น้ำต้มจากแก่นฝางแดงจะให้สีแดงที่เรียกว่า Sappanin นิยมนำมาใช้เป็นส่วนผสมหลักของน้ำยาอุทัย ที่นิยมใช้กัน หรือ ใช้ผสมในน้ำดื่ม และใช้สำหรับทำสีผสมอาหารส่วนฝางส้มจะนำมาต้มสกัดสาร Haematexylin ใช้ย้อมสีนิวเคลียสของเซลล์ ในปัจจุบันมีการนำมาแปรรูปเป็นน้ำดื่มสมุนไพรฝาง โดยมีทั้งในรูปแบบพร้อมดื่ม และแบบชง สารสีแดง หรือ สีเหลืองที่สกัดจากแก่นฝาง ที่มีความเป็นกรดด่างที่ต่างกัน มักใช้เป็นสารให้สี และเพิ่มความสวยงามให้แก่ผลิตภัณฑ์หลายชนิด เช่น สบู่อาบน้ำ แป้งผัดหน้า ครีมทาหน้ารวมถึงมักใช้เป็นสีย้อมผ้าในอุตสาหกรรมสิ่งทอ ส่วนสารสกัดจากแก่นฝางมีฤทธิ์ในการต้านเชื้อแบคทีเรีย จึงมีการถูกนำมาเป็นส่วนผสมในยา และเครื่องสำอาง ประเภทครีม เจล และโลชั่น เพื่อใช้ในการต้านเชื้อแบคทีเรีย และสำหรับเนื้อไม้สามารถนำมาใช้ทำเป็นเครื่องเรือนชั้นดี ตกแต่งชักเงาได้ดี โดยสีของเนื้อไม้จะออกแดง หรือ สีน้ำตาลเข้มอีกด้วย นอกจากนี้ในอินโดนีเซียยังมีการใช้ปรุงแต่งสีเครื่องดื่มให้เป็นสีชมพู ในฟิลิปปินส์ใช้เนื้อไม้เป็นเชื้อเพลิง และใช้ทำเครื่องใช้ต่างๆ รูปแบบและขนาดวิธีใช้ฝาง
ลักษณะทั่วไปของฝาง ฝางจัดเป็นไม้ยืนต้นขนาดกลาง ไม้พุ่ม หรือ ไม้พุ่มกึ่งไม้เถา ผลัดใบ สูง 6-9 เมตร ลำต้น และกิ่งมีหนามแข็ง และโค้งสั้นๆ ทั่วไป ถ้าฝางต้นไหนมีแก่น และเนื้อไม้มีสีแดงเข้ม รสขมหวาน เรียกว่า “ฝางเสน” แต่ถ้าแก่นมีสีเหลืองส้ม รสฝาดขื่น จะเรียกว่า “ฝางส้ม” ใบประกอบแบบขนนกสองชั้น เรียงสลับ แกนช่อใบยาว 20-40 ซม. มีช่อใบย่อย 8-12คู่ แต่ละช่อใบ มีใบย่อย 10-18 คู่ เรียงตรงข้าม ใบย่อยรูปขอบขนาน กว้าง 5-10 มม. ยาว 8-20 มม. ปลายใบกลมถึงเว้าตื้น โคนตัด และเบี้ยว ขอบเรียบ แผ่นใบบางคล้ายกระดาษ เกลี้ยง หรือ มีขนประปรายทั้งสองด้าน ก้านใบสั้นมาก หรือ อาจไม่มีก้านเลย หูใบยาว 3-4 มม. ร่วงง่าย ช่อดอกเป็นแบบช่อแยกแขนง ออกที่ปลายกิ่ง และซอกใบใกล้ปลายกิ่ง ออกรวมกันเป็นช่อ ช่อยาวได้ถึง 40 ซม. ใบประดับรูปใบหอก ร่วงง่าย ยาว 5-8 มม. ปลายเรียวแหลมมีขน ก้านดอกย่อย ยาว 1.2-1.8 ซม. มีขนสั้นนุ่ม มีข้อต่อหรือเป็นข้อที่ใกล้ปลายก้าน กลีบเลี้ยง 5 กลีบ เกลี้ยง ขอบมีขนครุย ขอบกลีบเกยซ้อนทับกัน กลีบเลี้ยงกลีบล่างสุด ขนาดใหญ่สุด และเว้ามากกว่ากลีบอื่น กลีบดอก 5 กลีบ สีเหลือง รูปไข่กลับ กว้าง 6-10 มม. ยาว 9-12 มม. ผิว และขอบกลีบย่น กลีบกลางขนาดเล็กกว่า มีก้าน กลีบด้านในมีขนจากโคนไปถึงกลางกลีบ เกสรเพศผู้ 10 อัน แยกเป็นอิสระ ก้านชูอับเรณูมีขน รังไข่อยู่เหนือวงกลีบ มีขนสั้นนุ่ม มี 1 ช่อง มี ออวุล 3-6 เม็ด ผลเป็นฝักรูปขอบขนาน แกมรูปไข่กลับ แบนแข็งเป็นจะงอยแหลม มีสีน้ำตาลเข้ม กว้าง 3-4 ซม. ยาว 5-8.5 ซม. ส่วนที่ค่อนมาทางโคนฝักจะสอบเอียงเล็กน้อย ด้านปลายฝักจะผายกว้าง