ละครในพบครั้งแรกในหนังสือบุณโณวาทคำฉันท์ พรรณาว่าแสดงเรื่องอิเหนา ตอนลักบุษบาหนีเข้าถ้ำ แสดงว่าละครในแสดงแพร่หลายในสมัยพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ มีแสดงในงานสมโภชพระพุทธบาท
สมัยกรุงรัตนโกสินทร์ พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก ได้ทรงฟื้นฟูการละครครั้งใหญ่ ดังได้กล่าวมาแล้วในเรื่องประวัติของการละครห้าสมัย ได้ทรงพระราชนิพนธ์บทละครใน เพื่อเป็นต้นฉบับสำหรับพระนครขึ้นทั้ง ๔ เรื่องอย่างสมบูรณ์ แต่แบบฉบับการฟ้อนรำไม่ได้เคร่งครัด พึ่งจะมาพิถีพิถันในเรื่องท่ารำและแบบแผน ในสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย จนเรียกว่า เป็น “ยุคทองของละครใน”
คำว่า “ละครใน” สมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพ ทรงมีพระราชดำรัสว่า คงจะมาจากคำว่า “นางใน” ละครข้างใน ซึ่งใช้เรียกกันในชั้นแรก แต่ต่อมาเรียกให้สั้นเข้าจนเหลือแต่ “ละครใน” เมื่อละครในเกิดขึ้นและใช้ผู้หญิงในวังเป็นผู้แสดง ละครที่ผู้ชายแสดงอยู่ภายนอกพระราชวังเดิมจึงเรียกกันว่า “ละครนอก” เป็นคำคู่กัน
แบบแผนการเล่นละครในกับละครนอกต่างกันมากกล่าวคือ ละครในมุ่งการร่ายรำที่ประณีตงดงามและเพลงที่ขับร้องไพเราะเป็นสำคัญ และมักจะมีบทพรรณาความงดงาม ความวิจิตรพิสดารของสิ่งต่างๆ ในขณะที่ละครนอกไม่สนใจในสิ่งเหล่านี้ มุ่งแต่ความรวดเร็วในการดำเนินเรื่อง และการเล่นตลกคะนองให้เป็นที่สนุกสนาน ทำความบันเทิงให้แก่ผู้ชมละครได้มากที่สุด กระบวนการฟ้อนรำและท่วงทำนองเพลงดนตรีของละครใน จะมีลีลาที่เชื่องช้าและนุ่มนวลกว่าของละครนอกมาก ตัวละครไม่ได้ร้องบทเอง อาจเป็นเพราะเห็นว่าการรำอย่างละครในต้องใช้ความประณีตอ่อนช้อย เหน็ดเหนื่อยมากพออยู่แล้ว ถ้าผู้แสดงจะต้องร้องเพลงด้วยก็จะแสดงศิลปะในการรำได้ไม่เต็มที่
การแสดง ละครใน
ที่มาภาพ : //www.baanjomyut.com/library_2/inside_the_theater/index.html
เนื่องจากผู้แสดงเป็นนางในซึ่งได้รับการยกย่องว่าเป็นผู้มีกิริยามารยาทงดงาม เพราะฉะนั้น ละครในจึงมีความมุ่งหมายอยู่ที่ศิลปะของการร่ายรำต้องให้แช่มช้อย มีสง่า ไม่นิยมแสดงตลก ขบขัน โลดโผน ทั้งยังต้องรักษาแบบแผนจารีตประเพณี เพราะเหตุนี้ ผู้ประพันธ์ละครในจึงต้องพิถีพิถันในการใช้ถ้อยคำให้สละสลวย ระมัดระวังที่จะไม่ให้มีคำตลาดเข้ามาปน
ผู้แสดงละครในนั้นต้องตีบทให้แตก คำว่า ตีบท เป็นภาษานาฏศิลป์ หมายถึง การรำบท การรำบทก็คือการแสดงท่าทางแทนคำพูด เรียกว่า “ภาษาท่า"
ในเรื่องแบบแผนของละครใน สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอกรมพระยาดำรงราชานุภาพทรงเห็นว่าละครในเป็นการนำเอาแบบแผนของการแสดง ๓ อย่างมาผสมกัน กล่าวคือ ได้เรื่องที่เล่นมาจากโขน ได้กระบวนการเล่นและชื่อเรียกว่า “ละคร” มาจากละครผู้ชายที่เล่นกันอยู่เดิมและนำเอาวิธีร้อง วิธีรำ มาจากระบำ ละครในจึงไม่ให้ตัวละครร้องบทเองอย่างละครนอก
