การแก้ปัญหาค่าสายตาผิดปกติ ไม่ว่าจะเป็นสายตาสั้น สายตายาว สายตาเอียง สามารถทำได้ด้วยการใช้ แว่นสายตา ใช้คอนแทคเลนส์ หรือใช้การแก้ปัญหาด้วยวิธีเลเซอร์ ที่หลายคนนิยมเรียกว่า “การทำเลสิค (LASIK)” Show
การทำเลสิคมีข้อดี คือ ไม่ต้องวุ่นวายกับการสวมใส่แว่นสายตาหรือคอนแทคเลนส์ ทำให้มีอิสระในการใช้ชีวิตมากขึ้น สะดวกในการออกกำลังกายหรือเล่นกีฬาบางชนิด และยังเหมาะกับคนที่จำเป็นต้องทำงานบางประเภท ที่มีข้อกำหนดห้ามใส่แว่นสายตา นอกจากนี้ การทำเลสิคสำหรับบางคนที่เคยใช้แว่นสายตามาก่อน ถือเป็นการปรับเปลี่ยนบุคลิกภาพให้ดูดีขึ้นได้อีกด้วย ใครสนใจ วันนี้เราจะมาอธิบายการทำเลสิคอย่างละเอียดกัน! ปรึกษาเพิ่มเติม หรือนัดหมายได้ที่ สารบัญเลสิค คืออะไรการทำเลสิค (Lasik) คือ ชื่อเรียกโดยรวมของการปรับค่าสายตาด้วยการยิงเลเซอร์ที่กระจกตา คำว่า LASIK ย่อมาจาก Laser In Situ Keratomileusis เปรียบได้กับการเจียระไนกระจกตาให้ได้ความโค้งที่ต้องการเพื่อปรับให้ภาพคมชัด สามารถแก้ไขสายตาผิดปกติ ได้แก่ สายตาสั้น สายตายาว สายตาเอียงโดยกำเนิด โดยมุ่งเน้นการแก้ไขที่กระจกตาเป็นหลัก เลสิค รักษาสายตาผิดปกติใดได้บ้างคนไข้ที่สามารถเข้ารับการรักษาด้วยการทำเลสิคได้ เป็นผู้ที่มีปัญหาทางสายตา ดังนี้
ทำเลสิค มีกี่แบบ แบบไหนดี?1. PRK (Photorefractive Keratectomy)PRK (Photorefractive Keratectomy) คือ เป็นวิธีแก้ไขสายตารุ่นแรกสุด แต่ยังเป็นที่นิยมในปัจจุบัน ขั้นตอนการรักษาจะไม่แยกชั้นกระจกตา แต่จะลอกผิวกระจกตาชั้นนอกสุด (Epithelium) ออกก่อน แล้วใช้เอ็กไซเมอร์เลเซอร์ (Excimer laser) ปรับความโค้งของกระจกตาอีกที ก่อนจะปิดกระจกตาด้วยคอนแทคเลนส์นาน 5-7 วันเพื่อลดอาการระคายเคืองตา ระยะเวลาในการผ่าตัดประมาณ 15-20 นาที ค่าใช้จ่ายประมาณ : 30,000-50,000 บาท จุดเด่น
ข้อจำกัด
ใครควรทำเลสิคประเภทนี้
2. เลสิคใบมีด (Lasik)เลสิคใบมีด (Microkeratome LASIK, Blade LASIK, หรือ LASIK) คือ เป็นเทคนิคที่ได้รับความนิยมสูง โดยใช้ใบมีดที่มีขนาดเล็กเปิดฝากระจกตาขึ้น ก่อนใช้เอ็กไซเมอร์เลเซอร์ (Excimer laser) ปรับแต่งความโค้งของกระจกตาให้ได้ค่าสายตาที่ต้องการ แล้วปิดกระจกตากลับเข้าที่เดิม ระยะเวลาในการผ่าตัดประมาณ 15-20 นาที ค่าใช้จ่ายประมาณ : 30,000-50,000 บาท จุดเด่น
