2024 ทำไม น กฟ ตบอลถ งว ายน า ช วยอะไรบ าง

ปี 1958 การปรากฏตัวของเจ้าหนูมหัศจรรย์นามว่า เอ็ดสัน อรันเตส โด นาสซิเมนโต้ (Edson Arantes do Nascimento) หรือ เปเล่ ที่ได้แจ้งเกิดด้วยการเป็นผู้เล่นอายุน้อยที่สุดซึ่งสามารถทำประตูได้ในฟุตบอลโลก (17 ปี) เขากลายเป็นหนึ่งในดาวเด่นประจำทัวร์นาเมนต์นั้นทันที จากการกดไปถึง 6 ประตู พ่วงด้วยลีลาและเทคนิคแพวพราว จนผู้คนต้องจับจ้องมองมาที่เขาเป็นพิเศษ

เปเล่สามารถทำให้ผู้คนทั่วโลกหันมาสนใจฟุตบอลได้อย่างน่าอัศจรรย์ เขาคือผู้เล่นที่ทั่วโลกจับตามองและอยากเห็นเขาลงเล่นในสนามสักครั้งในชีวิต จนรัฐบาลบราซิลต้องประกาศให้เขาเป็นสมบัติของชาติที่ต้องเล่นฟุตบอลในประเทศบราซิลเท่านั้น

ความยอดเยี่ยมของเปเล่มีมากมายจนไม่อาจกล่าวได้หมด และหนึ่งในนั้นคือการเป็นนักเตะเพียงคนเดียวที่สามารถคว้าแชมป์โลกมาเชยชมได้ถึง 3 สมัย

Main Stand จึงอยากพาท่านร่วมวิเคราะห์ไปพร้อมกันว่าอะไรคือปัจจัยที่ช่วยให้เปเล่กลายเป็นนักเตะเพียงคนเดียวที่สามารถคว้าแชมป์โลก 3 สมัยได้บ้าง ติดตามได้ ที่นี่

มีทั้งพรสวรรค์และพรแสวง

วันที่ 23 ตุลาคม ค.ศ.1940 ณ เมือง เตรส โคราคอส รัฐมินัสเชไรส์ ประเทศบราซิล ในครอบครัวยากจนที่มีเชื้อสายปนกันระหว่างแอฟริกากับโปรตุเกส ได้ให้กำเนิดทารกเพศชายผิวดำผู้หนึ่งมีนามว่า เอ็ดสัน อรันเตส โด นาสซิเมนโต้ ตามชื่อของ โทมัส อัลวา เอดิสัน (นักประดิษฐ์ชาวอเมริกัน ผู้คิดค้นกระแสไฟฟ้าให้ใช้งานได้เป็นคนแรก ๆ ของโลก)

คูเวา รามอส โด นาสซิเมนโต้ หรือ ดอนดินโญ่ ตั้งใจตั้งชื่อบุตรชายตามชื่อของเอดิสัน เนื่องจากเคารพนับถือยอดนักประดิษฐ์ชาวอเมริกันที่สามารถคิดค้นกระแสไฟฟ้าให้ใช้งานได้จริง และต้องการเปรียบทารกน้อยว่าเป็นเสมือนแสงสว่างของครอบครัว โดยที่ไม่คิดไม่ฝันเลยว่าทารกผู้นี้จะเติบโตขึ้นเป็นแสงสว่างในวงการฟุตบอลไปทั่วโลกได้ในอนาคตอันใกล้

ขณะที่ เปเล่ เป็นชื่อที่เกิดขึ้นจากความบังเอิญ ในตอนที่เอ็ดสันเรียนหนังสือ เขามีนักฟุตบอลในดวงใจชื่อว่า บิเล่ เป็นผู้รักษาประตูทีมวาสโก ดา กามา ในลีกบราซิล แต่กลับเรียกชื่อผิดเป็น "ปีเล่" จนถูกเพื่อนในชั้นเรียนหัวเราะเยาะและล้อเลียนชื่อของเอ็ดสันว่า "เปเล่" นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ชื่อ เปเล่ จึงกลายเป็นชื่อเล่นที่ผู้คนใช้เรียกเขาจนติดปากมาจนถึงทุกวันนี้

