ยองกุกกับฮวาจองที่เลิกกันแล้ว แต่ก็ยังช่วยกันดูแลลูกชายอย่างอีจุนเป็นอย่างดี หรือพ่อเลี้ยงเดี่ยวอย่างโอยุนที่พยายามเข้าใจลูกสาวอย่างเต็มที่ แม้จะกระทบกระทั่งกันบ้าง ซีรีส์ทำให้เห็นอย่างชัดเจนว่าการหย่าร้างไม่ได้ทำให้เด็กมีปัญหา เพราะส่ิงที่สำคัญกว่าคือการเอาใจใส่และเปิดใจของผู้ปกครอง
นอกจากนี้ซีรีส์ยังแตะไปถึงปัญหาอื่น ๆ อย่างการที่ LGBT ยังไม่ได้รับการยอมรับจากคนหลาย ๆ กลุ่มในเกาหลีใต้ แต่ก็สื่อทำให้เห็นความหวังของความคิดในสังคมที่เปิดกว้างขึ้น
‘โฮมทาวน์ ชะชะช่า’ พาผู้ชมไปสัมผัสถึงปัญหาเหล่านี้อย่างเบามือด้วยมุมมองที่มองโลกในแง่ดี แต่ก็ไม่ได้ทาสีพาสเทลทับทุกอย่าง จนทำให้เราไม่เห็นปัญหาที่สังคมตจว.ต้องเจอ เช่นการเข้าถึงทางการแพทย์ที่แย่กว่าในเมืองใหญ่ อย่างการไม่มีร้านหมอฟัน หรือสวัสดิการที่หายไปเพราะมีประชากรเกิดน้อยลง อย่างเช่นตอนที่แม่ของโบราต้องไปฝากท้องที่เมืองอื่น แต่ซีรีส์เลือกที่จะเน้นย้ำไปที่การความสุขแบบง่าย ๆ ราวกับจะสื่อว่าสังคมที่ดีซึ่งจะช่วยกันแก้ปัญหา และเมืองน่ารักแบบกงจินเป็นอะไรที่สร้างได้
ภาพของกงจินและหัวหน้าฮงจึงเป็นเหมือนภาพสะท้อนกระแสของเกาหลีใต้ที่พยายามสอนการล้มเหลวให้เป็น ในสังคมที่มีการแข่งขันสูงปรี๊ด ชวนให้นึกถึงหมู่บ้าน Don’t Worry Village โครงการในเมืองมกโพที่เกิดขึ้นด้วยการสนับสนุนของรัฐบาล
Don’t Worry Village เป็นโครงการที่เอาตึกร้างมาพัฒนา มีโปรแกรมยาว 6 อาทิตย์เพื่อฟื้นฟูใจของคนที่เหนื่อยล้ากับชีวิตให้พวกเขาได้มาลองทำอะไรเล็ก ๆ ด้วยแนวคิดว่า ‘It’s okay to rest. It’s okay to fail.’ – ‘ไม่เป็นไรถ้าจะพัก และไม่เป็นไรถ้าจะล้มเหลวบ้าง’ และช่วยให้ชุมชนที่เริ่มร้างเพราะมีคนอยู่น้อยลงกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง
Don’t Worry Village และความสำเร็จที่ถูกนิยามด้วยความสุขของหัวหน้าฮง ต่างสะท้อนแนวคิดแบบ
‘โซฮวักแฮง’ (소확행) ที่แปลว่าความสุขที่เล็กๆ แต่แน่นอน ทำให้เห็นว่าการไม่ได้ทำงานที่บริษัทใหญ่ไม่ใช่ความล้มเหลม และแรงงานรายวันก็เป็น อาชีพที่สุจริตและมีคุณค่า การนำเสนออบบนี้นอกจากจะเป็นกำลังใจให้กับคนใช้แรงงานแล้ว อาจจะเป็นสิ่งที่สร้างแรงบันดาลใจให้มีคนกลับไปพัฒนาบ้านเกิดและลดความแออัดของโซลลง
ทั้งหมดนี้แสดงให้เห็นการใช้ soft power เพื่อหล่อหลอมสังคมผ่านทางละครโรแมนติกคอมเมดี้เรียบ ๆ หนึ่งเรื่อง ที่คอยเตือนข้อคิดง่าย ๆ ที่เราอาจจะลืมไป อย่างการให้อภัยตัวเองในวันที่รู้สึกพ่ายแพ้ การชี้ให้เห็นความสำคัญของคนรอบข้าง รวมไปถึงความเป็นชุมชน อย่างที่คุณยายกัมรีบอกกับหัวหน้าฮงไว้ว่า
‘คนเราต้องใช้ชีวิตท่ามกลางคนอื่น ๆ บางครั้งการใช้ชีวิตก็ดูเหมือนแสนหนักอึ้ง แต่ถ้าเราเลือกจะอยู่ถามกลางคนอื่น ๆ จะต้องมีใครสักคนช่วยแบกแกขึ้นหลักอย่างที่แกทำเพื่อฉันอย่างแน่นอน’
คำพูดที่เรียบ ๆ นี้ คอยเตือนให้เราเห็นว่าบางครั้งการใช้ชีวิตท่ามกลางผู้คนและการรับใครเข้ามาในชีวิตอาจจะไม่ใช่เรื่องแย่เสมอไป เพราะมีอะไรอีกมากมายในชีวิตที่เราทำคนเดียวไม่ได้ สมกับชื่อเรื่อง ‘โฮมทาวน์ ชะชะช่า’ ที่ผู้กำกับและทีมงานเลือกตั้งชื่อนี้ เพราะการเต้นชะชะช่าต้องอาศัยคู่ที่รวมแรงร่วมใจกัน เหมือนกับจะสื่อว่าสังคมน่ารักแบบกงจินและคนแบบหัวหน้าฮงมีอยู่จริงได้ถ้าเราร่วมสร้างกันขึ้นมา
อ้างอิง
- //www.bbc.com/worklife/article/20200108-the-young-koreans-pushing-back-on-a-culture-of-endurance