบด้วย ความรอบรเู้ กยี วกบั วชิ าการต่าง ๆ ทเี กยี วขอ้ งอย่างรอบดา้ น ความ รอบคอบทจี ะนําความรเู้ หล่านันมาพจิ ารณาใหเ้ ชอื มโยงกนั เพอื ประกอบการวางแผน และความระมดั ระวงั ในขนั ปฏบิ ตั ิ

 เงือนไขคณุ ธรรม: ทจี ะตอ้ งเสรมิ สรา้ งประกอบดว้ ย มคี วามตระหนักในคณุ ธรรม มคี วามซอื สตั ยส์ ุจรติ และมคี วามอดทน มคี วามเพยี ร ใชส้ ตปิ ัญญาในการดาํ เนนิ ชวี ติ

5. แนวทางปฏิบตั ิ/ผลทีคาดวา่ จะได้รบั ผลจากการนําปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี งมาประยกุ ตใ์ ช้ คอื การพฒั นาทสี มดลุ และยงั ยนื พรอ้ มรบั ต่อ การเปลยี นแปลงในทุกดา้ น ทงั ดา้ นเศรษฐกจิ สงั คม สงิ แวดลอ้ ม ความรแู้ ละเทคโนโลยี

เศรษฐกิจพอเพียงกบั ทฤษฎีใหมต่ ามแนวพระราชดาํ ริ

เศรษฐกจิ พอเพยี งและแนวทางปฏบิ ตั ขิ องทฤษฎใี หม่ เป็นแนวทางในการพฒั นาทนี ําไปสคู่ วามสามารถใน การพงึ ตนเอง ในระดบั ต่าง ๆ อยา่ งเป็นขนั ตอน โดยลดความเสยี งเกยี วกบั ความผนั แปรของธรรมชาติ หรอื การเปลยี นแปลงจากปัจจยั ต่าง ๆ โดยอาศยั ความพอประมาณและความมเี หตุผล การสรา้ งภมู คิ ุม้ กนั ทดี ี มี ความรู้ ความเพยี รและความอดทน สตแิ ละปัญญา การชว่ ยเหลอื ซงึ กนั และกนั และความสามคั คี

เศรษฐกจิ พอเพยี งมคี วามหมายกวา้ งกวา่ ทฤษฎใี หมโ่ ดยทเี ศรษฐกจิ พอเพยี งเป็นกรอบแนวคดิ ทชี บี อก หลกั การและแนวทางปฏบิ ตั ขิ องทฤษฎใี หมใ่ นขณะที แนวพระราชดาํ รเิ กยี วกบั ทฤษฎใี หมห่ รอื เกษตรทฤษฎี ใหม่ ซงึ เป็นแนวทางการพฒั นาภาคเกษตรอยา่ งเป็นขนั ตอนนัน เป็นตวั อยา่ งการใชห้ ลกั เศรษฐกจิ พอเพยี ง ในทางปฏบิ ตั ิ ทเี ป็นรปู ธรรมเฉพาะในพนื ทที เี หมาะสม

ทฤษฎีใหมต่ ามแนวพระราชดาํ ริ

อาจเปรยี บเทยี บกบั หลกั เศรษฐกจิ พอเพยี ง ซงึ มอี ยู่ 2 แบบ คอื แบบพนื ฐานกบั แบบก้าวหน้า ไดด้ งั นี

ฐานที่ 1 เปน็ แหล่งเรียนรู้สาหรับนักเรยี น ครู ชมุ ชน ไดเ้ รยี นรู้เรอ่ื งพระราชประวัตแิ ละพระราชกรณียกิจ

หอ้ งของพ่อ ของพระบาทสมเดจ็ พระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพติ ร หลกั ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง และโครงการในพระราชดาริ หลกั การทรงงาน เพื่อใหน้ กั เรยี น

ฐานที่ 2 นาความร้ทู ไี่ ด้ไปใชใ้ นชวี ติ ประจาวนั โดยบรู ณาการกับหลักปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียง ก่อเกดิ ศลิ ป์ ตระการ เป็นแหลง่ เรยี นรสู้ าหรับนกั เรยี น ครู ชุมชน ได้เรยี นรู้ ฝึกปฏิบัติงานเกี่ยวกบั การวาดภาพระบายสี ในรปู แบบ จติ รกรรมไทย การใช้สี องคป์ ระกอบของภาพประเพณีท้องถนิ่ นครไทยวิถชี วี ติ ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพียง ตลอดจนเกดิ ความภาคภมู ใิ จในทอ้ งถนิ่ ของตนเอง

