พลเม องด ตามว ถ ประชาธ ปไตย ส2.1 ม.2 2

 การใชพ้ ลงั งานทางเลอื ก เช่น พลังงานแสงอาทติ ย์ พลังงานลม ถอื เปน็ การชว่ ยอนรุ ักษท์ รัพยากรธรรมชาตขิ องประเทศ

๑8 ไดอ้ ีกทางหนึง่

นักเรียนควรรู ขอ สอบเนน การคิด

1 การใชพลังงานอยา งประหยดั และคมุ คา สามารถทําได ดงั น้ี ใครมบี ทบาทสาํ คัญทส่ี ุดในการแกไ ขปญหาสิง่ แวดลอ ม 1. วธิ ปี ระหยดั นา้ํ เชน ปด กอ กนาํ้ ใหส นทิ ทกุ ครงั้ เมอ่ื เลกิ ใชง าน เลอื กใชอ ปุ กรณ เสื่อมโทรมภายในชุมชน ประหยัดนา้ํ เชน กอกประหยัดนํ้า ชักโครกประหยดั นาํ้ หมนั่ ตรวจสอบ การรั่วซึมของนํ้าภายในบา น 1. สาํ นกั งานเขต 2. วิธีประหยดั ไฟฟา เชน ปด เครื่องใชไ ฟฟาทกุ ครง้ั เมอื่ เลกิ ใชง าน เลือกใช 2. กรมควบคมุ มลพิษ อุปกรณไ ฟฟา แบบประหยดั พลงั งาน ปดไฟในเวลาพกั เทย่ี ง หรอื เมือ่ เลิก 3. เจาหนาท่ีส่ิงแวดลอ ม ใชงาน ควรปด เครอื่ งปรับอากาศทุกครั้งหากออกจากหองเกิน 1 ชั่วโมง 4. สมาชกิ ภายในชุมชน และตง้ั อุณหภมู ิที่ 25 องศาเซลเซยี ส ขึ้นลงอาคารช้นั เดยี วไมควรใชล ฟิ ต 3. วิธีประหยัดนํ้ามัน เชน ดับเครื่องยนตทุกครั้งเม่ือตองจอดรถนานๆ (วิเคราะหค าํ ตอบ ตอบขอ 4. สมาชกิ ในชุมชนจะตองตระหนัก ตรวจสอบลมยางเปนประจํา ควรใชเกียรใหเหมาะสมกับสภาพเสนทาง วา ปญ หาสงิ่ แวดลอ มในชมุ ชน เปน ปญ หาของสว นรวม ตอ งเขา มา ไมบ รรทุกน้ําหนักเกนิ พิกัด รับรู รับทราบ รวมถึงเขามามีสวนรวมในการหาแนวทางแกไข ปญ หา ซง่ึ หากชาวบา นมกี ารแสดงความคดิ เหน็ และรบั ฟง กนั กจ็ ะ T20 นาํ ไปสกู ารรว มมอื เพอ่ื แกป ญ หาสงิ่ แวดลอ มไดอ ยา งยง่ั ยนื แสดงถงึ การเปน ชุมชนที่สามารถพงึ่ พาตนเองได)

นาํ สอน สรปุ ประเมนิ

๖. ดูแลรักษาทางน�้าสาธารณะอันเป็นหน่ึงในเส้นทางคมนาคมที่ส�าคัญของประเทศ ขนั้ ประเมนิ มใิ หม้ สี ง่ิ กดี ขวางทท่ี า� ใหท้ างนา้� ตนื้ เขนิ และตอ้ งไมร่ กุ ลา�้ ทางสาธารณะจนไมส่ ามารถใชส้ ญั จรไปมาได้ ๗. ดูแลรักษา และอนุรักษ์โบราณสถาน โบราณวัตถุ อันเป็นสาธารณสมบัติ และ ข้นั ท่ี 5 ตรวจสอบผล สาธารณประโยชน์ของชุมชนและประเทศ เช่น การไม่ขีดเขียน การไม่ท�าลาย การไม่หยิบฉวย หรอื กระท�าการใด ๆ ท่กี ่อให้เกิดความเสยี หายกับโบราณสถาน โบราณวัตถุ ซึ่งถือเป็นสมบตั ลิ �า้ ค่า 1. ครูและนักเรียนรวมกันตรวจสอบผลจากการ ของพลเมืองทุกคนในประเทศที่จะต้องช่วยกนั ดแู ลรกั ษาใหค้ งอยู่สบื ไป ตอบคาํ ถาม การทาํ ใบงาน และการทาํ แบบฝก สมรรถนะฯ หนา ทพี่ ลเมอื งฯ ม.2 ในการศกึ ษา  โบราณสถาน เป็นมรดกอันมีค่าของชาติ พลเมืองดีต้องร่วมกันดูแลรักษาในฐานะสาธารณสมบัติและสาธารณประโยชน์ เกี่ยวกับแนวทางการสงเสริมใหปฏิบัติตนเปน ท่ีส�าคญั ของประเทศใหค้ งอยู่ต่อไป พลเมอื งดตี ามวิถีประชาธิปไตย

จากทก่ี ลา่ วมาขา้ งตน้ จะเหน็ ไดว้ า่ หากสมาชกิ ในสงั คมทกุ คนสามารถพฒั นาตนเอง 2. ครูมอบหมายใหนักเรียนทําช้ินงาน/ภาระงาน ใหเ้ ปน็ พลเมืองดีของสงั คม คอื เป็นคนที่เคารพในเหตผุ ล ปฏบิ ตั ิตนตามสถานภาพ บทบาท (รวบยอด) รายงานผลการปฏิบัติตนเปน สทิ ธ ิ หนา้ ท ี่ เคารพสทิ ธเิ สรภี าพของบคุ คลอน่ื มจี ติ สาธารณะ เคารพกฎหมาย และมคี ณุ ธรรม พลเมอื งดตี ามวถิ ีประชาธิปไตย จริยธรรม ตามวถิ ีประชาธปิ ไตยได ้ ย่อมจะสง่ ผลดีท้งั ตอ่ ตนเอง สงั คม และความสงบสุขของ ประเทศชาติโดยรวม ซึ่งถา้ คนไทยส่วนใหญ่ประพฤตปิ ฏบิ ัตติ นเปน็ พลเมอื งด ี ประเทศก็จะเกดิ 3. ครใู หน กั เรยี นทาํ แบบวดั ฯ หนา ทพ่ี ลเมอื งฯ ม.2 ความสงบสุข ปราศจากความขดั แย้ง ประเทศชาติกย็ ่อมพัฒนาเจรญิ ก้าวหน้าได้อย่างรวดเรว็ เร่ือง พลเมืองดีตามวิถีประชาธิปไตย เพ่ือ ทดสอบความรูทไ่ี ดศ ึกษามา

4. ครูใหนักเรียนทําแบบทดสอบหลังเรียน หนวยการเรียนรูที่ 1 เร่ือง พลเมืองดีตาม วถิ ปี ระชาธปิ ไตย

5. ครูประเมินผลโดยสังเกตจากการตอบคําถาม การรวมกันทํางาน และการนําเสนอผลงาน หนาช้นั เรียน

6. ครูตรวจสอบผลจากการทําใบงาน แบบฝก สมรรถนะฯ และแบบวดั ฯ หนา ทพ่ี ลเมอื งฯ ม.2

๑9

กิจกรรม 21st Century Skills แนวทางการวัดและประเมินผล

ครแู บง นักเรียนออกเปน 2 กลมุ ทํากจิ กรรม “ออกแบบชมุ ชน ครูสามารถวัดและประเมินความเขาใจเนื้อหา เรื่อง แนวทางการสงเสริม ประชาธิปไตย” โดยใหแตละกลุมสืบคนขอมูลชุมชนตนแบบจาก ใหปฏิบัติตนเปนพลเมืองดีตามวิถีประชาธิปไตย ไดจากการตอบคําถาม แหลง การเรียนรตู า งๆ และวเิ คราะหลกั ษณะชุมชนของตนเอง เชน การรวมกันทํางานและการและนําเสนอผลงานหนาช้ันเรียน โดยศึกษาเกณฑ การมีสวนรวมในกิจกรรมตางๆ ของสมาชิกในชุมชน ปญหาใน การวัดและประเมินผลจากแบบประเมินการนําเสนอผลงานที่แนบมาทาย ชุมชน การปองกนั แกไ ขและพฒั นาชุมชน เพอ่ื นาํ ขอ มลู ที่สบื คนมา แผนการจัดการเรยี นรูห นว ยท่ี 1 เร่ือง พลเมืองดีตามวิถีประชาธปิ ไตย ใชในการออกแบบชุมชนประชาธิปไตย โดยใหกําหนดกิจกรรมใน ชมุ ชน 1 กจิ กรรม และกาํ หนดบทบาทของบุคคล ไดแ ก ผูน าํ ชมุ ชน แบบประเมนิ การนาเสนอผลงาน และสมาชิกในชุมชน สมาชิกแตละกลุมนําเสนอชุมชนของตนเอง ในรปู แบบทีห่ ลากหลาย คาช้แี จง : ใหผ้ ู้สอนประเมนิ ผลการนาเสนอผลงานของนักเรียนตามรายการ แลว้ ขดี ลงในชอ่ งท่ี ตรงกบั ระดับคะแนน

ลาดับท่ี รายการประเมิน ระดบั คะแนน 1 32

1 ความถกู ต้องของเนอื้ หา 2 การลาดับขน้ั ตอนของเรื่อง 3 วธิ กี ารนาเสนอผลงานอย่างสร้างสรรค์ 4 การใช้เทคโนโลยีในการนาเสนอ 5 การมสี ว่ นร่วมของสมาชิกในกลุ่ม

รวม

ลงชื่อ...................................................ผ้ปู ระเมิน ............/................./................