และมีจะงอยแหลมที่ปลายด้านหนึ่ง เมล็ด มี 3-4 เมล็ดเป็น รูปรี สีน้ำตาล กว้าง 0.8-1 ซม. ยาว 1.5-1.8 ซม. การขยายพันธุ์ฝาง ฝางสามารถขยายพันธุ์ได้โดยการเพาะเมล็ด ส่วนวิธีการเพาะเมล็ด และวิธีการปลูก สามารถทำได้เช่นเดียวกันกับการเพาะเมล็ด และการปลูกไม้ยืนต้นหรือไม่พุ่มชนิดอื่นๆ ดังที่กล่าวมาแล้วในบทความก่อนหน้านี้ ทั้งนี้ฝางจัดเป็นพรรณไม้กลางแจ้งสามารถเจริญเติบโตได้ทุกสภาพดินแต่จะชอบดินร่วนซุยมากเป็นพิเศษ และยังเป็นพืชทนแล้งได้ดี ในอดีตพบฝางมากในธรรมชาติ แต่ในปัจจุบันเริ่มมีการนำมาปลูกเชิงพาณิชย์มากขึ้น องค์ประกอบทางเคมี แก่นฝางพบสารกลุ่ม flavonoid ชนิด 7-hydroxy-3-(4’-hydroxybenzylidene)-chroman-4-one, 3,7- dihydroxy-3-(4’-hydroxybenzyl)-chroman-4-one, 3,4,7-trihydroxy-3-(4’-hydroxybenzyl)- chroman, 4,4’-dihydroxy-2’-methoxychalcone, 8-methoxybouducellin, quercetin, rhamnetin และ ombuin สารกลุ่ม sterols ชนิด beta-sitosterol 69.9%, campesterol 11.2% และ stigmasterol 18.9% brazilin, brazilein, protosappanin E และ taraxerol นอกจากนี้ยังพบสาร phellandrene, ocimene, sappanin, tannin, intricatinol, caesalpin J, protosappanin A ส่วนสารที่ให้สีชมพูอมส้มถึงแดง (sappan red) ที่นำมาทำน้ำยาอุทัย คือ brazilin และพบ tannin รูปภาพองค์ประกอบทางเคมีของฝาง ที่มา : wikipedia การศึกษาทางเภสัชวิทยาของฝาง ฤทธิ์ป้องกันการเกิดแผลในกระเพาะอาหารของฝาง สารสกัด hydro-alcoholic จากแก่นฝาง (Caesalpinia sappan L.) ขนาด 250 และ 500 มก./กก.น้ำหนักตัว สามารถป้องกันการเกิดแผลในกระเพาะอาหารของหนูแรทจากการเหนี่ยวนำด้วยการป้อนเอทานอล หรือ ป้อนด้วยยา indomethacin และวิธีผูกช่วงต่อระหว่างกระเพาะอาหารกับลำไส้เล็ก (pylorus ligation) โดยอาศัยฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ เพิ่มการหลั่งเยื่อเมือกจากผนังเซลล์กระเพาะอาหาร ยับยั้งการแสดงออกของโปรตีนทีเกี่ยวข้องกับกระบวนการอักเสบ ได้แก่ prostaglandin E2, cyclooxygenase-1, cyclooxygenase-2 และ nitric oxide synthase จากการทดสอบในหลอดทดลองพบว่าสารสกัดจากแก่นฝางมีฤทธิ์ปกป้องความเป็นพิษต่อเซลล์ผนังกระเพาะอาหารจากการได้รับยา indomethacin และสารสกัดแก่นฝางที่ความเข้มข้น 500 ไมโครกรัม/มล. สามารถยังยับยั้งการทำงานของ H+/K+ ATPase ซึ่งเกี่ยวข้องกับการหลั่งกรดในกระเพาะอาหารได้ถึง 63.91% การศึกษานี้แสดงให้เห็นว่าสารสกัด hydro-alcoholic จากแก่นฝาง มีฤทธิ์ป้องกันการเกิดแผลในกระเพาะอาหาร โดยผ่านกลไกป้องกันความเสียหายต่อผนังเซลล์ และต้านอนุมูลอิสระ ฤทธิ์ต้านการอักเสบ มีการศึกษาวิจัยพบว่าสาร brazilin ซึ่งเป็นสารที่แยกได้จากสารสกัดแก่นฝางด้วยเมธานอล มีฤทธิ์ต้านการอักเสบในหนู ที่ถูกเหนี่ยวนำให้เท้าบวมโดยการฉีด carrageenin ในขนาดใช้ 10 ก. ต่อน้ำหนักตัว 1 ก.