2024 ร อยสายรองเท า ช องตรงกลาง ม ไว ทำไม

ในรายการ “คุยทุกเรื่องกับสนธิ” หรือ “สนธิทอล์ก” วันศุกร์ที่ 22 กันยายน 2566 นายสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ก่อตั้งหนังสือพิมพ์เครือผู้จัดการ ได้กล่าวถึงเบื้องหลังของ “กลุ่มทะลุงวัง” เพิ่มเติม หลังจากเคยเปิดโปงไปแล้วในรายการเมื่อวันศุกร์ที่ 11 สิงหาคม 2566 และตอน “หยก = เหยื่อ ผลผลิตของก้าวไกล” เมื่อวันศุกร์ที่ 23 มิถุนายน 2566 ซึ่งเมื่อปลายเดือนสิงหาคมที่ผ่านมาหยกก็ออกมาสร้างเรื่องอีก ภายใต้การสร้างสตอรี่ สร้างภาพของ “แก๊งทะลุวัง” และ “เพจเฟซบุ๊กในเครือข่าย 3 นิ้ว” ว่าน้องหยก อดไปทัศนศึกษา ค่ายภาษาจีน รร.เตรียมพัฒน์ฯ

ทั้งนี้เฟซบุ๊กเพจ “ไข่แมวชีส”ซึ่งเป็นเครือข่ายของกลุ่ม 3 นิ้ว ใช้เผยแพร่และกระจายกิจกรรมของกลุ่มต่าง ๆ รวมถึงกลุ่มทะลุวัง รายงานว่าช่วงเช้า วันพฤหัสบดีที่ 31 สิงหาคม “หยก” อายุ 15 ปี แต่งกายด้วยชุดไปรเวต เดินทางไปยังโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาพัฒนาการ เขตสวนหลวง กรุงเทพฯ เพื่อไป “ค่ายเรียนภาษาจีนที่จังหวัดนครปฐม” โดยมี น.ส.เนติพร เสน่ห์สังคม หรือบุ้ง แกนนำกลุ่มที่เรียกตัวเองว่าทะลุวัง ซึ่งขณะนี้โดนตำรวจตั้งประเด็นสอบสวนคดีค้ามนุษย์ พาไปส่งที่โรงเรียน แต่ทางโรงเรียนปฏิเสธ จึงเกิดความวุ่นวายขึ้น

นายสนธิตั้งข้อสังเกตถึง “หยก” กับ “แก๊งทะลุวัง” อย่างนี้ คือ 1.“หยก” ไม่ได้กะจะไปทัศนศึกษาหรอก เพราะอะไร คุณก็รู้ว่า สถานะนักเรียนก็ไม่มี เพราะการมอบตัวไม่สมบูรณ์ เงินค่าเทอมที่ “บุ้ง” มั่วนิ่มเอาไปจ่ายเป็นค่าเล่าเรียน โรงเรียนเขาก็คืนมาแล้ว

2.หยกบอกจะไปทัศนศึกษาค่ายภาษาจีน แต่ดูชุดที่คุณใส่ สีผมเปรียบเทียบกับเพื่อน ๆ คนอื่น ๆ เขาทำตัวตามระเบียบ หยกทำตามระเบียบโรงเรียนยังไม่ได้เลย แต่อยากเข้าร่วมกิจกรรมกับเขา โดยอ้างว่าปกป้องสิทธิตัวเอง

3.อ้างว่าจะไปค่าย แต่ “หยก” ยกพลเป็นทีมไปพร้อมบุ้ง กับ แก๊งทะลุวังไปกันหมด ไปพร้อมกับทีมตากล้อง ทีมเขียนคอมเมนต์ สำหรับภาพจากกล้องนี่ที่ผมได้ดูก็เป็นกล้องอย่างดี เตรียมถ่ายภาพ สร้างภาพเอาไว้ให้เหมือนว่า “หยก” ถูกรังแก ถูกเพื่อน ถูกโรงเรียนทอดทิ้ง ... แต่เมื่อพิจารณาให้ครบองค์ประกอบ อย่างนี้เขาไม่ได้เรียกว่า “ไปค่าย” เขาเรียกว่า “มาสร้างคอนเทนต์” ส่วนพวกนี้ที่ทำอยู่ก็ไม่ใช่พฤติกรรมของ “นักเรียน” แต่เป็น “นักแสดง” ซึ่งจุดประสงค์ของการทำทั้งหมดนี้นั้น เอาไว้ใช้ขอเงินจากนายทุนอีกที

4.หลักฐานอีกอย่างที่บ่งชี้ให้เห็นชัดว่า “แก๊งทะลุวัง” นั้นกำลังแสดงละครอยู่ก็คือ “หยก” ขึ้นไปบนรถทัวร์และแอบอัดคลิป แอบ Live ระหว่างที่พูดคุย และโต้เถียงกับเพื่อน ๆ บนรถทัวร์ที่กำลังจะไปทัศนศึกษา แต่ต้องยกย่องครู รร.เตรียมพัฒน์ฯ กับ เพื่อน ๆ เขาก็ไม่หลงกล ไม่ได้ต่อว่าหรือพูดอะไรรุนแรงไป เพราะเตรียมตัวไว้แล้ว ถ้าพูดอะไรรุนแรงไป หยกจะอัดคลิปไว้ เอามาประจาน แต่อธิบายเหตุผลต่าง ๆ ให้ “หยก” ฟังว่าทำไม “หยก” ไปทัศนศึกษาด้วยไม่ได้ 1, 2, 3, 4, 5 … ซึ่งคนได้ฟังแล้วจะเข้าใจทันที ซึ่งต้องชื่นชมว่า รร.เตรียมพัฒน์ ทั้งคุณครู และผู้ปกครอง นั้นอบรมสั่งสอนเด็กโรงเรียนนี้มาเพื่อรับมือกับสถานการณ์ได้อย่างดี มีปฏิภาณ ไหวพริบดีมาก

5.นอกจากนี้ในอีกไม่กี่วันต่อมา คือ วันที่ 12 กันยายน 2566 “หยก” พร้อมด้วย “บุ้ง” เนติพร ซึ่งอ้างว่าเป็นผู้ปกครองของหยก เดินทางมาที่โรงเรียนเพื่อยื่นหนังสือถึงผู้อำนวยการโรงเรียน สอบถามหาความชัดเจนเรื่องประเด็นต่างๆ ที่หยกสงสัย โดยมี น.ส.สายพิน พุทธิสาร รองผู้อำนวยการกลุ่มบริหารทั่วไป เป็นผู้รับหนังสือ

ทวิตเตอร์ "เจ๊จุกคลองสาม" โพสต์ภาพระบุว่าน.ส.เนติพร หรือบุ้ง พาหยก สวมเสื้อยืด กางเกงขายาว มาที่หน้าโรงเรียนตั้งแต่เวลา 08.30 น. เพื่อรอผู้สื่อข่าวออนไลน์เข้ามาทำข่าว ก่อนนั่งอ่านหนังสือหน้าประตู เมื่อผู้สื่อข่าวถ่ายภาพเสร็จก็ลุกออกไป โดยระบุว่า "เปิดโปงขบวนการอีแอบอยู่เบื้องหลัง เด็กไม่ได้คิดเองทั้งหมด แต่มีคนคอยวางพล็อตให้ มองแววตาหยกตอนนี้แล้ว เห็นแววตาของเด็กอีกคนหนึ่งอยู่ในนั้นเลย เพราะแดดดี้พาทำคอนเทนต์ตั้งแต่เด็กเลย พรรคก้าวไกล อย่าปล่อยให้หยกสู้ตามลำพัง ออกมาได้แล้วค่ะ"

ประเด็น : สิ่งที่“แก๊งทะลุวัง”สิ่งที่พวกคุณกำลังทำอยู่นั้นมันย้อนแย้งสิ้นดี เรียกร้องสิทธิ เสรีภาพ ของตัวเอง เอาแต่ “ตัวกู-ของกู” แต่คุณนั้นได้ละเมิดสิทธิผู้อื่น เยาวชนคนอื่น ถามว่า

  1. “หยก”เอาสิทธิอะไรยืนขวางรถที่เขากำลังจะไปทัศนศึกษาไม่ให้เขาไป
  2. เอาตากล้องไปถ่ายรูปถ่ายคลิปคนโน้นคนนี้
  3. แถมยังเอามือถือไป Live แล้ว แอบอัดเสียงเพื่อนเด็กนักเรียน ม.4 เตรียมพัฒน์ฯ ยาวนาน 30 - 40 นาที ?!?
  4. ต่อมา คุณไปนั่งหน้าโรงเรียนสร้างภาพ สร้างอีเวนต์ว่า เข้าโรงเรียนไม่ได้เลยนั่งอ่านหนังสือหน้าโรงเรียน ตีข่าวเป็นตุเป็นตะ ทำเอาผู้ปกครองกับเด็กคนอื่นเขาไม่เป็นอันเรียน

เหล่านี้ชัดเจนว่า คุณเรียกร้องสิทธิของตัวเอง เคลื่อนไหวโน่นนี่ แต่ตัวพวกคุณเองกำลังละเมิดสิทธิของคนอื่นอยู่ ถ้าพ่อแม่ ผู้ปกครอง โรงเรียนเตรียมพัฒน์ฯ เขาฟ้องร้องคุณนี่ พวกคุณก็จะออกมาร้องไห้กระจองอแงอีก สร้างคอนเทนต์ เรียกเงินจากนายทุนได้อีก

“พลอย-เมนู” แฉถูกหลอกใช้ เผยอยู่กับ“บุ้ง ทะลุวัง”เหมือนอยู่ใน“นรก”

นอกจากนี้ ต้นเดือนกันยายน วันที่ 3 กันยายน 2566 - ที่ผ่านมา ทางช่องยูทูป CSILA Channel ได้เผยแพร่คลิปสัมภาษณ์ “เมนู” สุพิชฌาย์ ชัยลอม กับ “พลอย” เบญจมาภรณ์ นิวาส อดีตสมาชิก“กลุ่มทะลุวัง”ซึ่งประกาศแตกหักกับ บุ้ง และแก๊งทะลุวังตั้งแต่เดือนกันยายน 2565 โดยปัจจุบันขอลี้ภัยไปอยู่ประเทศแคนาดาแล้ว โดยทั้งสองคนได้กล่าวถึงเบื้องหลัง และรายละเอียด ระหว่างที่ออกมาเคลื่อนไหวทางการเมือง โดยไปอาศัยอยู่กับ "บุ้ง ทะลุวัง" น.ส.เนติพร เสน่ห์สังคม ที่คอนโดมิเนียม ซึ่งคลิปดังกล่าวมีความยาวประมาณครึ่งชั่วโมง โดยผมจะสรุปเนื้อหาใจความสำคัญดังนี้

“บุ้ง” รับเด็กมีปัญหาครอบครัวมาให้อยู่ด้วย แล้วทำตัวเหมือนพ่อแม่ แต่บังคับขูดรีดให้ทำงาน เคลื่อนไหวตลอดเวลา เพื่อแลกกับเงินและการดูแล โดย "เมนู" และ "พลอย" ย้ายไปอยู่กับบุ้งเนื่องจากมีปัญหาทะเลาะกับที่บ้าน จากการออกมาเคลื่อนไหวทางการเมือง(พ่อของ "เมนู" นั้นเป็นตำรวจ)โดย "เมนู" รู้จักบุ้งตอนอายุ 19 ปี, ส่วน "พลอย" นั้นรู้จักบุ้งมา 3 ปี ตั้งแต่อายุ 15-16 ปี ทั้งสองคนจึงเข้าไปพึ่งพา “บุ้ง” ซึ่งตอนนั้นอายุประมาณ 25-26 ปีแล้ว และเป็นผู้ใหญ่คนเดียวในบ้านส่วนที่เหลือเป็นเด็กหมด

“ตอนแรกบุ้งก็ทำตัวเป็นเหมือนพ่อแม่เลย เหมือนคลอดเราออกมา พออยู่ไปนาน ๆ เข้า มันก็มีเรื่องของการเอาเงิน มีผลประโยชน์เกิดขึ้น เราต้องออกไปทำกิจกรรม เขาก็เอาจุดที่เราไม่มีที่บ้านซัพพอร์ตตรงนี้ในการขอทุนเลี้ยงดูเรา และตัวเขาด้วย ตัวเขาไม่ได้ทำงานแล้ว พอเราเหนื่อย หมดไฟ เขาก็เริ่มแสดงออกด้วยการพูดจารุนแรง

“นอกจากเงินทุนที่เราออกไปทำกิจกรรมแล้ว มันก็มีเงินที่เราขายของได้ด้วย พวกสติกเกอร์ เขาก็เป็นคนบอกเราว่าจะต้องเอาเงินตรงส่วนนี้ไปจ่ายค่าบ้าน ค่าน้ำ ค่าไฟ เอาเงินจากเราไปหมดเลย” พลอย เบญจมาภรณ์ ระบุ

  • “บุ้ง” กดดันให้เด็ก ๆ ในสังกัดใช้ความรุนแรงต่าง ๆ เพื่อโต้ตอบกับรัฐ แต่เด็ก ๆ อย่าง "เมนู-พลอย" รู้สึกกลัว แต่ก็ต้องทำตาม เพราะถูกกดดันจาก "บุ้ง" อย่างหนัก โดย ในกลุ่มมีสมาชิกประมาณ 10 คน แต่เป็นคนที่ออกหน้าแค่ 4 คน ส่วนที่เหลืออยู่เบื้องหลัง

“สมาชิกมีเกือบ 10 คน แต่ที่ออกหน้ามีแค่ 4 คน แต่เบื้องหลังเยอะมาก ทั้งที่คอยสนับสนุนในเรื่องของแนวทางการเคลื่อนไหว คอนเทนต์ ประเด็นที่สื่อสาร คนเขียนบทความ คนทำโน่นนั่นนี่ ทั้งซัพพอร์ตในเรื่องของใช้ชีวิตประจำวัน คอยรับฟังกันและกัน” เมนู สุพิชฌาย์ เปิดเผย

หลายคนน่าจะยังพอจำภาพนี้ในเหตุการณ์ของหยก ที่ รร.เตรียมพัฒน์ เมื่อเดือนมิถุนายน 2566 ได้ ในภาพระบุรายละเอียดคร่าว ๆ อย่างนี้ ซึ่งสอดคล้องกับที่ “เมนู สุพิชฌาย์” ออกมาเปิดเผยล่าสุด คือ 1. หยก เป็น นักแสดง 2. บุ้ง เป็นฝ่ายวางแผน 3. ตะวัน เป็นที่ปรึกษากำกับบท

ส่วนข้างล่างนี่ก็เป็นภาพเมื่อวันอังคารที่ 12 กันยายน 2566 ที่ผ่านมา เป็นภาพที่หน้า รร.เตรียมพัฒน์ฯ มีขบวนการ นักแสดง-บรีฟแผน-จัดพรอพ-ช่างภาพ และนำไปส่งสื่อต่าง ๆ ในเครือข่ายเช่น เฟซบุ๊ก-ทวิตเตอร์, เว็บไซต์ The Matter, สำนักข่าวอื่นๆ เป็นต้น

นอกจากนี้ ยังมีฝ่ายบัญชี, ฝ่าย Live สด Social, ฝ่ายเก็บภาพนิ่ง และวีดิโอที่สำคัญคือ มีนักข่าวจาก สมาคมผู้สื่อข่าวต่างประเทศแห่งประเทศไทย หรือ FCCT ตามประกบอยู่ด้วย

ซึ่งท่านผู้ชมทราบไหมครับว่าไอ้ FCCT สมาคมผู้สื่อข่าวต่างประเทศแห่งประเทศไทย นี่มี นายโจนาธาน เฮด นักข่าวฝรั่งตัวสำคัญจาก BBC ที่คอยยุแยงตะแคงรั่วกระทบสถาบันกษัตริย์ โดยอ้างว่าเป็น Free Speech ล่าสุดก็คือการสัมภาษณ์นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ แล้วพาดพิงถึงสถาบันพระมหากษัตริย์ไทย ซึ่งเมื่อเปิดประวัติแล้วในอดีตนายโจนาธาน เฮด ยังเคยถูกแจ้งจับข้อหาหมิ่นเบื้องสูงด้วย แต่ “นายเฮด” หลุดคดีมาได้ยังไง? แล้วทำไมยังลอยหน้าลอยตาอยู่ในสังคมไทยได้ ผมก็ไม่เข้าใจผู้รับผิดชอบเหมือนกัน?

กลับมาถึง การออกมาเปิดเผยถึงเบื้องหลังของ “บุ้ง เนติพร” กับแกนนำกลุ่มทะลุวังต่อ

เมนู สุพิชฌาย์ เปิดเผยถึงบรรยากาศระหว่างที่อยู่กับ “บุ้ง” ด้วยว่า “ ... เขาเลือกที่จะใช้วิธีไปพูดกับคนอื่นว่าเราเป็นคนไม่ดี ตลอดเวลาที่อยู่กับเขาบรรยากาศในห้องมันแย่มาก ๆมันเป็นเหมือนนรกทุกคนไม่มีความสุข ไม่มีใครกล้าทำอะไร ทุกคนอึดอัด แต่ก็ออกไม่ได้ ต่างคนต่างคิดว่าถ้าเราออกแล้วคนนั้นล่ะจะทำยังไง “ตอนโดนหมายจับแทนที่จะได้หายใจ ได้กลับไปตั้งสติตั้งหลักใหม่ กลายเป็นต้องหนีหัวซุกหัวซุน ทั้งที่มันไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลย มันเป็นความแพนิกของเขาไปเอง แล้วกดดันให้ทุกคนเครียดมาก ๆ หลังจากนั้นต้องเข้าไปคุยกับนักจิตบำบัดบ่อยเลย มันแย่จริง ขนาดอยู่แค่ 2-3 เดือน”