เกณฑ์การให้คะแนน ให้ 3 คะแนน ผลงานหรอื พฤติกรรมสอดคล้องกับรายการประเมินสมบูรณช์ ดั เจน ให้ 2 คะแนน ให้ 1 คะแนน ผลงานหรอื พฤติกรรมสอดคล้องกับรายการประเมนิ เป็นสว่ นใหญ่

ผลงานหรอื พฤติกรรมสอดคล้องกับรายการประเมินบางสว่ น

เกณฑ์การตดั สินคุณภาพ

ช่วงคะแนน ระดับคุณภาพ

12 - 15 ดี

8 - 11 พอใช้ T21

ต่ากวา่ 8 ปรบั ปรุง

นาํ สอน สรปุ ประเมนิ

เฉลย คําถามประจาํ หนวยการเรียนรู คÓถาม ประจÓหน่วยการเรียนรู้ ๑. สงั คมประชาธิปไตยมีลกั ษณะทีส่ �าคัญอยา่ งไร จงอธบิ าย 1. ลักษณะสําคัญของสังคมประชาธิปไตย เชน ๒. การเป็นพลเมอื งดี มคี ณุ ลกั ษณะอย่างไร ให้อธบิ ายพรอ้ มยกตวั อยา่ งประกอบ เปนสังคมท่ียึดหลักความเสมอภาค ยึดหลัก ๓. จงยกตัวอยา่ งผลที่เกิดจากการปฏิบตั ิตนเปน็ พลเมืองดีตามสถานภาพ บทบาท สทิ ธิ เสรีภาพ นิติธรรม เคารพในการตัดสินใจของฝาย ขา งมาก และใชเ หตุผลในการแกป ญ หา และหน้าท่ีทเ่ี กิดในชมุ ชน และประเทศชาติ ๔. นกั เรยี นสามารถปฏิบัติตนเป็นพลเมอื งดีของชมุ ชนและประเทศชาตไิ ดอ้ ย่างไรบา้ ง 2. 1) เปนบุคคลที่เคารพในเหตุผล เชน รับฟง ๕. จ งวเิ คราะหผ์ ลที่ได้รับจากการปฏบิ ตั ติ นเป็นพลเมืองดีตอ่ ตนเอง ชมุ ชน และประเทศชาติ ความคิดเหน็ ของผอู นื่ ๖. แนวทางส่งเสริมให้ปฏิบัติตนเป็นพลเมืองดีตามวิถีประชาธิปไตย สามารถท�าได้อย่างไร

  1. เคารพศกั ดศิ์ รคี วามเปน มนษุ ย เชน ไมเ ลอื ก จงอธบิ าย ปฏบิ ัติ ไมแ สดงการดหู ม่นิ ตอ บุคคลอื่น กจิ กรรม สร้างสรรคพ์ ัฒนาการเรียนรู้
  2. เปนบุคคลท่ีมีจิตสาธารณะ เชน ชวยเก็บ เศษขยะภายในชมุ ชน กิจกรรมท ่ี ๑ น ักเรยี นแบง่ กลุ่ม โดยใหแ้ ต่ละกลมุ่ ระบสุ ถานภาพของตนเอง จากนั้นเช่อื มโยง
  1. เปน บุคคลทีเ่ คารพกฎหมาย เชน การขบั รถ ถึงบทบาท สทิ ธิ เสรภี าพ และหนา้ ท่ีในฐานะการเปน็ พลเมืองดีท่ีมตี อ่ โรงเรียน ตามกฎจราจร เสียภาษอี ากรใหร ฐั ชมุ ชน และประเทศชาติ เป็นแผนผังความคดิ ใสก่ ระดาษรายงานส่งครผู สู้ อน
  1. เปนบุคคลที่มีคุณธรรม จริยธรรมในการ กิจกรรมท ี่ ๒ น ักเรียนแบ่งกลุ่ม ร่วมกันสืบค้นบุคคลที่เป็นตัวอย่างของพลเมืองดีตามวิถี ดาํ เนนิ ชวี ิตประจําวนั เชน มีความซ่ือสัตย สุจริตในหนาท่ีการงาน มีความเสียสละตอ ประชาธปิ ไตยทเ่ี ปน็ ทร่ี ู้จกั ในสังคมไทย อภปิ รายเช่อื มโยงแนวทางการปฏิบัติตน สวนรวม เปน็ พลเมอื งดที นี่ กั เรยี นสามารถปฏบิ ตั ติ ามได ้ รวมถงึ ผลทจี่ ะไดร้ บั จากการปฏบิ ตั ิ นา� เสนอผลการอภิปรายร่วมกนั หน้าช้นั เรียน 3. เชน ทําใหสมาชิกในสังคมอยูรวมกันอยาง สันติสุข สังคมมีความเปนระเบียบเรียบรอย กจิ กรรมท ่ี ๓ ใ ห้นกั เรยี นแบง่ กลมุ่ ท�ากจิ กรรม จติ อาสาพฒั นาชุมชน โดยให้แตล่ ะคนวางแผน เพราะทุกคนรจู กั รับผิดชอบตามบทบาท สิทธิ เสรีภาพ และหนา ที่ ท้ังตอ ตนเอง ชุมชน และ การทา� งาน เลอื กสถานท ี่ วธิ กี ารทา� กจิ กรรม และระยะเวลาทที่ า� เขยี นแผนการทา� งาน ประเทศชาติ ส่งครูเม่อื ลงมอื ปฏิบตั ิจรงิ ให้บันทกึ ผลการปฏิบตั งิ าน พร้อมถ่ายภาพประกอบ นา� เสนอผลงานในช้นั เรยี นและติดปา้ ยนเิ ทศ 4. ดําเนินชีวิตโดยยึดหลักกฎหมายและศีลธรรม เชน การประกอบอาชีพสุจริต การปฏิบัติ 20 ตามคานิยมท่ีดีงาม การรวมกันดูแลรักษา ส่ิงแวดลอมในชมุ ชน

5. ทําใหมีชีวิตท่ีสงบสุข มีความกาวหนาใน หนาท่ีการงาน และมีความมั่นคงในชีวิต อีกทั้งกอใหเกิดความรักและความสามัคคี ในสงั คมและประเทศชาติ

6. เชน การทาํ กจิ กรรมรว มกนั ในกระบวนการทาง ประชาธิปไตย การมีสวนรวมและรับผิดชอบ ในกิจกรรมทางสังคม และการดูแลรักษา สาธารณประโยชนของชุมชน

เฉลย แนวทางประเมนิ กจิ กรรมพัฒนาทักษะ

ประเมินความรอบรู • ใชในการประเมินความรอบรูในหลักการพื้นฐาน กระบวนการความสัมพันธของขั้นตอนการปฏิบัติงาน รวมถึงทักษะการคิดในเรื่องตางๆ โดยท่ัวไป ซ่งึ เปนงาน หรอื ชิน้ งานที่ใชเ วลาไมน าน สาํ หรบั ประเมินรูปแบบน้ีอาจเปน คาํ ถามปลายเปด หรอื ผังมโนทศั น นิยมสําหรบั ประเมนิ ผูเ รียนรายบุคคล

ประเมินความสามารถ • ใชในการประเมินความสามารถในการสื่อสาร ความสามารถในการคิด ความสามารถในการแกปญหา ความสามารถในการใชทักษะชีวิต และ ความสามารถในการใชเทคโนโลยีของผูเรียน โดยงานหรือช้ินงานจะสะทอนใหเห็นถึงทักษะและระดับความสามารถในการนําความรูไปประยุกตใช ในชวี ติ ประจาํ วันในฐานะพลเมืองทด่ี ีของสังคม อาจเปนการประเมนิ จากการสังเกต การเขียน การตอบคาํ ถาม การวเิ คราะห การแกปญหา ตลอดจน การทํางานรว มกัน

ประเมินทักษะ • ใชในการประเมินการแสดงทักษะของผูเรียน ในฐานะการเปนพลเมืองที่ดีของสังคมที่มีความซับซอน และกอเกิดเปนความชํานาญในการนํามาเปน แนวทางปฏิบัติจริงในชีวิตประจําวันอยางย่ังยืน เชน ทักษะในการส่ือสาร ทักษะในการแกปญหา ทักษะชีวิตในดานตางๆ โดยอาจมีการนําเสนอ ผลการปฏบิ ัติงานตอผูเกีย่ วขอ ง หรือตอสาธารณะ สงิ่ ทต่ี อ งคาํ นงึ ในการประเมนิ คอื จาํ นวนงานหรอื กจิ กรรมทผ่ี เู รยี นปฏบิ ตั ิ ซง่ึ ผปู ระเมนิ ควรกาํ หนดรายการประเมนิ และทกั ษะทตี่ อ งการประเมนิ ใหช ดั เจน

T22

Chapter Overview

แผนการจัด ส่อื ท่ีใช้ จดุ ประสงค์ วธิ สี อน ประเมิน ทกั ษะท่ีได้ คณุ ลกั ษณะ การเรยี นรู้ อันพงึ ประสงค์ 1. มีวนิ ัย แผนฯ ท่ี 1 - หนงั สอื เรียน 1. อ ธบิ ายขนั้ ตอนในการ การจดั การ - ตรวจแบบทดสอบก่อนเรยี น - ทกั ษะการท�ำให้ 2. ใฝ่เรียนรู้ กระบวนการใน สังคมศึกษาฯ ม.2 ตรากฎหมายได้อย่าง เรยี นรแู้ บบ - ตรวจการทำ� แบบฝกึ สมรรถนะ กระจ่าง 3. มุ่งมั่นในการ การตรากฎหมาย - แบบฝกึ สมรรถนะ ถูกต้อง (K) ร่วมมอื : และการคดิ หนา้ ทพี่ ลเมอื งฯ ท�ำงาน ม.2 และการคดิ 2. จ �ำแนกขน้ั ตอนในการ เทคนิคคคู่ ิด - ตรวจใบงานท่ี 2.1 หน้าทพี่ ลเมอื งฯ ม.2 ตรากฎหมายได้ (P) - ประเมนิ การน�ำเสนอผลงาน 1 - แบบทดสอบก่อนเรียน 3. เห็นคณุ ค่าของ - สงั เกตพฤตกิ รรม ช่วั โมง - PowerPoint กระบวนการในการตรา การท�ำงานรายบคุ คล - ใบงานท่ี 2.1 กฎหมายเพ่ิมมากขึน้ - สังเกตพฤตกิ รรม (A) การท�ำงานกลุ่ม - ประเมนิ คุณลักษณะ อันพงึ ประสงค์