ก. และยังมีการทดลองป้อนสารสกัดเอทานอลจากแก่นฝางขนาด 1.2, 2.4 และ 3.6 ก/กก.น้ำหนักตัว และน้ำมันมะกอก 10 มล. (vehicle control)เป็นเวลา 10 วันติดต่อกัน ให้หนูแรทที่ถูกกระตุ้นให้เกิดอาการข้ออักเสบด้วยการฉีด collagen-II พบว่าอาการของโรคข้ออักเสบลดลงในกลุ่มที่ได้รับสารสกัดจากแก่นฝาง โดยลดค่าดัชนีการอักเสบของข้อ (arthritis index) อาการบวม และลดสารก่อการอักเสบ ได้แก่ interleukin-1-β (IL-1β), IL-6, tumor necrosis factor-α และ prostaglandin E2 ในเลือดลง รวมทั้งลดการหลั่ง cyclooxygenase-2 และ nuclear factor-kappa-β ในเนื้อเยื่อที่เกิดอาการอักเสบลง แต่อย่างไรก็ตามพบความเป็นพิษต่อตับของแก่นฝางในหนูกลุ่มที่ได้รับสารสกัดในขนาดสูง (3.6 ก./กก.) โดยพบค่าเอนไซม์ alanine aminotransferase ในตับเพิ่มสูงขึ้น และสัตว์ทดลองมีน้ำหนักตัวลดลงจากการศึกษานี้จะเห็นว่าแก่นฝางมีประสิทธิภาพในบรรเทาอาการข้ออักเสบได้ดี แต่ควรระมัดระวังการใช้ในขนาดที่สูงเพราะสามารถก่อความเป็นพิษต่อตับได้ ฤทธิ์ต้านเชื้อแบคทีเรีย มีการศึกษาวิจัยพบว่า สารสกัดเนื้อไม้ด้วยเอธานอล 70% สามารถยับยั้งการเจริญของเชื้อ Shigella flexneri, Staphylococcus aureus, Vibrio cholerae และ Vibrio parahaemolyticus ที่ความเข้มข้น 5 ม.ก. และสารสกัดเนื้อไม้ด้วยเอธานอล 95% ยังสามารถยับยั้งการเจริญของเชื้อ Shigella dysenteriae และ Escherichia coli และ ได้ที่ความเข้มข้น 100 ม.ก. ฤทธิ์ขยายหลอดเลือด สารสกัดแก่นฝางด้วยเมธานอล มีฤทธิ์ขยายหลอดเลือดของหลอดเลือด aorta ที่ตัดมาจากช่องอกหนู rat ที่ความเข้มขันตั้งแต่ 10 ม.ค.ก./ม.ล ฤทธิ์ลดน้ำตาลในเลือด Fructose-2,6-biphosphate (F-2,6-BP) เป็นสาร intermediate ซึ่งสำคัญในการส่งออก glucose จากตับ โดยเป็นตัวควบคุมการสร้าง glucose และ glycolysis ในตับ ซึ่งถ้ามีการส่งออก glucose จากตับมาก ทำให้เกิดภาวะในน้ำตาลในเลือดสูง การศึกษาครั้งนี้พบว่า brazilin เพิ่มการผลิต F-2,6-BP ในตับ และเพิ่มปริมาณ fructose-6-phosphate (F-6-P) และ hexose-6-phosphate (H-6-P) ระหว่างเซลล์ แต่ไม่มีผลต่อ glucose-6-phosphatase จึงช่วยลดน้ำตาลในเลือด ฤทธิ์ยับยั้งการสะสมของไขมันบริเวณหลอดเลือด มีการศึกษาวิจัยพบว่าสาร hematein ซึ่งแยกไดจาก แก่นฝางสามารถลดการสะสมของไขมันบริเวณผนังหลอดเลือดของกระต่ายได้ การศึกษาทางพิษวิทยา มีรายงานการศึกษาวิจัยความเป็นพิษของฝางพบว่า สารสกัดแก่นฝางด้วยเอธานอล-น้ำ (1:1) เมื่อฉีดเข้าช่องท้องหนูถีบจักร ทั้งเพศผู้ และเพศเมียพบว่า ขนาดของสารสกัดที่ทำให้หนูตายครึ่งหนึ่ง (LD50) เท่ากับ 750 มก.ต่อน้ำหนักตัว 1 กก. ข้อแนะนำและข้อควรระวัง
เอกสารอ้างอิง ฝาง
|