กรมการพ ฒนาช ม เป ดสอบออนไลน 15 พ.ย 2559

เผยแพร่: 18 ก.พ. 2559 20:26 ปรับปรุง: 18 ก.พ. 2559 21:42 โดย: MGR Online

“อาคม” สั่ง กพท.ตรวจสอบข้อมูลชั่วโมงนักบินของนกแอร์ เหตุถูกแฉทำผิดเพราะมีนักบินไม่พอ ย้ำเพื่อสร้างความเชื่อมั่นกับผู้โดยสาร หากผิดจริงโทษหนักถึงเพิกถอน AOC ส่วนนักบินต้นตอปัญหา หากตรวจพบละทิ้งหน้าที่จริงโดนด้วยทั้งปรับและถอนใบอนุญาต คาดสรุปใน 1 เดือน ย้ำยกเลิกเที่ยวบินโดยไม่มีเหตุผลทำไม่ได้ ยอมรับผลิตนักบินไม่ทันขาดแคลนหนักจนต้องซื้อตัว เร่งหาทางแก้

นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยการตรวจเยี่ยมสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กพท.) และกรมท่าอากาศยาน (ทย.) เมื่อวันที่ 18 ก.พ.ว่า ได้หารือถึงการแก้ปัญหาสายการบินนกแอร์ นกแอร์ยกเลิก 9 เที่ยวบินเมื่อวันที่ 14 ก.พ.ที่ผ่านมา ซึ่งนกแอร์ได้ส่งรายงานคำชี้แจงรายละเอียดเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมาแล้ว

โดยได้มอบให้ กพท.พิจารณาว่ามีข้อเท็จจริงอย่างไร และสรุปผลเสนอกระทรวงคมนาคมในวันที่ 23 ก.พ.นี้เพื่อพิจารณาว่าจะดำเนินการอย่างไรกับนกแอร์

พร้อมกันนี้ ได้สั่งการให้ กพท.ดำเนินการใน 5 เรื่อง คือ 1. ตรวจสอบชั่วโมงการบินนักบินทุกคนของนกแอร์ เนื่องจากมีข่าวออกตามสื่อว่านกแอร์มีปัญหาขาดนักบินทำให้นักบินต้องบินเกินชั่วโมงที่กำหนด เป็นสาเหตุให้นักบินมีสภาพไม่พร้อมทำการบิน ทั้งนี้เพื่อให้ความมั่นใจแก่ผู้โดยสารและประชาชนว่านกแอร์ได้ปฏิบัติตามกฎกติกาที่กำหนด คือ ข้อบังคับคณะกรรมการการบินพลเรือน (กบร.) ฉบับที่ 85 ซึ่งเกี่ยวข้องกับหน้าที่ความรับผิดชอบของสายการบินในเรื่องความปลอดภัย, ข้อบังคับ กบร.ฉบับที่ 86 ที่ให้สายการบินกำกับเจ้าหน้าที่การบินให้ทำหน้าที่บริการประชาชน, ประกาศกรมการบินพลเรือน ปี 2552 และปี 2553 ซึ่งกำหนดเวลาในการปฏิบัติการบินของนักบิน

2. ให้ กพท.ตรวจสอบข้อเท็จจริง กรณีที่มีการไล่ออกและสอบสวนนักบิน โดยขอข้อมูลจากนกแอร์เพื่อนำมาพิจารณาตามข้อกฎหมายตามประกาศของกรมการบินฯ ต่อไป ซึ่งกรณีที่นกแอร์ระบุว่านักบินมีความผิด ละเลยการปฏิบัติหน้าที่จริงหรือไม่ เนื่องจากหากผิดจริงจะต้องถูกดำเนินการทั้งอาญา มีโทษปรับ 50,000 บาท และทาง ปกครอง คือ เพิกถอนใบอนุญาตนักบิน

3. ให้ กพท.สอบทานระบบการบริหาร และคุณสมบัติของผู้บริหารสายการบินว่าเป็นไปตามมาตรฐานสากลหรือไม่ ซึ่งกรณีนกแอร์นั้นระบุว่าอยู่ระหว่างปรับโครงสร้างการบริหารเพื่อรองรับธุรกิจการบินระหว่างประเทศ จึงมีการแยกนักบินกับผู้บริหารด้านความปลอดภัยเป็นเรื่องของระบบการตรวจสอบ 4. ให้ กพท.ทำหนังสือเวียนถึงสายการบินเพื่อย้ำถึงกรณียกเลิกเที่ยวบินโดยไม่มีเหตุผลอันควรไม่สามารถทำได้ โดยต้องแจ้งล่วงหน้า