ฐานท่ี 3 เป็นแหล่งเรียนรสู้ าหรับนักเรียน ครู ได้เรียนรู้เกี่ยวกับการเก็บออมเงินอย่างสม่าเสมอ วางแผนการใช้จา่ ย ธนาคารโรงเรียน ของตนเองวธิ ีการทาบญั ชีรายรบั -รายจ่าย วธิ ีการออมในอนาคต และฝึกปฏิบัติงานเกี่ยวกับงานธนาคารโรงเรยี น

ด้วยความซือ่ สัตยส์ จุ รติ

ฐานที่ 4 เปน็ แหล่งเรียนรสู้ าหรับนักเรยี น ครู ชมุ ชน เพื่อเสรมิ สรา้ งคณุ ธรรมและคณุ ลักษณะทพี่ ึงประสงค์ของนักเรยี น

เพียรฝกึ สมาธเิ พ่อื โดยนกั เรียนมคี วามรลู้ าดับข้นั ตอนพธิ ีการทางศาสนา และฝึกปฏบิ ตั ิศาสนพธิ ี

ชีวิต ในบทบาทมัคนายกนอ้ ย เรียนรหู้ ลกั ธรรมไตรสกิ ขา ทีใ่ ชเ้ ปน็ แนวทางปฏิบตั ติ นในชีวติ ประจาวนั โดยใช้กจิ กรรม

อาราธนาศีล 5 นักเรยี นมีทกั ษะชีวิตด้วยสติ และสมาธิ ๖ ขั้น

ฐานท่ี 5 เปน็ แหลง่ เรยี นรสู้ าหรับนักเรยี น ครู ชมุ ชน ไดเ้ รยี นรู้เกย่ี วกบั ประวตั ิความเป็นมาของประเพณี พิชิตเขาช้างลว้ ง ปกั ธงชยั วิถชี ีวิต ภูมิปัญญา วัฒนธรรมท้องถนิ่ ในยคุ สมยั ประวตั ศิ าสตร์ของเมอื งนครไทย เมอื งนครไทย วิธกี ารเตรยี มความพร้อมของรา่ งกาย สมรรถภาพทางกายเพอ่ื เข้าร่วมกจิ กรรมพชิ ิตเขาช้างลว้ ง ในประเพณีปกั ธงชยั

ฐานท่ี 6 เป็นแหล่งเรยี นรสู้ าหรบั นักเรยี น ครู ชมุ ชนได้เรียนรู้ ฝกึ ปฏบิ ตั ิการออกแบบการสรา้ งหุ่นยนต์

เรยี นรู้กา้ วไกลด้วย กลไกการทางานของหุ่นยนต์ การควบคุมหุ่นยนต์ รจู้ ักเลือกวัสดุ อปุ กรณ์ทีน่ ามาประกอบเป็นหนุ่ ยนตไ์ ด้มที กั ษะ ด้านความคดิ สรา้ งสรรค์ เพ่อื ประยกุ ต์ความร้ดู า้ นเทคโนยีไปใชใ้ นการดาเนินชวี ติ หุน่ ยนต์

ฐานท่ี 7 เปน็ แหลง่ เรยี นรสู้ าหรับนกั เรยี น ครู ชมุ ชน ไดเ้ รยี นรู้เกย่ี วกับวถิ ปี ระชาธิปไตยตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจ ยวุ ชนประชาธปิ ไตย พอเพียง ทดลองปฏบิ ัติจริงด้วยสถานการณจ์ าลองเมืองประชาธิปไตยภายใต้การปกครองระบอบประชาธปิ ไตย

อันมพี ระมหากษตั ริย์ทรงเป็นประมุข สร้างเสริมความเป็นพลเมอื งดดี ว้ ยกระบวนการพฒั นาพฤตกิ รรม ประชาธปิ ไตย ส่งเสริมภาวะความเป็นผู้นา ทกั ษะกระบวนการทางานอยา่ งเป็นระบบ โดยใช้หลักประชาธปิ ไตย

7

แหล่งเรยี นรู้ ใช้ประโยชน์ ภายใน เปน็ แหลง่ เรียนรสู้ าหรบั นักเรยี น ครู ชุมชนไดเ้ รียนรเู้ กย่ี วกับขน้ั ตอน วิธีการทาแหนมเหด็ นางฟ้า เปน็ การนาเหด็ ฐานท่ี 8 นางฟ้ามาสร้างมลู คา่ เพ่ิม สง่ เสริมใหน้ ักเรียนมรี ายไดร้ ะหวา่ งเรยี น และสามารถนาความรไู้ ปประยุกตใ์ ชใ้ นการ ประกอบอาชพี นางฟา้ เปน็ แหลง่ เรียนรสู้ าหรับนกั เรยี น ครู ชุมชนได้เรยี นรเู้ ก่ียวกับประวตั ิ ความเป็นมาของอาเภอ ไร้เทียมทาน นครไทย ศลิ ปะพ้ืนบา้ นการแทงหยวกประดบั แลแหน่ าค และตระหนักถึงคณุ ค่าด้านศลิ ปวัฒนธรรมทอ้ งถน่ิ ทาให้ นกั เรียนเห็นคุณคา่ หวงแหน และสบื ทอดภูมิปญั ญา มีความภาคภมู ใิ จที่เปน็ สว่ นหนง่ึ ในการร่วมสบื สาน ฐานที่ 9 วัฒนธรรมท้องถนิ่

