1993 indecent proposal ข อเสนอท ร กน ม อาจก น.mp4

Demi Moore and Woody Harrelson are Diana and David Murphy, a financially strapped couple who are betting on a quick trip to Las Vegas to deal them a lucky hand. But the odds are suddenly even more attractive when billionaire John Gage (Robert Redford) ups the ante - complete financial freedom.

The price? One night of passion with Diana. The Payoff? A cool $1 million. But what seems to be a quick and simple solution to their money problems creates more friction that the couple bargained for as the high stakes of trust, love and attraction come into play as part of Gage's compelling proposal.

From acclaimed director Adrian Lyne (Fatal Attraction, Flashdance) comes a film that examines a riveting morality game-one in which each player has a strategy, as well as a set of rules to play by.

เรื่องราวทั้งหมดเริ่มต้นที่ “ความรักของ เดวิด และ ไดอาน่า” ชายหนุ่มหน้าตาดีกับภรรยาสาวแสนสวย ที่รักกันมาก ด้วยความผูกพันและความเหมาะสมกันของพวกเขา ทั้งสองคนเป็นคู่รักที่น่าหมั่นไส้ แต่ …. จำนวนความรักของพวกเขาเปลี่ยนให้เป็นจำนวนเงินไม่ได้ การพยายามจะใช้ชีวิตตามครรลองของสิ่งที่ต้องการ ทำให้ทั้งสองคนไม่ค่อยมีสภาพคล่องทางการเงินเท่าไหร่ ทั้งสองคนมีความฝันร่วมกันหลาย ๆ อย่าง นอกจากความรักแล้ว พวกเขาต้องการเงินจำนวนหนึ่งเพื่อให้มันประสบความสำเร็จ ทั้งคู่จึงเดินทางไปเสี่ยงโชคใน Las — Vegus หวังให้ได้เงินมาเติมเต็มมัน

แต่การเสี่ยงโชคนั้น พังยับ ไม่แน่ใจว่ามันคือโชคร้ายหรือโชคดี พวกเขามีโอกาสที่จะได้เงินก้อนใหญ่จากการที่ ไดอาน่าเป็นที่ต้องตาของ จอห์น เศรษฐีเจ้าเสน่ห์คนหนึ่งในคาสิโน ในตอนแรกไม่ว่าเศรษฐีคนนั้นจะยั่วยวนยังไงไดอาน่าก็ไม่ได้หลงกล และเดวิดก็เข้ามาขัดจังหวะไว้เสมอ จอห์นเกือบจะหลีกทาง แต่ก่อนที่จะล้มเลิกความตั้งใจ เขาเสนอเงิน 1 ล้านเหรียญ ให้แก่ทั้งคู่หนึ่ง โดยมีข้อแม้ว่า “ไดอาน่าต้องยอมหลับนอนกับเขาหนึ่งคืน”

เดวิด ไม่มีทางยอมแน่ ๆ ; และใช่ ในครั้งแรก เดวิด ไม่ยอม อีกทั้งยังโมโหมาก แต่ด้วยเงินจำนวนที่มากขนาดนั้น แลกกับระยะเวลา 1 คืน ทั้งคู่นอนคุยกันทั้งคืน ไดอาน่าเสนอว่า

“ทั้งชาตินี้เราไม่มีทาง หาเงินได้ 1 ล้านเหรียญหรอก”

ผลสรุปก็คือ “ทั้งคู่รับดีลของจอห์น”

เพื่อให้ เดวิด และเธอได้ทำตามความฝัน ไดอาน่ายอมเสียสละตัวของเธอหนึ่งคืน เพื่อเติมเต็มความฝันของเธอและสามี เพราะพวกเขามาที่เวกัสเพื่อหาเงิน และนี่คือช่องทางหนึ่ง!

