บริษัท ฟรี ส แลนด์ คั ม พิ น่า ประเทศไทย

“วิภาส ปวโรจน์กิจ” กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ฟรีสแลนด์คัมพิน่า (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ออกมายืนยันว่า บริษัทยังคงมีแผนการดำเนินธุรกิจต่อไป โดยจากนี้ไปจะเป็นจุดเริ่มต้นใหม่ในธุรกิจนมของ ฟรีสแลนด์คัมพิน่า ในประเทศไทย ที่จะเป็น “น่านน้ำใหม่” โดยจะมีสินค้าเข้ามาเสริมพอร์ตและเติมสัดส่วนกำไรให้เพิ่มขึ้น ท่ามกลางสถานการณ์ที่ไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ และต้นทุนที่เพิ่มขึ้น

ทั้งนี้ตั้งแต่ต้นปี 2565 ที่ผ่านมา บริษัทได้รุกเข้าตลาด ฟู้ดเซอร์วิส ที่มีฐานลูกค้าเป็นผู้ประกอบการร้าน กาแฟ-ชา ร้านเบเกอรี่ มากขึ้น ในรูปแบบของ B2B หรือ Business-to-Business ด้วยการนำเสนอวัตถุดิบให้กับลูกค้าการเข้าสู่ตลาดดังกล่าวเพราะเป็นตลาดที่เติบโตแบบก้าวกระโดด

เมื่อเทียบกับตลาดนมพร้อมดื่มยูเอชที มูลค่า 4 หมื่นล้านบาท ซึ่งช่วง 8 เดือนที่ผ่านมา ยังติดลบ 5% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว แม้ว่าช่วงเดือน มิ.ย.-ส.ค.จะกลับมาเติบโต 4-5% ต่อเดือน แต่เป็นเพราะช่วงต้นปีตลาดติดลบหนัก ประกอบกับแนวโน้มการบริโภคนม “ลดลง” เพราะจำนวนเด็กเกิดใหม่ลดลง และทัศนคติที่ว่าโตแล้วไม่ต้องดื่มนม สวนทางกับตลาดฟู้ดเซอร์วิส

สังเกตได้จากการขยายสาขาของแบรนด์ร้านกาแฟ ชานมไข่มุก และร้านเบเกอรี่ ในช่วงที่ผ่านมาฟู้ดเซอร์วิส กลายเป็น “น่านน้ำใหม่” เข้ามาเสริมพอร์ตและเติมสัดส่วนกำไรให้เพิ่มขึ้นของฟรีสแลนด์คัมพิน่า โดยอาศัยความได้เปรียบจากการดำเนินธุรกิจนมทั่วโลกมานานถึง 147 ปี พร้อมพอร์ตโฟลิโอสินค้าหลายร้อยรายการมาสร้าง “โซลูชั่น” เพื่อตอบโจทย์คู่ค้าในธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม ด้วยการนำเสนอนวัตกรรมที่ลดขั้นตอนการทำงานที่ซับซ้อนและเพิ่มมูลค่าให้สินค้า

บริษัท ฟรี ส แลนด์ คั ม พิ น่า ประเทศไทย

ทิศทางดังกล่าวเป็นนโยบายของบริษัทแม่ที่ต้องการขยายฐานกลุ่มธุรกิจ Professional โดยเฉพาะในตลาดเอเชียมากขึ้น จากที่ผ่านมามีเฉพาะในจีน ประกอบกับปีนี้ บริษัทแม่ที่เนเธอร์แลนด์ ได้ตั้งสำนักงานประจำภูมิภาคเอเชียที่สิงคโปร์ และมี Regional Team ดูแลธุรกิจ Professional โดยเฉพาะ เพื่อทำตลาดในมาเลเซีย ไทย เวียดนาม และเกาหลี ฟรีแลนด์คัมพิน่า ประเทศไทย จึงปรับโฟกัสมาเน้นที่ตลาด B2B พร้อมทั้งเพิ่มทีมงานดูแลกลุ่มธุรกิจนี้ในไทย

บริษัท ฟรี ส แลนด์ คั ม พิ น่า ประเทศไทย

“แนวทางการทำตลาดฟู้ดเซอร์วิสจะให้ความสำคัญโซลูชั่นที่จะอำนวยความสะดวก เพิ่มความได้เปรียบในการแข่งขันเป็นอันดับแรกบริษัทจึงตั้งห้องแล็บและดึงตัว เชฟ-บาริสต้า เข้ามาคิดค้นพัฒนาสูตรอาหาร-โซลูชั่นจากสินค้า เพื่อนำเสนอแก่ลูกค้า หนึ่งนั้นก็คือวีปปิ้งครีมแบรนด์ เดบิค (Debic) ที่นำเข้าจากเบลเยียมซึ่งเป็นวิปปิ้งครีมนมแท้แบบสเปรย์ทำให้การใช้งานง่ายสำหรับลูกค้าผู้ประกอบการโดยเฉพาะ”

ในส่วนกลุ่มสินค้าหลักที่สร้างรายได้ยังคงเป็น “นมพร้อมดื่ม” UHT สำหรับเด็ก ภายใต้แบรนด์ “โฟร์โมสต์ โอเมก้า 369” ที่เจาะตลาดเด็ก และครองตำแหน่งผู้นำในเซ็กเมนต์นี้ด้วยส่วนแบ่งตลาด 35%