สบื สานวฒั นธรรม

แทงหยวก

แนวทางการจัดการเรยี นรู้ฐานการเรียนรูต้ ามหลักปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพียง

จัดการเรียนการสอนโดยใช้ช่วั โมงเสริมสร้างทักษะชีวิต

8

ฐานการเรียนรู้ หอ้ งของพ่อ

ครูแกนน่า

นางประดดั ชมมี นางสภุ าพรรณ เอมสมบญุ นางสาวอญั ชลี ไชยวฒุ ิ นางสาวนารรี ัตน์ จติ ตใ์ จฉา่

นางสาวปรศิ นา บญุ ประสพ นางสาวศศธิ ร จนั ทรโ์ ท นางสาวดจุ สติ า ขา่ นาพงึ

นกั เรียนแกนนา่

นางสาวณฎั ฐณิชา สหี ะวงษ์ นางสาวสารสิ า พลสอนดา นางสาวณัฐสินันทกานต์ โสคาภา นางสาวจิรภญิ ญา แจม่ โถง

นางสาวจดิ าภา ทองกวด เดก็ หญงิ มนปรยิ า ดธี งทอง เดก็ หญงิ พรนภา ภสู ุธรรม

9

ฐานการเรยี นรู้ หอ้ งของพอ่

10

ฐานการเรยี นรู้ หอ้ งของพอ่

11

ปัจจยั เอ้ือทที ่าใหง้ านสา่ เรจ็

1. ด้านผ้บู ริหาร ใหก้ ารสนบั สนนุ เชงิ นโยบาย และสง่ เสริมใหม้ ีการน้อมนาหลักปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพยี งไปใชใ้ นการ

บริหารจดั การสถานศึกษาโดยคานงึ ถงึ ๒ เง่ือนไข ๓ หลกั การ เพอื่ เกิดความสมดลุ และพร้อมรบั การเปล่ยี นแปลงใน ๔ มติ ิ เพอ่ื มุ่งพัฒนาคุณภาพการบริหารจดั การ คุณภาพการจดั การเรียนรู้ และคณุ ภาพของผู้เรียนใหเ้ ขา้ ใจ เห็นคุณค่าของการ อยูอ่ ย่างพอเพยี ง และมอี ปุ นสิ ยั อยอู่ ย่างพอเพยี ง

2. ดา้ นครู จัดกิกรรมการเรยี นรู้เพื่อมุ่งให้ผเู้ รียนเกิดการเรียนรู้ เข้าใจ ซึมซับ ฝึกฝน เหน็ คุณคา่ ของการอยู่อยา่ ง