โดยปกติใช้วงปี่พาทย์เครื่องห้า นิยมตีด้วยไม้นวม เพื่อให้มีกระแสเสียงที่นุ่มนวล เพลงร้องและหน้าพาทย์ที่ใช้ประกอบการร่ายรำจากบทละครที่ปรากฏเป็นหลักฐาน ใช้เพลงร้องไม่มากนักโดยจะดำเนินเรื่องด้วย “เพลงร่ายใน” เป็นหลักใหญ่ การใช้เพลงร้องทำนองต่างๆ ปรากฏมากขึ้นในระยะที่มีละครดึกดำบรรพ์เกิดขึ้นแล้ว และเป็นแบบแผนสืบมาถึงปัจจุบัน
มักนิยมแสดงเพียง ๓ เรื่อง คือ อุณรุท รามเกียรติ์ และอิเหนา
พิถีพิถันตามแบบแผนกษัตริย์จริงๆ เรียกว่า ยืนเครื่องทั้งตัวพระและตัวนาง (แต่งเลียนแบบเครื่องต้นเครื่องทรงของพระมหากษัตริย์)
ในระยะแรกการแสดงละครในจะแสดงภายในพระราชฐานเท่านั้น ในสมัยต่อมาโอกาสที่แสดงละครใน สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ ทรงกล่าวว่า “การเล่นละครในไม่เล่นรับงานหาเหมือนละครนอก เพราะละครในมักเป็นละครผู้มีบรรดาศักดิ์ ฝึกหัดไว้สำหรับประดับเกียรติยศเป็นแต่แสดงดูกันเอง หรือแสดงในการบำเพ็ญกุศล” ระยะหลังไม่จำกัดสถานที่แสดง
การแสดง ละครใน
//oknation.nationtv.tv/blog/assada999/2009/11/20/entry-2
//ich.culture.go.th/index.php/th/ich/performing-arts/238-stage/68--m-s
สวัสดีเพื่อนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 ทุกคน หลังจากผ่านมรสุมความยากของบทเรียนเรื่องอิเหนา ตอนศึกกะหมังกุหนิงกันไปแล้ว ก็ถึงเวลาที่เราต้องมาทำข้อสอบวัดระดับความเข้าใจกันสักหน่อย สูดหายใจลึก ๆ แล้วไปทำพร้อมกันเลย
เพื่อน ๆ สามารถดูวิดีโอการสอนเรื่องอิเหนาแบบจัดเต็มได้ที่แอปพลิเคชัน StartDee ดาวน์โหลดที่แบนเนอร์ด้านล่างได้เลย
- เพื่อใช้สำหรับแสดงละครนอก
- เพื่อใช้สำหรับแสดงละครใน
- เพื่อแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมทางภาษา
- เพื่อให้ความรู้กับประชาชนในการสู้รบ
- เพื่อเฉลิมพระเกียรติรัชกาลที่ ๒
ตอบ 2. เพื่อใช้สำหรับแสดงละครใน เพราะใช้ในการแสดงในวัง และผู้แสดงเป็นผู้หญิงล้วน
2. ลักษณะคำประพันธ์ในเรื่องอิเหนา ตอนศึกกะหมังกุหนิง คือข้อใด
- กลอนนิทาน
- กลอนสุภาพ
- กลอนเสภา
- กลอนบทละคร
- กลอนดอกสร้อย
ตอบ 4. กลอนบทละคร เพราะใช้สำหรับการแสดงละครใน ขึ้นวรรคแรกด้วยคำว่า เมื่อนั้น บัดนั้น มาจะกล่าวบทไป
3. ตัวละครตัวใดไม่ได้อยู่ในราชวงศ์อสัญแดหวา
- ท้าวกุเรปัน
- ท้าวดาหา
- ท้าวกะหมังกุหนิง
- อิเหนา
- บุษบา
ตอบ 3. ท้าวกะหมังกุหนิง เพราะเป็นกษัตริย์ในราชวงศ์กะหมังกุหนิง
“...แต่การศึกครั้งนี้ไม่ควรเป็น เกิดเข็ญเพราะลูกอัปลักษณ์
จะมีคู่ผู้ชายก็ไม่รัก จึงหักให้สาสมใจ...”