2024 ทำไม น กฟ ตบอลถ งว ายน า ช วยอะไรบ าง

หนูน้อยเปเล่ฉายแววความเป็นยอดนักเตะมาตั้งแต่ยังเด็ก เขาเรียนรู้วิธีควบคุมลูกฟุตบอลได้อย่างรวดเร็ว จากการได้เห็นบิดาฝึกเล่นฟุตบอลที่บ้านเป็นประจำ

คุณพ่อของเปเล่เป็นนักฟุตบอลในลีกท้องถิ่นของทีมเล็ก ๆ ที่ไม่โด่งดังและยังไม่ประสบความสำเร็จหรือเป็นที่รู้จักในสายอาชีพนักเตะมากนัก ซึ่งการเล่นฟุตบอลในสมัยนั้นยังไม่ถูกจัดว่าเป็นอาชีพที่มั่นคงพอจะเลี้ยงครอบครัวได้ คุณพ่อของเปเล่จึงต้องรับจ้างทำความสะอาดในโรงพยาบาลควบคู่กับการเล่นฟุตบอล

ถึงแม้ว่าดอนดินโญ่จะไม่ประสบความสำเร็จในสายอาชีพนักฟุตบอล แต่เขาก็ไม่เคยห้ามให้บุตรชายเล่นฟุตบอลเลยสักครั้ง เพราะมองเห็นบางอย่างในตัวของเปเล่ สิ่งนั้นเรียกว่า "พรสวรรค์"

คุณพ่อจึงเป็นครูคนแรกที่สอนฟุตบอลให้กับเปเล่ในสมัยเด็ก แม้จะไม่ถูกใจ มาเรีย เซเลสเต้ คุณแม่ของเขา ที่อยากเห็นเปเล่ทำอาชีพที่เป็นหลักเป็นฐานมั่นคงกว่าการเป็นนักเตะข้างถนนไปวัน ๆ

เปเล่ฝึกหัดฟุตบอลทุกวันและเล่นฟุตบอลทุกที่เท่าที่ทำได้ โดยเฉพาะตามท้องถนนในแถบเมืองบ้านเกิดที่มีลูกฟุตบอลทำจากเศษขยะหรือถุงเท้าบ้าง เนื่องจากพ่อของเขาไม่มีเงินมากพอที่จะส่งเสียให้เปเล่ได้เรียนฟุตบอลในทีมที่สอนฟุตบอลให้แก่เด็ก ๆ ซึ่งในฐานะที่เป็นพี่ชายคนโต (มีน้อง 5 คน) เปเล่ต้องซ้อมฟุตบอลพร้อมกับช่วยพ่อแม่ทำงานสารพัดเท่าที่ทำได้ เช่น ขายฟืน ขายมวนบุหรี่ หรือรับจ้างทำงานทั่วไปเท่าที่เด็กอย่างเขาจะสามารถทำได้

จุดเปลี่ยนของชีวิตเกิดขึ้นเมื่อตอนที่อายุได้ 4 ขวบ ครอบครัวของเขาต้องย้ายไปอาศัยอยู่ที่เมืองเบารู ซึ่งคุณพ่อของเปเล่ได้รับคำเชิญให้ไปเล่นฟุตบอลในทีมของเมืองนั้น และขณะเดียวกันก็ได้งานเป็นเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นทำงานให้กับรัฐบาล ซึ่งจะช่วยให้ครอบครัวมีรายได้ที่มั่นคงมากขึ้น