พอเพยี ง และมีคุณลักษณะอยอู่ ย่างพอเพียง/อุปนิสยั อยู่อยา่ งพอเพียง โดยคานงึ ถงึ ๒ เงอ่ื นไข ๓ หลกั การ เพ่ือเกดิ ความ สมดลุ และพร้อมรบั การเปลย่ี นแปลงใน ๔ มิติ และใช้ชวี ติ สอดคล้องกับหลักปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียง คือ คิด พูด ทา อย่างพอประมาณ มีเหตุผล และมภี ูมิคมุ้ กันในตวั ที่ดี โดยใชค้ วามรู้ และคุณธรรมเปน็ พน้ื ฐานในการดาเนินชวี ิตและปฏบิ ตั ิ ภารกจิ หนา้ ที่ให้เพ่ือเจริญกา้ วหน้าไปอยา่ งสมดุล และพร้อมรับตอ่ การเปลี่ยนแปลงในดา้ นวตั ถ/ุ เศรษฐกิจ สงั คม ส่งิ แวดล้อม และวฒั นธรรม มกี ระบวนการกลมุ่ ของครแู ละบคุ ลากร ทางการศึกษาในสถานศึกษาท่ีรว่ มมือรว่ มใจ รวมพลงั และเรียนรรู้ ่วมกัน โดยมวี ัตถุประสงคเ์ พือ่ การพฒั นาคุณภาพการจดั การเรียนร้ใู ห้บรรลวุ สิ ยั ทศั น์ เปา้ หมาย และภารกิจ บนพ้นื ฐานความสมั พนั ธแ์ บบกัลยาณมิตร โดยรว่ มกนั วางเปา้ หมายการเรียนรู้ของผเู้ รยี น ตรวจสอบ และสะท้อนผล การปฏบิ ตั ิงานทงั้ ในส่วนบุคคล และผลที่เกดิ ขึน้ โดยรวมผา่ นกระบวนการแลกเปลีย่ นเรยี นรู้ การวพิ ากษว์ จิ ารณ์ และการทางานเปน็ แบบทมี การเรยี นรู้ที่มคี รเู ปน็ ผนู้ ารว่ มกัน และผบู้ ริหารเปน็ ผูด้ ูแลสนับสนนุ สกู่ ารเรียนร้แู ละพัฒนา วิชาชพี ให้เกิดการเปลย่ี นแปลงคุณภาพตนเองส่คู ุณภาพการจัดการเรยี นรู้ท่ีเนน้ ความสาเรจ็ หรอื ประสิทธผิ ลของผเู้ รียน เป็น สาคัญตลอดจนความสุขของการทางานร่วมกนั ของสมาชกิ ในชมุ ชนการเรียนรทู้ างวิชาชีพ ตลอดจนมคี ุณลกั ษณะทด่ี ี ทแ่ี สดงออกถึงการมีความรู้ความเขา้ ใจ ความคดิ หรือเจตคติ และการปฏบิ ัตติ นในทางท่ีดีงามวา่ เปน็ บุคคลที่มี ความรบั ผิดชอบต่อตนเอง ตอ่ สงั คม และต่อสถาบันหลักของชาติ รวมทั้งมคี วามเคารพผู้อื่นตามระบอบการปกครอง แบบประชาธิปไตย เพอื่ ประโยชน์ตอ่ การดารงชวี ติ รว่ มกนั ในสงั คมอยา่ งสนั ตสิ ุข

3. ด้านนกั เรยี น ผู้เรียนเข้าใจ ซมึ ซับ ฝกึ ฝน ปฏิบัติ และเหน็ คณุ ค่าของการอยู่อยา่ งพอเพยี ง จนเกิดคุณสมบตั ิ

ทพี่ ึงประสงค์ ๔ ด้าน ได้แก่ ๑. มที ัศนคติที่ถูกต้องต่อบา้ นเมือง ๒. มีพน้ื ฐานชีวติ ทมี่ ่นั คง – มคี ุณธรรม มรี ะเบยี บวินัย ๓. มงี านทา – มีอาชีพ ๔. เป็นพลเมอื งท่ดี ี

4. ดา้ นชมุ ชน/ผูป้ กครอง/หนว่ ยงานทีเกียวข้อง ให้การสนับสนุน ส่งเสรมิ และสบื สานการขบั เคล่อื นหลักปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพียงของสถานศึกษา

สู่ภายนอกสถานศกึ ษาจนเหน็ ผล

12

ฐานการเรยี นรู้ กอ่ เกดิ ศิลป์ตระการ

ครูแกนนา

นางสาวอปั สรสวรรค์ สงิ หเดช นายพรชัย เปร้ อด นางจดิ าภา โตเสนห่ ์ นายสมทราย มาตชยั เคน

นางสาวสิริลกั ษณ์ สงิ หข์ ร นางสาวกฤษณา ไกรสทุ ธพิ งศ์ นางสาวจุฑารตั น์ อุน่ ไพร

นกั เรยี นแกนนา

นางสาวรงุ่ อรุณ มากดี นางสาวฐติ ิรตั น์ จนั ทรค์ ีรี นางสาวเยาวภา อยู่ทิม นางสาวปรญิ ญาดา พรมชา

นางสาวฐิตวิ รดา คงกล่อม เดก็ หญิงพชิ ญาพร เยาวะยอด เดก็ หญิงขวญั ข้าว จนั ทร์อินทร์

13

ฐานการเรียนรู้ กอ่ เกดิ ศลิ ป์ตระการ

14

ฐานการเรียนรู้ กอ่ เกดิ ศลิ ป์ตระการ

15

ปัจจยั เออื้ ทท่ี าให้งานสาเร็จ

1. ดา้ นผบู้ รหิ าร สง่ เสริมการเรียนรขู้ องผูศ้ ึกษาในดา้ นสถานท่ี และวสั ดอุ ปุ กรณ์ และอนุญาตให้ผเู้ กย่ี วข้องจากภายนอก