ในคืนนั้น เดวิด ประสาทจะแดก เขาสับสนเกินกว่าที่จะทำอะไรในคืนที่รู้ทั้งรู้ว่าภรรยาของตัวเองกำลังมีอะไรกับชายอื่น เขาอยากจะหยุดทุกอย่างแต่ก็ไม่สามารถที่จะหยุดทุกอย่างได้

ไดอาน่า มีค่ำคืนที่สุดแสนโรแมนติกบนเรือสำราญของ จอห์น ที่ยังไม่เลิกล้มความพยายามจะเอาชนะหัวใจของหล่อนมา ดูเหมือนว่าเศรษฐีผู้นี้จะชอบภรรยาของเดวิดมาก เขาเตรียมเซอไพร์สบนเรือและเสื้อผ้าสวย ๆ ให้ ไดอาน่าได้ใส่ ซีนนึงที่ประทับใจและกระอักกระอ่วนคือซีนที่ จอห์น ถามว่า ใครเป็นคนตัดสินใจรับดีล แม้ ไดอาน่า จะยืนยันว่านี่เป็นการตัดสินใจร่วมกัน

จอห์นก็เย้าด้วยประโยคที่ว่า

“เขาไม่ได้พยายามจะห้ามคุณด้วยซ้ำ ถ้าคุณเป็นของผมนะ ผมไม่มีวันแชร์คุณกับใครหรอก”

ขอบคุณผู้เขียนบท ที่มีซีนให้ผู้หญิงได้ตบปากผู้ชายในหนังยุค 90s’ ไดอาน่า ตอบกลับ จอห์น ว่า

“คุณไม่มีสิทธิ์ที่จะมาตัดสินเดวิด และคุณเป็นแค่ผู้ชายคนหนึ่งที่ต้องซื้อผู้หญิง”

ถูกต้อง ไดอาน่าเธอไม่ใช่ทรัพสินของเดวิด แต่ในขณะเดียวกับไดอาน่าก็ยังไม่หลุดพ้นว่าอะไรคืออะไร เขาไม่ซื้อผู้หญิง หรือต่อให้ซื้อเขาก็ซื้อ “ผู้หญิงหรือผู้ชายไม่ได้” เขาซื้อได้แค่ “บริการ”

อาจจะมองด้วยมุมมองของผู้ชายหรือใด ๆ จอห์น มั่นใจมากว่า ตอนนี้เขาสามารถซื้อ ไดอาน่า ได้แล้ว ; ซึ่งไม่ได้จ๊ะ ไดอาน่า ตอบกลับว่า “เราจะแค่เอากัน นั่นคือสิ่งที่ฉันเข้าใจ” ละ pickup line แบบคนมีความอยากทุ่มก็ตอบกลับไปว่า “จะไม่มีอะไรเกิดขึ้นถ้าคุณไม่ได้เลือก” จอห์น ย้ำ ก่อนจะจูบ มันเป็นเซ็กส์ที่เกิดขึ้นโดย consent ระหว่างคนสองคนโดยมีข้อแลกเปลี่ยนที่ชัดเจน

จากจุดนั้นอาจจะมีความประทับใจเล็ก ๆ น้อย ๆ เกิดขึ้นระหว่าง จอห์น และ ไดอาน่า สิ่งที่จอห์นเป็นอาจทำให้ไดอาน่าหวั่นไหว โดยทั่วไปแล้วมนุษย์ชอบที่จะมีสิ่งที่เรียกว่า “ความมั่นคงทางใจ” มองมุมหนึ่งก็คือ ลุงจอห์นใช้เวลานี้สั่นไหว ไดอาน่าได้อย่างเฉียบคม ไม่ต่างกับ Tinder Swindler ในปี 90s

ในตอนเช้า ไดอาน่า ได้กลับมาที่ห้อง สภาพของเดวิด ตอนนั้นคือผู้ชายที่อดหลับอดนอน กดเปิดปิดผ้าม่าน ในหัวเขาคงคิดอะไรหลายอย่าง อย่าง “เมียของเขาจะกลับมาไหม” และเมื่อ ไดอาน่าเปิดประตูเข้ามา ทั้งคู่เข้ามากอดกัน เดวิด มีสีหน้าที่ดูผ่อนคลาย และ มีไดอาน่าที่ใบหน้าเปี่ยมด้วยกังวล ก่อนจะจ้องมองกัน ไดอาน่าเธอร้องไห้ออกมา เดวิดปาดน้ำตาออกจากใบหน้าของคนรัก รวมถึงปาดลิปติกที่ปากของภรรยาออกไป ก่อนที่ทั้งคู่จะจูบ และร่วมรักกัน