ข้อจำกัด
ใครควรทำเลสิคประเภทนี้ ผู้ที่มีสายตาสั้นและเอียงไม่มาก มีสายตาสั้นและเอียงไม่เกิน 600 3.เฟมโตเลสิค (FemtoLASIK)เฟมโตเลสิค (FemtoLASIK) คือ วิธีการรักษาที่ใช้เลเซอร์ (Femtosecond Laser) ในขั้นตอนการเปิดฝา กระจกตา จากนั้นจะปรับแต่งความโค้งของกระจกด้วยเอ็กไซเมอร์เลเซอร์ (Excimer laser) เรียกได้ว่าใช้เลเซอร์เป็นหลักตลอดการรักษา โดยไม่ต้องใช้ใบมีดเปิดฝากระจกตา (Bladeless LASIK) จึงให้ความแม่นยำและความปลอดภัยที่ดีกว่าการทำเลสิคแบบใช้ใบมีด ระยะเวลาในการผ่าตัด 30 นาที ค่าใช้จ่ายประมาณ : 70,000-100,000 บาท จุดเด่น
ข้อจำกัด
ใครควรทำเลสิคประเภทนี้ ผู้ที่มีภาวะกระจกตาบาง , ตาเล็กเปิดตาได้ไม่มาก 4.เลสิคแบบไร้ใบมีด (ReLEx Smile)เลสิคแบบไร้ใบมีด (ReLEx Smile) หรือ Refractive lenticule extraction – Small incision lenticule extraction คือ เทคโนโลยีล่าสุดในการแก้ไขสายตาโดยใช้เลเซอร์ (Femtosecond Laser) ซึ่งมีความแม่นยำสูง เทคนิคดังกล่าว ไม่ต้องเปิดฝากระจกตาเพื่อแยกชั้นเหมือนวิธีเลสิคใบมีด แต่จะใช้เลเซอร์ตัดเนื้อกระจกตาเป็นชิ้นเลนส์ แล้วดึงออกผ่านแผลซึ่งมีขนาดเล็กเพียงประมาณ 2-4 มม. จึงเป็นเทคนิคที่รบกวนกระจกตาน้อยมาก ระยะเวลาในการผ่าตัดประมาณ 15-20 นาที ค่าใช้จ่ายประมาณ : 90,000-120,000 จุดเด่น
ข้อจำกัด
แต่ยังใช้รักษาภาวะสายตายาวไม่ได้ ใครควรทำเลสิคประเภทนี้
สรุปการเปรียบเทียบที่น่าสนใจหากต้องการประหยัดค่าใช้จ่าย ควรเลือกการทำเลสิคด้วยใบมีด (Lasik) หรือ การรักษาแบบ PRK หากทำอาชีพ เล่นกีฬา หรือกิจกรรมที่เสี่ยงกับการกระทบกระเทือน ควรเลือกการรักษาแบบ PRK หรือ ReLEx Smile การฟื้นตัว
โอกาสเกิดการระคายเคือง :
ข้อแนะนำ: ไม่มีเทคนิคการทำเลสิคประเภทไหนที่ดีที่สุดโดยสมบูรณ์ แต่ละเทคนิคจะมีจุดเด่นและข้อจำกัดที่แตกต่างกันไป และยังเหมาะสมกับสภาพร่างกายของแต่ละคนไม่เหมือนกัน คนไข้แต่ละคนต้องมาตรวจสภาพตาอย่างละเอียดก่อนเลือกประเภทของการปรับค่าสายตา บางคนสภาพตาดีมากสามารถเลือกทำได้ทุกวิธี แต่บางคนทำได้แค่บางวิธีเท่านั้น เพราะฉะนั้นการตรวจประเมินสภาพตา จึงเป็นเรื่องสำคัญมาก คนไข้ควรปรึกษาและวางแผนการรักษากับแพทย์ผู้ชำนาญการเพื่อการเลือกวิธีการรักษาที่เหมาะสมกับคนไข้ที่สุด ทั้งนี้ แพทย์จะให้ข้อมูลว่าคนไข้ทำวิธีไหนได้บ้าง และให้คนไข้เป็นผู้ตัดสินใจเลือก ตารางเปรียบเทียบ การทำเลสิคประเภทต่าง ๆวิธีตัดสินใจ “ควรเลือกทำเลสิคที่ไหนดี?”เพราะดวงตาของเรามีเพียงคู่เดียว การผ่าตัดแก้ไขสายตาหรือการทำเลสิคก็มักจะทำเพียงครั้งเดียวในชีวิต การจะตัดสินใจทำที่ไหนจึงมีความสำคัญมาก ควรพิจารณาถึงเกณฑ์ต่าง ๆ ในการเลือก ดังนี้
เมื่อทราบข้อมูลดังกล่าวแล้ว ต่อไป จะเลือกรักษาด้วยเลสิคที่ไหนให้เหมาะกับดวงตาคู่สำคัญของเราก็ไม่ยากเลยใช่ไหมคะ ใครทำเลสิคได้บ้างทำไมบางคนทำเลสิคได้ บางคนทำไม่ได้? คุณสมบัติทั่วไป ที่สามารถเข้ารับการทำเลสิคได้
ปัจจัยด้านลักษณะกระจกตาคนไข้ มีผลต่อการพิจารณาทำเลสิคปัจจัยสำคัญที่สุดที่กำหนดว่าคนไข้จะเข้ารับการรักษาด้วยเลสิคได้หรือไม่ คือ ความหนาและความแข็งแรงของกระจกตาคนไข้ เนื่องจากการทำเลสิคทุกชนิด จะเป็นการยิงเลเซอร์ไปที่กระจกตา ส่งผลให้กระจกตาบางลง หมอจะไม่แนะนำให้ทำเลสิคหากคนไข้กระจกตาหนาหรือแข็งแรงไม่เพียงพอ แต่จะแนะนำให้ปรับค่าสายตาด้วยวิธีอื่น ๆ ที่ไม่ยุ่งเกี่ยวกับกระจกตาแทน เช่น การใส่เลนส์ปรับค่าสายตาเข้าในดวงตา หรือที่เรียกว่า ICL แม้อายุถึงเกณฑ์แล้ว ถ้าค่าสายตายังไม่นิ่ง ก็ยังทำเลสิคไม่ได้ช่วงอายุที่เหมาะสมสำหรับการรักษา มักจะแนะนำให้ทำเลสิคได้ตั้งแต่อายุ 18 ปีขึ้นไป เพราะเป็นอายุที่ค่าสายตาคงที่แล้ว แต่อายุก็เป็นเพียงปัจจัยหนึ่งที่ใช้ในการพิจารณาการรักษา สิ่งที่สำคัญกว่าคือ ความนิ่งของค่าสายตา ผู้ที่จะทำเลสิคได้นั้น ควรมีค่าสายตาที่ไม่เปลี่ยนแปลงแล้วอย่างน้อย 1 ปี เตรียมตัวก่อนมาทำเลสิคปรึกษาแพทย์ เพื่อวางแผนแนวทางการรักษาการปรึกษาแพทย์ เพื่อตรวจประเมินเบื้องต้น ว่าสามารถรักษาด้วยเลสิคได้หรือไม่? และควรใช้เทคนิคการเลสิคแบบไหน? แนะนำว่าควรปรึกษาแพทย์ในสถาบันที่รองรับการทำเลสิคได้หลากหลาย เพื่อประโยชน์สูงสุดในการเลือกวิธีรักษาของตัวเราเอง เพราะถ้ามีทางเลือกน้อย อาจได้เทคนิคการรักษาที่ไม่ค่อยเหมาะสมกับเรา ในขั้นตอนนี้ เราต้องเดินทางเข้าไปพบแพทย์เพื่อตรวจประเมินอย่างละเอียดด้วย สามารถโทรสอบถามจากโรงพยาบาลหรือศูนย์เลสิค โดยเบื้องต้นมีขั้นตอนเตรียมตัว ดังนี้