แผนฯ ท่ี 2 - หนงั สือเรยี น 1. อธิบายวิธีการปฏบิ ัตติ น สบื เสาะ - ตรวจแบบทดสอบก่อนเรียน - ทกั ษะการน�ำ 1. มวี ินัย กฎหมายท่ี สังคมศกึ ษาฯ ม.2 ตามกฎหมายทเี่ กย่ี วขอ้ ง หาความรู้ - ตรวจการทำ� แบบฝกึ สมรรถนะ ความรู้ไปใช้ 2. ใฝ่เรียนรู้ เกี่ยวขอ้ งกบั - แบบฝึกสมรรถนะ กบั ตนเองและครอบครวั (5Es และการคิดหน้าทพี่ ลเมอื งฯ 3. มุง่ มน่ั ในการ ตนเองและ และการคิด ได้ (K) Instructional ม.2 ทำ� งาน ครอบครัว หนา้ ทพี่ ลเมอื งฯ ม.2 2. วเิ คราะห์ผลการปฏบิ ัติ Model) - ตรวจใบงานที่ 2.1 - แบบทดสอบกอ่ นเรยี น ตนตามกฎหมายท่ี - ประเมนิ การน�ำเสนอผลงาน 2 - PowerPoint เกีย่ วข้องกบั ตนเอง - สงั เกตพฤติกรรม - ใบงานท่ี 2.2 และครอบครวั ได้ (K) การท�ำงานรายบคุ คล ชั่วโมง

3. ประยกุ ต์ใชก้ ฎหมายท่ี - สังเกตพฤติกรรม เกีย่ วขอ้ งกับตนเอง การท�ำงานกลมุ่ และครอบครัวในชีวิต - ประเมินคณุ ลกั ษณะ ประจำ� วนั ได้ (P) อันพงึ ประสงค์ 4. เหน็ คณุ ค่าของการ ปฏิบัตติ นตามกฎหมาย ท่เี กยี่ วขอ้ งกับตนเอง และครอบครวั เพ่มิ มากขึ้น (A)

T23

แผนการจดั ส่ือที่ใช้ จุดประสงค์ วิธสี อน ประเมิน ทกั ษะที่ได้ คณุ ลกั ษณะ การเรยี นรู้ อนั พงึ ประสงค์ แผนฯ ที่ 3 - หนงั สือเรียน 1. อธิบายแนวทางการ สบื เสาะ - ต รวจการทำ� แบบฝึก - ทักษะการน�ำ 1. มีวินัย กฎหมายท่ี สังคมศกึ ษาฯ ม.2 ปฏิบตั ติ นตามกฎหมาย หาความรู้ สมรรถนะและการคดิ ความรู้ไปใช้ 2. ใฝ่เรียนรู้ เกี่ยวขอ้ ง - แบบฝึกสมรรถนะ ทเ่ี ก่ยี วข้องกบั ชุมชน (5Es หนา้ ทีพ่ ลเมอื งฯ ม.2 3. มงุ่ ม่นั ในการ กับชุมชนและ และการคิด และประเทศชาตไิ ด้ (K) Instructional - ตรวจการท�ำแบบวดั และ ทำ� งาน ประเทศชาติ หน้าท่พี ลเมอื งฯ ม.2 2. วเิ คราะหผ์ ลการ Model) บนั ทกึ ผลการเรยี นรู้ - แบบทดสอบกอ่ นเรยี น ปฏิบัตติ นตามกฎหมาย หนา้ ทีพ่ ลเมืองฯ ม.2 3 - PowerPoint ท่ีเกย่ี วขอ้ งกบั ชุมชน - ตรวจใบงานที่ 2.3 - ใบงานท่ี 2.3 และประเทศชาตไิ ด้ (K) - ประเมนิ การน�ำเสนอผลงาน ชวั่ โมง 3. ประยกุ ต์ใช้กฎหมายท่ี - สังเกตพฤตกิ รรม

เก่ยี วขอ้ งกับชุมชนและ การท�ำงานรายบุคคล ประเทศชาติในชีวติ - สังเกตพฤตกิ รรม ประจำ� วันได้ (P) การท�ำงานกลมุ่ 4. เหน็ คณุ ค่าของการ - ป ระเมินคุณลักษณะ ปฏิบตั ิตนตามกฎหมาย อนั พงึ ประสงค์ ทเี่ กี่ยวขอ้ งกับชมุ ชน - ตรวจแบบทดสอบหลงั เรยี น และประเทศชาติ เพ่ิมมากขึน้ (A)

T24

นาํ นาํ สอน สรปุ ประเมนิ

๒หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ กฎหมายกบั การดาํ เนนิ ชวี ติ ขนั้ นาํ (วธิ กี ารสอนโดยการจดั การ ประจาํ วนั ¡®ËÁÒÂÁÕ¤ÇÒÁÊíÒ¤ÑÞ เรียนรูแบบรวมมอื : เทคนิคคูคิด) µ‹Í¡ÒôíÒà¹Ô¹ªÕÇÔµ¢Í§ àÃÒÍ‹ҧäà áÅжŒÒàÃÒ 1. ครูแจงใหนักเรียนทราบถึงวิธีสอนโดยการ »¯ÔºÑµÔµ¹¶Ù¡µŒÍ§µÒÁ จัดการเรียนรูแบบรวมมือ : เทคนิคคูคิด ¡®ËÁÒ¨Ðà¡Ô´¼Å´Õ ช่ือเรื่องที่จะเรียนรู จุดประสงคการเรียนรู ?Í‹ҧäà และผลการเรียนรู

เมอ่ื คนหมมู่ ากมาอยู่รว่ มกนั เปน็ สงั คม จ�าเปน็ ที่จะตอ้ งมี กฎ ระเบยี บ ขอ้ บงั คับ ใหค้ นใน 2. ครูใหนักเรียนทําแบบทดสอบกอนเรียนหนวย สงั คมประพฤตปิ ฏบิ ตั ติ าม เพอื่ สรา้ งความสงบสขุ ใหเ้ กดิ ขน้ึ กบั สงั คม ซงึ่ กฎ ระเบยี บ และขอ้ บงั คบั การเรยี นรทู ี่ 2 เรอื่ ง กฎหมายกบั การดาํ เนนิ ชวี ติ ดังกล่าว ก็คอื “กฎหมาย” ประจาํ วนั กฎหมายที่ส�าคัญของประเทศไทยน้ันมีอยู่มากมาย ซ่ึงในท่ีน้ีจะกล่าวถึงกฎหมายส�าคัญท่ี เกี่ยวข้องกับตนเองและครอบครัว ได้แก่ กฎหมายเกี่ยวกับความสามารถของผู้เยาว์ กฎหมาย 3. ครนู าํ สนทนาดว ยการยกตวั อยา งขา วเหตกุ ารณ บตั รประจา� ตวั ประชาชน กฎหมายแพง่ เกย่ี วกบั ครอบครวั เชน่ การหมน้ั การสมรส การรบั รองบตุ ร กรณีศึกษาเกี่ยวกับการปฏิบัติและการละเวน การรบั บตุ รบญุ ธรรม และกฎหมายทเ่ี กย่ี วกบั ชมุ ชนและประเทศ ไดแ้ ก ่ กฎหมายเกย่ี วกบั ภาษอี ากร การปฏิบัติตามกฎหมาย และตั้งคําถาม กฎหมายแรงงาน กฎหมายปกครอง กฎหมายเกี่ยวกบั การอนุรักษ์ธรรมชาติและส่งิ แวดล้อม เพื่อกระตุน ความสนใจของนักเรยี น เชน • นักเรียนเคยปฏิบัติตามกฎหมายใดบาง และมวี ธิ กี ารปฏิบตั อิ ยางไร (แนวตอบ ปฏิบัติตามกฎหมายจราจร เชน ขามถนนตรงทางมาลายหรือสะพานลอย เพ่ือใหเกิดความปลอดภัยท้ังตอตนเองและ ผใู ชรถใชถนนทัว่ ไป)

ตัวชี้วัด สาระการเรยี นร้แู กนกลาง • ก ฎหมายท่เี กยี่ วข้องกับตนเอง ครอบครวั เช่น กฎหมาย ส ๒.๑ ม.๒/๑ อธิบายและปฏบิ ัตติ นตามกฎหมายที่ เก่ียวกับความสามารถของผู้เยาว์ กฎหมายบัตรประจ�าตัว เกี่ยวข้องกับตนเอง ครอบครวั ชุมชน และประเทศ ประชาชน กฎหมายแพ่งเกยี่ วกับครอบครัว เชน่ การหม้ัน ส ๒.๒ ม.๒/๑ อธิบายกระบวนการในการตรากฎหมาย การสมรส การรบั รองบุตร การรบั บุตรบุญธรรม

• กฎหมายที่เก่ยี วกบั ชมุ ชนและประเทศโดยสงั เขป - กฎหมายเก่ียวกับการอนรุ กั ษธ์ รรมชาติ - ก ฎหมายเก่ียวกับภาษีอากร และเน้นการกรอกแบบแสดงรายการ ภาษีเงินไดบ้ คุ คลธรรมดา - กฎหมายแรงงาน - กฎหมายปกครอง • กระบวนการในการตรากฎหมาย - ผูม้ สี ทิ ธเิ สนอรา่ งกฎหมาย - ขน้ั ตอนการตรากฎหมาย ๒๑ - การมีส่วนรว่ มของประชาชนในกระบวนการตรากฎหมาย

