นาย ก. เป็นลูกจ้างของสถานประกอบการ นายจ้างได้ขึ้นทะเบียนให้นาย ก. เป็นผู้ประกันตนตามมาตรา 33 และนายจ้าง
หักเงินค่าจ้างของนาย ก. นำส่งเป็นเงินสมทบเข้ากองทุนประกันสังคมมาแล้ว 5 เดือน ต่อมาในเดือนที่ 6 นาย ก. ทำงาน
ได้ 10 วัน ลาออกจากงาน แล้วนาย ก. มีสิทธิที่จะขอรับประโยชน์ทดแทนกรณีว่างงานหรือไม่?
จากคำถามตัวอย่างข้างต้นนั้น กฎหมายประกันสังคมกำหนดสาระสำคัญเกี่ยวกับเรื่องนี้ไว้ ดังนี้
หน้าที่ของนายจ้างและสิทธิของผู้ประกันตน
นายจ้างมีหน้าที่ขึ้นทะเบียนนายจ้างให้ลูกจ้างที่มีอายุตั้งแต่ 15 ปีบริบูรณ์ ถึง 60 ปีบริบูรณ์ เป็นผู้ประกันตนตามมาตรา
33 และทุกครั้งที่นายจ้างจ่ายค่าจ้างให้กับลูกจ้าง นายจ้างมีหน้าที่หักเงินค่าจ้างของลูกจ้างตามจำนวนที่ต้องจ่ายเป็นเงิน
สมทบเข้ากองทุนประกันสังคม และนายจ้างมีหน้าที่นำเงินที่หักจากค่าจ้างของลูกจ้างดังกล่าวและเงินสมทบในส่วนของ
นายจ้างนำส่งเข้ากองทุนประกันสังคมเป็นประจำทุกเดือน
กรณีที่นายจ้างยังไม่ได้นำส่งเงินสมทบหรือไม่หักเงินค่าจ้างหรือค้างจ่ายเงินสมทบกองทุนประกันสังคม กฎหมายประกัน
สังคมถือว่า ผู้ประกันตนได้จ่ายเงินสมทบแล้วตั้งแต่วันที่ถึงกำหนดจ่ายค่าจ้าง และถ้านายจ้างไม่จ่ายค่าจ้างหรือจ่ายไม่ตรง
ตามกำหนดเวลา นายจ้างยังคงมีหน้าที่ต้องจ่ายเงินสมทบและถือเสมือนว่านายจ้างได้จ่ายค่าจ้างให้ลูกจ้างแล้ว
ดังนั้น กรณีที่นาย ก. เป็นลูกจ้างในสถานประกอบการ นายจ้างมีหน้าที่ต้องจ่ายเงินค่าจ้างให้กับนาย ก. ตลอดระยะเวลา
ที่ทำงานให้กับนายจ้าง ถึงแม้ว่าจะทำงานกี่วันก็ตาม
กรณีลูกจ้างทำงาน 10 วัน จะมีผลต่อการเกิดสิทธิที่จะได้รับความคุ้มครองในกองทุนประกันสังคมหรือไม่?
ตามตัวอย่าง นาย ก. เป็นผู้ประกันตนตามมาตรา 33 และนายจ้างหักเงินค่าจ้างของนาย ก. นำส่งเป็นเงินสมทบเข้ากองทุน
ประกันสังคมมาแล้ว 5 เดือน แต่ในเดือนที่ 6 นาย ก. ทำงานเพียง 10 วัน ลาออกจากงาน นาย ก. จะมีสิทธิที่จะขอรับ
ประโยชน์ทดแทนกรณีว่างงานหรือไม่?
กฎหมายประกันสังคมกำหนดเงื่อนเวลาการเกิดสิทธิรับประโยชน์ทดแทนกรณีว่างงานว่า ผู้ประกันตนต้องจ่ายเงินสมทบเข้า
กองทุนประกันสังคมมาแล้ว 6 เดือน ภายใน 15 เดือน ก่อนการเกิดสิทธิ (ก่อนการว่างงาน) กรณีนี้มีตัวอย่างจากคำพิพากษา
ศาลฎีกาที่ 1518/2557 วินิจฉัยไว้ ดังนี้
คดีนี้นายจ้างตกลงจ่ายค่าจ้างให้กับลูกจ้างไม่เป็นไปตามรอบเดือนปกติ คือ จ่ายค่าจ้างให้กับลูกจ้าง ทุกวันที่ 20 ของเดือน
โดยผู้ประกันตนเริ่มทำงานเป็นลูกจ้างของบริษัทเมื่อวันที่ 7 กุมภาพันธ์ นายจ้างหักเงินค่าจ้างส่งเข้ากองทุนประกันสังคม
ตลอด แต่ลูกจ้างลาออกจากงานวันที่ 30 มิถุนายน โดยระหว่างวันที่ 21 - 30 มิถุนายน จำนวน 10 วัน ได้ทำงานให้กับ
นายจ้างและนายจ้างได้จ่ายค่าจ้างให้กับลูกจ้าง (10 วัน) และหักเงินค่าจ้างตามจำนวนที่จะต้องส่งเป็นเงินสมทบไว้
จำนวน 417 บาท (ค่าจ้าง 10 วัน) และได้นำส่งเข้ากองทุนประกันสังคม
ต่อมา ผู้ประกันตนได้ยื่นคำขอรับประโยชน์ทดแทนกรณีว่างงาน แต่สำนักงานประกันสังคมปฏิเสธเนื่องจากเห็นว่าผู้ประกันตน
จ่ายเงินสมทบเพียง 5 เดือน ยังไม่ครบเงื่อนไขการเกิดสิทธิรับประโยชน์ทดแทนในกรณีว่างงาน ปัญหา คือ ผู้ประกันตนได้มี