(ปราชญ)์ เขา้ มาใหค้ วามรู้แก่ผศู้ ึกษาในโรงเรยี นได้ 2. ด้านครู ท่มุ เทกาลังกาย กาลงั ใจ และเวลาใหค้ วามรู้ สร้างองค์ความรู้สร้างทักษะการวาดภาพจิตรกรรมไทย

ทอ้ งถิน่ เพื่ออนุรักษว์ ัฒนธรรมท้องถิน่ แลแหน่ าคนครไทย 3. ด้านนกั เรียน มุ่งม่ันในการศึกษา และคน้ คว้าข้อมลู เพมิ่ เติมด้วยตนเอง และฝกึ ฝนการวาดภาพจนได้ผลงานทีส่ วยงาม

ในเชงิ ประจกั ษ์ 4. ด้านชมุ ชน/ผปู้ กครอง/หนว่ ยงานที่เก่ียวข้อง ให้ความร่วมมือต่อโรงเรียนเป็นอยา่ งดี เปดิ โอกาสให้ผู้ศึกษาได้ฝึกฝนในแนวทางของศลิ ปะ

จติ รกรรมไทยเสมอมา

16

ฐานการเรยี นรู้ ธนาคารโรงเรยี น

ครูแกนนา

นางอารี สีขา นางสมพร ป่ินเงนิ นางประไพ ชา้ งอนิ ทร์ นางสาวพรพชิ ชา สนุ ทรวงศ์

นางอนกุ ูล แกว้ บัวรมย์ นางนฤมล อย่สู ุขสวสั ด์ิ นางสาวศศธิ ร จันทร์โท

นักเรยี นแกนนา

นางสาวพัชรี แกว้ วงหวิ นางสาวญารดา หม่ืนจันทร์ นางสาววนั วสิ า แซวหวิ นางสาวธนพร สคุ งเจริญ

นางสาวรสิตา นาคประสงค์ นางสาวสทุ ธนิ ี สอนเสยี ม นางสาวอนญั ญา จตั ตนุ าม

17

ฐานการเรยี นรู้ ธนาคารโรงเรยี น

18

ฐานการเรยี นรู้ ธนาคารโรงเรยี น

19

ปัจจัยเอ้ือทที่ าให้งานสาเร็จ

1. ด้านผู้บรหิ าร ให้การสนบั สนุนดา้ นงบประมาณ บคุ ลากร สถานท่ี

2. ด้านครู นาหลักปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี งมาใช้ในการศึกษาพฒั นางานอยา่ งต่อเนื่อง รกั การทางานธนาคาร

3. ดา้ นนักเรียน

  1. ศึกษาเรยี นร้แู ละเก็บเก่ียวประสบการณ์ตา่ งๆที่ไดเ้ รียนมาปรบั ประยกุ ตใ์ ช้ในชวี ิตประจาวัน
  2. นักเรยี นมีความพยายาม มีความอดทนและใฝร่ ใู้ ฝ่เรียน

4. ดา้ นชุมชน/ผูป้ กครอง/หน่วยงานที่เกยี่ วข้อง ให้ความสนบั สนนุ อปุ กรณ์ เงินทุน ความรู้ ในการดาเนนิ งาน

20

ฐานการเรียนรู้ เพียรฝึกสมาธเิ พื่อชวี ติ

ครูแกนนา

นางกาญจนา กณั ฑษา นางสาววลีรตั น์ สิทธโิ ชค นายสมพงษ์ นอ้ ยทุง่ นางนงลกั ษณ์ มาตชยั เคน

นางสาวธดิ ารตั น์ เพียภูเขยี ว นางสาวชาลิสา สิงหห์ า นายณทั ธร จนั ทรเ์ กษม

นกั เรียนแกนนา

นางสาวศิราพร เพง็ อินทร์ นางสาวจุฑากันยา แย้มสวัสด์ิ นางสาวทิฆัมพร พงษส์ ารกิ นั นางสาวอัญชลีพร สขุ โขสวสั ดิ์

เดก็ หญงิ ญาณีกร สุขมามอญ เดก็ หญงิ เจตนพิ ฐิ สุขมามอญ เดก็ หญงิ ธญั ชนก สวุ รรณเกดิ

21

ฐานการเรียนรู้ เพยี รฝกึ สมาธเิ พื่อชวี ติ

22

ฐานการเรียนรู้ เพยี รฝกึ สมาธเิ พื่อชวี ติ

23

ปจั จัยเออื้ ทท่ี าใหง้ านสาเร็จ

1. ดา้ นผบู้ ริหาร ส่งเสริมให้จัดกิจกรรมสรา้ งเสรมิ ทกั ษะชวี ติ โดยใชส้ มาธิ ใหก้ บั นักเรียนทุกคนโดยจดั เปน็ ระดบั