ที่นี่เปเล่ทำงานเป็นคนขัดรองเท้าให้แก่นักเตะของทีมเบารู แอตแลติก (Bauru Athletic Club) ที่พ่อของเขาเล่นอยู่ และการคลุกคลีอยู่กับนักเตะทุกวันทำให้เปเล่เรียนรู้ทักษะการเล่นฟุตบอลได้ดียิ่งขึ้น โดยเฉพาะเมื่อตอนที่เห็นคุณพ่อใช้เท้าเลี้ยงหลบคู่ต่อสู้ครั้งแล้วครั้งเล่า ทำให้เขาอยากเติบโตเป็นนักฟุตบอลที่เก่งกาจเช่นเดียวกับคุณพ่อของเขาให้ได้

2024 ทำไม น กฟ ตบอลถ งว ายน า ช วยอะไรบ าง

"ความฝันของผมคือการทำให้ดีเหมือนพ่อเสมอ ผมคิดว่าเขาเป็นนักเตะที่ดีที่สุดในโลก" เปเล่ กล่าวไว้ในสารคดีของ Netflix เมื่อปี 2021

เมื่ออายุได้เพียง 11 ปี เขาได้รวบรวมเพื่อนนักเตะข้างถนนด้วยกันสร้างทีมฟุตบอลของตัวเองที่มีชื่อภาษาไทยว่า "ทีมนักเตะไร้รองเท้า" และเดินสายเตะฟุตบอลไปทั่วเมืองเบารู เพื่อเตรียมทีมสำหรับแข่งขันในรายการเล็ก ๆ ที่จัดขึ้นโดยนายกเทศมนตรีของเมือง และต่อมาพวกเขาได้เปลี่ยนชื่อทีมมาเป็น อเมริควินย่า (Ameriquinha) และสามารถคว้าแชมป์มาครองได้อย่างเหนือความคาดหมาย

เปเล่เป็นนักเตะที่ยิงประตูได้มากที่สุดในการแข่งขันรายการนั้น และชื่อของเขาก็โด่งดังไปทั่วเมืองอย่างรวดเร็ว ผู้คนล้วนชื่นชมในฝีเท้าของเขาที่วาดลวดลายสวยงามราวกับเป็นการเต้นรำบนผืนหญ้า และต่างยกย่องนักเตะจากข้างถนนผู้นี้ว่า "เก่งเกินเด็ก"

เปเล่ใช้ทั้งพรสวรรค์และพรแสวงที่มีก้าวข้ามขีดจำกัดความยากจนของตัวเอง เขารู้ว่าจะไม่มีใครสนใจเด็กยากจนอย่างเขา และไม่มีใครเดินเข้าหาคนที่เอาแต่หลบซ่อนอยู่ในมุมมืดด้วยความกลัว

ยิงประตูได้เฉียบคมราวกับจับวาง

เมื่อครั้งพาทีมอเมริควินย่าคว้าแชมป์การแข่งขันประจำเมือง เปเล่ได้ฉายแววความเป็นยอดนักเตะตั้งแต่เกมแรกที่ลงทำการแข่งขัน เขามีจิตใจที่นิ่งสงบ กระหายชัยชนะ และมีความเป็นผู้นำอยู่ในตัว เขาไม่เคยหวาดกลัวเมื่อเจอทีมที่เหนือกว่า สิ่งเดียวที่เขาจะทำคือเล่นฟุตบอลด้วยความสุขราวกับมีประสบการณ์ในเกมฟุตบอลมานานแล้ว