เกร็ดแนะครู

การเรียนเร่อื งกฎหมายกับการดําเนนิ ชีวติ ประจําวันมงุ เนนใหนกั เรียนมคี วามรูพ นื้ ฐานในกฎหมาย ไดแ ก กฎหมายที่เกยี่ วกับตนเอง ครอบครัว ชมุ ชน และ ประเทศชาติ รวมถงึ กระบวนการในการตรากฎหมาย เพ่อื ใหน กั เรยี นปฏบิ ัติตามกฎหมายไดอยา งถูกตอ ง ดงั นั้น ครคู วรจดั การเรยี นรโู ดยใหนักเรียนทาํ กิจกรรม ดังตอ ไปน้ี

• ศกึ ษาคน ควาขอมลู กฎหมายท่ีเก่ียวของกบั ตนเอง ครอบครัว ชมุ ชน และประเทศชาติ • เขยี นแผนผังเพ่อื อธิบายกระบวนการตรากฎหมายของไทย • จัดทําส่อื เผยแพรค วามรูเก่ียวกบั แนวทางการสงเสริมใหค นในสงั คมปฏิบตั ิตนตามกฎหมาย

T25

นาํ สอน สรปุ ประเมนิ

ขนั้ สอน ๑. ความหมายและความสำคญั ของกฎหมาย

1. ครูใหนักเรียนชวยกันอธิบายวากฎหมายคือ ๑.๑ ความหมาย อะไร โดยออกมาเขยี นบนกระดาน จากนั้นครู เลอื กความหมายทน่ี ักเรียนเขียนมาอธบิ าย ความหมายของ “กฎหมาย” น้นั มนี กั ปรัชญาและนักกฎหมายใหค้ า� นยิ ามไวแ้ ตกตา่ งกัน เช่น หลวงจา� รูญเนติศาสตร ์ อธบิ ายว่า “กฎหมาย คือ กฎข้อบงั คบั ว่าด้วยการปฏบิ ตั ิซ่ึงผมู้ ีอ�านาจ 2. ครูนําขาวเก่ียวกับการกระทําของบุคคลที่มี ของประเทศได้บัญญตั ิขน้ึ และบงั คบั ใหผ้ ู้ท่ีอยใู่ นสงั กดั ของประเทศนนั้ ถอื ปฏบิ ัติตาม” ท้งั กระทาํ ถูกกฎหมายและผดิ กฎหมาย มาให พจนานุกรมศพั ทก์ ฎหมายไทย ฉบบั ราชบณั ฑติ ยสถาน พ.ศ. ๒๕๔๔ อธบิ ายความหมาย นักเรียนวิเคราะหรวมกันวา การกระทําใด ของ “กฎหมาย” ว่า คือ กฎท่ีสถาบันหรือผ้มู ีอ�านาจสงู สุดในรฐั ตราข้นึ หรอื เกิดจากจารีตประเพณี เปนการกระทําที่เหมาะสม การกระทําใด อันเป็นท่ียอมรับนับถือเพ่ือใช้ในการบริหารประเทศ เพื่อใช้บังคับบุคคลให้ปฏิบัติตาม หรือเพื่อ เปนการกระทําที่ไมเหมาะสม และผลที่ไดรับ ก�าหนดระเบียบแหง่ ความสมั พันธ์ระหวา่ งบคุ คลหรอื ระหว่างบุคคลกบั รัฐ เปนอยา งไร จากท่ีกล่าวมาข้างต้น สรุปได้ว่า “กฎหมาย หมายถึง ข้อบังคับของรัฐอันเป็นส่วนหน่ึง ของการจดั ระเบยี บทางสงั คม เพอ่ื ใชค้ วบคมุ ความประพฤตขิ องพลเมอื ง หากผใู้ ดกระทา� การฝา่ ฝนื 3. ครูสุมนักเรียนจํานวน 2-3 คน ยกตัวอยาง จะต้องไดร้ ับโทษหรอื ผลรา้ ยอยา่ งใดอย่างหน่งึ โดยเจ้าหน้าท่ีของรัฐเป็นผู้ดา� เนินการบงั คบั ” กฎหมายที่นักเรียนรูจักคนละ 1 ตัวอยาง พรอมทั้งอธิบายพอสังเขปวาเปนกฎหมาย ๑.๒ ความส�าคัญของกฎหมาย เกีย่ วกบั อะไร จากน้ันครตู ้งั คําถาม เชน • กฎหมายมคี วามสาํ คญั อยา งไร ทุกสังคมจ�าเป็นต้องมีการก�าหนดกฎระเบียบข้ึนมา เพื่อควบคุมและจัดระเบียบสังคม ซ่ึง (แนวตอบ กฎหมายชวยใหสังคมมคี วามเปน กฎระเบียบของสงั คมขนาดใหญก่ ็คอื กฎหมายน่ันเอง ความส�าคญั ของกฎหมายสรุปได้ ดังนี้ ระเบียบ เปนสิ่งที่ควบคุมความประพฤติ ๑. สรา้ งความเปน็ ระเบยี บแกส่ งั คมและประเทศชาต ิ หากทกุ คนรถู้ งึ สทิ ธขิ องตนตาม และปฏิบัติของคนในสังคมใหเปนไปอยาง สบงทบบสญั ขุ ญ เตัชขิน่ อ สงกทิ ฎธิใหนมทารยพั วยา่ ม์สินมี าสกิทนธอ้ ิใยนเกพายี รงปใดระ แกลอะบไอมาล่ ชว่ ีพงล1า้� สทิ ธขิ องผอู้ นื่ สงั คมนนั้ กจ็ ะมแี ตค่ วาม ถูกตองตามบทบาทหนาท่ี รวมถึงเปน ๒. ท�าให้การบริหารและพฒั นาประเทศเป็นไปอยา่ งมปี ระสิทธภิ าพ การทีป่ ระชาชน แ บ บ แ ผ น ใ น ก า ร ป ฏิ บั ติ เ พื่ อ ใ ห  สั ง ค ม มี ส่วนใหญ่ของประเทศรู้ถึงหน้าที่และปฏิบัติหน้าท่ีของตนตามกฎหมายอย่างเคร่งครัดก็จะท�าให ้ ระเบียบ สงผลใหคนในสังคมอยูรวมกันได การบริหารประเทศของรัฐบาลเป็นไปอยา่ งราบรืน่ และมสี ่วนช่วยพฒั นาประเทศให้เจรญิ กา้ วหนา้ อยางสงบสขุ ) เช่น หนา้ ท่ีในการเสยี ภาษีอากร หนา้ ทีใ่ นการอนุรกั ษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ๓. เป็นหลักในการจัดระเบียบการด�าเนินชีวิตให้แก่ประชาชน ท�าใหส้ ังคมเกิดความ 4. ครูและนักเรียนชวยกันสรุปความรูเก่ียวกับ เปน็ ระเบยี บเรียบร้อยขน้ึ เชน่ เม่ือมีเด็กเกิดใหม่ กฎหมายกก็ �าหนดใหเ้ จา้ บา้ นหรอื บดิ ามารดาไป ความหมายของกฎหมายและความสําคัญ แจ้งเกิด เพื่อขอรับสูติบัตรเป็นหลักฐานการเกิด เม่ืออายุครบ ๗ ปี กฎหมายก็ก�าหนดให้ต้อง ของกฎหมาย ท�าบัตรประจ�าตัวประชาชน เม่ือเสียชีวิต กฎหมายก็ก�าหนดให้ต้องแจ้งเจ้าหน้าที่เพื่อขอรับ ใบมรณบัตร กล่าวไดว้ า่ กฎหมายมีความสา� คญั ต่อสังคมเป็นอยา่ งมาก หากคนในสังคมรแู้ ละปฏบิ ัตติ น ตามกฎหมาย นอกจากจะเปน็ ประโยชนต์ อ่ ประเทศชาตแิ ลว้ ผทู้ ไ่ี ดร้ บั ผลประโยชนส์ งู สดุ กค็ อื บคุ คล ผปู้ ฏบิ ัติตนตามกฎหมายนัน่ เอง

๒๒

นักเรียนควรรู ขอ สอบเนน การคิด

1 สิทธิในการประกอบอาชีพ เปนสทิ ธิ เสรภี าพอยา งหนึ่งของปวงชนชาวไทย หากทกุ คนปฏิบตั ิตามกฎหมายอยา งเครง ครดั ยอมสงผลตอ ซึ่งรฐั ธรรมนูญแหงราชอาณาจกั รไทยไดม ีการรบั รองไว เชน สังคมและประเทศชาตอิ ยา งไร

• บุคคลยอมมีเสรีภาพในการประกอบกิจการหรือประกอบอาชีพและ 1. ประเทศมีความอุดมสมบรู ณ การแขงขันโดยเสรีอยา งเปนธรรม 2. คนในสงั คมมีฐานะร่าํ รวยมั่งคง่ั 3. ไมมคี วามขดั แยงเกดิ ขน้ึ ในสังคม • บุคคลยอมมีสิทธิไดรับหลักประกันความปลอดภัยและสวัสดิภาพ 4. สงั คมเปนระเบยี บเรียบรอยและสงบสขุ ในการทํางาน รวมทั้งหลักประกันในการดํารงชีพท้ังในระหวางการ ทํางานและเม่อื พนภาวการณทาํ งาน ท้งั น้ี ตามทกี่ ฎหมายบัญญตั ิ (วิเคราะหคาํ ตอบ ตอบขอ 4. เพราะกฎหมายบญั ญัติข้นึ เพอ่ื การ จดั ระเบยี บทางสงั คม ถอื เปน กตกิ าทสี่ มาชกิ ในสงั คมตอ งปฏบิ ตั ติ าม บูรณาการอาเซียน หากทุกคนปฏิบัติตามกฎหมายอยางเครงครัดก็ยอมสงผลดี เชน ลดปญหาอาชญากรรม ลดอุบัติเหตุทางจราจร คนในสังคมจึง สําหรับประเทศไทยมีกฎหมายมากมายและจําเปนตองปรับปรุงแกไข อยูรวมกันไดอ ยางมคี วามสขุ รวมถงึ มคี วามปลอดภัยในชวี ติ และ กฎหมายตางๆ เพ่ือรองรับการเปล่ียนแปลงในสภาวการณปจจุบัน และเพ่ือ ทรพั ยสิน) ใหการบงั คับใชก ฎหมายอยูใ นเกณฑมาตรฐานสากลของประชมคมอาเซยี น