ฉากจูบที่ดูดดื่มกับคำบอกรักต่อกัน ดูเหมือนจะเป็นจุดจบของเรื่องความรู้สึกที่ยากลำบากระหว่างคนสองคน กับผู้ชายทุนหนา

ทั้งคู่ได้เงิน 1 ล้านเหรียญกลับบ้าน แต่ในที่สุดทั้งคู่ก็ไม่สามารถเอาค่ำคืนนั้นออกไปจากหัวได้ แม้จะรักกันเหมือนเดิม แต่ชีวิตคู่ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไปแล้ว ความไม่มั่นคงทางใจ เกิดขึ้นในความรู้สึกของทั้งคู่ การกระทบกระทั่ง การไม่ยอมเข้าใจกันและลงเอยด้วยการทะเลาะ และแยกทาง

ในหนังใครที่ชอบ D&D อาจเกลียดบทของลุงจอห์นมาก เพราะหลังจากคืนนั้นตัวเขาก็ไม่จบกับไดอาน่าและขัดขวางไม่ให้ทั้งคู่มีชีวิตที่ต้องการ ด้วยการซื้อบ้านหลังที่ D&D จะซื้อ ทำให้ทั้งคู่ต้องทะเลาะกัน เพราะไม่ได้ดั่งใจกัน หนัก ไป อีก

จอห์นใช้ช่วงเวลานั้นเข้ามาจีบ ไดอาน่า อย่างออกหน้าออกตา ทั้งยังบอกว่าเขารักไดอาน่ามาก เธอเป็นคนแรกที่เขาทำอะไรแบบนี้ด้วย จนสุดท้าย ไดอาน่า ก็หลงกล จอห์นและตัดสินใจไปอยู่กับเขา เธอเซ็นใบหย่ากับเดวิดพร้อมทั้งยกเงิน 1 ล้านเหรียญนั้นให้ไป

เมื่อสูญเสียคนรักไป เดวิด ก็ตั้งใจสร้างเนื้อสร้างตัวและไปเป็นอาจารย์สอนเกี่ยวกับสถาปัตยกรรม — ซึ่ง ในหัวของเราตอนนั้นคือ ‘มึง ก็ ทำ ได้ ตั้ง แต่ แรก ป่ะ’ ; เคยมีคนบอกเราเสมอว่าเราจะพัฒนาขีดศักยภาพได้ก็ทันทีที่ comfort zone หายไป หนังเรื่องนี้ก็เหมือนกัน

ช่วงท้ายของหนัง ไดอาน่า และ จอห์น ดูเหมือนจะมีความสุขกันในงานประมูลช่วยสัตว์ป่า จอห์นพยายามจะประมูลฮิปโตคู่หนึ่งให้กับไดอาน่า แต่เขาก็ต้องตกใจ เมื่อมีผู้เสนอเงินประมูลช่วยสัตว์ป่าในราคา หนึ่งล้านเหรียญ จำนวนเงินในการซื้อฮิปโปราคาหนึ่งล้านเหรียญ และการปรากฎตัวของคนรักเก่าของสาวที่ควงมา ทำให้ทั้งจอห์นอึ้ง ; เดวิดเดินเข้ามาทักทายไดอาน่าพร้อมกับเสียงประกาศว่าการประมูลได้สิ้นสุดลงที่เดวิดชนะ และได้ฮิปโปไปในราคาหนึ่งล้านเหรียญ

อาจเพราะจอห์นมั่นใจอะไรก็ตามที่เขาเรียกว่า

“ถ้าคุณอยากได้อะไรมาก ๆ ให้ปล่อยมันไป และหากว่ามันกลับมา แปลว่าสิ่งนั้นจะเป็นของคุณตลอดไป แต่ถ้าหากว่าไม่ก็แสดงว่ามันไม่เคยเป็นของคุณมาตั้งแต่แรก”