ชัยชนะครั้งนั้นเปรียบเสมือนประตูบานเล็ก ๆ ที่นำเปเล่ไปสู่จุดเปลี่ยนของชีวิตที่สำคัญที่สุด ด้วยฟอร์มการเล่นอันโดดเด่นจึงไปเตะตาของ วัลเดอมาร์ เดอ บริโต้ (Waldemar de Brito) นักเตะในลีกสูงสุดของบราซิล ที่เชิญตัวเปเล่กับเพื่อนรวมทีมอเมริควินย่ารายอื่น ๆ มาเล่นให้กับทีมเยาวชน บาควินโย่ (Baquinho) ในปี ค.ศ. 1954 ซึ่งถือได้ว่าเป็นครั้งแรกที่เปเล่ได้รับค่าจ้างจากการเล่นฟุตบอล เขาตอบแทนเงินค่าจ้างของทีมด้วยการคว้าแชมป์ฟุตบอลเยาวชนที่จัดแข่งโดยหนังสือพิมพ์เซาเปาโล สปอร์ตติง กาเซ็ตต์ ในปีนั้นทันที

2024 ทำไม น กฟ ตบอลถ งว ายน า ช วยอะไรบ าง

เมื่ออายุได้ 15 ปี (ค.ศ. 1956) เดอ บริโต้ พาเปเล่ไปทดสอบฝีเท้าที่สโมสรซานโตส เขาสร้างความประทับใจให้แก่แฟนบอล สื่อมวลชน และผู้บริหารของทีมซานโตส ด้วยการแสดงพรสวรรค์อันน่าเหลือเชื่อออกมา พร้อมกับบุคลิกน่าเกรงขามที่ไม่กลัวอะไรทั้งนั้น

เปเล่ยิงได้ถึง 4 ประตูจากการทดสอบฝีเท้า จน เดอ บริโต้ บอกกับผู้ควบคุมทีมซานโตสว่าต่อไปเปเล่จะกลายเป็น "นักกีฬาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก" และเปเล่ก็ได้รับการเซ็นสัญญากับสโมสรซานโตส เขาเล่นให้กับทีมเยาวชนของสโมรสรนับตั้งแต่วันนั้นทันที

จนกระทั้งอีก 2 ปีต่อมา เปเล่ถูกเรียกตัวให้ติดทีมชาติบราซิลอย่างไม่คาดฝัน เพื่อสู้ศึกฟุตบอลโลก 1958 ที่ประเทศสวีเดน (1958 World Cup) ซึ่งเขาเป็นนักเตะที่มีอายุน้อยที่สุดในบรรดานักเตะจากชาติต่าง ๆ ในครั้งนั้น ด้วยอายุเพียง 17 ปี

เขาทำลายสถิติในฟุตบอลโลกครั้งนั้นจากเกมที่ ทีมชาติบราซิล ชนะ ทีมชาติเวลส์ 1-0 ในรอบ 8 ทีมสุดท้าย (วันที่ 19 มิถุนายน 1958) เปเล่ทำประตูเดียวที่เกิดขึ้นในแมตช์นั้น และถูกจารึกว่าเป็นนักเตะอายุน้อยที่สุดที่สามารถทำประตูในฟุตบอลโลกได้ ด้วยอายุเพียง 17 ปี 249 วัน ซึ่งเป็นสถิติที่ยังไม่มีนักเตะคนใดในโลกสามารถทำลายลงได้จนถึงตอนนี้

2024 ทำไม น กฟ ตบอลถ งว ายน า ช วยอะไรบ าง

ในรอบรองชนะเลิศ เปเล่ทำผลงานโดดเด่นชนิดช็อกโลก ด้วยการทำคนเดียว 3 ประตูในเกมชนะ ฝรั่งเศส 5-2 ทำสถิตินักเตะที่มีอายุน้อยที่สุดที่ทำแฮตทริกได้ในฟุตบอลโลก ซึ่งเป็นสถิติที่ยังไม่เคยมีนักเตะคนใดทำลายลงได้เช่นกัน

โดยในรอบชิงชนะเลิศ เปเล่ถูกคาดหวังและถูกจับตามองจากทุกคนในฟุตบอลโลกหนนั้นทันที ซึ่งเจ้าหนูมหัศจรรย์คนนี้ก็ไม่ทำให้ผิดหวัง เขามีส่วนในการบดขยี้ สวีเดน ไป 5-2 และส่งบอลไปซุกก้นตาข่ายทีมคู่แข่งได้ถึง 2 ประตู นำพาทีมชาติบราซิลคว้าแชมป์โลกครั้งแรกได้อย่างยิ่งใหญ่