T26

นาํ สอน สรปุ ประเมนิ

๒. กระบวนการในการตรากฎหมาย1 ขนั้ สอน

การตรากฎหมายแต่ละประเภท จะต้องเป็นไปตามบทบัญญัติแห่งกฎหมายท่ีให้อ�านาจ 5. ครแู บง นกั เรยี นเปน กลมุ กลมุ ละ 6 คน คละกนั ในการตรากฎหมายไว ้ ดังน้ี ตามความสามารถ คอื เกง ปานกลางคอ นขา ง ๑. พระราชบญั ญตั ปิ ระกอบรฐั ธรรมนญู เกง ปานกลางคอ นขางออ น และออน แลวให นกั เรยี นแตล ะกลมุ จบั คกู นั เปน 3 คู จากนน้ั ให กฎหมายที่ตราข้ึนในรูปแบบพระราชบัญญัติ เพ่ือก�าหนดรายละเอียดที่เป็นกฎเกณฑ์ส�าคัญเพิ่มเติม แตล ะครู ว มกนั ศกึ ษาความรเู รอื่ ง กระบวนการ บทบญั ญตั แิ หง่ รฐั ธรรมนญู ในบางมาตราทบี่ ญั ญตั หิ ลกั การไวอ้ ยา่ งกวา้ ง ๆ ในเรอ่ื งใดเรอื่ งหนง่ึ ใหม้ คี วามกระจา่ ง ในการตรากฎหมาย จากหนังสือเรียน สงั คม แจง้ ชดั เจน และสมบูรณย์ ิง่ ขนึ้ ซึ่งไม่ต้องบญั ญตั ิไวใ้ นตวั บทแห่งรัฐธรรมนูญให้มคี วามยาวมากเกินไป และ ศกึ ษาฯ ม.2 หรอื จากแหลง การเรยี นรอู น่ื ๆ เชน เพ่อื ทจี่ ะไดส้ ะดวกแกก่ ารแกไ้ ขเพ่มิ เติม การเสนอรา่ งพระราชบัญญัติประกอบรฐั ธรรมนญู จะเสนอได้ก็แตโ่ ดย หนงั สือในหองสมดุ เวบ็ ไซตใ นอินเทอรเนต็ คณะรัฐมนตรีโดยข้อเสนอแนะของศาลฎีกา ศาลรัฐธรรมนูญ หรือองค์กรอิสระท่ีเกี่ยวข้อง หรือสมาชิกสภา ผู้แทนราษฎรจ�านวนไมน่ อ้ ยกวา่ ๑ ใน ๑๐ ของจ�านวนสมาชกิ สภาผแู้ ทนราษฎรเทา่ ทม่ี ีอยู่ 6. ครูใหนักเรียนแตละกลุมนําขอมูลมาอภิปราย รว มกนั และนาํ ขอ มลู มาจดั ทาํ เปน ตารางแสดง ๒. พระราชบัญญัติ กระบวนการในการตรากฎหมายแตล ะประเภท ไดแก พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ บทบญั ญตั ิแห่งกฎหมายท่พี ระมหากษตั รยิ ์ทรงตราขน้ึ โดยค�าแนะน�าและยินยอมของรัฐสภา ซ่ึงประกอบ พระราชบัญญัติ พระราชกําหนด พระราช- ดว้ ยสภาผูแ้ ทนราษฎรและวฒุ ิสภา การเสนอร่างพระราชบญั ญตั ิจะเสนอได้กแ็ ตโ่ ดยคณะรฐั มนตร ี สมาชกิ สภา กฤษฎีกา กฎกระทรวง และขอบัญญัตอิ งคกร ผ้แู ทนราษฎรจา� นวนไมน่ ้อยกว่า ๒๐ คน หรือผมู้ สี ิทธเิ ลอื กตั้งจา� นวนไมน่ ้อยกว่า ๑๐,๐๐๐ คน โดยจะเข้าชอ่ื ปกครองสวนทองถ่ิน พรอมท้ังอธิบายวาเปน เสนอกฎหมายได้เฉพาะหมวดสิทธิและเสรีภาพของปวงชนชาวไทย และหมวดหน้าท่ีของรัฐเท่าน้ัน โดยการ กฎหมายอะไรพอสังเขป พจิ ารณาร่างพระราชบัญญัตติ ้องเสนอตอ่ สภาผแู้ ทนราษฎรก่อน

๓. พระราชกา� หนด

กฎหมายที่พระมหากษัตริย์ทรงตราขึ้นตามค�าแนะน�าของคณะรัฐมนตรี เพื่อใช้ในกรณีฉุกเฉินท่ีมีความ จา� เปน็ รีบดว่ น อันมิอาจจะหลีกเลีย่ งได ้ เพอ่ื ประโยชนใ์ นการรักษาความปลอดภัยของประเทศ ความปลอดภัย สาธารณะ ความมั่นคงในทางเศรษฐกิจของประเทศ หรอื ป้องกนั ภยั พบิ ัติสาธารณะ เมือ่ ได้มกี ารตราพระราช- ก�าหนดขึ้น รัฐบาลตอ้ งนา� พระราชก�าหนดน้ันเสนอต่อสภาผแู้ ทนราษฎรและวุฒสิ ภาในการประชุมรัฐสภา เพ่อื ให้รัฐสภาใหค้ วามเหน็ ชอบและมีผลบงั คับใช้เป็นพระราชบัญญัติตอ่ ไป

๔. พระราชกฤษฎีกา

กฎหมายทีพ่ ระมหากษตั รยิ ท์ รงตราขึน้ โดยค�าแนะนา� ของคณะรฐั มนตรี หรอื ฝ่ายบรหิ าร ตามอา� นาจที่ ก�าหนดไวใ้ นรฐั ธรรมนูญ หรอื ตามพระราชบญั ญตั ิ หรอื ตามพระราชกา� หนด เพือ่ การบรหิ ารราชการแผ่นดิน ของรัฐบาล โดยพระราชกฤษฎีกาถอื วา่ มศี กั ดต์ิ �า่ กว่าพระราชบัญญตั ิและพระราชกา� หนด

๕. กฎกระทรวง

กฎหมายท่ีออกตามพระราชบัญญัติ หรือพระราชก�าหนด อันเป็นกฎหมายแม่บท ออกโดยฝ่ายบริหาร อนั ได้แก ่ รัฐมนตรีวา่ การกระทรวง โดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี

๖. ขอ้ บญั ญัติองคก์ รปกครองสว่ นทอ้ งถ่นิ

กฎหมายทอ่ี งคก์ รปกครองสว่ นทอ้ งถนิ่ แตล่ ะแหง่ ตราขนึ้ และใชบ้ งั คบั เปน็ การทวั่ ไปภายในเขตอา� นาจของ องคก์ รปกครองส่วนทอ้ งถน่ิ นนั้ เชน่ เทศบญั ญัติ ข้อบญั ญัตกิ รุงเทพมหานคร เปน็ ตน้ ๒3

ขอ สอบเนน การคดิ เกร็ดแนะครู

ขอ ใดตอไปน้เี กยี่ วของกับพระราชกําหนด ครูควรอธิบายลําดับช้ันของกฎหมายไทยวามีอะไรบาง แลวใหนักเรียนได 1. กฎหมายแมบ ท ออกโดยฝายบริหาร มีสวนรว มในการทํากิจกรรม เชน ใหนักเรียนบอกการเรียงลาํ ดับกฎหมายไทย 2. ใชในกรณฉี กุ เฉินทีม่ ีความจาํ เปนรีบดวน ใหถูกตอง โดยที่ครูควรอธิบายเพ่ิมเติมวาในกฎหมายแตละลําดับมีความ 3. ตราขน้ึ เพื่อใชใ นเขตองคก รปกครองสว นทองถน่ิ แตกตางกันอยางไร เชน พระราชบัญญัติเปนกฎหมายที่พระมหากษัตริย 4. กฎหมายทพี่ ระมหากษตั รยิ ท รงตราขน้ึ ตามคาํ แนะนาํ ของวฒุ สิ ภา ทรงตราข้ึน โดยคําแนะนําและคํายินยอมของรัฐสภา ซึ่งตางจากพระราช- กฤษฎกี าทพ่ี ระมหากษตั รยิ ท รงตราขน้ึ โดยคาํ แนะนาํ ของคณะรฐั มนตรหี รอื ฝา ย (วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 2. พระราชกําหนด คือ กฎหมาย บริหาร ท่ีพระมหากษัตริยทรงตราขึ้นตามคําแนะนําของคณะรัฐมนตรี ในกรณีฉุกเฉิน เรงดวน เพื่อรักษาความปลอดภัยของประเทศ นักเรียนควรรู ปอ งกนั ภยั พบิ ตั สิ าธารณะ รกั ษาความมนั่ คงทางเศรษฐกจิ ตวั อยา ง พระราชกําหนด เชน พระราชกาํ หนดบรรษัทบรหิ ารสินทรัพยไ ทย 1 กระบวนการในการตรากฎหมาย กระบวนการหรือวิธีการในการออก พ.ศ. 2544 พระราชกําหนดกองทุนสงเสริมการประกันภัยพิบัติ กฎหมายเพ่ือบังคับใช ซึ่งเปนอํานาจหนาที่ของรัฐสภา โดยจะตองเปนไปเพ่ือ พ.ศ. 2555) ประโยชนส ุขสว นรวมของประชาชน เชน พระราชบญั ญัติ พระราชกาํ หนด

