2022-10-20 21:52
ข้อ ใด คือ พระ ราช กรณียกิจ สำคัญ ใน การ เสด็จ ประพาส ยุโรป ครั้ง แรก ของ รัชกาล ที่ 5 pxj com ทาง เข้า มือ ถือ เพลง ถ้า เธอ รัก ใคร คน หนึ่ง หวย ฮานอย เจ๊ ฟอง เบียร์ วัน นี้ the joker and the queen lyrics ทาง เข้า i99bet ข้อ ใด คือ พระ ราช กรณียกิจ สำคัญ ใน การ เสด็จ ประพาส ยุโรป ครั้ง แรก ของ รัชกาล ที่ 5 ทาย สกอร์ ทีเด็ด ผู้ ย่อย สลาย หมาย ถึง iphone 13 pro ais ตาราง น้ํา หนัก ส่วน สูง 5 18 ปี หญิง ข้อ ใด คือ พระ ราช กรณียกิจ สำคัญ ใน การ เสด็จ ประพาส ยุโรป ครั้ง แรก ของ รัชกาล ที่ 5 สินเชื่อ บ้าน ออมสิน 2565 เวฟ เกม ออนไลน์ ทำไม ร 5 ทรง ต้อง ปฏิรูป การคลัง ตรวจ หวย งวด ที่ 16 6 65 ข้อ ใด คือ พระ ราช กรณียกิจ สำคัญ ใน การ เสด็จ ประพาส ยุโรป ครั้ง แรก ของ รัชกาล ที่ 5 google chrome store mafia 899 เว็บ fin888
ข้อ ใด คือ พระ ราช กรณียกิจ สำคัญ ใน การ เสด็จ ประพาส ยุโรป ครั้ง แรก ของ รัชกาล ที่ 5 โปร สล็อต สมาชิก ใหม่
มติคณะกรรมการฝ่ายจัดการนิทรรศการงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพฯ ไม่อนุญาตให้ประชาชนขึ้นชมพระเมรุมาศบนบริเวณชั้น 1 และชั้น 2 เพื่อความเป็นระเบียบเรียบร้อย
ชุดโจ๊กเกอร์ ราคาพิเศษ | ซื้อออนไลน์ที่ Shopee ส่งฟรี*ทั่วไทย!
ลักษณะ โครงสร้าง ของ โลก
ช่องออกอากาศ; : สถานีโทรทัศน์ช่อง 3. นักแสดงนำ; : เจมส์ จิรายุ ตั้งศรีสุข, จีน่า ญีนา ซาลาส ... เรื่องย่อละคร พิศวาสฆาตเกมส์. เกมแห่งความรัก หักหลัง และความ ...
"เรามั่นใจว่าข้อเสนอของเราเป็นผลดีต่อผู้ใช้บริการ TikTok และการปกป้องผลประโยชน์ชาติ" Microsoft กล่าว
โรงงาน 10 แห่งในนิคมอุตสาหกรรมบางปูหยุดชั่วคราว หลังได้รับผลกระทบน้ำท่วมถนน และระบายไม่ทัน รถเล็กขนส่งไม่ได้ ส่วนนิคมฯ ถูกน้ำล้อม 80% ของพื้นที่ทั้งหมด
เบื้องต้น ผู้เสียชีวิตทั้ง 25 คนจะได้รับเงินเยียวยาคนละ 300,000 บาท โดยจะมีการประชุมติดตามความคืบหน้าของคดีกองบังคับการตำรวจภูธรภาค 2 จ.ชลบุรี
15 พ.ค. 2022
การเสด็จประพาสยุโรปของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เป็นการเสด็จพระราชดำเนินไปยังต่างประเทศในทวีปยุโรปของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ซึ่งเป็นพระมหากษัตริย์แห่งราชอาณาจักรสยาม โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสานสัมพันธไมตรีแก่ประเทศต่าง ๆ ในทวีปยุโรป
เพื่อให้ประเทศที่พระองค์เสด็จประพาสเหล่านั้นมองเห็นว่าประเทศสยามเป็นประเทศที่มีการพัฒนาตนเองและไม่ได้ล้าหลังป่าเถื่อน และเพื่อโอกาสในการร่วมกันแก้ไขปัญหาความมั่นคงและส่งเสริมความเป็นเอกราชของประเทศสยาม แม้จะอยู่ในช่วงท่ามกลางยุคล่าอาณานิคมก็ตาม ทั้งนี้ก็เพราะมีมูลเหตุมาจากกรณีพิพาทระหว่างสยามกับฝรั่งเศสในเหตุการณ์วิกฤตการณ์ ร.ศ. 112 หรือในปี พ.ศ. 2436 ที่ทำให้สยามเสียดินแดนมากที่สุดเท่าที่มีการเสียดินแดนให้แก่ชาติตะวันตก