ฟุตบอลโลกปี 1958 นับเป็นทัวร์นาเมนต์แจ้งเกิดของเปเล่อย่างแท้จริง เขายิงได้ถึง 6 ประตู (มากที่สุดในทีมชาติบราซิลชุดนั้น) การเลี้ยงฟุตบอลในพื้นที่แคบและการเคลื่อนที่ไปกับฟุตบอลที่ลื่นไหล ทำให้คนทั่วโลกตกตะลึงและชื่นชมเขาอย่างมากในตอนนั้น

โดยหนึ่งในลูกที่เขายิงใส่สวีเดนได้นั้นยังถูกยกย่องให้เป็นประตูที่ดีที่สุดในประวัติศาสตร์ฟุตบอลโลกอีกด้วย

จะเห็นได้ว่านอกจากทักษะฟ้าประทานของเปเล่แล้ว การจบประตูของเขาก็เฉียบคมราวกับผีจับยัดเข้าประตู

2024 ทำไม น กฟ ตบอลถ งว ายน า ช วยอะไรบ าง

เปเล่ออกมาอ้างว่าตลอด 21 ปีที่ค้าแข้งในโลกฟุตบอล เขาทำประตูได้มากถึง 1,283 ประตูจากการลงเล่น 1,363 เกม โดยรวมเกมที่เขายังเป็นเยาวชน เกมกระชับมิตร และเกมการแข่งขันที่ไม่เป็นทางการไว้ด้วย

แม้ RSSSF (The Rec.Sport.Soccer Statistics Foundation) และ กินเนสบุ๊ก จะมีข้อมูลที่ต่างออกไปคือ 1,279 ประตู ในขณะที่ฟีฟ่ารายงานว่าเปเล่ทำไปทั้งหมด 757 ประตู และถึงแม้เจ้าตัวจะไม่เห็นด้วย แต่ฟีฟ่าก็ยังคงยืนยันตัวเลขนี้มาโดยตลอด

เรื่องที่เปเล่ยิงประตูได้ทั้งหมดกี่ลูกแม้ยังเป็นที่ถกเถียงกันอยู่ แต่สิ่งที่สามารถเชื่อได้ทันทีคือเขาเป็นหนึ่งในนักเตะที่ยิงประตูได้เฉียบคมที่สุดคนหนึ่งในโลกฟุตบอลอย่างไม่ต้องสงสัย

ทำตัวเองให้พร้อมแข่งขันตลอดเวลา

เปเล่เชื่อว่าในสนามทุกคนเท่ากันหมด เขาจึงไม่เคยคิดว่าตัวเองเหนือกว่าคนอื่น แม้เขาจะเป็นผู้เล่นที่ประสบความสำเร็จในโลกฟุตบอลอย่างสูงก็ตาม ซึ่งเขาได้กล่าวไว้ว่า

"ความสำเร็จไม่ใช่เรื่องบังเอิญ มันคือการทำงานหนัก การเรียนรู้ การเสียสละ และที่สำคัญที่สุดคือความรักในสิ่งที่คุณกำลังทำหรือเรียนรู้ที่จะทำ"

นับตั้งแต่แจ้งเกิดในฟุตบอลโลกปี 1958 ที่ประเทศสวีเดน ชีวิตของเปเล่ก็เปลี่ยนแปลงจากหน้ามือเป็นหลังมือทันที