T27

นาํ สอน สรปุ ประเมนิ

ขนั้ สอน ๒.๑ ข้ันตอนการตรากฎหมาย

7. ครูใหน กั เรยี นแตละกลุม รวมกันศกึ ษาขัน้ ตอน ในทนี่ จ้ี ะขอกลา่ วถงึ กระบวนการตราพระราชบญั ญตั ิ เพอ่ื เปน็ ตวั อยา่ งในการศกึ ษา โดยทวั่ ไป การตรากฎหมายจากหนังสือเรียน สังคม รา่ งพระราชบญั ญตั นิ น้ั สามารถกา� หนดเรอื่ งตา่ ง ๆ ตามหลกั การทป่ี ระสงคจ์ ะใหม้ ผี ลบงั คบั ในสงั คม ศกึ ษาฯ ม.2 ประกอบการดแู ผนผงั กระบวนการ ได้ทุกเรอื่ ง มขี ้อจ�ากดั เพยี งว่าต้องไมข่ ดั หรอื แยง้ กบั รัฐธรรมนูญ หรือขดั ตอ่ หลกั กฎหมายอน่ื ตราพระราชบัญญัติ จากน้ันอภิปรายแสดง รฐั ธรรมนูญแหง่ ราชอาณาจกั รไทยกา� หนดไว้ว่า รา่ งพระราชบญั ญัติใหเ้ สนอต่อสภาผูแ้ ทน ความคิดเห็นรว มกนั ราษฎรกอ่ น โดยฝา่ ยที่จะเสนอร่างพระราชบญั ญตั ไิ ดน้ นั้ มี ๓ ฝา่ ย คอื คณะรฐั มนตร ี สมาชกิ สภา ผแู้ ทนราษฎรจา� นวนไม่นอ้ ยกว่า ๒๐ คน และผู้มีสทิ ธเิ ลือกตง้ั จา� นวนไมน่ อ้ ยกว่า ๑๐,๐๐๐ คน ทา� การเขา้ ชอ่ื เสนอกฎหมาย ซงึ่ ในกรณผี มู้ สี ทิ ธเิ ลอื กตงั้ เสนอกฎหมายนน้ั จะสามารถเสนอกฎหมาย เฉพาะหมวดสทิ ธเิ สรภี าพของปวงชนชาวไทย และหมวดหนา้ ทขี่ องรฐั เทา่ นนั้ ตามวธิ ขี องกฎหมาย วา่ ด้วยการเขา้ ชอ่ื เสนอกฎหมายของผมู้ สี ิทธิเลือกตง้ั

กระบวนการตราพระราชบญั ญตั ิ

เสนอร่าง พ.ร.บ.

คณะรัฐมนตรี รัฐสภา พระมหากษัตรยิ ์ ทรงลงพระปรมาภไิ ธย เสนอรา่ ง พ.ร.บ. สภราาษผแู้ฎทรน วุฒิสภา สส. จ�านวน นายกรัฐมนตรี ไมน่ ้อยกว่า ๒๐ คน ประกาศใน ราชกจิ จานุเบกษา เสนอรา่ ง พ.ร.บ. ผู้มีสิทธิเลือกต้งั พระราชบัญญัติ จ�านวนไม่น้อยกว่า ๑๐,๐๐๐ คน มีผลบังคับใช้ (เสนอได้เฉพาะกฎหมายทเี่ กย่ี วกับ หมวดสทิ ธิเสรีภาพของปวงชน ชาวไทย และหมวดหน้าที่ของรัฐ) ๒๔

เกร็ดแนะครู ขอ สอบเนน การคิด

ครูอาจจัดกิจกรรมใหนักเรียนไดเขารวม เชน จัดแขงขันการตอบปญหา พระราชบญั ญตั จิ ะมีผลบงั คบั ใชอ ยางสมบูรณเ มื่อใด โดยใหค รเู ปน ผตู งั้ คาํ ถามตา งๆ ทเ่ี กย่ี วกบั กระบวนการในการตรากฎหมาย แลว 1. วุฒิสภามมี ตเิ หน็ ชอบ ใหน กั เรยี นแขง ขนั กนั ตอบเพอื่ สะสมคะแนน ซง่ึ จะชว ยกระตนุ การคดิ ของนกั เรยี น 2. พระมหากษัตรยิ ท รงลงพระปรมาภไิ ธย รวมถึงเปนการเปดโอกาสใหนักเรียนไดมสี ว นรวมในการทาํ กิจกรรม 3. ภายหลงั จากประกาศในราชกจิ จานเุ บกษา 4. นายกรฐั มนตรนี าํ ขนึ้ ทลู เกลา ฯ ถวายพระมหากษตั รยิ  ส่ือ Digital (วิเคราะหค าํ ตอบ ตอบขอ 3. รฐั ธรรมนญู แหง ราชอาณาจกั รไทย ศกึ ษาคน ควา ขอ มลู เพม่ิ เตมิ เกยี่ วกบั กระบวนการพจิ ารณารา งพระราชบญั ญตั ิ ไดบัญญัติไววา รางพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญและราง ไดท ี่ http://www.kpi.ac.th/wiki/index.php พระราชบัญญัติจะตราข้ึนเปนกฎหมายได ก็แตโดยคําแนะนํา และคํายินยอมของรัฐสภา และเมื่อพระมหากษัตริยทรงไดลง T28 พระปรมาภิไธย หรือถือเสมือนวาไดทรงลงพระปรมาภิไธยตาม รัฐธรรมนูญนี้แลว ใหประกาศในราชกิจจานุเบกษาเพื่อบังคับใช เปนกฎหมายตอไป)

นาํ สอน สรปุ ประเมนิ

การพิจารณาร่างพระราชบัญญัติจะต้องเสนอให้สภาผู้แทนราษฎรพิจารณาก่อน โดยมี ขน้ั สอน กระบวนการตราพระราชบัญญัตใิ นรัฐสภา ดงั ตอ่ ไปน้ี 8. ครูนําขาวเกี่ยวกับการพิจารณารางพระราช- ๑) การพจิ ารณาในสภาผ้แู ทนราษฎร ไดก้ �าหนดเปน็ ๓ วาระ ดงั นี้ บัญญัติของสภาผูแทนราษฎรมาใหนักเรียนดู แลวใหนักเรียนรวมกันสรุปขาววา เปนการ วาระท่ี หนึ่ง ขัน้ รับหลกั การ พิจารณารางพระราชบัญญัติอะไร มีขั้นตอน อยา งไร และมผี ลสรปุ อยา งไร จากนน้ั อภปิ ราย สภาจะพิจารณาและลงมติว่า จะรับหลักการไว้พิจารณาต่อไปหรือไม่ โดยผู้เสนอร่าง แสดงความคดิ เหน็ รวมกนั พระราชบญั ญตั ฉิ บบั นน้ั จะชแี้ จงหลกั การและเหตผุ ลประกอบการเสนอของรา่ งพระราช- บญั ญตั ิ เมอ่ื ผเู้ สนอชแี้ จงแลว้ กใ็ หส้ มาชกิ สภาผแู้ ทนราษฎรอภปิ รายได ้ ไมว่ า่ จะอภปิ ราย 9. ครูใหนักเรียนรวมกันเขียนแผนผังแสดง คา้ น หรือสนบั สนุน หรือถามขอ้ สงสัย หรอื ตั้งข้อสังเกต ประธานสภาผู้แทนราษฎรจะ กระบวนการตราพระราชบัญญัติในรัฐสภา เปิดโอกาสให้ผู้เสนอร่างตอบชี้แจงตามท่ีมีผู้ต้ังค�าถามหรือให้ข้อสังเกต เม่ือจบการ โดยเร่ิมจากวาระท่ี 1 ไปจนถึงวาระที่ 3 ลงบน กระดานหนาชั้นเรียน ประกอบการอธิบาย ฉอภบิปับรนาหี้ ยรแอื ลไ้วม ่ แปตรใ่ะนธบานางสกภราณจะีทขี่ปอรมะชตุมิจาจกะลทง่ีปมรตะชใิ หุมส้ วง่ ่าคจณะระับกหรรลมักากธาิกราแรห1พ่งจิพารระณราาชหบลัญักกญาัตริ หรือแสดงความคิดเหน็ รวมกนั

แหง่ รา่ งพระราชบญั ญตั นิ น้ั กอ่ นกไ็ ดเ้ พอ่ื ประโยชนใ์ นการพจิ ารณา เมอื่ พจิ ารณาเสรจ็ แลว้ ก็จะท�ารายงานเสนอตอ่ สภาเพ่ือเขา้ สู่การพิจารณาของสภาตอ่ ไป

วาระที่ สอง ข้นั พจิ ารณาในรายละเอยี ดของร่างพระราชบญั ญตั ิ

มี ๒ ลักษณะ คือ ๑. สภาผู้แทนราษฎรมีมติให้ด�าเนินการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติโดยคณะ กรรมาธิการเต็มสภา ซึ่งจะใช้ส�าหรับการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติท่ีมีความจ�าเป็น ไรมีบ่มด่วากนนทัก่จี ะโตดอ้ ยงจอะอไกมใ่มชขี ้บนั้ งั ตคอับน กหารรือยเ่ืนปคน็ า�กขาอรพแปจิ ารรญณตั าตร2ิ ่างพระราชบญั ญตั ิที่มรี ายละเอยี ด ๒. สภาผู้แทนราษฎรมีมติแต่งต้ังและมอบหมายให้คณะกรรมาธิการคณะใดคณะ หนึง่ เปน็ ผู้พจิ ารณา การพิจารณาในลักษณะน ้ี หากวา่ สมาชิกสภาผแู้ ทนราษฎรทีไ่ ม่ได้ รับการแต่งตั้งให้เป็นกรรมาธิการในคณะกรรมาธิการชุดนั้นเห็นควรแก้ไขเพิ่มเติมร่าง พระราชบญั ญตั ิ กใ็ หเ้ สนอคา� ขอ “แปรญตั ต”ิ ตอ่ ประธานคณะกรรมาธกิ ารทพ่ี จิ ารณารา่ ง พระราชบัญญัติน้ันได ้ ภายใน ๗ วนั