จอห์นให้ทั้งคู่ได้คุยกัน และในที่สุดเราก็ได้ยินบทพูดที่แอบดูฉลาด จากปากของเดวิด การง้ออดีตภรรยาด้วยการบอกว่า เขาผิดเองกับเรื่องเกิดขึ้นที่เวกัส เพราะเขามั่นใจเกินไปว่าจะไม่มีอะไรมาทำลายความรักของเขาที่มีต่อเธอและของเธอที่มีต่อเขาได้

“ ผมรู้แล้วสิ่งที่คนรักกันทำกันก็คือการจดจำ และที่พวกเขาอยู่ด้วยกันไม่ใช่เพราะลืม แต่คือการให้อภัย”

ความสับสนของเดวิดในคืนที่ประสาทแดก คือความรู้สึกที่ว่า ไดอาน่าอาจจะต้องการสิ่งที่ จอห์นมีมากกว่าที่พวกเขามีอยู่ด้วยกัน ทำให้เขาไม่สามารถให้อภัยและปล่อยวางเรื่องที่เกิดขึ้นได้ ไดอาน่าส่ายหัวพร้อมกับหลั่งน้ำตาออกมา *ขออวยว่าไดอาน่า (Demi Moore) สวยมาก สวยชิบหาย ร้องไห้กี่ซีนก็สวย งื้อ

ประเด็นที่ทำให้ทั้งคู่เลิกกัน ที่หนังพยายามจะบอกก็คือ อีเดฟเอาตัวเองไปเทียบกับจอห์น และมันก็คิดไปเองว่าตัวเองไม่ได้มีอะไรดีเลย ไดอาน่าต้องคิดถึง อีจอห์นผู้ดีกว่าแน่ ๆ จนกระทั่งนางก็ยอมให้ตัวเอง ปล่อยให้ไดอาน่าจากไป ก่อนจะมาคิดได้ในวันนี้ว่า

“แค่เขามีเงิน ไม่ได้แปลว่าเขาเป็นผู้ชายที่ดีกว่า”

แล้วเดวิดก็เซ็นใบหย่าที่คนดูเองก็คิดว่าทั้งสองคนหย่ากันเป็นชาติแล้ว เอ้าาาาา

จอห์นและไดอาน่านั่งรถกลับมาด้วยกัน แต่รอบนี้ไม่มีความสุขหรือความสบายใจฉายออกมาจากแววตาหรือสีหน้าของทั้งคู่ มันเงียบและนิ่งจนคนขับรถเลิ่กลั่ก จอห์นทำลายความเงียบ ด้วยการพูดถึง “คลับล้านดอลล่าห์” คนขับรถทำให้ไดอาน่าได้รู้ว่า เธอไม่ใช่คนแรกที่เศรษฐีคนนี้ยื่นข้อเสนอนี้ให้

ไม่รู้ว่าด้วยการตีความของนักแสดง บทที่มีมูมหลังแต่หนังไม่ได้เฉลยอย่างชัดเจน หรือสายตาที่น่าเห็นใจของนักแสดง ทำให้ซีนนั้นมันก้ำกึ่งว่า จอห์น ยอมแพ้ให้กับความรักของ D&D เพราะรู้สึกได้ว่าไดอาน่ายังรักเดวิดอยู่ และต้องการจะช่วยให้ไดอาน่าตัดเศษแห่งความหวั่นไหวนั้นออกไป หรือมันเป็นเรื่องจริงที่ว่าเขาก็เคยมีผู้หญิงคนอื่นมาก่อน

ไดอาน่าสตั้น และเหมือนได้ผลลัพธ์ที่พอใจ ทั้งคู่จูบลากันท่ามกลางสายฝนในรถลิมูซีนของจอห์น

“ขอบคุณค่ะ จอห์น”

“ลาก่อน”

คำบอกลาที่ไม่ชลอความเจ็บปวด มันเหมาะสมกับอารมณ์ของไดอาน่าและจอห์นในตอนนั้นแล้ว

จอห์นยืนมองไดอาน่าวิ่งตามรถประจำทางกลับไป พร้อมกับยอมรับกับคนขับรถ ว่าเขาต้องการให้เรื่องนี้จบเพราะ

“ไดอาน่าคงไม่มีวันมองเขาอย่างที่ มองเดวิด”

ตอนจบของหนังจบลงด้วยฉากที่ไดอาน่ากับเดวิดกลับไปยังที่ ที่ทั้งคู่แต่งงานกัน พวกเขาบอกรักกัน เพื่อกลับไปรักกันอีกครั้ง

“Have I ever told you I love you?”