วันตรวจประเมิน จักษุแพทย์จะใช้ยาหยอดขยายม่านตาเพื่อวัดสายตาโดยละเอียด ได้แก่ ตรวจวัดการมองเห็น วัดความดันลูกตา ตรวจสภาพจอประสาทตา ตรวจวัดความโค้งกระจกตาส่วนหน้าและส่วนหลัง ตรวจวัดความหนาของกระจกตา จักษุแพทย์จะประเมินจากคุณสมบัติต่าง ๆ ของคนไข้ว่า มีค่าสายตาสั้น ยาว หรือเอียงเท่าไหร่? สายตาคงที่แล้วหรือยัง? นอกจากนี้ จะประเมินอายุ โรคประจำตัว ทั้งที่เกี่ยวข้องและไม่เกี่ยวข้องกับดวงตา ยาที่ใช้ประจำ (หรือใช้อยู่ในปัจจุบัน) ลักษณะการดำเนินชีวิต เพื่อพิจารณาความจำเป็นด้านระยะเวลาพักฟื้น เป็นต้น หลังจากนั้นจะประเมินและวิเคราะห์ข้อมูลต่าง ๆ ที่ได้เพื่อสรุปผลแล้วให้คำแนะนำ พร้อมแผนการรักษากับคนไข้อีกครั้งหนึ่ง 2 ขั้นตอนการทำเลสิคการทำเลสิคประกอบด้วย 2 ขั้นตอนใหญ่ ๆ ได้แก่ ขั้นตอนที่ 1 : การเปิดฝากระจกตาแบ่งเป็น 2 วิธี คือ
ขั้นตอนที่ 2 : การยิงเลเซอร์เพื่อปรับความโค้งของกระจกตาโดยใช้เอ็กไซเมอร์เลเซอร์ (Excimer laser) ซึ่งเป็นเลเซอร์ที่มีความจำเพาะกับเนื้อเยื่อกระจกตา ไม่ทำลายเนื้อเยื่อข้างเคียง และสามารถปรับความโค้งของกระจกตาตามค่าสายตาของคนไข้ได้อย่างแม่นยำและรวดเร็ว จากนั้นแพทย์จะปิดฝากระจกตากลับสู่ที่เดิม การดูแลตัวเอง หลังการทำเลสิคเพื่อป้องกันดวงตาจากการติดเชื้อ รวมถึงลดความเสี่ยงอื่น ๆ ซึ่งอาจมีผลให้การทำเลสิคไม่ได้ประสิทธิภาพเท่าที่ควร จึงมีข้อควรปฏิบัติ ดังนี้ วันแรก หลังการทำเลสิคสวมฝาครอบตา : คนไข้ต้องสวมฝาครอบตาตลอดเวลา ห้ามแกะฝาครอบเด็กขาด โดยสามารถมองผ่านรูเล็ก ๆ ของฝาครอบตาได้เท่านั้น ซับน้ำตารอบ ๆ ฝาครอบตา: ในช่วงนี้ คนไข้อาจมีอาการเคืองตา คล้ายมีเศษผงอยู่ในตา บางคนอาจน้ำตาไหลออกมา ให้ซับออกได้เฉพาะน้ำตานอกฝาครอบตาเท่านั้น ห้ามแยงนิ้วเข้าไปซับน้ำตาในที่ครอบตา นอนพักสั้น ๆ หลังการผ่าตัด : ควรนอนหลับสั้น ๆ (กรณีรักษาช่วงกลางวัน) หรือนอนหลับแต่หัวค่ำ (กรณีรักษาช่วงเย็น) ช่วงวันแรก ๆ ควรพักสายตาให้มากที่สุด หากมีอาการปวดตา: สามารถกินยาแก้ปวดได้ ซึ่งถ้าเป็นมาก ควรแจ้งให้จักษุแพทย์ทราบในวันนัดติดตามผล ทำกิจกรรมต่าง ๆ เท่าที่จำเป็น : คนไข้ควรงดกิจกรรมอื่น ๆ ที่ไม่จำเป็น แต่สามารถปฏิบัติกิจวัตรประจำวันได้ด้วยความระมัดระวัง ห้ามน้ำเข้าตาเด็ดขาด แต่สามารถอาบน้ำและแปรงฟันได้ ข้อปฏิบัติทั่วไป หลังทำเลสิคเพื่อให้การรักษาได้ผลดีที่สุด คนไข้ควรปฏิบัติดังนี้
การทำเลสิค มีผลข้างเคียงอะไรบ้างผลข้างเคียงระยะสั้นของการทำเลสิค ซึ่งเมื่อกระจกตาเริ่มปรับสภาพได้ อาการต่าง ๆ จะค่อย ๆ ดีขึ้น ได้แก่
นอกจากนี้ อาจมีผลข้างเคียงอื่น ๆ เช่น การติดเชื้อ (Infection) ซึ่งปกติจักษุแพทย์จะสั่งยาปฏิชีวนะเพื่อใช้หยอดตาหลังจากทำเลสิคอยู่แล้ว อย่างไรก็ตาม หากมีอาการผิดปกติ ควรแจ้งให้แพทย์ทราบทันที การทำเลสิคจะทำให้กระจกตาบางลง และการวัดความดันลูกตาจะได้ค่าที่ต่ำกว่าความเป็นจริง แต่ไม่ส่งผลเสียกับคนไข้ ยกเว้นว่ามีการตรวจวัดความดันลูกตา เช่น ตรวจสุขภาพตาประจำปี หรือตรวจหาโรคต้อหิน ควรแจ้งให้แพทย์ทราบก่อน ว่าทำเลสิคมาเพื่อคำนวณหาค่าความดันลูกตาที่แท้จริงของคนไข้ได้ การทำเลสิคซ้ำ ต้องดูความหนากระจกตาโดยมากผู้ที่สายตากลับมาสั้นอีกหลังจากเคยทำเลสิคไปแล้ว จะใช้ระยะเวลานาน 5-10 ปีขึ้นไป และมักจะสั้นไม่มาก (ไม่เกิน 100-150) ซึ่งค่าสายตาระดับนี้ ไม่กระทบการมองมากนัก อาจพิจารณาใส่แว่นเสริมได้ อย่างไรก็ดี หากต้องการทำเลสิคซ้ำอีกครั้ง ต้องประเมินความหนาของกระจกตา ถ้าเหลือความหนาเพียงพอ สามารถทำซ้ำได้ แนะนำให้ติดต่อที่ศูนย์เลสิคเดิมที่เคยทำ จะได้มีข้อมูลกระจกตาของคนไข้ครบถ้วน ศูนย์เลสิคพระรามเก้าศูนย์เลสิคพระรามเก้า จัดตั้งขึ้นมาเพื่อต้องการตอบโจทย์ความต้องการของผู้ที่มีปัญหาด้านสายตาในทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นสายตาสั้น สายตายาวโดยกำเนิด รวมถึงสายตาเอียง โดยนำเทคโนโลยีทันสมัยจากประเทศเยอรมนีมาใช้ในการรักษา ซึ่งเป็นนวัตกรรมที่รักษาสายตาได้ครบทุกมิติ ดูแลโดยทีมแพทย์ผู้ชำนาญการเฉพาะทางด้านกระจกตาและการผ่าตัดแก้ไขสายตา เทคโนโลยีการรักษา ศูนย์เลสิคพระรามเก้าศูนย์เลสิคพระรามเก้า ให้บริการการทำเลสิค 4 รูปแบบ เพื่อตอบสนองต่อความต้องการการรักษาของคนไข้ให้ครอบคลุมที่สุด |