วาระที่ สาม ข้ันลงมติเห็นชอบ สภาผแู้ ทนราษฎรจะลงมติเหน็ ชอบ แลว้ ใหส้ ่งตอ่ ไปยงั วุฒสิ ภา แตถ่ า้ ไมเ่ หน็ ชอบ ร่างพระราชบญั ญตั ิน้นั ก็เปน็ อันตกไป

๒5

ขอสอบเนน การคิด นักเรียนควรรู

ในการพิจารณารางพระราชบัญญัติในวุฒิสภา ถาสภาลงมติ 1 คณะกรรมาธกิ าร ตามขอบังคับการประชมุ สภาผูแทนราษฎร พ.ศ. 2551 เหน็ ชอบ บคุ คลใดจะตองนาํ ขนึ้ ทลู เกลาถวายฯ พระมหากษัตรยิ  กําหนดใหสภาต้ังคณะกรรมาธิการสามัญขึ้น 35 คณะ คณะละ 15 คน เชน เพอ่ื ทรงลงพระปรมาภไิ ธย คณะกรรมาธกิ ารการศึกษา คณะกรรมาธกิ ารเด็ก เยาวชน สตรี ผสู ูงอายุ และ ผูพกิ าร เพื่อพจิ ารณารายละเอียดของรา งกฎหมายใหรอบคอบ 1. นายกรฐั มนตรี 2 แปรญัตติ หมายถึง การแกถอยคําหรือเน้ือความในรางกฎหมายที่สภา 2. ประธานรัฐสภา รับหลักการแลว การแปรญัตตินั้นจะตองแปรเปนรายมาตรา การแปรญัตติ 3. ประธานศาลรฐั ธรรมนูญ โดยเพิ่มมาตราใหม หรือตัดทอนมาตราเดิม ตองไมขัดกับหลักการแหง 4. เลขาธกิ ารสํานักพระราชวงั พระราชบญั ญัตนิ ้ัน

(วิเคราะหค ําตอบ ตอบขอ 1. หลงั จากทวี่ ฒุ สิ ภาใหค วามเหน็ ชอบ ในรางพระราชบัญญัติแลว นายกรัฐมนตรีจะตองเปนผูนําขึ้น ทูลเกลาถวายฯ พระมหากษัตริย เพ่ือทรงลงพระปรมาภิไธย และประกาศใชในราชกิจจานุเบกษา เพอ่ื ใหม ผี ลบังคับใชตอ ไป)

T29

นาํ สอน สรปุ ประเมนิ

ขนั้ สอน ๒) การพจิ ารณาในวฒุ ิสภา ใหก้ ระทา� เปน็ ๓ วาระ เช่นเดยี วกับการพิจารณาของ

10. ครูนําขาวเก่ียวกับการพิจารณาในวุฒิสภา สภาผแู้ ทนราษฎรแตจ่ ะตอ้ งพจิ ารณาตามกา� หนดเวลา กลา่ วคอื ถา้ หากเปน็ กรณขี องการพจิ ารณารา่ ง หรือการทํางานของวุฒิสภา มาใหนักเรียนดู พระราชบญั ญตั ทิ วั่ ไปตอ้ งพจิ ารณาใหแ้ ลว้ เสรจ็ ภายใน ๖๐ วนั แตถ่ า้ เปน็ รา่ งทเ่ี กย่ี วดว้ ยเรอ่ื งการเงนิ แลวใหนักเรียนรวมกันแสดงความคิดเห็น ตอ้ งพจิ ารณาใหแ้ ลว้ เสรจ็ ภายใน ๓๐ วนั เวน้ แตว่ ฒุ สิ ภาจะไดล้ งมตขิ ยายเวลาออกไปเปน็ กรณพี เิ ศษ เก่ียวกับขาวดังกลาววา มีขั้นตอนอยางไร ไมเ่ กนิ ๓๐ วนั หากวฒุ สิ ภาพจิ ารณาไมเ่ สรจ็ ทนั ตามกา� หนดเวลาจะถอื วา่ วฒุ สิ ภาไดใ้ หค้ วามเหน็ ชอบ และมีผลสรุปอยางไร จากนั้นอภิปรายแสดง ร่างพระราชบญั ญัตินน้ั การพิจารณาของวุฒสิ ภาทา� ได ้ ๓ กรณ ี คือ ความคิดเห็นรวมกนั ๑. เห็นชอบ แล้วให้นายกรัฐมนตรีด�าเนินการน�าขึ้นทูลเกล้าฯ เพ่ือทรงลง พระปรมาภไิ ธย แ๒ล.ะ ปไมระเ่ หกน็าศชใอนบร าเปชกน็ จิกจาารนทุเวี่ บฒุ กสิ ษภาาใชยบับ้ ยงั คงั้ รบั า่ เงปพน็ รกะฎราหชมบาญั ยตญ่อตั ไ1นิปนั้ ไวก้ อ่ นและสง่ กลบั 11. ครูใหนักเรียนรวมกันเขียนแผนผังแสดง คืนไปยังสภาผูแ้ ทนราษฎร กระบวนการพิจารณาในวุฒิสภา ลงบน ๓. แก้ไขเพิ่มเติม โดยด�าเนินการแจ้งให้สภาผู้แทนราษฎรทราบเพ่ือจัดต้ัง กระดานหนาช้ันเรียนประกอบการอธิบาย คณะกรรมาธกิ ารรว่ มกนั พจิ ารณารา่ งพระราชบญั ญตั นิ น้ั เมอ่ื พจิ ารณาเสรจ็ แลว้ กจ็ ะรายงานและเสนอ หรือแสดงความคดิ เห็นรวมกัน รา่ งพระราชบญั ญตั ทิ คี่ ณะกรรมาธกิ ารไดพ้ จิ ารณารว่ มกนั ตอ่ สภาผแู้ ทนราษฎรและวฒุ สิ ภา ถา้ สภา ทั้งสองเห็นชอบด้วยกับร่างพระราชบัญญัติท่ีคณะกรรมาธิการร่วมกันพิจารณาแล้วให้ถือว่าร่าง 12. ครูใหนักเรียนแตละกลุมจับคูกันทําใบงานท่ี พระราชบญั ญัตนิ ัน้ ไดร้ ับความเห็นชอบของรฐั สภา ให้นายกรัฐมนตรนี า� ขน้ึ ทูลเกล้าฯ เพอ่ื ทรงลง 2.1 เรื่อง กระบวนการในการตรากฎหมาย พระปรมาภิไธย และประกาศในราชกิจจานเุ บกษาใชบ้ งั คับเป็นกฎหมายต่อไป ดังนี้ ทั้งนร้ี า่ งพระราชบัญญัติใดทร่ี ัฐสภาให้ความเห็นชอบแลว้ ก่อนทีน่ ายกรฐั มนตรีจะนา� • คูที่ 1 ทําใบงานที่ 2.1 ตอนที่ 1 ขนึ้ ทลู เกลา้ ฯ ถวาย เพอื่ พระมหากษตั รยิ ท์ รงลงพระปรมาภไิ ธย ถา้ สมาชกิ สภาผแู้ ทนราษฎร สมาชกิ • คูที่ 2 ทําใบงานที่ 2.1 ตอนท่ี 2 วฒุ ิสภา หรือสมาชิกของท้งั สองสภารวมกันมีจ�านวนไม่น้อยกว่า ๑ ใน ๑๐ ของจ�านวนสมาชกิ • คูท่ี 3 ทําใบงานที่ 2.1 ตอนที่ 3 ทั้งหมดเท่าท่ีมีอยู่ของท้ังสองสภา เห็นว่าร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวมีข้อความขัดหรือแย้งต่อ รฐั ธรรมนูญน้ ี หรอื กระบวนการตรากฎหมายไม่ถกู ตอ้ งตามบทบญั ญตั แิ หง่ รฐั ธรรมนูญน ้ี ให้เสนอ ความเห็นตอ่ ประธานสภาผู้แทนราษฎร หรือประธานวฒุ สิ ภา หรือประธานรัฐสภา เพือ่ ให้ประธาน สภาทไี่ ดร้ บั ความเหน็ สง่ เรอ่ื งตอ่ ไปยงั ศาลรฐั ธรรมนญู วนิ จิ ฉยั และแจง้ ใหน้ ายกรฐั มนตรที ราบตอ่ ไป ถ้าศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าร่างพระราชบัญญัติน้ันมีข้อความขัดหรือแย้งต่อ รฐั ธรรมนญู และขอ้ ความดงั กลา่ วเปน็ สาระสา� คญั หรอื วนิ จิ ฉยั วา่ รา่ งพระราชบญั ญตั นิ น้ั ตราขนึ้ โดย ไมถ่ ูกต้องตามบทบญั ญตั แิ ห่งรัฐธรรมนูญน้ี ใหร้ ่างพระราชบญั ญัตนิ ัน้ เป็นอันตกไปท้งั ฉบับ ถ้าศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าร่างพระราชบัญญัตินั้นมีข้อความขัดหรือแย้งต่อ รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยนี้แต่ไม่เป็นสาระส�าคัญ ให้เฉพาะข้อความที่ขัดหรือแย้งน้ัน เปน็ อันตกไป รา่ งพระราชบญั ญัติฉบบั นน้ั ยงั สามารถประกาศใชบ้ งั คับได ้ นอกจากกระบวนการตราพระราชบญั ญตั ิ ยงั มกี ระบวนการตรากฎหมายอนื่ ทนี่ า่ สนใจ ซึ่งมขี ัน้ ตอนท่แี ตกตา่ งกนั ไป เชน่ การตราพระราชก�าหนด ซงึ่ เป็นการตราขึ้นเม่อื คณะรฐั มนตร ี เห็นว่ามีความจ�าเป็นฉุกเฉินเร่งด่วนก็จะน�าพระราชก�าหนดเสนอต่อรัฐสภา เพื่อพิจารณาโดยเร็ว ๒แ6ละมีมติเห็นชอบหรอื ไม่เห็นชอบใหใ้ ชเ้ ป็นกฎหมายต่อไป