4. บทร้อยกรองนี้ผู้กล่าวมีความประสงค์ใด- ระบายความน้อยใจ
- อ้อนวอนขอความเห็นใจ
- ตัดพ้อต่อว่าให้เห็นว่าแค้นใจ
- ประชดประชันด้วยความเจ็บปวด
- เยาะเย้ยอีกฝ่ายให้เจ็บใจ
ตอบ 4. ประชดประชันด้วยความเจ็บปวด เป็นคำพูดของท้าวดาหาที่ประชดอิเหนาที่ไม่มาแต่งงานกับบุษบา
5. ข้อใดเป็นทรรศนะเกี่ยวกับผู้หญิงที่ไม่ได้สะท้อนจากเรื่อง อิเหนา ตอนศึกกะหมังกุหนิง
- ผู้หญิงงามเป็นชนวนของสงคราม
- ผู้หญิงที่แย่งสามีผู้อื่นเป็นที่น่ารังเกียจ
- ผู้หญิงที่แต่งงานแล้วเป็นสมบัติของสามี
- ผู้หญิงที่เป็นม่ายขันหมากย่อมได้รับความอับอาย
- ผู้หญิงที่ดีต้องเชื่อฟังคำสั่งของพ่อแม่
ตอบ 3. ผู้หญิงที่แต่งงานแล้วเป็นสมบัติของสามี ไม่ปรากฏในตอนดังกล่าว
6. เหตุใดบทละครเรื่อง อิเหนา จึงได้รับการ ยกย่องจากวรรณคดีสโมสรว่าเป็นยอดแห่งกลอนบทละครรำ
- ใช้ภาษาสละสลวย เสริมจินตนาการ
- แฝงคุณค่าด้านคุณธรรมและจริยธรรม
- เนื้อหาสอดคล้องกับการแสดงนาฏศิลป์
- การดำเนินเรื่องดีเด่น
- ถูกทุกข้อ
ตอบ 5. ถูกทุกข้อ ด้วยเหตุผลหลายข้อประกอบกัน
7. ข้อใดกล่าวถูกต้องเกี่ยวกับละครใน
- ผู้แสดงล้วนเป็นผู้หญิง
- ผู้แสดงมีทั้งนางใน และชาวบ้าน
- ผู้แสดงเป็นชายและหญิงที่อยู่ในพระราชวัง
- เป็นการแสดงที่ให้ประชาชนเข้ามาชมภายในพระราชวัง
- เป็นละครที่แสดงในวงจำกัดเท่านั้น
ตอบ 1. ผู้แสดงล้วนเป็นผู้หญิง เป็นนิยามที่สำคัญของละครใน
8. “...ถึงว่ากษัตริย์ทั้งสี่กรุง จะมาช่วยรบพุ่งเป็นศึกใหญ่...”
ข้อใดไม่ตรงความหมายกับคำที่พิมพ์ ตัวหนา
- ดาหา
- มะเดหวี
- กาหลัง
- สิงหัดส่าหรี
- กุเรปัน
ตอบ 2. มะเดวี เป็นชื่อตำแหน่งตามลำดับ มเหสีลำดับที่ 2 ของกษัตริย์ชวา
นอกจากข้อสอบเรื่องอิเหนาแล้ว StartDee ยังมีข้อสอบภาษาไทยอีกเยอะในบล็อกของเรา อย่างเช่น ข้อสอบภาษาไทย เรื่อง การใช้คำราชาศัพท์ นอกจากนั้น เพื่อน ๆ ยังอ่านวรรณคดีเรื่องอื่น ๆ ได้อีกนะ คลิกเลือกที่ลิสต์ด้านล่างได้เลย