2024 ทำไม น กฟ ตบอลถ งว ายน า ช วยอะไรบ าง

เปเล่กลับมาที่บราซิลในฐานะฮีโร่ของประเทศ เขาเป็นเด็กอายุ 17 ปีที่โด่งดังที่สุดในโลกด้วยเวลาอันรวดเร็ว เขาเปลี่ยนบราซิลทั้งชาติให้กลายเป็นประเทศแห่งฟุตบอลด้วยสองเท้าอันแข็งแกร่งของเขา ดังนั้นไม่ว่าจะไปที่ใดเขาก็จะถูกฝูงชนรุมล้อมและเข้ามาขอลายเซ็นไม่เว้นแต่ละวัน

เขาต้องรับมือกับแรงกระแทกหลายอย่างทั้งในและนอกสนาม เขากลายเป็นคนที่ถูกจับตามองตลอดเวลา ผู้คนต่างคลั่งไคล้เขาจนเขาแทบกระดิกตัวไม่ได้

เคยมีนักข่าวถามว่า "ตอนนี้คุณกลายเป็นเด็กอายุ 17 ที่เก่งที่สุดในโลกใช่หรือไม่ ?"

เขาตอบว่า "ผมไม่เคยเชื่อว่ามีผู้เล่นที่เก่งที่สุดในโลก การจะเป็นผู้เล่นที่เก่งที่สุดในโลกได้ คุณต้องเล่นเก่งที่สุดในทุกตำแหน่ง ซึ่งมันคงยากมาก ๆ"

เปเล่ไม่เคยหลงระเริงไปกับความสำเร็จเหล่านั้นของตัวเอง ซึ่งเขาเข้าใจดีว่าการแข่งขันฟุตบอลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกอย่างฟีฟ่าเวิลด์คัพ บางครั้งการมีผู้เล่นที่ดีหรือทีมที่ดีก็อาจไม่เพียงพอให้สามารถคว้าแชมป์ได้

แน่นอนว่าระบบทีมก็เป็นส่วนสำคัญที่จะนำพาทีมไปสู่ชัยชนะได้อย่างไม่ต้องสงสัย แต่ต่อให้ระบบทีมดีแค่ไหน หากผู้เล่นในทีมไม่มีความกระหายในชัยชนะก็ยากที่จะประสบความสำเร็จได้

เปเล่จึงทำตัวเองให้พร้อมทำการแข่งขันอยู่ตลอดเวลา เขาซ้อมฟุตบอลทุกวัน และตั้งเป้าหมายในแต่ละวันว่าจะทำอะไรบ้าง เขาฝึกฝนอย่างหนัก เรียนรู้เทคนิคต่าง ๆ ด้วยหัวใจที่เปิดรับและถ่อมตนที่สุด

2024 ทำไม น กฟ ตบอลถ งว ายน า ช วยอะไรบ าง

เปเล่บอกว่า "ผมมีปรัชญาที่ได้รับมาจากพ่อของผม ท่านเคยพูดว่า 'ฟังนะ พระเจ้าให้ของขวัญแก่ลูกคือการเล่นฟุตบอล นี่คือของขวัญจากพระเจ้า ถ้าคุณดูแลสุขภาพของคุณ ถ้าคุณอยู่ในรูปร่างที่ดีตลอดเวลา ด้วยของขวัญจากพระเจ้าชิ้นนี้จะไม่มีใครหยุดคุณได้ แต่คุณต้องเตรียมตัวให้พร้อม'"

ด้วยวิธีคิดเหล่านี้จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่เปเล่จะกลายมาเป็นผู้เล่นที่ปราดเปรียวที่สุดในสนาม และคว้าแชมป์โลกมาครองได้ถึง 3 สมัย

ต่อสู้ในวันที่ไม่มีใครเคียงข้าง

ในฟุตบอลโลกครั้งที่ 4 ของเปเล่เมื่อปี 1970 ผู้คนบอกว่าฟอร์มของเขาแย่ลง เขาแก่ลงมาก เขาไม่ใช่คนเดิม นี่จะเป็นฟุตบอลโลกครั้งสุดท้ายที่ทำลายชีวิตของเปเล่