นักเรียนควรรู กจิ กรรม สรางเสริม

1 ยับย้ังรางพระราชบัญญัติ รัฐธรรมนูญแหงราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2560 ใหนักเรียนสืบคนพระราชบัญญัติของไทย แลวนํามาเขียน มาตรา 139 กําหนดไววา ในระหวางท่ีมีการยับยั้งรางพระราชบัญญัติใด บันทึกลงในตารางใหไดมากที่สุด โดยบอกช่ือพระราชบัญญัติ ตามมาตรา 137 คณะรัฐมนตรีหรือสมาชิกสภาผูแทนราษฎรจะเสนอราง และอธบิ ายวา เปนพระราชบัญญตั ิที่เก่ยี วกับเร่อื งใดพอสงั เขป พระราชบัญญัติที่มีหลักการอยางเดียวกันหรือคลายกันกับหลักการของราง พระราชบญั ญตั ทิ ต่ี อ งยบั ยง้ั ไวม ไิ ด ในกรณที ส่ี ภาผแู ทนราษฎรหรอื วฒุ สิ ภาเหน็ วา รางพระราชบัญญัติท่ีเสนอหรือสงใหพิจารณานั้น เปนรางพระราชบัญญัติท่ีมี หลักการอยางเดียวกันหรือคลายกันกับหลักการของรางพระราชบัญญัติท่ีตอง ยบั ยงั้ ไว ใหป ระธานสภาผแู ทนราษฎรหรอื ประธานวฒุ สิ ภาสง รา งพระราชบญั ญตั ิ ดังกลาวใหศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย ถาศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยวาเปนราง พระราชบัญญัติที่มีหลักการอยางเดียวกันหรือคลายกันกับหลักการของราง พระราชบญั ญตั ิทตี่ องยบั ยัง้ ไว ใหรางพระราชบญั ญตั ินน้ั เปน อันตกไป

T30

นาํ สอน สรุป ประเมนิ

๒.๒ การมีส่วนรว่ มของประชาชนในการตรากฎหมาย ขน้ั สอน

เป็นแนวทางหนึ่งที่แสดงให้เห็นถึงอ�านาจอธิปไตยเป็นของปวงชนชาวไทย ตามหลักการ 13. นกั เรยี นแตล ะคชู ว ยกนั ตรวจสอบความถกู ตอ ง ปกครองในระบอบประชาธิปไตยของไทย ดังท่ีรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยบัญญัติไว้ โดย ของใบงานท่ีตนรับผิดชอบ แลวผลัดกัน กอ่ นการตรากฎหมายทกุ ฉบบั ของรฐั รฐั ตอ้ งจดั ใหม้ กี ารรบั ฟงั ความคดิ เหน็ ของประชาชน วเิ คราะห์ อธิบายผลงานใหเ พือ่ นในกลุมฟง ผลกระทบต่อประชาชน เพ่ือประกอบการพิจารณาในกระบวนการตรากฎหมายทุกข้ันตอน นอกจากน ้ี ประชาชนยังมสี ทิ ธิในการมีส่วนร่วมเพอ่ื ตรากฎหมายดว้ ยตนเอง ท้งั ในระดบั ชาตแิ ละ 14. ครใู หน กั เรยี นทาํ กจิ กรรมเกยี่ วกบั กระบวนการ ระดับท้องถนิ่ ในการตรากฎหมาย ในแบบฝกสมรรถนะฯ ในระดบั ชาต ิ ประชาชนผมู้ สี ทิ ธเิ ลอื กตงั้ จา� นวนไมน่ อ้ ยกวา่ ๑๐,๐๐๐ คน มสี ทิ ธเิ ขา้ ชอื่ เสนอ หนาท่ีพลเมืองฯ ม.2 เพื่อเปนการบานสงครู กฎหมาย เฉพาะกรณีตาม หมวด ๓ ทว่ี ่าด้วยเรื่อง สิทธแิ ละเสรีภาพของปวงชนชาวไทย และ ในช่ัวโมงถัดไป หมวด ๕ ท่วี ่าด้วยเร่อื ง หน้าท่ีของรฐั ตามกฎหมายว่าดว้ ยการเขา้ ชื่อเสนอกฎหมาย ในระดบั ทอ้ งถิ่น การดา� เนนิ งานขององค์กรปกครองสว่ นท้องถ่ิน ประชาชนผมู้ ีสิทธิเลือกต้งั ขนั้ สรปุ ในองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมีสิทธิเข้าชื่อกันเพ่ือเสนอข้อบัญญัติหรือเพ่ือถอดถอนสมาชิกสภา ท้องถ่นิ หรือผบู้ รหิ ารท้องถน่ิ ได้ตามหลักเกณฑ์ วธิ กี าร และเง่ือนไขที่กฎหมายบญั ญตั ิ ครูและนักเรียนรวมกันสรุปความรูเกี่ยวกับ กระบวนการในการตรากฎหมาย หรือใช PPT เรอื่ งนา่ รู้ สรปุ สาระสาํ คญั ของเนอ้ื หา ตลอดจนความสาํ คญั ของกระบวนการในการตรากฎหมายตอการ ข้ันตอนการเข้าชื่อเสนอกฎหมายของประชาชน ดาํ เนนิ ชวี ติ ประจําวัน ตามพระราชบญั ญตั ิว่าดว้ ยการเขา้ ชือ่ เสนอรา่ งกฎหมาย พ.ศ. ๒556 ขน้ั ประเมนิ ๑ ประชาชนผู้ริเริ่มเสนอกฎหมาย ๒ ประธานรัฐสภาตรวจสอบหลักการ ไมน่ อ้ ยกวา่ ๒๐ คน ยน่ื เรอื่ งพรอ้ ม และเนือ้ หาของร่างกฎหมาย 1. ครูประเมินผลโดยสังเกตจากการตอบคําถาม ร่างกฎหมายต่อประธานรัฐสภา การรวมกันทํางาน และการนําเสนอผลงาน หนาชน้ั เรียน ส่งคนื หไไลปมกัตเ่ ปกา็นามร เปน็ ไปตาม หลักการ 2. ครตู รวจสอบผลจากการทาํ ใบงาน และแบบฝก สมรรถนะฯ หนา ท่พี ลเมอื งฯ ม.2 3 ประชาชนผู้ริเร่ิมรวบรวมรายชื่อผู้มีสิทธิ เลือกตั้ง ๑๐,๐๐๐ ชื่อ พร้อมส�าเนาบัตร ๔ ย่ืนประธานรฐั สภาตรวจสอบภายใน ประชาชน ๔๕ วัน

6 ประธานรัฐสภาประกาศรายชือ่ 5 ประธานรัฐสภาตรวจสอบความมีตัวตน และสทิ ธเิ ลอื กตง้ั ตามทก่ี ฎหมายกา� หนด

7 หากพบวา่ จา� นวนผเู้ ขา้ ชอื่ ไมถ่ งึ ๑๐,๐๐๐ ชอื่ ๘ ประธานรัฐสภาน�าร่างกฎหมายเข้าสู่ ให้หาเพ่มิ ให้ครบ ภายใน ๙๐ วนั ระเบียบวาระการประชุมของสภาผู้แทน ราษฎรต่อไป

๒7

กิจกรรม ทาทาย แนวทางการวัดและประเมินผล

ใหน กั เรยี นจดั ทาํ ปา ยโปสเตอรท อี่ ธบิ ายถงึ กระบวนการเขา ไป ครสู ามารถวดั และประเมนิ ความเขา ใจเนอื้ หา เรอื่ ง กระบวนการในการตรา มีสวนรวมในการตรากฎหมายของประชาชน โดยใหมีรูปภาพ กฎหมาย ไดจ ากการสบื คน และนาํ เสนอผลงานหนา ชน้ั เรยี น โดยศกึ ษาเกณฑก าร ประกอบพรอมคําอธิบาย รวมทั้งวิเคราะหถึงผลดีท่ีเกิดจากการ วัดและประเมินผลจากแบบประเมินการนําเสนอผลงานที่แนบมาทายแผนการ มีสวนรวมของประชาชนในการตรากฎหมาย จัดการเรยี นรูห นว ยที่ 2 เร่ือง กฎหมายกบั การดาํ เนนิ ชีวติ ประจําวัน

แบบประเมนิ การนาเสนอผลงาน

คาชีแ้ จง : ใหผ้ ู้สอนประเมินผลการนาเสนอผลงานของนักเรียนตามรายการ แลว้ ขดี ลงในชอ่ งที่ ตรงกับระดบั คะแนน

ลาดบั ท่ี รายการประเมนิ ระดับคะแนน 1 32

1 ความถูกต้องของเนอื้ หา 2 การลาดบั ข้นั ตอนของเรื่อง 3 วิธกี ารนาเสนอผลงานอย่างสร้างสรรค์ 4 การใช้เทคโนโลยใี นการนาเสนอ 5 การมสี ว่ นร่วมของสมาชกิ ในกลุม่

รวม

ลงชอื่ ...................................................ผูป้ ระเมิน ............/................./................

เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน ให้ 3 คะแนน ผลงานหรือพฤติกรรมสอดคล้องกบั รายการประเมินสมบรู ณ์ชดั เจน ให้ 2 คะแนน ให้ 1 คะแนน ผลงานหรือพฤติกรรมสอดคล้องกบั รายการประเมินเป็นส่วนใหญ่

ผลงานหรอื พฤตกิ รรมสอดคล้องกับรายการประเมนิ บางส่วน

เกณฑ์การตัดสินคุณภาพ

ช่วงคะแนน ระดับคุณภาพ

12 - 15 ดี

8 - 11 พอใช้

ตา่ กวา่ 8 ปรบั ปรงุ T31

นาํ นาํ สอน สรปุ ประเมนิ

ขนั้ นาํ (5Es Instructional Model) ๓. กกฎฎหหมมายาทยเี่ กท่ียเี่วกขอ้ ่ยี งกวบั ขต้อนเงอกงแับละตครนอบเอครงัวแทีน่ ลักะเรคียนรคอวบรรคู้ ไรด้แวั ก ่ กฎหมายแพ่ง1เกี่ยวกบั