เหตุผลที่เลือกโฟกัสตลาดนี้ เนื่องจากความถี่ในการบริโภคนมในกลุ่มเด็ก มากกว่าผู้ใหญ่ โดยเฉลี่ยเด็ก 1 คนจะดื่มนม 3-4 กล่อง/วัน ขณะที่ผู้ใหญ่จะอยู่ที่ 1-2 กล่อง/วัน พร้อมทั้งขยายสู่กลุ่มผลิตภัณฑ์นมเปรี้ยวพร้อมดื่ม

บริษัท ฟรี ส แลนด์ คั ม พิ น่า ประเทศไทย

ขณะเดียวกันยังต่อยอดแนวคิด ทำให้ “นมเป็นมากกว่านม” ด้วยการนำนมวัวมาผสมกับธัญพืชเพื่อให้มีใยอาหารมากขึ้นในโฟร์โมสต์มัลติเกรน หรือการเปิดตัว โฟร์โมสต์ โอเมก้า 369 สมาร์ท 1 พลัส เพื่อรองรับความต้องการของลูกค้าที่ต้องการใยอาหารเพิ่มขึ้น เข้ามาเสริมกับไลน์สินค้าเดิมที่มีอยู่แล้ว

จากการปรับยุทธศาสตร์ใหม่ของฟรีสแลนด์คัมพิน่าในปีนี้ วิภาส มั่นใจว่าบริษัทจะรักษาตำแหน่งเบอร์ 1 ในตลาดนมยูเอชทีสำหรับเด็ก และรุกเข้าชิงพื้นที่ในตลาดฟู้ดเซอร์วิสได้แน่นอน

โดย บริษัท เทเลอินโฟ มีเดีย จำกัด (มหาชน) บริษัทในเครือเอไอเอส ในฐานะผู้นำที่ไม่เคยหยุดพัฒนาบริการที่ดีที่สุดด้านดิจิทัล มาร์เก็ตติ้ง ผ่านเว็บไซต์รวมสินค้าและบริการ จากผู้ประกอบการที่เชื่อถือได้ มีการตรวจสอบและยืนยันตัวตนจริง และครอบคลุมทุกหมวดธุรกิจมากที่สุดในประเทศ เราจะมอบบริการที่เหนือความคาดหมาย จากทีมงานคุณภาพ

หลังจากที่มีข่าวสะพัดกรณี นมพาสเจอร์ไรส์โฟรโมสต์ยุติการผลิตและจัดจำหน่าย ด้าน บริษัทฟรีสแลนด์คัมพิน่า ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์นมพาสเจอร์ไรส์ให้ผู้บริโภคและลูกค้าทั่วประเทศยาวนานกว่า 65 ปี ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา บริษัทฯ ได้เปลี่ยนแปลง ปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ต่างๆ อย่างดีที่สุด เพื่อส่งมอบผลิตภัณฑ์นมที่มีคุณภาพและมีความหลากหลาย พร้อมเสริมสร้างโภชนาการที่ดีขึ้นให้คนไทยทั่วประเทศ

บริษัท ฟรี ส แลนด์ คั ม พิ น่า ประเทศไทย

หลังจากได้พิจารณาเกี่ยวกับแนวทางดำเนินธุรกิจโดยรอบคอบแล้ว บริษัท ฟรีสแลนด์คัมพิน่า เฟรช (ประเทศไทย) จำกัด จึงตัดสินใจยุติการดำเนินธุรกิจนมพาสเจอร์ไรส์ในประเทศไทยและปิดโรงงานผลิตที่หลักสี่ มีผลอย่างเป็นทางการ 1 กรกฎาคม 2565 ที่ผ่านมา การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นนี้เพื่อให้สอดคล้องกับแนวทางการดำเนินธุรกิจของประเทศไทยในระยะยาว

การปิดโรงงานหลักสี่ จะส่งผลต่อการผลิตและการจำหน่ายผลิตภัณฑ์นมพาสเจอร์ไรส์ที่ผลิตจากโรงงานหลักสี่เท่านั้น บริษัทฯ จะยังคงเดินหน้าผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์นมที่มีคุณภาพ มีความหลากหลายและสามารถเก็บรักษาได้นาน เพื่อให้ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคชาวไทย ผ่านผลิตภัณฑ์อื่นๆ ได้แก่ โฟร์โมสต์ ยูเอชที โฟรโมสต์ โอเมก้า ฟอลคอน เรือใบ มายบอย และเดบิค การปิดโรงงานหลักสี่จะไม่ส่งผลต่อความมุ่งมั่นของบริษัทในการเสริมสร้างโภชนาการที่ดีให้แก่คนไทยต่อเนื่องสืบไป

บริษัทจะให้ความช่วยเหลืออย่างสุดความสามารถแก่พนักงานที่ได้รับผลกระทบจากการปิดโรงงานดังกล่าว ขอขอบคุณทุกการสนับสนุนกลุ่มผลิตภัณฑ์นมพาสเจอร์ไรส์ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา