2024 ทำไม เฟสบอกเราอย จ งหว ดอ นท งท เราอย กร งเทพ

ให้ กด Report แจ้งไปยัง Facebook โดยในระบบของ Facebook จะมีหน้าที่ให้เราแจ้งปิด Facebook ปลอมได้ด้วยตนเอง ขั้นตอนการ Report แจ้งไปยัง Facebook นั้นคือ เข้าเว็บ Facebook …คลิกที่ความช่วยเหลือ

Show

2024 ทำไม เฟสบอกเราอย จ งหว ดอ นท งท เราอย กร งเทพ

แล้วก็พิมพ์คำว่าบัญชีปลอม ที่ช่องค้นหา จากนั้นเลือกที่ ฉันจะรายงานบัญชีปลอมที่แอบอ้างว่าเป็นฉันได้อย่างไร

2024 ทำไม เฟสบอกเราอย จ งหว ดอ นท งท เราอย กร งเทพ

แล้วเลือกที่ กรอกแบบฟอร์มนี้

2024 ทำไม เฟสบอกเราอย จ งหว ดอ นท งท เราอย กร งเทพ

คราวนี้คุณก็ใส่รายละเอียดที่คุณต้องแจ้งกับทาง Facebook เช่น คุณเลือกที่ มีผู้สร้างบัญชีผู้ใช้ที่ปลอมแปลงว่าเป็นฉันหรือเพื่อน แล้วใส่ข้อมูลต่างๆลงไป โดยให้ใส่ชื่อทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษตามบัตรประชาชนของคุณ และใส่อีเมลที่ facebook สามารถติดต่อกลับได้ ทีนี้ก็ระบุ URL ของ facebook ที่แอบอ้างเป็นคุณ พร้อมกับอัพโหลดรูปบัตรประชาชนหรือพาสปอร์ต และยังสามารถกรอกข้อมูลเพิ่มเติมเพื่อแจ้งกับทาง facebook ได้ด้วย แต่ต้องใช้ภาษาอังกฤษ เมื่อกรอกทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว ก็ส่งข้อมูลไปที่ Facebook ได้เลย ซึ่ง facebook จะรับเรื่องมาตรวจสอบต่อไป หากทาง Facebook ตรวจพบว่าเป็น Facebook ปลอมจริงๆก็จะทำการปิด Facebook ดังกล่าวให้

2024 ทำไม เฟสบอกเราอย จ งหว ดอ นท งท เราอย กร งเทพ

2. กรณีพบ Line ปลอมหรือถูกแอบอ้าง

สามารถรายงานแจ้งกับทาง LINE ได้ที่ https://contact.line.me/detailId/10557 ทั้งนี้เรื่องที่รับปัญหานั้นจะส่งไปยัง Line สำนักงานใหญ่ที่ประเทศญี่ปุ่น เพื่อพิจารณาต่อไป

แจ้งเตือน

หลังจากรายงานไปยัง facebook หรือ Line แล้ว ให้รีบเตือนบอกกับญาติสนิท และ เพื่อนสนิทที่ไว้ใจได้ของคุณ บอกว่าเราถูกแอบอ้าง ทั้งนี้อาจแนบ Capture รูปการสนทนาไว้เป็นหลักฐานประกอบบอกเพื่อนๆได้ แต่อย่า cap แล้วแชร์ไปยัง Social Network สาธารณะ หรือแชร์กับคนไม่รู้จักด้วย เพราะคุณอาจมีความเสี่ยงที่จะผิด พรบ.คอมพิวเตอร์เสียเอง จากการแชร์รูปบัญชีปลอมให้คนอื่นเห็นด้วย ดังนั้นลองคิดให้ดีก่อนส่งรูปให้เพื่อน

แจ้งตำรวจ

ไม่ว่าจะกรณีของ facebook หรือ Line ให้รวบรวมหลักฐานไว้ เช่น capture จับภาพหน้าจอสนทนาของไลน์ หรือ หน้า facebook ดังกล่าวไว้ หรือหน้ารูป Proflie ที่ถูกปลอมขึ้นมา แล้วนำไปแจ้งความที่ตำรวจท้องที่ ได้เลย หรือไปแจ้งกับตำรวจ ปอท. ที่กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ

ที่มีอัตราผู้ใช้งานสูงที่สุดในโลก ไม่ว่าใคร ๆ ต่างก็มีแอ็กเคานต์ Facebook เป็นของตัวเองทั้งนั้น ไม่เว้นแม้แต่ร้านขายของออนไลน์ที่เลือกใช้แพลตฟอร์มนี้เป็นช่องทางในการทำธุรกิจของตนเองเช่นกัน ส่งผลให้ในวันหนึ่ง ๆ Facebook ต้องรองรับคอนเทนต์เป็นจำนวนมากกว่าสิบล้านโพสต์ต่อวัน ดังนั้น Facebook จึงจำเป็นต้องคัดกรองคอนเทนต์ที่อัลกอริทึมมองว่ามีคุณภาพ หรือที่คิดว่าผู้ใช้งานคนนั้น ๆ จะสนใจขึ้นมาปรากฏบนหน้าไทม์ไลน์ ส่วนคอนเทนต์ไหนที่อัลกอริทึมคิดว่าไม่เกี่ยวข้องกับผู้ใช้งานก็จะถูกตัดออกไปจากการมองเห็นโดยปริยาย สิ่งนี้เองที่เรามักเรียกว่าเป็นปัญหา Facebook ปิดกั้นการมองเห็น ที่ใครต่อใครหลายคนต้องเจอในการเล่น Facebook ช่วงหลังมานี้ แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะเป็นปัญหาที่แก้ไม่ได้เลย เพราะบทความในวันนี้เราจะมาบอกถึงสาเหตุที่ทำให้ถูกปิดกั้นการมองเห็น รวมไปถึงการเปิดการมองเห็น Facebook ให้แอ็กเคานต์ของเรากลับมาครึกครื้นเหมือนเดิม!

2024 ทำไม เฟสบอกเราอย จ งหว ดอ นท งท เราอย กร งเทพ

ทำไมถึงถูก Facebook ปิดกั้นการมองเห็น?

ดังที่ได้กล่าวไปข้างต้นว่า Facebook นั้นมีจำนวนผู้ใช้งานมากมายมหาศาลต่อวัน ทำให้ตัวแอปฯ จำเป็นต้องคัดกรองคุณภาพของแต่ละคอนเทนต์ ว่าคอนเทนต์ไหนควรขึ้นที่หน้าฟีดของใครให้เหมาะสมกับลักษณะของผู้ใช้งานแต่ละบุคคล เพราะถ้าหากว่า Facebook แสดงหมดทุกคอนเทนต์ก็คงเป็นไปไม่ได้ หรือหากเป็นไปได้ก็อาจสร้างความรำคาญให้แก่ผู้ใช้งานบางคนที่ไม่ได้ต้องการเห็นบางคอนเทนต์ และจะทำให้ผู้ใช้งานเหล่านั้นหนีไปใช้แพลตฟอร์มอื่นได้ เมื่อนั้น Facebook ก็จะสูญเสียความนิยม อันนำมาซึ่งรายได้จะหายไป

นอกจากนี้ เรายังต้องทำความเข้าใจ “มาตรฐานชุมชนของ Facebook” ด้วย เนื่องจากแต่เดิมแล้ว Facebook ถูกสร้างขึ้นมาโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อแบ่งปันเรื่องราวในชีวิตประจำวัน และการแสดงความคิดเห็นบนโลกออนไลน์อย่างเหมาะสม ซึ่งคงจะไม่ดีเท่าไรหากเราเข้า Facebook มาแล้วหวังจะเสพข่าวสารและคอนเทนต์จรรโลงใจต่าง ๆ แต่หน้าฟีดกลับมีแต่คอนเทนต์ขายของ หรือคอนเทนต์ที่เราไม่ต้องการดู ในส่วนนี้เองที่ทำให้ร้านขายของหลาย ๆ ร้านต้องประสบกับปัญหาที่ว่าคนมองเห็นโพสต์ของร้านน้อยลง ไม่ค่อยมีคนกดไลก์ กดแชร์ หรือคอมเมนต์เหมือนแต่ก่อน ก็เพราะว่า Facebook ปิดกั้นการมองเห็นโพสต์ไปนั่นเอง โดยสาเหตุหลัก ๆ ที่ทำให้ถูกปิดกั้น มีดังนี้

โพสต์เนื้อหาผิดกฎของ Facebook

เป็นที่รู้กันว่า Facebook นั้นเข้มงวดกับการโพสต์เนื้อหาที่ผิดกฎลงบนแพลตฟอร์มเป็นอย่างมาก เช่น ภาพน่ากลัวอย่างอุบัติเหตุ ภาพที่เข้าข่ายอนาจาร หรือสิ่งของผิดกฎหมายอย่างยาเสพติด เป็นต้น ก็จะถูก AI ของ Facebook ตรวจจับและแบนทันที เมื่อเป็นเช่นนั้น เพจก็จะถูกลดการมองเห็น ไปจนถึงปิดกั้นการมองเห็นไปเลย

การตั้งค่าโพสต์เป็นแบบเฉพาะกลุ่ม

กรณีนี้สำหรับคนที่ใช้ Facebook ส่วนตัวขายของ แต่ตั้งค่าให้ผู้ที่สามารถมองเห็นโพสต์ได้เป็นแบบเฉพาะกลุ่ม ก็จะทำให้มีคนเห็นสินค้าของเราน้อยลงได้ จนอาจเข้าใจผิดไปเองว่าถูกปิดกั้นการมองเห็น

แชร์โพสต์หรือเนื้อหาที่เป็นสแปมมากเกินไป

หากโพสต์คอนเทนต์หรือแชร์โพสต์จากเพจอื่นบ่อยเกินไปซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับเนื้อหาของเพจ ก็จะทำให้ Facebook มองว่าเป็นสแปมได้

เปิดการมองเห็น Facebook ทำยังไง?

เมื่อ Facebook พยายามคัดกรองคุณภาพของคอนเทนต์ที่ผ่านการคัดเลือกให้ปรากฏบนหน้าฟีดเช่นนี้ เราก็มีวิธีแก้ที่จะช่วยให้เพจสามารถกลับมาเปิดการมองเห็น Facebook ได้เหมือนเดิม ด้วยทริกต่อไปนี้

ไม่โพสต์ถี่จนเกินไป

เรียกได้ว่าข้อนี้เป็นกับดักของหลาย ๆ คนที่เพิ่งเริ่มทำเพจเลยทีเดียว เพราะเมื่อเราเปิดเพจใหม่แล้วเริ่มมีคนติดตาม บางคนอาจจะเข้าใจว่าเราต้องขยันโพสต์ถี่ ๆ เพื่อให้ลูกเพจเห็นคอนเทนต์ของเราตลอดเวลา แต่แท้จริงแล้วไม่ใช่แบบนั้น ถึงแม้ว่า Facebook จะไม่มีกฎตายตัวว่าควรโพสต์กี่ครั้งต่อสัปดาห์ แต่ทางที่ดีเราก็ไม่ควรโพสต์เกินวันละหนึ่งครั้ง ยกเว้นว่ามีเนื้อหาที่จำเป็นต้องโพสต์ให้ตรงตามกำหนดเวลา เพราะความจริงที่หลายคนมักเข้าใจผิดก็คือ การไม่โพสต์ไม่ได้ทำให้เราเสียผู้ติดตามมากเท่ากับการโพสต์ถี่ ๆ จนสร้างความรำคาญให้แก่ผู้ที่พบเห็นเราเป็นประจำ โดยยิ่งเราโพสต์ออกไปมากเท่าไร คะแนนการมีส่วนร่วม (Engagement) ที่ Facebook คำนวณก็จะน้อยลงเท่านั้น ซึ่งย่อมส่งผลเสียต่อตัวแบรนด์อย่างแน่นอน

โพสต์เนื้อหาที่กระตุ้นให้คนอยากมีส่วนร่วม

เนื้อหาของโพสต์นั้นเรียกได้ว่าเป็นองค์ประกอบที่สำคัญที่สุดที่จะเป็นตัววัดว่าโพสต์ของเราจะมียอด Engagement มากหรือน้อยเลยทีเดียว โดยถ้าหากเราสามารถสร้างสรรค์คอนเทนต์ที่น่าสนใจและดึงดูดให้คนเข้ามามีปฏิสัมพันธ์กับโพสต์ของเราได้ ยิ่งมากเท่าไรก็จะยิ่งเพิ่มโอกาสในการเปิดการมองเห็น Facebook มากเท่านั้น ดังนั้น เราจึงควรหมั่นสร้างคอนเทนต์ที่มีคุณภาพและคำนึงถึงเรื่อง Engagement เสมอ

ใส่ภาพหรือวิดีโอประกอบในเนื้อหา

การโพสต์เนื้อหาที่มีแต่ข้อความอย่างเดียว ไม่มีภาพ หรือวิดีโอประกอบเลยก็อาจจะทำให้ดูน่าเบื่อและไม่โดดเด่นเมื่อเทียบกับคอนเทนต์อื่น ๆ บนหน้าฟีด ซึ่งตรงนี้ก็นับเป็นจุดบอดที่ Facebook นำมาคำนวณเช่นกัน โดยจากสถิติแล้ว โพสต์ที่ใส่หลาย ๆ ภาพ หรือเป็น Photo Album จะได้รับ Engagement เพิ่มขึ้น 180% ส่วนภาพเดี่ยว หรือ Single Image เพิ่มขึ้น 120% และวิดีโอเพิ่มขึ้น 100% เป็นเหตุผลว่าทำไมเราจึงควรหลีกเลี่ยงการใส่เพียงข้อความเปล่า ๆ เพราะถ้าหากคอนเทนต์ของเราไม่มีคนสนใจ Facebook ก็จะมองว่าโพสต์นั้นไม่มีประโยชน์และปิดกั้นการมองเห็นทันที

กำหนดวันและเวลาที่ดีที่สุดในการโพสต์

แม้ Facebook จะไม่ได้ประกาศกฎเกณฑ์ออกมาอย่างเป็นทางการว่าเราควรโพสต์ช่วงเวลาไหนกันแน่ แต่เราก็ควรศึกษาข้อมูลในส่วนนี้ด้วย เพราะการเผยแพร่เนื้อหาให้ตรงกับช่วงเวลาที่กลุ่มเป้าหมายของเราออนไลน์อยู่จะทำให้โพสต์ได้รับการมองเห็นมากขึ้น โดยเราสามารถตรวจสอบ Performance ในระบบหลังบ้านของเพจได้เลย เพื่อดูว่าวันและเวลาใดที่โพสต์ของเราได้ผลลัพธ์ดีที่สุด จากนั้นก็คอยหมั่นโพสต์เนื้อหาในเวลาดังกล่าวเป็นประจำ

คอยหมั่นเตือนให้ลูกเพจกดติดดาว

การกดติดดาว คือการตั้งค่าเพื่อรับการแจ้งเตือนจากเพจ ซึ่งถ้าหากเราโพสต์การอัปเดตที่คอยกระตุ้นให้บรรดาลูกเพจทำเช่นนี้ ก็จะทำให้การมองเห็นโพสต์ของเราเพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน

ใช้ Facebook Stories

หนึ่งในฟีเจอร์ที่ได้รับความนิยมในขณะนี้ก็คือ Facebook Stories นั่นเอง โดยผู้คนมักนิยมใช้ในลักษณะเดียวกันกับ IG Stories คือการแบ่งปันเรื่องราวต่าง ๆ ในชีวิตประจำวัน ซึ่งวิธีนี้เป็นวิธีที่ทำได้ง่ายและรวดเร็วกว่าการเลื่อนดูหน้าฟีดแบบปกติ เนื่องจากฟีเจอร์ Stories จะอยู่ด้านบนสุดของฟีด ทำให้มองเห็นได้ง่ายกว่าโดยไม่ต้องเลื่อนขึ้นเลื่อนลงให้เมื่อยนิ้ว

มีปฏิสัมพันธ์กับผู้ติดตามสม่ำเสมอ

เช่น อาจตั้งคำถามพูดคุยกับลูกเพจเกี่ยวกับหัวข้อและประเด็นที่กำลังเป็นเทรนด์ หรือที่คาดว่าคนจะให้ความสนใจเป็นอย่างดี นอกจากนี้ ยังสามารถใช้การถ่ายทอดสด หรือไลฟ์ (Live) ในการช่วยกระตุ้น Engagement จากผู้ติดตามได้ โดยอาจเป็นการขายสินค้าลดราคาผ่านไลฟ์เพื่อเรียกให้คนเข้ามาดู ซึ่งวิธีนี้จะช่วยดึงความสนใจจากกลุ่มเป้าหมาย ทั้งยังกระตุ้นการมีปฏิสัมพันธ์กันระหว่างร้านค้าและผู้บริโภค ตลอดจนสามารถเพิ่มจำนวนผู้ติดตามได้มากขึ้นอีกด้วย

อย่าโพสต์อะไรที่ดูไม่น่าเชื่อถือ

หนึ่งในสาเหตุหลัก ๆ ที่ทำให้ Facebook ปิดกั้นการมองเห็นก็คือ การเผยแพร่เนื้อหาที่ดูไม่น่าเชื่อถือ สร้างความเข้าใจผิด การสะเทือนอารมณ์ และเป็นสแปม โดยวิธีการหลีกเลี่ยงไม่ให้ Facebook เข้าใจว่าโพสต์ของเรามีเนื้อหาประเภทนั้นคือการตั้งหัวข้อเรื่องให้ชัดเจน ว่าเรากำลังพูดถึงเนื้อหาเกี่ยวกับอะไร ผู้อ่านจะได้รู้อะไรจากการอ่านโพสต์นี้ และห้ามใช้คลิกเบต (Clickbait) ที่เป็นการหลอกล่อให้คนคลิกด้วยการพาดหัวที่เกินจริง หรือใช้ภาพที่ชวนเข้าใจผิดเด็ดขาด