ผลจากการเสด็จพระราชดำเนินดังกล่าวนั้นทำให้พระองค์ทรงเป็นพระมหากษัตริย์พระองค์แรกที่มาจากทวีปเอเชียที่เสด็จพระราชดำเนินเยือนทวีปยุโรปอย่างจริงจังโดยทรงรู้จักแฝงแนวความคิดจิตวิทยาและการปฏิบัติตามธรรมเนียมยุโรปอีกด้วย
สำหรับประเทศที่พระองค์เสด็จพระราชดำเนินจากทั้งสองครั้ง มีดังต่อไปนี้
สหราชอาณาจักร
ฝรั่งเศส
เบลเยียม
เยอรมนี
อิตาลี
จักรวรรดิออสเตรีย-ฮังการี
เดนมาร์ก
เชโกสโลวาเกีย
สวิตเซอร์แลนด์
จักรวรรดิรัสเซีย
สำหรับรายละเอียดแต่ละครั้ง มีดังต่อไปนี้
พระรา
พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช
ไม่มีการเสด็จ
พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย
ไม่มีการเสด็จ
พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว
ไม่มีการเสด็จ
ไม่มีการเสด็จ
1. การเสด็จประพาสยุโรปครั้งที่ 1 ใน พ.ศ. 2440 นับเป็นครั้งแรกของพระมหากษัตริย์ในภูมิภาคนี้ที่เสด็จประพาสยุโรป โดยมีจุดประสงค์สำคัญ คือ เพื่อทำความเข้าใจกับชาติที่คุกคามไทย เพื่อเจรจาโดยตรงกับผู้นำของฝรั่งเศสเพื่อแก้ปัญหาความขัดแย้งในกรณีที่สืบเนื่องจากวิกฤติการณ์
ร.ศ. 112 (พ.ศ. 2436) รวมทั้งเพื่อแสวงหาชาติพันธมิตรมาช่วยส่งเสริมสร้างความมั่นคงของประเทศ การเสด็จประพาสยุโรปครั้งนี้ประสบความสำเร็จอย่างยิ่งในการสร้างสัมพันธไมตรีกับรัสเซียในรัชสมัยซาร์นิโคลัสที่ 2 แห่งราชวงศ์โรมานอฟ
ต่อมาพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวได้ส่งสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าจักรพงษ์ภูวนาถไปศึกษาที่ประเทศรัสเซียด้วย
และในการเสด็จประพาสยุโรปครั้งนี้ได้ทรงเจรจาและปรับความเข้าใจกับฝรั่งเศส ซึ่งคุกคามไทยอย่างหนัก รวมทั้งมีจุดประสงค์ที่สำคัญอีกประการหนึ่ง คือ เพื่อทอดพระเนตรความเจริญของยุโรป จะได้นำมาเป็นแบบอย่างในการปรับปรุงบ้านเมือง
2. การเสด็จประพาสยุโรปครั้งที่ 2 ใน พ.ศ. 2450 ทรงมีจุดประสงค์สำคัญ คือ เพื่อรักษาพระอาการประชวรเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจและพระวักกะ (ไต)
และเพื่อเจรจาราชการบ้านเมืองกับชาติตะวันตกต่าง ๆ ทั้งเรื่องสิทธิสภาพนอกอาณาเขต ปัญหาเรื่องคนในบังคับฝรั่งเศส อำนาจการปกครองเหนือดินแดนเมืองหลวงพระบางบนฝั่งขวาแม่น้ำโขงและเขตปลอดทหาร (ไทย) ระยะ 25 กิโลเมตรบนฝั่งขวาของแม่น้ำโขงตลอดแนวชายแดนระหว่างราชอาณาจักรสยามกับอาณานิคมอินโดจีนของฝรั่งเศส ปัญหาภาษีร้อยชัก 3 เป็นร้อยชัก 10 และโครงการสร้างทางรถไพสายใต้ ทรงให้สัตยาบันในสนธิสัญญาสยามกับฝรั่งเศส พ.ศ. 2449