เงินที่นำมาเคลื่อนไหวได้ และใช้ในชีวิตประจำวันมาจากไหน “พลอย” ตอบว่า “จากแฟนเขาส่วนหนึ่ง แต่เราไม่รู้เบื้องหลัง ตรวจสอบบัญชีไม่ได้ว่ามาจากไหนบ้าง แต่ที่รู้มาแน่ ๆ ตอนนั้นเด็กออกจากบ้านกันหมด มันก็มีเงินจากแหล่งทุนมาซัพพอร์ตจากต่างประเทศ แล้วเราก็ทำโปรไฟล์ยื่นขอทุนไปทำกิจกรรมแล้วเงินก็ส่งเข้าบัญชีบุ้งแล้วบุ้งก็เอามาบริหารเองดูแลชีวิตตัวเอง ดูแลชีวิตแฟนเขา (คือ นายธิษณ์ โชคสิทธิกร)แล้วก็ดูแลพวกเด็ก ๆ ที่เดือดร้อนออกจากบ้าน บุ้งไม่ได้ทำงานแล้ว เขาลาออก ส่วนแฟนเป็นเจ้าของปั๊ม”

ซึ่งถ้าท่านผู้ชมลองไปค้นหาข่าวย้อนหลังก็จะพบว่า นายธิษณ์ แฟนหนุ่มของบุ้ง ซึ่งน่าจะรู้จักและจบจากมหาวิทยาลัยเดียวกันคือ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์นั้นเคยตกเป็นข่าวว่าบุกเข้าไปในห้องเพื่อค้นหาบัตรประชาชนของ “บุ้ง” โดยที่ไม่ได้ขออนุญาตเด็ก ๆ ผู้หญิงในห้อง และสร้างความหวาดกลัวอย่างมาก

ประเด็น :เมื่อลองไล่เรียงเรื่องราว และเงื่อนไขต่างๆ ปะติดปะต่อเข้าด้วยกัน ท่านผู้ชมก็จะเห็นว่า แท้จริงแล้ว“แก๊งทะลุวัง”คือลัทธิ หรือขบวนการ อะไรบางอย่างในการหลอกเอาเด็กและเยาวชนที่มีปัญหาครอบครัว เพื่อมาใช้งาน เพื่อกระทำการโดยมีเป้าและวัตถุประสงค์ที่ถูกกำหนดไว้

รูปแบบของแก๊ง หรือ ลัทธินี้เป็นอย่างนี้

1.คัดสรร หรือ ล่าเอาเด็กที่มีปัญหา ทะเลาะกับพ่อ แม่ ผู้ปกครอง ยกตัวอย่างเช่นหยก, พลอย, เมนูโดยยัดข้อมูลต่าง ๆ เอาหนังสือจากคนโน้นคนนี้ โดยเฉพาะจากฝั่งสำนักพิมพ์ฟ้าเดียวกัน และนักวิชาการในเครือข่ายล้มเจ้า ยุยงส่งเสริมให้ออกมาต่อต้านสถาบัน และพัฒนาไปสู่การใช้ความรุนแรง เพื่อให้โดนคดีความ ยกตัวอย่างเช่น ผิด พ.ร.บ.การชุมนุม, กฎหมายอาญา ม.112

2.เมื่อเด็กเหล่านี้โดนคดี ก็มีปัญหากับพ่อ แม่ ผู้ปกครอง ส่วนใหญ่ก็จะทะเลาะกันรุนแรง ซึ่งส่วนใหญ่ก็จะมีการตัดเงิน ตัดค่าขนม ฯลฯ เด็กเหล่านี้เมื่อขาดที่พึ่งก็จะวิ่งเข้าไปหาคนกลุ่มนี้โดยอัตโนมัติ เพราะตอนแรก คนอย่าง“บุ้ง เนติพร”จะทำตัวเหมือนพ่อ เหมือนแม่ รับเข้ามาอยู่ด้วย เอาไปอยู่ที่คอนโด ให้ที่พัก เลี้ยงข้าว เลี้ยงน้ำ เลี้ยงขนม ตามใจ พาไปเที่ยว ซื้อของโน่นนี่ให้

3.พออยู่สักพัก เด็กเริ่มตายใจ ก็จะใช้ให้ทำโน่นทำนี่ ยกระดับการเคลื่อนไหว ไปถึงขึ้นก่อความรุนแรง โดยใช้การกดดันเชิงจิตวิทยา ให้เด็กรู้สึกว่าต้องทำ ต้องทำ ต้องทำ ถ้าไม่ทำก็เหมือนเอาเปรียบเพื่อน ๆ โดยคนที่ถูกเชิดออกมาก็คือ“นักแสดง”ตัวหลัก หยกคือหนึ่งในนัดแสดงนั้น เมนูกับพลอยก็เคยถูกทำใ้เป็นนักแสดงก่อนหนีออกมา และมีคนอื่นๆ คอยแบ็กอัพ เขียนบท มีสื่อต่าง ๆ ทั้งโซเชียลมีเดีย, สื่อในประเทศ, สื่อต่างประเทศ ทำอย่างเป็นขบวนการ

ลองดูภาพด้านล่าง เป็นภาพที่เจ้าหน้าที่ได้หมายค้น“รัง”ของกลุ่มทะลุวัง เมื่อปี 2565 จากหลาย ๆ คดีที่คนในกลุ่มโดน ภาพนี้คือ กระดาน Whiteboard ที่สมาชิกลุ่มทะลุวังเขียนเอาไว้ ถึงตารางการเคลื่อนไหว และแผนต่างๆ อย่างเป็นระบบ

18 เมษายน - ยื่นหนังสือสถานทูตเยอรมัน (เช้า) - ทำโพลกฎหมาย (เย็น)