ชัน้ ละ 1 วนั ทงั้ ด้านการเรยี นการสอน กจิ กรรมในโรงเรียน และกจิ กรรมค่ายคุณธรรมจริยธรรม เพ่อื ใหน้ ักเรยี น มีจิตใจทสี่ งบ เกดิ ความรสู้ กึ ตัวดีในการใช้ชวี ติ

2. ดา้ นครู ส่งเสริมใหม้ คี วามรู้เกย่ี วกับศาสนพธิ ี การฝึกสมาธิ และความรู้เก่ียวกับหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง

บูรณษการในรายวิชาท่สี อน ในชีวิตประจาวัน และศนู ยก์ ารเรียนรู้ สามารถนาความรู้ไปใชใ้ ห้เกดิ ประโยชนต์ อ่ ไป 3. ดา้ นนกั เรยี น นกั เรียนแกนนา และนกั เรยี นไดเ้ รยี นรูข้ นั้ ตอนศาสนพิธี การฝกึ สมาธิ และทาทาน เป็นประจา

สามารถนาประสบการณ์ท่ีได้รับไปใช้ใหเ้ กดิ ประโยชน์ในชีวติ ประจาวัน 4. ดา้ นชมุ ชน/ผปู้ กครอง/หน่วยงานที่เกยี่ วข้อง บา้ น วัด และโรงเรยี น ใหค้ วามรว่ มมือกนั ในกิจกรรมสรา้ งเสรมิ ทกั ษะ เพียรฝึกสมาธิเพื่อชีวติ

จนทาใหก้ จิ กรรมนเ้ี ป็นทยี่ อมรับ

24

ฐานการเรยี นรู้ พิชิตเขาช้างล้วงเมอื งนครไทย

ครแู กนน่า

นายภเู มศวร์ หมน่ั กิจ นายชอบ หนกู ล่า นางนันทวนั หนกู ลา่ นายอริยะ เอมสมบญุ

นางสาวศิรวิ มิ ล ทองศิริ นางสาวสนุ สิ า สพี รม นายธงชยั ค่าปอ้ ง

นักเรยี นแกนนา่

นางสาวณัฐรญิ านันท์ ปยิ ะมติ ร นางสาวสรญั ชนา มาตชยั เคน นายมงคลเอก ด่อนแผ้ว นายนพจร สอนเปรมปรี

นายอาทิตย์ กันคา นายจกั รนิ ทร์ แกว้ ป้องปก นายจิรายทุ ธ เชอ้ิ บญุ มี

25

ฐานการเรยี นรู้ พิชติ เขาช้างล้วงเมืองนครไทย

26

ฐานการเรยี นรู้ พิชติ เขาช้างล้วงเมืองนครไทย

27

ปจั จัยเอ้อื ทที่ ่าใหง้ านส่าเร็จ

1. ด้านผู้บริหาร สง่ เสรมิ ใหม้ กี ารอนุรกั ษแ์ ละสืบสานประเพณงี านปักธงชัยและพชิ ิตเขาชา้ งลว้ ง ของอาเภอนครไทย

เพ่ือให้นกั เรยี นไดร้ จู้ ักประเพณขี องท้องถนิ่ ในอาเภอ 2. ด้านครู สง่ เสรมิ ใหน้ กั เรียนมีความรู้เกี่ยวกบั หลกั ปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพยี งในด้านตา่ งๆ และสง่ เสรมิ

ใหน้ ักเรียนรู้จักการเขา้ ร่วมประเพณปี ักธงชัยและพิชติ เขาช้างลว้ ง เพอ่ื สบื สารประเพณีทอ้ งถิ่น 3. ดา้ นนกั เรยี น ศึกษาเรยี นรู้และเก็บเก่ียวประสบการณ์ต่างๆท่ีได้เรียนมาและนาไปปรบั ใชใ้ นชีวิตประจาวัน

และการพึ่งพาตวั เองในอนาคต 4. ด้านชุมชน/ผปู้ กครอง/หนว่ ยงานทีเ่ กยี่ วข้อง ชมุ ชน ผ้ปู กครอง ใหค้ วามร่วมมอื ในการให้ความร้เู ก่ยี วกับประเพณปี ักธงชัยและพชิ ิตเขาช้างล้วง

และใหค้ าแนะนาและคาปรกึ ษาเกยี่ วกับการร่วมสืบสานประเพณขี องท้องถน่ิ อาเภอนครไทยเปน็ อยา่ งดี