2024 ทำไม น กฟ ตบอลถ งว ายน า ช วยอะไรบ าง

แม้กระทั่งชาวบราซิลเองก็ยังเชื่อว่า เปเล่ สุดยอดนักเตะตลอดกาลของพวกเขา หมดน้ำยาไปแล้วหลังทีมชวดแชมป์โลกเมื่อปี 1966 (ที่ประเทศอังกฤษ) และเจ็บออด ๆ แอด ๆ เสมอมา เขาจะพาทีมชาติบราซิลตกรอบแรกในฟุตบอลโลก 1970 อย่างแน่นอน

รวมถึงการแข่งขันฟุตบอลโลกที่เม็กซิโกหนดังกล่าว เขาก็ต้องพบเจอกับอุปสรรคมากมาย เพราะที่พักเต็มไปด้วยทุกอย่างที่เขาไม่ต้องการ ทั้งรสชาติอาหารย่ำแย่ อากาศร้อนจัด และห้องนอนที่มีแมงป่องซุกซ่อน อีกทั้งยังได้ มาริโอ ซากัลโล่ อดีตเพื่อนร่วมทีมชาติของเปเล่ มาเป็นเฮดโค้ชของทีม ซึ่งยังไม่เคยมีประสบการณ์คุมทีมลุยฟุตบอลโลกมาก่อน เรื่องที่ไม่น่าพิสมัยเหล่านี้ทำให้นักเตะเกือบทุกคนของบราซิลสติแตก ยกเว้นแค่เปเล่คนเดียว

"ทุกคนเอาแต่บ่นยกเว้นเปเล่ เขากระหายมากในฟุตบอลโลกหนนี้ เพราะเมื่อปี 1966 เขาบาดเจ็บในเกมพบกับโปรตุเกสจนบราซิลตกรอบ แถมผู้คนมากมายในบราซิลยังพากันพูดว่าเขาหมดสภาพแล้ว เพราะงั้นตอนเราคว้าแชมป์โลกเขาถึงเอาแต่ตะโกนในห้องแต่งตัวว่า 'กูยังไม่ตาย'" ริเวลิโน่ หนึ่งในขุนพลทีมชาติบราซิล 1970 กล่าวถึงความมุ่งมั่นของเปเล่ในฟุตบอลโลกที่เม็กซิโก

2024 ทำไม น กฟ ตบอลถ งว ายน า ช วยอะไรบ าง

เปเล่ชื่นชอบสถานการณ์นี้อย่างมาก มันช่วยให้เขารู้สึกได้ถึงความมุ่งมั่นที่หายไป เขากลายเป็นผู้นำของทีมอย่างแท้จริง เขาคอยปลุกระดมและให้กำลังใจทุกคนในทีมให้มีชีวิตชีวา

อิทธิพลเหล่านี้ส่งผลต่อความเชื่อในสนามโดยตรง เปเล่กลายเป็นศูนย์กลางของทีม เป็นผู้นำในเกมบุก และคอยสั่งเพื่อนร่วมทีมในทุกจังหวะในแดนหน้า

ซึ่งสอดคล้องกับแทคติกเพลย์เมกเกอร์ 4 คนในแผงรุกของซากัลโล่ ที่เลือกใช้ เปเล่, ริเวลิโน่, เกอร์สัน และ ทอสเทา เป็นขุนพลแดนหน้าคอยล่าประตูคู่แข่ง

ผลคือทีมชาติบราซิลได้กลับมาสู่เวทีฟุตบอลโลกอีกครั้งอย่างมหัศจรรย์ เริ่มต้นด้วยชัยชนะเหนือ เชโกสโลวาเกีย 4-1 ตามด้วยการปราบอดีตแชมป์โลกอย่าง อังกฤษ 1-0 ในเกมสุดคลาสสิกที่ผู้คนยังจดจำมาจนถึงทุกวันนี้ และเดินหน้าเก็บชัยชนะอย่างต่อเนื่องจนทะลุเข้าไปถึงรอบชิงชนะเลิศได้สำเร็จ