การจ่ายเงินสมทบงวดที่ 6 แล้วหรือไม่
ศาลฎีกาวินิจฉัยคดีนี้ว่า กรณีนี้ถือว่านายจ้างหักเงินค่าจ้างของลูกจ้างเป็นเงินสมทบเข้ากองทุนรวม 6 โดยให้เหตุผลว่า
(1) การที่นายจ้างจ่ายค่าจ้างทุกวันที่ 20 ของเดือน ต้องถือเอารอบค่าจ้างที่จ่ายในวันที่ 20 ของเดือนใดเป็นฐานใน
การคำนวณเงินสมทบในเดือนนั้น เมื่องวดที่ 5 นายจ้างได้หักเงินสมทบจากเงินค่าจ้างวันที่ 21 พฤษภาคม ถึง 30 มิถุนายน
ส่งเข้ากองทุนประกันสังคม จึงถือว่ากองทุนประกันสังคมได้รับเงินสมทบรายเดือนของเดือนมิถุนายนแล้ว
(2) เงินสมทบที่คำนวณจากค่าจ้างระหว่างวันที่ 21 - 30 มิถุนายน ถือเป็นเงินสมทบสำหรับค่าจ้างเดือนกรกฎาคม ไม่ใช่
เดือนไม่ใช่เดือนมิถุนายน
อ่านบทความเต็มได้ใน... วารสาร HR Society magazine ปีที่ 18 ฉบับที่ ฉบับที่ 216 เดือนธันวาคม 2563
กฎหมายแรงงาน : ประกันสังคม : ปรานี สุขศรี
วารสาร : HR Society Magazine ธันวาคม 2563
ผู้ประกอบการ ต้องไป ขึ้นทะเบียนประกันสังคม หรือไม่? และ ขึ้นเมื่อใด ?
นายจ้าง (ไม่ว่าจะเป็นบุคคลธรรมดา หรือ นิติบุคคล) ที่ มีลูกจ้างตั้งแต่ 1 คนขึ้นไป
ต้องขึ้นทะเบียนนายจ้าง พร้อมกับขึ้นทะเบียนลูกจ้างเป็นผู้ประกันตน ภายใน 30 วัน
และ เมื่อมีการรับลูกจ้างใหม่เพิ่มขึ้น ต้องแจ้งขึ้นทะเบียนลูกจ้างใหม่ภายใน 30 วัน เช่นกัน
เมื่อมีลูกจ้างลาออกจากงาน ให้นายจ้างแจ้งการออกจากงานโดยระบุสาเหตุการออกจากงานโดยใช้หน้งสือแจ้งการสิ้นสุดความเป็นผู้ประกันตน (สปส.6-09) ภายในวันที่ 15 ของเดือนถัดไป
หากไม่ขึ้นทะเบียนประกันสังคม จะมีความผิดหรือไม่ ?
ตามกฎหมายประกันสังคม นายจ้าง จะถือว่า "มีความผิด"
ความผิดระวางโทษ จำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือ ปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือ ทั้งจำทั้งปรับ
หลังขึ้นทะเบียนประกันสังคมแล้ว ต้องทำอะไรบ้าง ?
หลังจากขึ้นประกันสังคมแล้ว นายจ้าง ต้องนำส่งเงินสมทบประกันสังคมทุกเดือน ให้กับ ประกันสังคมในพื้นที่ที่นายจ้างขึ้นทะเบียน โดย แบ่งเงินสมทบ เป็น 2 ส่วน คือ
ส่วนที่ 1 ส่วนเงินสมทบที่ หักจากเงินเดือนของลูกจ้าง
ส่วนที่ 2 ส่วนเงินสมทบที่ นายจ้างนำเงินมาสมทบ เท่ากับส่วนที่ 1
โดยนายจ้างจะจัดทำแบบ สปส.1-10 นำส่งแบบ พร้อมกับ เงินสมทบ (รวมส่วนที่ 1 +2) ที่ประกันสังคมในพื้นที่ ไม่เกินวันที่ 15 ของเดือนถัดไป
นายจ้าง ไม่ส่งเงินสมทบ ให้แก่ลูกจ้าง จะมีความผิดหรือไม่ ?
ถ้านายจ้าง ส่งเงินสมทบไม่ทัน หรือ ส่งไม่ครบ จะต้องรับผิดชอบ จ่ายเงินเพิ่มในอัตราร้อยละ 2 ต่อเดือน ของจำนวนเงินที่ไม่ได้ส่ง หรือ จำนวนเงินที่ขาดอยู่
โดยต้องนำส่งด้วยตัวเองที่สำนักงานประกันสังคมกรุงเทพมหานครพื้นที่หรือสำนักงาน ประกันสังคมจังหวัดเท่านั้น
แต่หากนายจ้างกรอกแบบแสดงการส่งเงินสมทบ (สปส.1-10) ไม่ถูกต้อง เจ้าหน้าที่ที่มีอำนาจจะสั่งให้นายจ้างกรอกแบบฟอร์มให้ถูกต้อง
หากยังไม่ปฏิบัติให้ถูกต้อง จะ มีโทษต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 เดือน หรือ ปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