“No”

“I do”

“Still?”

“Always.”

บทพูดไม่มากของไดอาน่า ทำให้เรารีบ ๆ ตัดสินใจได้ว่าไดอาน่าตัดสินใจเรื่องต่าง ๆ ตามการทำตามหัวใจอย่างมีเหตุผล เธอชั่งเหตุผลและเลือกทุกอย่างว่า “อะไรที่มันดีสำหรับความรักของเธอ” เธออาจสงสัยในตัวเองว่านี่คือ สิ่งที่จะทำให้เธอมีความสุขขึ้นไหมนะ แล้วก็ทำมัน เพราะเธอมั่นใจว่าเดวิดจะอยู่รับเธอ

เธอตัดสินใจจะไปมีอะไรกับจอห์นหนึ่งคืนก็เพราะว่า “มันดีสำหรับความรักของเธอ” การที่จะมีทุกอย่างอย่างที่ต้องการโดยที่ไม่ต้องใช้เวลามาก มันเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าเลยทีเดียว ถ้าตัดเรื่องการเป็นเจ้าของเจ้าของ การซื้อการขายออกไป การที่มีคนยอมเอาทรัพยากรมาแลกกับการกระทำเล็ก ๆ น้อย ๆ ฝ่ายที่ได้กำไร ก็ดูเหมือนจะเป็นเธอกับเดวิดด้วยซ้ำ

แต่สิ่งที่พวกเขาจ่ายไป ไม่ใช่แค่ร่างกายของไดอาน่า แต่มันคือ “ความมั่นคงทางใจ และความเข้าใจกันและกันของทั้งคู่”

จอห์นเอง ก็ซื้อโอกาสมากกว่าจะซื้อร่างกาย เขาซื้อช่วงเวลา เขาซื้อบทสนทนาและสร้างความประทับใจ

ตัวร้ายที่ดูดีของเรื่องก็คือจอห์นเอง ที่อยากจะได้อะไรที่ไม่ใช่ของตัวเอง เขาเข้าหาไดอาน่าด้วยคิดว่าอะไรสักอย่างในตัวเขา จะดึงความสนใจของไดอาน่ามาได้ แต่พอมันไม่เป็นเช่นนั้น เขาก็ใช้สิ่งที่เขามีเข้าโจมตีความรักนั้นอย่างโหดร้าย ฟาดเงินไปล้านเหรียญ ; มันคือการหา Pain Point ว่ามันคืออะไร แล้วโยน Solution เข้าไปซะ การคิดแบบนั้นทำให้เกิดเกมระหว่างความรักของทั้งสาม

ไดอาน่าถูกจอห์นล่อซื้อ ด้วยการลงทุน และแปลความสัมพันธ์ให้กลายเป็นเรื่องของธุรกิจ ทำลาย royalty ให้ลองใช้ demo แจกของแถมและของที่ระลึก ยิงโปรโมชั่น และ gotcha ขโมยลูกค้า สำเร็จ!

ถ้าเป็นคุณจะทำไหม? : คำตอบมันไม่ใช่ว่าคุณจะรักกันและกันมากแค่ไหน มีเงินหรือไม่มีเงิน คุณจะแชร์หรือเปล่า มันคือการตลาด มันคือกลของทุนนิยม!!!!

เรื่องนั้น ไม่ได้มีแค่เดวิดที่รู้สึกแย่ ไดอาน่าก็เช่นกัน เธอก็ไม่ชอบสิ่งที่เกิดขึ้นพอ ๆ กับเดวิด ในขณะที่เดวิดยึดติดอยู่กับความรู้สึกว่า “ไดอาน่าต้องชอบคนรวยแน่ ๆ”

จากประโยคที่ว่า :

Diana · ฉันจะไม่ทำอะไรแบบนี้เพื่อตัวเองหรอกนะ ทั้งหมดก็เพื่อคุณ!

David · อย่ามาตอแหล คุณชอบมัน!