19 เมษายน - บุ้ง+ใบปอ เจอคุก?(เครื่องหมายคำถาม) (ถ้าติด)- พลอย โกนหัว และเผารูป ร.10

20 เมษายน

- ลงสัมภาษณ์ของรอยเตอร์ - พร้อมประกาศแถลงข่าวที่ FCCT

21 เมษายน - พลอย และเมนูแถลงว่าต้องการตรวจสอบคุกวังทวี โยงมาว่าให้FCCT สัมภาษณ์เป็นภาษาอังกฤษ - ประชาสัมพันธ์เรื่องคุกวังทวีของพลอย

22 เมษายน - งานคุกวังทวี (เช้า)

มีการคิดหัวข้อการทำโพลที่จงใจกระทบกระเทือน ด้อยค่า และหมิ่นสถาบันพระมหากษัตริย์

นอกจากนี้ด้านขวาก็คือ ยังมีการเตรียมจัดทำ Artwork งาน PR ต่างๆโดย"ใบปอ"ไม่ว่าจะเป็นQuote คำพูดต่างๆ , โพล, สรุปผลโพล, ประมวลภาพ, PR ตอนขึ้นศาล, PR เรื่องติดคุก, PR แถลงข่าว ฯลฯ

4.“แก๊งทะลุวัง” ทำทั้งหมดนี่ก็เพื่ออะไรครับ?คำตอบ อยู่ในการเปิดเผยของ “เมนู กับ พลอย” อยู่แล้ว ซึ่งก็คือ การเอาผลงานไปขอทุน จากทั้งในประเทศ และต่างประเทศ โดยอ้างว่าเพื่อมาเป็นค่าใช้จ่ายในการเคลื่อนไหว

การกระทำอย่างนี้เข้าข่ายว่าจะเป็นกระทำผิดอะไรรู้ไหมครับ ซึ่งมีข้อหาและบทลงโทษที่รุนแรงมากๆ นั่นคือ“การค้ามนุษย์”ครับ

ดังนั้นผมจึงเห็นด้วยอย่างยิ่งกับ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส ที่ เมื่อวันที่ 24 สิงหาคม 2566 ได้นำพยานหลักฐาน เข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน กองบังคับการปราบปรามการค้ามนุษย์ หรือ ปคม. โดยมี พล.ต.ต.ศรุต แสงโสภา เป็นผู้ดำเนินการตรวจสอบพยานหลักฐาน โดยเป็นหลักฐานที่แสดงว่า“บุ้ง ทะลุวัง”หรือน.ส.เนติพร เสน่ห์สังคมมีพฤติการณ์เบื้องต้น คือรับเลี้ยงเด็ก อายุ 15 ปี หรือหยก ธนลพย์โดยหวังผลประโยชน์ และใช้เด็กเป็นเครื่องมือในการเรียกรับเงิน เพื่อมาเป็นค่าใช้จ่ายในการอุปการะเลี้ยงดู และทำกิจกรรมเคลื่อนไหวทางการเมือง นอกจากนี้ มีบุคคลที่เคยอยู่ในความดูแลของบุ้ง เช่น พลอย ทะลุวัง ได้โพสต์เฟซบุ๊ก ระบุถึงพฤติกรรมที่เข้าข่ายค้ามนุษย์ของ บุ้ง ทะลุวัง ซึ่งขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการสืบสวนสอบสวนของพนักงานสอบสวน

โดยความผิดฐานการค้ามนุษย์ และการบังคับใช้แรงงาน ตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ พ.ศ. 2551 เขาระบุไว้อย่างนี้

ความผิดฐานการค้ามนุษย์ มีองค์ประกอบ 3 ข้อคือ 1.มีการกระทำ “จัดหา ซื้อขาย จำหน่าย พามาจากหรือส่งไปยังที่ใด หน่วงเหนี่ยวกักขัง จัดให้อยู่อาศัย หรือ รับไว้” 2.มีวิธีการ คือ“ข่มขู่ ใช้กำลังบังคับ ลักพาตัว ฉ้อฉล หลอกลวง ใช้อำนาจโดยมิชอบ ใช้อำนาจครอบงำด้วยภาวะอ่อนด้อย ขู่เข็ญ ให้เงินหรือผลประโยชน์อื่นแก่ผู้ปกครองหรือผู้ดูแล" 3.มีวัตถุประสงค์เพื่อแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบ โดยการแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบนั้นมีอยู่ 8 รูปแบบ

ทั้งนี้สำหรับกรณี การกระทำกับเด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี(ยกตัวอย่างเช่นกรณีที่บุ้ง เนติพร ทำกับ น้องหยก หรือ พลอย) แค่มีองค์ประกอบ 2 ข้อ ได้แก่ 1) มีการกระทำ และ 3) มีวัตถุประสงค์เพื่อแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบ (ไม่ต้องมี ข้อ 2 คือ วิธีการ) ก็เข้าข่ายการค้ามนุษย์แล้ว !

จากกรณีการเคลื่อนไหวของ “หยก” และการออกมาแฉของ “เมนู-พลอย” เวลานี้คนส่วนใหญ่ในสังคมก็เริ่มเห็นธาตุแท้ของ “แก๊งทะลุวัง”กันมากขึ้นแล้ว

แต่ประเด็นสำคัญที่หลายคนถามก็คือ ใครแน่กันที่เป็น“ไอ้โม่ง”และเป็น“นายทุน”ที่คอยให้เงิน ให้ทุน คอยดันหลัง รวมถึงให้ความช่วยเหลือเมื่อถูกดำเนินคดี และการประกันตัวของ“กลุ่มทะลุวัง” ?

จริง ๆ เรื่องดังกล่าวนี้ก็ค่อนข้างจะชัดเจน แม้ว่าเมื่อ วันอาทิตย์ที่ 3 กันยายน 2566 ที่ผ่านมา“เมนู และ พลอย ทะลุวัง”จะพยายามออกมาปฏิเสธว่า การเคลื่อนไหวของ“แก๊งทะลุวัง”นั้นไม่มีหลักฐานว่า พรรคการเมืองใด หรือกล่าวจริง ๆ ก็คือ“พรรคก้าวไกล”เข้ามาสั่งการ แทรกแซง หรือ ครอบงำก็ตาม ... แต่หลักฐานและภาพถ่ายต่าง ๆ ที่ยืนยันถึงความเกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิดระหว่าง“แก๊งทะลุวัง และพรรคก้าวไกล” นั้นปรากฎชัดเสียยิ่งกว่าชัด

ปี 2565 -“ตะวัน ทะลุวัง”หรือน.ส.ทานตะวัน ตัวตุลานนท์เคยตกเป็นจำเลยหาคดีดูหมิ่นสถาบันฯ ตาม ป.อาญา มาตรา 112 เคยได้รับการปล่อยตัวชั่วคราวออกมาจากเรือนจำ ในความผิดฐานต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงาน มาตรา 368 ฐานไม่ปฏิบัติตามคำสั่งเจ้าพนักงานและความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ ในคดีโพสต์เฟซบุ๊กไลฟ์สดก่อนจะมีขบวนเสด็จ เมื่อวันที่ 5 มีนาคม 2565 โดยศาลอนุญาตให้ปล่อยตัวเมื่อ วันที่ 26 พฤษภาคม 2565... นั้น“นายประกัน” ของ “ตะวัน ทะลุวัง” คือ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกลโดยศาลให้เหตุผลว่า ผู้ร้องขอปล่อยชั่วคราว (นายพิธา) เป็นผู้ที่น่าเชื่อถือว่าจะกำกับดูแลและควบคุมจำเลยได้กรณีจึงมีเหตุสมควรที่จะอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวจำเลย

นอกจากนี้ เจี๊ยบ อมรรัตน์ แกนนำพรรคก้าวไกล ยังเป็นนายประกัน ที่ยื่นขอประกันตัวให้ “สายน้ำ ทะลุวัง” หรือ นภสินธุ์ ตรีรยาภิวัฒน์ โดยภาพข้างล่างคือ เอกสารที่ เจี๊ยบ อมรรัตน์เคยยื่นให้ สน.ยานนาวา เมื่อเดือนธันวาคม 2563

จากหลักฐานเชิงประจักษ์ที่เปิดเผยจากหน้าสื่อ และเป็นที่รับรู้กันทั่วไปเหล่านี้ชัดเจนว่า “พรรคก้าวไกล” แท้จริงแล้วคือ “ไอ้โม่งจอมบงการ” ที่อยู่เบื้องหลัง “กลุ่มทะลุวัง” นั่นเอง

เปิดหลักฐานเชิงลึก “สมยศ-ก้าวไกล” กดปุ่มสั่ง “ทะลุวัง” ออกปฏิบัติการป่วนตั้งรัฐบาล

นอกจากหลักฐานเชิงประจักษ์ตามหน้าสื่อแล้ว ทางผม กับทีมงานยังมีหลักฐานเชิงลึกที่เมื่อนำมาปะติดปะต่อกับเส้นเวลา หรือTimeline การเคลื่อนไหวของ“แก๊งทะลุวัง”และเหล่าแกนนำหลัก ๆ ไม่ว่าจะเป็น บุ้ง ตะวัน แบม สายน้ำ รวมถึงหยก แล้วก็จะเห็นภาพที่ชัดเจนขึ้น กล่าวคือ

  • ภายหลังจากเมื่อ วันที่ 13 กรกฎาคม 2566 นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรค และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีจากพรรคก้าวไกล พ่ายแพ้ในการลงคะแนนเลือกนายกรัฐมนตรีจากรัฐสภา แบบขาดลอย
  • สัปดาห์ต่อมาใน วันที่ 19 กรกฎาคม 2566 ศาลรัฐธรรมนูญก็มีคำสั่งให้นายพิธา หยุดปฏิบัติหน้าที่ ส.ส.

ด้วยเหตุนี้จึงเกิดความพยายามในการฟอร์มขั้วรัฐบาลใหม่ ด้วยการฉีก MOU 8 พรรคเดิมที่พรรคก้าวไกลเป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล โดยพรรคเพื่อไทยนั้นเป็นตัวตั้งตัวตี

วันที่ 2 สิงหาคม 2566 พรรคเพื่อไทยโดย นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ประกาศฉีก MOU 8 พรรค ขอตั้งรัฐบาลไม่มี พรรคก้าวไกล เนื่องจากติดเงื่อนไขเรื่องการแก้ไข ม.112 ที่ทำให้การจัดตั้งรัฐบาล 8 พรรคไม่สำเร็จ พร้อมทั้งเสนอนายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตจากพรรคเพื่อไทยเป็นนายกรัฐมนตรี

วันที่ 4 สิงหาคม 2566 ผู้ทรงอิทธิพลเบื้องหลังพรรคก้าวไกล ผมไม่บอกชื่อก็แล้วกัน แต่มีเอกลักษณ์คือ“คางยื่น ๆ” ได้แอบย่องเข้าไปที่ คอนโดมิเนียมแห่งหนึ่งแถว ๆ บางซื่อ กรุงเทพฯ ซึ่งอาคารดังกล่าว เป็นคอนโดมิเนียม ที่ “บุ้ง” เนติพร เสน่ห์สังคมหัวโจกแก๊งทะลุวัง พักอาศัยอยู่

ฝ่ายความมั่นคง มีหลักฐานเป็นรูปถ่ายทั้งหมด“คนคางยื่น”เข้าไปหา “บุ้ง เนติพร” ตั้งแต่ช่วงเที่ยง ถึงช่วงบ่าย ใช้เวลาเจอกันอยู่พักใหญ่ หลังจากนั้น“คนคางยื่น” ก็เดินทางออกจากคอนโดของบุ้ง

จากนั้น “บุ้ง เนติพร" รีบออกจากคอนโดมิเนียมทันที โดยปลายทางไปยัง มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ ตรงดิ่งไปที่ "งานเสวนาของคณะสังคมศาสตร์" เพื่อไปรวมกลุ่มรวมก้อนกับ "สมาชิกแก๊งทะลุวัง" ที่รออยู่ในงานเสาวนา

สาเหตุที่ "แก๊งทะลุวัง" ต้องไปนัดคุยรวมตัวในงานเสาวนา ที่ ม.ธรรมศาสตร์ นั้น เพื่อจะหลบรอดสายตา เจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร ที่แฝงสะกดรอยตาม ดูความเคลื่อนไหวของกลุ่มบุคคลเหล่านี้ เพราะเจ้าของงานจะไม่อนุญาตให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร เข้างาน เพราะไม่ใช่ "นักศึกษา"

จากนั้น "แก๊งทะลุวัง" ใช้เวลาอยู่ในงานเสวนาไม่นาน ก็ได้ออกมารวมตัวกันหน้าคณะสังคมศาสตร์ ดังรายชื่อต่อไปนี้ 1. “ตะวัน” ทานตะวัน ตัวตุลานนท์ 2. ชาติชาย แกดำ 3. แทนฤทัย แท่นรัตน์ 4. สมยศ พฤกษาเกษมสุข (คนนี้ท่านผู้ชมน่าจะคุ้นชื่อกันดี) 5. “บุ้ง” เนติพร เสน่ห์สังคม 6. ชาญชัย น้อยวงษ์ 7. นรินทร์ กุลพงศธร 8. “สายน้ำ” นภสินธุ์ ตรีรยาภิวัฒน์ 9. ณัฐนนท์ ไชยมหาบุตร 10. อันนา อันนานนท์ และ 11. วิชญาพร ตุงคะเสน(แฟนสาวสายน้ำ)

สำหรับ นายสมยศ พฤกษาเกษมสุข นั้นเคยติดคุกด้วยข้อหาตามมาตรา 112 เป็นคนที่ไม่เอากษัตริย์อย่างแน่นอน ติดคุก 7 ปีโดยไม่ยอมขออภัยโทษ จึงอาฆาตแค้นมาจนทุกวันนี้ แล้วจริงๆ นายสมยศก็ถือเป็น “โซ่ข้อกลาง-ตัวเชื่อม” สำคัญ ระหว่าง แก๊งทะลุวัง กับกลุ่มล้มเจ้า-ทำลายสถาบัน และพรรคก้าวไกล

ลองย้อนกลับไปอีก ไปดูภาพนี้จะเห็นความสัมพันธ์ได้ชัดขึ้น เป็น ภาพเมื่อ วันที่ 30 มกราคม 2566 ซึ่ง กลุ่มทะลุวัง, นายสมยศ, “เจี๊ยบ ก้าวไกล” อมรัตน์ พร้อมกลุ่มคณาจารย์นิติศาสตร์​ รวมตัวเดินขบวนไปยื่น 5,000 กว่ารายชื่อ​ ถึงประธานศาลฎีกา ​ให้ปล่อยตัว “ตะวัน กับ แบม”

กลับมาถึงเหตุการณ์เมื่อ ช่วงเย็นวันที่ 4 สิงหาคม 2566 หลังจากนั้น พอพวกคุณทั้ง 11 คน เจอนายสมยศ และออกจาก ม.ธรรมศาสตร์ พวกคุณไปนั่งวางแผน สุมหัวกันหลังจากที่“บุ้ง เนติพร”รับออเดอร์จาก“คนคางยื่น ผู้มีอิทธิพลเบื้องหลังพรรคก้าวไกล”ที่ร้านไอศรีมกะทิ สูตรโบราณ หลังวัดโพธิ์ ท่าเตียน

และพวกคุณก็แยกย้ายกันกลับ หลังจากนั้นอีก 2 วัน คือ วันที่ 6 สิงหาคม 2566 พวกคุณก็ออกปฏิบัติการ ไปอาละวาดที่กระทรวงวัฒนธรรม เพื่อสร้างผลงานอันน่าทุเรศโดยมุ่งเป้า เพื่อไปด่าทอ “พี่เนาว์” อ.เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์ ศิลปินแห่งชาติ ที่ไม่ยกมือโหวตนั่งนายรัฐมนตรีให้ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ เป็นนายกรัฐมนตรี

ซึ่งเมื่อไปไล่ดูใน ช่วงเดือนกรกฎาคม-สิงหาคม 2566 ที่ผ่านมา แล้วคุณจะเห็นได้เลยว่า ความเคลื่อนไหวของ“ม็อบ 3 นิ้ว และแนวร่วม” ไม่ว่าจะเป็น แก๊งทะลุวัง, โมกหลวงริมน้ำ, อานนท์ นำภา, 24 มิถุนาประชาธิปไตย, กลุ่มแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุมนั้นสอดคล้อง สอดคล้อง และเข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ย โดยเป็นไปในทิศทางเดียวกับ“นายพิธา และพรรคก้าวไกล”โดยตลอด

เมื่อไล่เรียงกิจกรรมต่าง ๆ จะเป็นดังนี้

วันที่ 12 กรกฎาคม 2566 - จัดกิจกรรมแสดงเจตจำนงกดดัน กกต. ร้องนายพิธาฯ กรณีถือหุ้นสื่อ

วันที่ 13 กรกฎาคม 2566 - ให้กำลังใจนายพิธาฯ กรณีโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี

วันที่ 14 กรกฎาคม 2566 - กลุ่ม 24 มิถุนาประชาธิปไตย จัดกิจกรรมกดดัน สว.เลือกนายกตามมติประชาชน ”

วันที่ 14 กรกฎาคม 2566 - จัดกิจกรรม Respect My Vote

วันที่ 16 กรกฎาคม 2566 - กิจกรรมคาร์ม็อบ โดยนายอานนท์ นำภา “เอาใบลาออกไปยื่นให้ สว.ถึงที่ เมื่อไม่ทำหน้าที่ก็ออกไปซะ

วันที่ 18 กรกฎาคม 2566 - Respect My Vote จัดกิจกรรมยื่นหนังสือ

วันที่ 19 กรกฎาคม 2566 - กลุ่มแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม จัดกิจกรรม

19กรกฎาฌาปนกิจ สว.”

วันที่ 21 กรกฎาคม 2566 - กลุ่มพรรคอาทิตย์ใหม่ นักศึกษา ม.เกษตรฯ จัดกิจกรรมชุมนุม “ร่วมขจัด สว.ใจทราม”

วันที่ 21 กรกฎาคม 2566 - กลุ่มเฟมินิสต์ปลดแอก และกลุ่มเฟมฟู (Femfoo) จัดกิจกรรม #ม็อบ Twerk ถล่ม สว.

วันที่ 27 กรกฎาคม 2566 - กลุ่ม DRG และภาคีเครือข่าย กิจกรรม เห็นหัวกูบ้าง

วันที่ 1 สิงหาคม 2566 - กลุ่มโมกหลวงริมน้ำ นำโดย นาย โสภณ สุรฤทธิ์ธำรง ได้จัดกิจกรรมเชิงสัญลักษณ์ แจกใบปลิว ขับไล่ สว.

วันที่ 2 สิงหาคม 2566 - แนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม จัดกิจกรรมคาร์ม็อบ “แห่มาลัยวิวาห์” ยื่นรายชื่อประชาชน คล้องใจ 8 พรรคการเมือง

วันที่ 6 สิงหาคม 2566 - กลุ่มทะลุวัง จัดกิจกรรมระบายอารมณ์ใส่ สว.เห็นหัวกูบ้าง

วันที่ 7 สิงหาคม 2566 - กลุ่มทะลุวัง จัดกิจกรรมที่หน้าพรรคเพื่อไทย

วันที่ 13 สิงหาคม 2566 - โมกหลวงริมน้ำ จัดกิจกรรมไล่หนูตีเพื่อนรว๊ากก

วันที่ 13 สิงหาคม 2566 - กลุ่ม iLaw จัดกิจกรรมลงชื่อเขียนรัฐธรรมนูญใหม่ทั้งฉบับ

วันที่ 14 สิงหาคม 2566 - กลุ่มแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม จัดกิจกรรมส่องไฟให้ทางประชาธิปไตย

รับงานจัดกิจกรรมถี่ๆ อย่างนี้นะหรือ ที่บอกว่าพวกคุณ ไม่ได้เกี่ยวข้อง ไม่ได้มีสายสัมพันธ์ ไม่ได้รับงาน “พรรคก้าวไกล” ? ... ใครเชื่อก็ต้องด่ากันตรง ๆ ว่า“ไอ้ควาย”

ณ เวลานี้ ขบวนการที่ฝ่ายความมั่นคงเขาเฝ้าจับตาดูอยู่ มีอยู่ 5-6 กลุ่ม ที่เคลื่อนไหวร่วมกัน สอดประสานกันและกันอย่างแนบแน่น ได้แก่"แก๊งทะลุวัง-แก๊งทะลุแก๊ส-แก๊งโมกหลวงริมน้ำ-กลุ่มสหายภาคี-กลุ่มเฟมินีสต์ปลดแอก-กลุ่มสื่ออิสระ"

วิธีการ : กลุ่มไหนคิดกิจกรรม คิดอีเวนต์ กลุ่มนั้นเป็นหัวขบวน โดยจะมีนายสมยศ พฤษาเกษมสุขคอยให้คำปรึกษาในทุกกิจกรรม จากนั้นใช้ “กลุ่มสื่ออิสระ” ไลฟ์สดในกิจกรรมต่างๆ ลงในช่องทางสื่อโซเซียล เมื่อดำเนินตามขั้นตอนเหล่านี้ก็ถือว่า กิจกรรมนั้นเสร็จสิ้น วางบิล-รับเงินได้

ทั้งนี้ ประเด็นเส้นทางการเงิน ที่สนับสนุนกิจกรรมเหล่านี้ เจ้าหน้าที่ตรวจสอบเบื้องต้นว่าชิวิธีในการ “รับเงินสด” โดย มาจาก 3 ส่วน

1. กลุ่มผู้มีอิทธิพลอยู่เบื้องหลังพรรคก้าวไกล ซึ่งก็คือ “แก๊งคนคางยื่น” นั่นแหล่ะ 2. เครือข่าย NGO ในประเทศ 3. เครือข่าย NGO ต่างประเทศ

“เหล่านี้คือข้อมูลเชิงลึกของ“จอมบงการ”แก๊งทะลุวัง กับเครือข่ายการเคลื่อนไหวที่สอดประสานไปในทิศทางเดียวกันกับ “พรรคก้าวไกล” ที่ผมพูดได้เลยว่าเป็นพรรคที่ตั้งขึ้นมาเพื่อล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์ด้วยวิธีต่างๆ ทั้งบนดิน และใต้ดิน โดยได้รับการสนับสนุนจากองค์กรทั้งในประเทศ และต่างประเทศ

“คำถามสำคัญก็คือ เมื่อหลักฐาน ข้อมูลชัดเจน ชัดแจ้งขนาดนี้แล้ว เมื่อไหร่จะจัดการกับคนเหล่านี้เสียที? หรือจะปล่อยให้คาราคาซังไปเรื่อย ๆ เช่นนี้ เต้นชะชะช่า เดินหน้า 2 ก้าว ถอยหลัง 3 ก้าว เหมือนกับที่ คสช.ทำตั้งแต่การรัฐประหารเมื่อปี 2557 จนถึงบัดนี้ ผมถึงบอกแล้วบอกอีกว่า ในช่วง 9 ปีที่ผ่านมานั้น เป็นช่วงเวลาแห่งความสูญเปล่าของการจัดการกับ “ขบวนการล้มล้างสถาบัน และทำลายประเทศชาติ” อย่างแท้จริง! ท่านผู้ชมที่เป็นติ่งลุงตู่ ท่านต้องยอมรับ นี่คือข้อผิดพลาดของ 3ป. ที่ไม่ยอมดำเนินการเด็ดขาดเสียที”