5. ให้ กพท.ตรงจสอบนกแอร์ในเรื่องการดูแลคุ้มครองสิทธิผู้โดยสารตามเงื่อนไขใบอนุญาต ครบถ้วนหรือไม่ เช่น การคืนเงิน, เลื่อนเที่ยวบิน, จัดระบบขนส่งอื่นให้เดินทางแทน, จัดหาเครื่องดื่ม อาหาร ที่พัก โดยเบื้องต้นผู้โดยสารจะได้ชดเชยคนละ 1,200 บาท ตามข้อกำหนด กพท.

นายอาคมกล่าวว่า หากมีตรวจสอบแล้วพบว่ามีนักบินทำงานเกิน โทษคือ เพิกถอนใบอนุญาตของสายการบิน จำนวนนักบิน จำนวนเครื่องบินที่มีต้องสัมพันธ์กัน และต้องมีนักบินสำรองกรณีมีเหตุฉุกเฉิน หากมีนักบินไม่พอจะเกิดการดีเลย์ ดังนั้นจะต้องลดเที่ยวบินลงให้สอดคล้องกัน ซึ่งต้องยอมรับว่าธุรกิจการบินที่เติบโตอย่างรวดเร็วทำให้เกิดปัญหาขาดแคลนนักบินและมีการซื้อตัวกัน ขณะที่การผลิตนักบินมีข้อจำกัด ซึ่งในปี 2559 สถาบันการบินพลเรือน (สบพ.) รับศิษย์การบินเพิ่มจาก 80 คนเป็น 100 คนเท่านั้นเนื่องจากไม่มีครูฝึก ดังนั้นได้ให้ สบพ.ตรวจสอบโรงเรียนการบินเอกชนที่มีหลายแห่ง เช่น ที่นครพนม, อัสสัมชัญ ศรีราชา ว่ามีศักยภาพในการผลิตนักบินแค่ไหน พร้อมทั้งประเมินความต้องการบุคลากรด้านการบินของทั้งประเทศ โดยทั้งหมดให้สรุปเสนอคมนาคมภายใน 1 เดือน

“เมื่อมีการพูดกันผ่านสื่อว่านักบินไม่พอ ใช้นักบินทำการบินเกินชั่วโมงที่กำหนดตามมาตรฐานความปลอดภัย ทาง กพท.ต้องไปตรวจสอบว่าเป็นอย่างไร เพราะสร้างความมั่นใจกับผู้โดยสาร หากเป็นจริงนกแอร์จะต้องถูกลงโทษตามระเบียบ ซึ่งทั้ง 5 ข้อให้ กพท.สรุปภายใน 1 เดือน ส่วนข้อมูลที่นกแอร์ชี้แจงกรณีที่เกิดเหตุการณ์วันที่ 14 ก.พ.นั้น กพท.จะสรุปเสนอผมในวันอังคารที่ 23 ก.พ.นี้ เพื่อประกอบการพิจารณาต่อไป” นายอาคมกล่าว

นายจุฬา สุขมานพ อธิบดี ทย.และรักษาการ ผอ. กพท.กล่าวว่า ประกาศกรมการบินพลเรือนปี 2553 เรื่องมาตรฐานการทำงาน ชั่วโมงบิน และการพักของนักบิน ลูกเรือ ซึ่งกรณีนกแอร์ขอดูพิเศษเพราะมีประเด็นเกิดขึ้น ซึ่งปกติ กพท.สุ่มตรวจอยู่แล้ว เพราะทุกสายการบินต้องเก็บข้อมูลเป็นรายบุคคลไว้อยู่แล้ว ถ้าทำงานเกินโทษหนักสุดคือ เพิกถอนใบรับรองผู้ดำเนินการเดินอากาศ (AOC)

โดยปัจจุบันมีนักบินพาณิชย์จำนวน 2,376 คน นักบินเฮลิคอปเตอร์ 96 คน รวม 2,472 คน ส่วนนักบินพาณิชย์ตรีหรือนักบินผู้ช่วย จำนวน 3,600 คน รวมนักบินมีทั้งสิ้น 6,072 คน ส่วนเครื่องบินจดทะเบียนมีจำนวน 625 ลำ แบ่งเป็นเครื่องบินพาณิชย์ 400 ลำ เครื่องบินส่วนตัว 225 ลำ ขณะที่ข้อกำหนดการปฏิบัติงาน มาตรฐานนักบิน ไม่เกิน 34 ชม./สัปดาห์ หรือไม่เกิน 110 ชม./28 วัน หรือไม่เกิน 1,000 ชม./ปี