บูสต์โพสต์หรือยิงโฆษณา

หากมั่นใจว่าแอ็กเคานต์หรือเพจของเราถูก Facebook ปิดกั้นการมองเห็นจริง ๆ วิธีนี้จะเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการเอาชนะ AI ของ Facebook นั่นก็คือการบูสต์โพสต์หรือการยิงโฆษณา (Facebook Ads) นั่นเอง เพราะการทำเช่นนี้คือการที่เราใช้เงินซื้อพื้นที่โฆษณาบนแพลตฟอร์ม ทำให้เนื้อหาของเราไปปรากฏอยู่บนหน้าฟีดของกลุ่มเป้าหมายได้แบบ 100%

สรุป

แม้การขายของบน Facebook จะไม่ใช่เรื่องง่ายอีกต่อไปจากการที่ Facebook ปิดกั้นการมองเห็น แต่เราก็ยังสามารถแก้ไขคุณภาพของโพสต์ให้ดีขึ้นได้เพื่อลดปัญหาในส่วนนี้ โดยเราควรหมั่นสังเกตและตรวจสอบยอด Engagement ของเพจเป็นประจำ ว่ายอดยังมีความเสมอต้นเสมอปลายอยู่หรือไม่ หากช่วงใดที่รู้สึกว่ายอดกดไลก์ กดเแชร์ คอมเมนต์เริ่มน้อยลงเรื่อย ๆ ก็ให้สันนิษฐานว่าโดนปิดกั้น และเพื่อไม่ให้เป็นการแก้ปัญหาในยามที่สายเกินไป ก็ให้ใช้เทคนิควิธีข้างต้นนี้เพื่อให้คนเข้ามามีปฏิสัมพันธ์กับเพจดังเดิมทันที เมื่อนั้น Facebook ก็จะได้รู้ว่าเพจของเราเป็นเพจที่มีคุณภาพ และไม่ปิดกั้นการมองเห็นโพสต์นั่นเอง

เราจะรู้ได้ไงว่ามีคนแฮกเฟส

บัญชีของคุณอาจถูกแฮ็ก หากคุณพบว่า:.

อีเมลหรือรหัสผ่านของคุณเปลี่ยนไป.

ชื่อหรือวันเกิดของคุณเปลี่ยนไป.

มีการส่งคำขอเป็นเพื่อนไปยังบุคคลที่คุณไม่รู้จัก.

มีการส่งข้อความที่คุณไม่ได้เขียน.

มีการสร้างโพสต์หรือโฆษณาที่คุณไม่ได้สร้าง.

วิธีดูว่าใครส่องเฟสเรา ที่ไม่ใช่เพื่อน 2565

วิธีดูว่าใครส่องเฟซเรา ดูคนส่องสตอรี่ ที่ไม่ใช่เพื่อนในโทรศัพท์มือถือ ดูคนส่องสตอรี่ที่ไม่ใช่เพื่อน สามารถทำได้ง่ายๆ ด้วยการตั้งค่าสตอรี่ให้เป็นสาธารณะ หากมีใครแอบมาส่องเฟซบุ๊กของเราและกดดูสตอรี่ เราก็จะทราบได้ทันทีว่ามีใครบ้าง สำหรับขั้นตอนการตั้งค่าฟังก์ชันสตอรี่ (Facebook Story) มีดังนี้

ทำไมเฟสบุคโดนปิดกั้น

การถูกปิดกั้นการมองเห็นบนเพจที่เราเป็นแอดมินเอง เกิดจากการโพสต์สิ่งที่ผิดกฎ Facebook เช่น ภาพโป๊เปลือย, คำหยาบ, คำต้องห้าม, คำกล่าวเกินจริง, อาวุธ, ของผิดกฎหมาย เป็นต้น แต่ในบางเพจก็อาจถูกปรับลดการมองเห็นไปเอง เนื่องจากผู้ใช้งาน Facebook เลือกค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับเพจนั้นน้อยลง ทำให้เพจอื่นที่ถูกค้นหามากกว่าขึ้นมาแทนที่ ...

เราจะรู้ไหมว่าใครมาส่องเฟสเรา

โดยทั่วไปแล้ว "เฟซบุ๊ก" (Facebook) ไม่มีฟีเจอร์ที่ทำให้เรารู้ได้ว่าใครมาชมโปรไฟล์ของเรา ไม่ว่าจะเป็นเพื่อนหรือไม่ก็ตาม ยกเว้นว่าเราจะกดถูกใจหรือแสดงความคิดเห็นในโพสต์ใดๆ ของโปรไฟล์นั้นๆ