ในรอบชิงชนะเลิศ พวกเขาต้องพบกับทีมสุดแกร่งอย่าง อิตาลี มันดูเหมือนเป็นงานยาก แต่หลังจากเปเล่ทำประตูแรกให้ บราซิล ขึ้นนำ อิตาลี 1-0 ความฝันที่จะได้รับชัยชนะจึงไม่ไกลอีกต่อไป เพราะ ทีมชาติบราซิล จบลงด้วยการชนะ อิตาลี ไปถึง 4-1 คว้าถ้วย จูลส์ ริเมต์ กลับบ้านเกิดที่ประเทศบราซิลได้อีกครั้ง

และทีมชาติบราซิลชุดแชมป์โลกปี 1970 ภายใต้การนำของเปเล่ยังได้รับการยกย่องว่ามีผู้เล่นที่ดีที่สุดในประวัติศาสตร์ฟุตบอลของบราซิลอีกด้วย

2024 ทำไม น กฟ ตบอลถ งว ายน า ช วยอะไรบ าง

ความสำเร็จครั้งนี้คือฉากสุดท้ายของเปเล่บนเวทีฟุตบอลโลก เมื่อเขากลายเป็นผู้เล่นเพียงคนเดียวที่คว้าแชมป์โลกมาได้ถึง 3 สมัย คือปี 1958,1962 และ1970 จนทุกวันนี้ก็ยังไม่มีนักเตะคนใดทำได้อย่างเขา

เปเล่คนเดียวนำฟุตบอลไปอีกขั้นอย่างน่าเหลือเชื่อ เขาคือความแตกต่างในโลกฟุตบอลอย่างแท้จริง "เปเล่" เป็นชื่อวิเศษที่ดึงดูดผู้คนให้เข้ามาดูฟุตบอล เขาทำให้คนทั้งโลกรู้จักและหลงรักฟุตบอล ทำให้เห็นว่าฟุตบอลเป็นกีฬาที่น่าหลงใหลและมีเสน่ห์

ด้วยทักษะการครองบอลอันแน่นหนา สายตาที่เฉียบคม และกล้ามเนื้อที่ว่องไว เขาล่อหลอกปราการหลังที่แข็งแกร่งที่สุดในโลกครั้งแล้วครั้งเล่า ทำให้คนทั่วโลกตกตะลึงและสรรเสริญเขาดุจดังพระเจ้า

ผู้คนจึงมีความสุขทุกครั้งที่ได้เห็นเปเล่เล่นฟุตบอล เขาคือเหตุผลเดียวที่ทำให้ฟุตบอลเป็นที่นิยมไปทั่วโลกในสมัยนั้น

2024 ทำไม น กฟ ตบอลถ งว ายน า ช วยอะไรบ าง

มีคำกล่าวว่า สาว ๆ อยากได้เปเล่เป็นแฟน … หนุ่ม ๆ อยากได้เปเล่เป็นเพื่อน … พ่อแม่อยากได้เปเล่เป็นลูกชาย … และทุกคนอยากมีเปเล่เป็นเพื่อนบ้าน เพราะเขาน่ารักที่สุด เสน่ห์ตามธรรมชาติของเขาส่งเสริมให้เขากลายเป็นที่รักของทุกคนอย่างง่ายดาย

แม้วันนี้เปเล่จะจากไปอย่างสงบด้วยวัย 82 ปี แต่สิ่งที่เขาฝากไว้ก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้เขา กลายเป็นนักฟุตบอลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกตลอดกาล

แหล่งอ้างอิง

https://elevatesociety.com/peles-story/ https://www.goal.com/en/news/pele-stats-goals-world-cup-wins-brazil-legends-other-trophies/1j7l9iu09le1v14q60ct2dpfnm