28

ฐานการเรยี นรู้ เรียนร้กู ้าวไกลด้วยหุน่ ยนต์

ครแู กนนา

นายละไม สารี นางเบญจมาส ภมู ถิ าวร นางลดั ดาวลั ย์ ศรีฉมิ นางทติ ยา หงษท์ องมี

นางสาวนวรตั น์ ระวีวัฒน์ นายภทั รพงศ์ หงษท์ องมี

นักเรียนแกนนา

นางสาวเชญิ ขวญั สทุ ธนิ นท์ นางสาวสธุ าสนิ ี ยอดเกตุ นางสาวเมธาพร โพธ์ิเตย้ี นายทฆี ายุ บัวขัน

เดก็ หญิงธัญธร แก้วกองทรพั ย์ เดก็ หญงิ ธญั ชนก ศรีฉิม เดก็ หญงิ จารวี สพี รม

29

ฐานการเรยี นรู้ เรยี นรู้กา้ วไกลดว้ ยห่นุ ยนต์

30

ฐานการเรยี นรู้ เรยี นรู้กา้ วไกลดว้ ยห่นุ ยนต์

31

ปจั จยั เออ้ื ทที่ าให้งานสาเร็จ

1. ด้านผู้บริหาร ส่งเสริมใหม้ ีการจดั กิจกรรมค่ายวชิ าการ (การฝึกอบรมเชงิ ปฏบิ ัตกิ ารดา้ น STEM) สาหรบั นกั เรียน

ทกุ ระดับช้ัน และสง่ เสรมิ ใหน้ ักเรยี นตวั แทนนักเรียนเข้ารับการอบรมและเข้าร่วมการแข่งขนั หนุ่ ยนตใ์ นระดบั ตา่ งๆ เพ่ือให้นกั เรียนได้ฝึกฝนทักษะดา้ นหุ่นยนตแ์ ละมโี อกาสได้แสดงศักยภาพของตนเอง

2. ดา้ นครู ส่งเสริมใหม้ ีความรู้หลกั ปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียงในดา้ นต่างๆมาปรับใช้ในชีวติ ประจาวนั

และการรู้จักนาวสั ดเุ หลือใช้มาประยกุ ต์ในการออกแบบสรา้ งหุน่ ยนต์ได้ เปน็ ผ้นู าและเปน็ ผฝู้ กึ สอนนกั เรียน ให้มีความชานาญในการประกอบและควบคุมหนุ่ ยนต์

3. ดา้ นนักเรยี น

  1. ศึกษาเรยี นรู้และเก็บเก่ยี วประสบการณ์ต่างๆ ท่ีได้เรยี นมาปรับประยุกตใ์ ชใ้ นชีวติ ประจาวัน
  2. นกั เรยี นมคี วามพยายาม มีความอดทนและใฝ่ร้ใู ฝ่เรยี น

4. ดา้ นชุมชน/ผู้ปกครอง/หน่วยงานทเี่ ก่ียวขอ้ ง ผู้ปกครองนักเรยี นให้ความรว่ มมือและสนับสนนุ นกั เรยี นให้เข้ารว่ มกจิ กรรมตา่ งๆ ทโ่ี รงเรียนจดั ขนึ้

32

ฐานการเรยี นรู้ ยวุ ชนประชาธิปไตย

ครแู กนนา

นางจรญิ ญา ปยิ ะมติ ร นางอุราลกั ษณ์ แสงคา นางญาณดิ า แกว้ วงษห์ วิ นางแกว้ กัลยาณี ใจสมคั ร

นายสุธี เทยี่ งคา นางสาวกนกมาศ คุม้ ปากพงิ นางสาววนั วสิ า ชาตยิ ม้ิ

นักเรียนแกนนา

นางสาวณัฐกฤตา เสนานุช นางสาวจิราภา สารองพันธ์ นายเตชวัน ชูชว่ ย นางสาวพริมรตา หลอ่ อินทร์

นายธนากร วฒั นธรรม นางสาวนฐั อนันดา ฮวดพงศ์วทิ ย์ นางสาววยิ ะดา เช้อื บญุ มี

33

ฐานการเรยี นรู้ ยุวชนประชาธปิ ไตย

34

ฐานการเรยี นรู้ ยุวชนประชาธปิ ไตย

35

ปัจจยั เอื้อทที่ าใหง้ านสาเรจ็

1. ดา้ นผู้บรหิ าร สง่ เสรมิ ใหม้ กี ารจดั กิจกรรมที่ส่งเสรมิ ประชาธปิ ไตยในสถานศึกษาอย่างต่อเนื่อง มีการติดตามผล

การดาเนนิ งานอยา่ งเป็นระบบและต่อเนอ่ื ง 2. ดา้ นครู จดั การเรียนรโู้ ดยบูรณาการรูปแบบการสง่ เสริมประชาธปิ ไตยในชนั้ เรียน เชน่ กิจกรรมห้องเรยี นสีขาวและ