“ออมสิน” ชู “มานัส” เหมาะนั่ง ผอ.พศ. เชื่อไม่ซ้ำรอยขัดแย้งสงฆ์ สานสอบเงินทอนวัด

เผยแพร่: 5 ก.ย. 2560 16:34 ปรับปรุง: 5 ก.ย. 2560 17:10 โดย: MGR Online

รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ชูอธิบดีกรมการศาสนานั่ง ผอ.สำนักพุทธฯ น่าจะเข้ากับสงฆ์ได้ดี ยันมหาเถรสมาคมไม่ได้ร่วมพิจารณา แต่มีเสียงตอบรับดี เชื่อไม่ซ้ำรอย พร้อมสานงานสอบทุจริตเงินทอนวัด กำชับเร่งหารอง ผอ.ใหม่

วันนี้ (5 ก.ย.) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายออมสิน ชีวะพฤกษ์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติรับโอนนายมานัส ทารัตน์ใจ จากอธิบดีกรมการศาสนา กระทรวงวัฒนธรรม มาดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) ว่านายมานัสเป็นคนดี เป็นคนเก่ง มีความประนีประนอม และน่าจะทำงานกับคณะสงฆ์ได้ดี ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีเคยระบุว่าผู้ที่จะมาเป็น ผอ.พศ.คนใหม่ นอกจากเป็นคนดีเป็นคนเก่งแล้วยังต้องทำงานเป็นด้วย ซึ่งนายมานัสมีคุณวุฒิและคุณสมบัติที่เหมาะสมที่สุดในขณะนี้

เมื่อถามว่า มหาเถรสมาคม (มส.) ได้ร่วมให้ความเห็นต่อการแต่งตั้งนายมานัสเป็น ผอ.พศ.ด้วยหรือไม่ นายออมสินกล่าวว่า มส.ไม่ได้ร่วมพิจารณาเรื่องนี้ แต่ตนทราบว่ามีเสียงตอบรับที่ดีจาก มส. จึงเชื่อว่าไม่น่าจะเกิดปัญหาการทำงานกับคณะสงฆ์ซ้ำอีก เพราะนายมานัสเคยบวชเป็นพระภิกษุ สอบได้เปรียญธรรม 6 ประโยค รวมถึงจบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย และเคยไปศึกษาพระพุทธศาสนาที่มหาวิทยาลัยปูนา ประเทศอินเดีย ทั้งหมดจึงทำให้เห็นว่านายมานัสมีคุณสมบัติเหมาะสม

นายออมสินกล่าวต่อว่า หลังจากนายมานัสมารับหน้าที่ ผอ.พศ.แล้วก็ต้องสานงานต่างๆ จาก ผอ.พศ.คนเก่า รวมถึงการตรวจสอบการทุจริตเงินอุดหนุนวัด และนายมานัสเพิ่งย้ายมาจากตำแหน่งอธิบดีกรมการศาสนา ก็คงทราบถึงภารกิจการปฏิบัติงานใน พศ.อยู่แล้ว สำหรับคดีต่างๆ ที่เกี่ยวกับการทุจริตเงินอุดหนุนวัด ต้องเดินหน้าต่อไป เพราะยังอยู่ในการตรวจสอบของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตภาครัฐ (ป.ป.ท.) และศูนย์อำนวยการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ(ศอตช.)

เมื่อถามถึงการแต่งตั้งรอง ผอ.พศ.คนใหม่แทนนางประนอม คงพิกุล หนึ่งในผู้ถูกกล่าวหาว่าเกี่ยวข้องกับการทุจริตเงินอุดหนุนวัดที่ขอลาออกไปแล้ว นายออมสินกล่าวว่า ตอนนี้เรื่องดังกล่าวอยู่ในการพิจารณาของคณะกรรมการสรรหาอยู่ ขณะเดียวกัน นายกนก แสนประเสริฐ รอง ผอ.พศ.จะเกษียณอายุราชการในวันที่ 30 ก.ย.นี้ ตนจึงจะกำชับให้คณะกรรมการสรรหาเร่งดำเนินการหาตัวรอง ผอ.พศ.โดยเร็ว