ไดอาน่าก็หวั่นใจกับความคิดของเดฟ “เดฟรับมันได้จริง ๆ เหรอ — ” และทันที่ ที่เดฟระเบิด ทุกอย่างที่เธอกลัว หัวใจของทั้งสองคนก็แหลกเป็นจุณเลยฮะ มุง

“ทั้งเดวิดและไดอาน่า แค่อยากมีความสุขกับคนที่รักเธอและเธอก็รักเขา ทั้งคู่อยากมีความรักที่ให้ความมั่นคงทางใจและเข้าใจกันได้” ไดอาน่าอาจจะแค่ประทับใจแต่ไม่ได้มีอะไรมากไปกว่านั้น และจากตอนจบ เราอาจเข้าใจได้ว่าที่เธอเลือกเอาจอห์นมันก็แค่เพียงเพราะ “เขาอยู่ตรงนั้น” ในขณะที่เธอและเดวิดมีปัญหา เธอเลือกจอห์นก็เพราะ “มันดีสำหรับความรักของเธอ”

จอห์นยิ้มหล่อ ๆ รอให้ไดอาน่าเดินมา เมื่อเดวิดถูกทำลายความมั่นคงทางใจลงไป ในสายตาของไดอาน่า เดวิดเป็นแค่ผู้ชายคนหนึ่งที่ใจร้ายและไม่ยอมเข้าใจอะไรเอาเสียเลย ในขณะที่เธอเห็นจอห์นได้เข้ามาลงทุนกับเธอ ไม่ว่าจะเป็นตัวเงินหรือการเอาใจ

จอห์นจะไม่สามารถชนะใจไดอาน่าได้เลย ถ้าเดวิดและไดอาน่ามีสติและรู้ทันว่า “พวกเขารักกันมากเกินกว่าเรื่องนี้ และสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นการตัดสินใจร่วมกันที่ผิดพลาด และจะไม่มีการทำซ้ำอีก ; ดีลกันให้ได้ว่า ถึงเราจะรักกันแค่ไหน แต่เรื่องไปหลับนอนกับคนอื่นมาไม่ว่าจะแลกมาด้วยอะไร มันไม่สนุก มันร้ายหัวใจทั้งเขาและเธอ และมันไม่คุ้มค่าเลยสักนิดที่จะเอาความรู้สึกที่ปลอดภัย ไปเสี่ยงกับทุนนิยม”

เดวิดอยากจะลืม ไดอาน่าก็อยากจะลืม “ความรักและความเข้าใจ” ทำให้ทั้งคู่ต้องเลิกกัน ไดอาน่าเลือกจอห์น ไม่ใช่เพราะว่าเขาเป็นผู้ชายที่ดีกว่า อย่างที่เดวิดคิด เธอเลือกจอห์นเพราะเขารักและไม่ตัดสินเธอต่างหาก

แต่รักก็คือรัก หนังก็คือหนัง ทันทีที่เดวิดกลับมาพร้อมกับชุดความเข้าใจแบบใหม่ ที่มันทำให้เธอพ้นจากมลทินมัวหมอง มันทำให้เธอสั่นไหวกับสิ่งที่เลือก

ไม่แปลกเลย ที่เธอขอลาจากจอห์นไป ทันทีที่รู้จากเดวิดว่าที่เขาประสาทแดกเพราะฟุ่งซ่านกับเรื่องที่เกิดขึ้น และที่สำคัญเธอก็ยังรักเดวิดมาเสมอ ; ไม่รู้ว่า D&D มีพื้นฐานความรักมาจากอะไรบ้าง แต่การที่เธอรู้เรื่อง “คลับหนึ่งล้านดอลลาห์” ของจอห์นและไม่ลังเลที่จะบอกลา สะท้อนความจริงข้อหนึ่งได้ว่า มนุษย์เราอาจจะมีช่วงเวลาที่ยากลำบากกับความหวือหวาที่เกิดจากทุนนิยมและบรรยากาศ ทำให้หลงกลเข้าไปในวังวนของตัวเลข แต่ทันทีที่รู้ว่า ทุนนิยมมันผลิตซ้ำและตัวเองกลายเป็นสินค้า “เราจาวค่ะ”