การเจรจากับปลัดกระทรวงการต่างประเทศอังกฤษซึ่งส่งผลให้เกิดสนธิสัญญาแลกเปลี่ยน 4 รัฐมลายูในเวลาต่อมา และการเสด็จพระราชดำเนินทรงรับปริญญาด็อกเตอร์ออฟลอว์ (Doctor of Law) ณ บ้านของอธิการบดีมหาวิทยาลัยเคมบริดจ์
นอกจากนี้ทรงมีลายพระราชหัตถเลขาพระราชทานแก่สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้านิภานภดล วิมลประภาวดีเล่าเรื่องต่าง ๆ ตั้งแต่สภาพดินฟ้าอากาศ สภาพบ้านเมือง การรักษาพระองค์
สังคมและวัฒนธรรมที่มีความหลากหลายของคนในประเทศที่เสด็จพระราชดำเนินเยือน พระราชภารกิจ พระราชดำริ และพระราชวินิจฉัยส่วนพระองค์ที่ทรงมีต่อเหตุการณ์ต่าง ๆ ลายพระราชหัตถเลขานี้ต่อมาพิมพ์เป็นหนังสือ "ไกลบ้าน"
ในการเสด็จประพาสหัวเมือง รัชกาลที่ 5 โปรดประพาสตามมณฑลหัวเมืองเพื่อดูสภาพชีวิตความเป็นอยู่ของราษฎร มีทั้งที่เสด็จไปตรวจราชการอย่างเป็นทางการและเสด็จประพาสเป็นการส่วนพระองค์
หรือ "เสด็จประพาสต้น" ทั้งเสด็จทางเรือ เสด็จทางรถไฟอย่างสามัญชน ทรงแต่งพระองค์อย่างคนธรรมดา เช่น เป็นคหบดี ทำให้ได้พบปะพูดคุยกับชาวบ้านโดยที่ชาวบ้านบางคนไม่รู้ว่าพระองค์เป็นพระเจ้าแผ่นดิน บางครั้งทรงได้รับเลี้ยงอาหารจากชาวบ้าน ซึ่งการคบหาสมาคมกับราษฎรอย่างใกล้ชิด ทำให้พระองค์ทราบทุกข์สุขและความเป็นไปของราษฎรตลอดจนทางปฏิบัติงานของข้าราชการในส่วนท้องถิ่น
1) การเปิดทางรถไฟสาย คลองสาน - มหาชัย 29 ธันวาคม 2447
2) การเสด็จมณฑลพายัพ ปี 2449 ( นิราศพายัพ ) - เสด็จทรงวางศิลารากอาคารบัทเลอร์ โรง
เรียนปรินส์รอยแยลส์วิทยาลัย เมื่อวันที่ 2 มกราคม ค.ศ.1906
3) การประทับที่พระราชวังสนามจันทร์ เช่น ตอนช่วงก่อนพิธีบรมราชาภิเษก ปลายปี 2453 และ ปี 2461 เป็นต้น
4) การเสด็จเมืองชะอำ ปี 2464
5) การเสด็จเปิดโรงแรมรถไฟหัวหิน ปี 2466
6) การเสด็จเยือนสหรัฐมลายู ปี 2467
7) การเสด้จประทับพระราชนิเวศน์มฤคทายวัน ปี 2467 - 2468
ไม่มีการเสด็จ
ไม่มีการเสด็จ
ประเทศแรกที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จพระราชดำเนินอย่างเป็นทางการ คือ ประเทศเวียดนามใต้ ระหว่างวันที่ ๑๘ - ๒๑ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๐๒ และครั้งล่าสุด ในปี พ.ศ. ๒๕๓๗ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ระหว่างวันที่ ๘ - ๙ เมษายน
การเสด็จเยือนต่างประเทศครั้งยิ่งใหญ่และถือเป็นปรากฏการณ์โลก คือ การเสด็จพระราชดำเนินสหรัฐอเมริกาและประเทศต่างๆ ในยุโรป รวม ๑๔ ประเทศ และ ๑ รัฐ ระหว่างวันที่ ๑๔ มิถุนายน ถึง ๑๘ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๐๓
เมื่อเสร็จสิ้นการเสด็จพระราชดำเนินเยือนประเทศต่างๆ แล้ว ก็ได้ทรงต้อนรับพระราชอาคันตุกะ ที่เป็นประมุขของประเทศต่างๆ ที่เสด็จและเดินทางมาเยือนประเทศไทยเป็นการตอบแทน และบรรดาพระราชอาคันตุกะทั้งหลาย ต่างก็ประทับใจในพระราชวงศ์ของไทย ตลอดจนประชาชนชาวไทยอย่างทั่วหน้า