การจดั การเรียนรใู้ นกลมุ่ สาระการเรยี นรู้ตา่ ง ๆ ทุกกลมุ่ สาระการเรียนรู้อย่างหลากหลายตามบริบทของวชิ าและกิจกรรม ท่ีสง่ เสริมความเป็นประชาธิปไตยในชีวิตประจาวันอย่างต่อเน่ือง มีการวัดและประเมินผลตามสภาพจริง อยา่ งเปน็ ระบบ และตอ่ เนื่อง

3. ดา้ นนักเรยี น นักเรยี นมคี วามตระหนกั เห็นคณุ ค่าของการปกครองในระบอบประชาธปิ ไตย ให้ความร่วมมือในการร่วม

กิจกรรมสง่ เสรมิ ประชาธปิ ไตยท่ีโรงเรยี นจัดข้ึน 4. ดา้ นชุมชน/ผู้ปกครอง/หน่วยงานท่เี ก่ยี วข้อง สง่ เสรมิ สนับสนนุ ให้ความร่วมมอื ในการจดั กจิ กรรมทส่ี ง่ เสรมิ ประชาธิปไตยในสถานศึกษาอย่างต่อเน่ือง

ให้ความร่วมมือในการเป็นวทิ ยากรใหค้ วามรแู้ ละให้ความชว่ ยเหลือ อานวยความสะดวกด้านวัสดุ อุปกรณ์ทเ่ี กี่ยวกับ การสง่ เสริมการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอยา่ งต่อเนื่อง

36

ฐานการเรยี นรู้ นางฟา้ ไร้เทยี มทาน

ครูแกนนา

นางธมกร ทองพลบั นางนงนุช กนั แยม้ นางฉววี รรณ อินจิว นางผสุ ดี ฟกั ทอง

นางสมประสงค์ แดงบ้งุ นางสาวรัชนกี ร สนิ ใจ นางรจุ ริ า จนี ทิม

นกั เรียนแกนนา

นางสาวปนั ทชิ ากรณ์ บญุ ธรรม เด็กหญงิ ปรยิ ากร จันทศลิ ป์ นายรชั พล ทานนท์ นายวชริ วทิ ย์ เสงี่ยมอยู่

นักเรียนสามารถนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงไปใช้ในชีวิตประจำวันโดยการปฎิบัติอย่างไร

แนวทางการนำปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาใช้ในชีวิตประจำวันสำหรับเด็กและนักเรียน พึ่งพาตนเอง และช่วยเหลือบุคคลในครอบครัวตามวัยและความสามารถ เช่น การแต่งตัว จัดกระเป๋าไปโรงเรียนเอง ช่วยทำความสะอาด เก็บสิ่งของให้เข้าที่เป็นระเบียบ ตั้งใจศึกษาหาความรู้ และฝึกฝนทักษะที่จำเป็น มีความอดทนและความขยันหมั่นเพียร

แนวคิดตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงเน้นเรื่องใด

เศรษฐกิจพอเพียง มุ่งเน้นให้ผู้ผลิต หรือผู้บริโภค พยายามเริ่มต้นผลิต หรือบริโภคภายใต้ขอบเขต ข้อจำกัดของรายได้ หรือทรัพยากรที่มีอยู่ไปก่อน ซึ่งก็คือ หลักในการลดการพึ่งพา เพิ่มขีดความสามารถในการควบคุมการผลิตได้ด้วยตนเอง และลดภาวะการเสี่ยงจากการไม่สามารถควบคุมระบบตลาดได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ตัวอย่างเศรษฐกิจพอเพียงมีอะไรบ้าง

การปฏิบัติตามแนวทางเศรษฐกิจพอเพียงยึดหลัก พออยู่ พอกิน พอใช้ ยึดความประหยัด ตัดทอนค่าใช้จ่าย ลดความฟุ่มเฟือย ในการดำรงชีพ “ความเป็นอยู่ที่ต้องไม่ฟุ้งเฟ้อต้องประหยัดไปในทางที่ถูกต้อง” ยึดถือการประกอบอาชีพด้วยความถูกต้องและสุจริต “ความเจริญของคนทั้งหลายย่อมเกิดมาจากการประพฤติชอบ และการหาเลี้ยงชีพชอบเป็นสำคัญ”

หลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง 5 ข้อมีอะไรบ้าง

1.พอดีด้านจิตใจ 2.พอดีด้านสังคม 3.พอดีด้านทรัพยากร ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม 4.พอดีด้านเทคโนโลยี 5.พอดีด้านเศรษฐกิจ