ม.2ม.5โรงเร ยนสตค วสว สด ผด งว ทยา2561ม กำหนดการอะไรบ าง

สิวผด คือ สิวที่มีลักษณะเป็นผื่นขนาดเล็ก ๆ กระจายตัวกัน โดยจะเห่อเป็นช่วง ๆ และไม่นานก็จะหายไปเอง เมื่อลองเอามือสัมผัสดูจะรู้สึกว่ามีความแหลมของหัวสิว ไม่สามารถเอาออกได้เพราะไม่มีหัวสิว ทำให้เกิดความรำคาญ แต่หากดูแลรักษาอย่างถูกวิธีก็จะช่วยให้สิวนี้จางหาย ไม่กลับมาเห่อได้อีกบ่อย ๆ สิวผดสามารถเกิดขึ้นได้ทุก ๆ ตำแหน่งบนใบหน้าไม่ว่าจะที่ หน้าผาก แก้ม คาง หรือขมับ​

สิวผดเกิดจากอะไร?

สิวผด มีสาเหตุหลักเกิดจากเชื้อราที่ชื่อ P.OVALE ซึ่งทำปฏิกิริยากับต่อมไขมัน แต่ก็สามารถเกิดขึ้นได้จากปัจจัยอื่น ๆ ด้วย ได้แก่

สภาพอากาศที่ร้อนจัด

สภาพอากาศที่ร้อนจัด ทำให้ร่างกายขับเหงื่อออกมามาก ผิวภายนอกมีสภาพชื้นแฉะ และยิ่งหน้าถูกแสงแดดต่อมเหงื่อก็ถูกกระตุ้นให้กลายเป็นสิวได้ และเมื่อสัมผัสกับฝุ่นละอองทำให้เกิดการสะสมก่อตัว เกิดการระคายเคืองขึ้นมาในที่สุด

แพ้เหงื่อของตัวเอง

ปกติแล้วเหงื่อของเราจะถูกขับออกมาเมื่อเจอความร้อน หรือมีน้ำมันอยู่เยอะ เมื่อออกมาเป็นปริมาณมากประกอบกับเป็นคนที่แพ้ระคายเคืองง่าย จึงทำให้เกิดปัญหาสิวประเภทนี้ขึ้นได้ง่ายมาก

ใช้น้ำอุ่นล้างหน้า

น้ำอุ่นจะทำให้ผิวของคุณแห้งกร้าน ทำให้มีความเสี่ยงที่จะระคายเคืองได้ง่าย ทำให้ต่อมไขมันต้องทำงานหนักเพิ่มมากยิ่งขึ้น ดังนั้นการล้างหน้าให้ใช้น้ำที่อุณหภูมิห้องจะดีที่สุด

วิธีป้องกันและวิธีรักษาสิวผดง่าย ๆ

การดูแลรับมือกับปัญหาสิวผดไม่ได้ยุ่งยากอย่างที่คิด ลองนำวิธีเหล่านี้ไปปรับใช้ตามกันดูได้เพื่อดูแลใบหน้าของตนเองให้น่ามอง ไม่ต้องเครียดกับเรื่องสิว ๆ อีกต่อไป

1. ล้างหน้าให้ถูกวิธี

การล้างหน้าที่ถูกวิธี ได้แก่ ให้เราใช้คลีนซิ่งเช็ดทำความสะอาดใบหน้าก่อน จากนั้นก็ใช้โฟมล้างหน้าสูตรอ่อนโยนล้างให้สะอาด แล้วจึงล้างออกด้วยน้ำสะอาดอีกครั้ง สุดท้ายใช้ผ้าขนหนูสะอาดมาซับ ๆ จนแห้งสนิท เป็นการลดโอกาสเกิดสิวผดหน้าผาก แก้ม คางที่ดีที่สุด

2. ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของตนเอง

การป้องกันการเกิดสิวเริ่มต้นง่าย ๆ ได้ด้วยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของตนเอง เช่น การชอบจับคลำ ลูบ นวด คุ้ย แคะ แกะ เกา เช็ดถูใบหน้าเป็นประจำ เพราะมือของเรามีเชื้อโรค และสิ่งสกปรกจำนวนมากจากสิ่งของที่เราไปจับต้องมาทั้งวัน จึงไปกระตุ้นสิวให้ลุกลามกว่าเดิม

3. ทานอาหารที่มีประโยชน์

อาหารที่ควรรับประทานได้แก่ผัก และผลไม้ เพื่อเสริมแร่ธาตุ เพิ่มความแข็งแรงให้ผิว อย่าง ปลาแซลมอน คะน้า ผักบุ้ง ถั่วเหลือง ฯลฯ นอกจากนี้ยังควรเลี่ยงอาหารบางประเภทที่ไม่ดีจ่อสุขภาพ และเสริมด้วยการดื่มน้ำให้ได้วันละ 8 แก้ว หรือประมาณ 1.5 – 2 ลิตร เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้น และความสมดุลให้กับร่างกาย

4. หลีกเลี่ยงแสงแดดและรังสียูวี

แสงแดดเป็นหนึ่งตัวการสำคัญที่ทำให้เกิดสิวผด ควรใช้ครีมกันแดดเมื่อต้องออกจากบ้านหรืออยุ่ในพื้นที่กลางแจ้ง เพื่อป้องกันผิวไม่ให้ถูกทำร้ายจากแสงแดดและรังสียูวี โดยเลือกใช้ครีมกันแดดที่เหมาะกับสภาพผิวและไม่ทำให้เกิดการอุดตัน เช่น ครีมกันแดดที่มีประสิทธิภาพในการป้องกันแบบ SPF 15 PA+++ ขึ้นไป

5. ปกป้องผิวจากมลภาวะ

มลภาวะต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นรอบตัว ไม่ว่าจะเป็นควัน ฝุ่นหรือ PM 2.5 เชื้อโรค และสิ่งสกปรกต่าง ๆ ที่อยู่ในอากาศ ล้วนแล้วแต่ทำให้รูขุมขนบนใบหน้าอุดตัน จนเป็นเหตุให้เกิดสิวผดขึ้นบนใบหน้าได้ หากหลีกเลี่ยงสิ่งกระตุ้นเหล่านี้ได้ ความเสี่ยงที่จะทำให้เกิดสิวผดก็มีน้อยลง

6. เช็ดเครื่องสำอางให้สะอาด

เครื่องสำอางเป็นสิ่งแปลกปลอมของร่างกาย การที่ปล่อยให้ตกค้างอยู่บนใบหน้า นอกจากจะรู้สึกได้ถึงความไม่สะอาดที่หลงเหลืออยู่บนใบหน้าแล้ว ยังเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดสิวผดได้ด้วย จึงไม่ควรละเลยขั้นตอนการทำความสะอาดผิวหน้า

7. นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ

การนอนดึกเป็นประจำ หรือการนอนพักผ่อนไม่เพียงพอ ไม่เพียงทำให้ใบหน้าของเราดูโทรมและอิดโรยเท่านั้น แต่ยังทำให้เป็นสิวได้ง่าย หากต้องการให้ใบหน้าห่างไกลจากสิวผด ควรพักผ่อนให้เพียงพอ และที่สำคัญต้องไม่เครียด

8. พอกหน้าด้วยวิธีธรรมชาติ

ผักผลไม้ที่มีไลโคปีน แคโรทีนอยด์ เบต้าแคโรทีน และวิตามินต่าง ๆ นั้นมีผลดีต่อร่างกาย และสามารถนำมาพอกหน้าได้ ไม่ว่าจะนำไปปั่นให้เป็นเนื้อเดียวกัน หรือหั่นเป็นชิ้นแว่น ๆ แล้วนำมาพอก ปัญหาสิวผดก็จะค่อย ๆ ลดน้อยลง พร้อมกับใบหน้าที่แลดูสดใสขึ้นด้วย

9. ใช้ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยดูแลปัญหาสิว

การใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลจัดการสิว เป็นอีกวิธีที่ช่วยให้ปัญหาสิวผดนั้นดีขึ้น อย่างเช่น ยาคีโตโคนาโซล (Ketoconazole) เป็นยาสำหรับทาภายนอก สามารถนำมาใช้จัดการกับสิวที่เกิดจากเชื้อยีสต์ได้ ส่วนยาอะดาพาลีน (Adapalene) ช่วยเร่งการผลัดเซลล์ผิว ทำให้สิวผดแสดงอาการขึ้นมา แล้วค่อยทำการจัดการกันในขั้นตอนต่อไป ทั้งนี้ทั้งนั้นการใช้ยา หรือผลิตภัณฑ์ใด ๆ ควรปรึกษาแพทย์ก่อนใช้