หลายคนคงเคยได้ยินคำว่า “ออฟฟิศซินโดรม” กันอยู่บ่อยๆ ในปัจจุบัน เพราะไลฟ์สไตล์การทำงานที่เปลี่ยนไป จากการทำงานกลางแจ้ง มาเป็นการทำงานในออฟฟิศ หรือทำงานนั่งโต๊ะกันมากขึ้น ไปจนถึงเทรนด์การทำงานที่บ้าน หรือ Work From Home ที่ทำให้เกิดกลุ่มโรคที่เรียกว่า ออฟฟิศซินโดรม ได้มากขึ้นตามไปด้วย Show
Table of Contents ไม่ใช่แค่คนทำงานออฟฟิศ เด็กนักเรียน หรือผู้สูงอายุก็มีโอกาสเสี่ยง โรคออฟฟิศซินโดรม ได้เช่นกันหลายๆ คนเข้าใจว่า โรคออฟฟิศซินโดรม เกิดขึ้นได้เฉพาะกับคนทำงานออฟฟิศ แต่ในความเป็นจริง สามารถพบได้ในคนทุกเพศทุกวัย ที่มีการใช้งานกล้ามเนื้อ เส้นเอ็นเดิมๆ ซ้ำๆ เป็นระยะเวลานาน ในปัจจุบันเราจะพบโรคกลุ่มออฟฟิศซินโดรมได้ในเด็กๆ ที่เรียนหนังสือผ่านออนไลน์กันมากขึ้น หรือแม้แต่ในผู้สูงอายุ ที่ปัจจุบันก็มีการเล่นสมาร์ทโฟน ส่งไลน์สวัสดีวันจันทร์ แชร์ข่าวในเฟสบุ๊คกันมากขึ้นด้วยเช่นกัน วัยเรียนสำหรับวัยเรียนที่อายุยังน้อย ก็อาจพบอาการ ออฟฟิศซินโดรม ได้ เนื่องจากเด็กๆ สมัยนี้เริ่มใช้งานอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์กันเร็ว ทำให้มีการใช้งานซ้ำๆ ในท่าเดิมบ่อยครั้ง ซึ่งในความเป็นจริง ธรรมชาติของเด็กนั้น เราต้องการให้มีการวิ่งเล่นออกกำลังกายมากๆ เพื่อช่วยกระตุ้นการเจริญเติบโตของกระดูก กล้ามเนื้อ และโครงสร้างต่างๆ ทำให้ระบบกระดูก กล้ามเนื้อ สามารถโตและแข็งแรงขึ้นพร้อมรับการใช้งานในวัยผู้ใหญ่ ดังนั้น ผู้ปกครองควรจะกระตุ้นให้เด็กได้วิ่งเล่นอย่างเต็มที่ นอกจากช่วยกระตุ้นพัฒนาการและการเจริญเติบโตด้านต่างๆ แล้ว ยังช่วยลดเวลาเด็กๆ จากหน้าจอต่างๆ ได้ ลดโอกาสเกิดอาการออฟฟิศซินโดรมได้ด้วยเช่นกัน วัยทำงานเนื่องจากเป็นวัยที่มีกิจกรรมเกี่ยวข้องโดยตรง ที่จะต้องทำงานในท่าเดิมซ้ำๆ ทำให้เป็นวัยที่พบปัญหาออฟฟิศซินโดรมได้บ่อยที่สุด และหลีกเลี่ยงสาเหตุได้ค่อนข้างยาก เพราะก็ยังคงต้องกลับมาทำงานซ้ำแบบเดิมอีก ดังนั้นจึงเป็นกลุ่มที่ต้องให้ความสำคัญกับการรักษาที่ผสมผสานหลายๆ วิธีเข้าด้วยกัน เช่น ต้องแก้ทั้งท่านั่ง ท่าทางที่ผิด และหลังการรักษาอาการปวดเฉียบพลัน เมื่ออาการดีขึ้นแล้ว ก็ต้องออกกำลังกายทั้งการยืดเหยียด และการออกกำลังกายเพื่อสร้างความแข็งแรงให้กลุ่มกล้ามเนื้อหลักที่ใช้ในการทำงานอย่างสม่ำเสมอ เพื่อลดโอกาสการกลับมาเป็นใหม่ หรือให้กลับมาเป็นใหม่ช้าที่สุด ผู้สูงวัยปัญหาของผู้สูงวัยโดยปกติ กระดูก ข้อ และเส้นเอ็นต่างๆ ในร่างกายเริ่มถดถอย เสื่อมสภาพ ถึงแม้ว่าอาจจะไม่ได้ใช้งานร่างกายหนักเท่าช่วงที่อยู่ในวัยทำงาน แต่ผลจากการเสื่อมสภาพของกระดูก ข้อ และการเล็กลงของมวลกล้ามเนื้อ ก็ส่งผลให้การใช้งานที่แม้ว่าไม่หนักมากก็อาจจะเกิดปัญหาได้เช่นกัน ดังน้ันก็ต้องเน้นการออกกำลังกายโดยเฉพาะ เพื่อเพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้อเช่นกันในระยะยาว และหลีกเลี่ยงการนั่งทำงานนานๆ หรือการทำอะไรซ้ำๆ นานๆ ด้วยเช่นกัน รักษาออฟฟิศซินโดรม มีวิธีอะไรบ้างอย่างที่ทราบกันแล้วว่าออฟฟิศซินโดรม เกิดจากการที่เราอยู่ในท่าทางที่ไม่ถูกต้อง ในระยะเวลาที่ยาวนานจนเกินไป ใช้งานอวัยวะต่างๆ มากเกินไป จนทำให้เกิดอาการได้ตั้งแต่ ปวดหัว ปวดคอ ปวดตา ปวดบ่า ปวดไหล่ ปวดข้อศอก ปวดข้อมือ ปวดหลัง ปวดสะโพก หรือกระทั่งมือชา เนื่องมาจากมีพังผืดที่ข้อมือจากการใช้งานบ่อยๆ เพราะฉะนั้นการรักษาออฟฟิศซินโดรม จึงต้องใช้วิธีการหลากหลายที่ส่งผลแตกต่างกันไป ทั้งการรักษาโดยการยืดคลายกล้ามเนื้อ การรักษาโดยการใช้อุปกรณ์ทางกายภาพต่างๆ โดยนักกายภาพ เช่น เครื่องอัลตร้าซาวด์ร่วมกับกระแสไฟฟ้า เป็นต้น เพื่อลดอาการปวดเฉียบพลันที่เกิดขึ้น ไปจนถึงการออกกำลังกายเพื่อสร้างความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ ป้องกันการกลับมาเป็นใหม่ในระยะยาว วิธีการรักษาออฟฟิศซินโดรม แบ่งออกเป็นแนวทางต่างๆ ที่ใช้ผสมผสานกัน ดังนี้
การวิเคราะห์ท่าทาง (Postural Assessment)
การให้คำแนะนำเกี่ยวกับกายรศาสตร์ (Ergonomic Education)
การใช้อุปกรณ์เสริมที่ช่วยเรื่องกายรศาสตร์ (Ergonomic Device)
การปรับท่านั่งให้ถูกต้องตามหลักกายรศาสตร์
การให้การรักษาโดยแพทย์ฟื้นฟู
การทำกายภาพบำบัด โดยนักกายภาพบำบัด
การออกกำลังกายด้วย Active Rehabilitation
อย่างไรก็ตาม การรักษาออฟฟิศซินโดรมให้ประสบความสำเร็จ มักจะต้องอาศัยการรักษาหลายอย่างร่วมกัน ทั้งแพทย์ ทีมนักกายภาพ รวมถึงตัวคนไข้เอง |