หากพูดถึงปัญหาสิ่งแวดล้อม คนส่วนใหญ่มักมองถึงการตัดต้นไม้ทำลายป่า ปัญหาน้ำเน่าเสียหรือมลภาวะเป็นพิษ ซึ่งเป็นสิ่งที่มีผลกระทบต่อสภาพความเป็นอยู่ของผู้คนในสังคม พร้อมๆกับร่วมกันหาแนวทางแก่ไข เช่นการรณรงค์ไม่ให้มีการเผาขยะ การปลูกป่าทดแทน หรือปลูกจิตสำนึกให้กับเยาวชนในการร่วมกันอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมในรูปแบบต่างๆ ซึ่งเป็นการมองที่ตัวปัญหาและหาแนวทางแก้ไขที่อาจมองข้ามสาเหตุหลักที่ทำให้เกิดปัญหาสิ่งแวดล้อมเหล่านั้น
สาเหตุหลักของปัญหาสิ่งแวดล้อม
1.จำนวนประชากรที่เพิ่มมากขึ้น
สาเหตุของปัญหาสิ่งแวดล้อมเกิดจากการกระทำของคนเราเป็นปัจจัยหลักการที่จำนวนประชากรมีปริมาณเพิ่มมากขึ้น ทำให้ความต้องการในการใช้ทรัพยากรก็เพิ่มมากตามไปด้วยเช่น ต้องการที่อยู่อาศัย ที่ทำกินสำหรับทำการเกษตร แร่ธาตุ แหล่งพลังงาน น้ำ และอาหารเมื่อทรัพยากรที่มีอยู่ไม่เพียงพอ ก็ทำให้มีการบุกรุกทำลายสิ่งแวดล้อมเหล่านั้น เพื่อให้เพียงพอต่อความต้องการที่เป็นปัจจัยพื้นฐานในการดำรงชีวิต
2.การขยายตัวทางเศรษฐกิจ
การขยายตัวของเศรษฐกิจทำให้เกิดปัญหาการใช้ทรัพยากรอย่างไม่ยั่งยืน เพราะความเจริญทางเศรษฐกิจทำให้มาตรฐานการใช้ชีวิตของคนเปลี่ยนแปลงไป เช่น มีความต้องการสิ่งอำนวยความสะดวกให้กับตนเองมากขึ้น ปัจจุบันจะเห็นได้ว่าในแต่ละครอบครัวอาจมีรถยนต์หลายคันเพื่อให้เพียงพอต่อความต้องการของคนในบ้าน ซึ่งผลกระทบต่อสภาพสิ่งแวดล้อมที่ตามมาก็คือ ปัญห มลพิษทางอากาศ เสียง และ ความสั่นสะเทือนรวมถึงความต้องการด้านอื่นๆที่ทำให้มีผลกระทบต่อสภาพแวดล้อม เนื่องจากใช้แล้วหมดไปโดยไม่ได้สร้างขึ้นมาทดแทน เช่น การตัดต้นไม้ การใช้ทรัพยากรน้ำ และอื่นๆ
3.ความก้าวหน้าทางด้านเทคโนโลยี
เทคโนโลยีที่มีความก้าวหน้าช่วยเสริมให้มีการนำทรัพยากรมาใช้ทำได้ง่ายมากขึ้น และยังมีการผลิตเครื่องมือที่ทันสมัยมาใช่ในทางเกษตรเกี่ยวกับด้านการผลิต เช่น การใช้ปุ๋ยเคมีและยาฆ่าแมลง ทำให้มีสารตกค้างที่สามารถกระจายตัวลงสู่แหล่งน้ำ ทำให้เกิดปัญหาน้ำเสียที่ยากต่อการแก้ไข
4.เกิดจากภัยธรรมชาติ
สภาพสิ่งแวดล้อมที่เกิดจากภัยธรรมชาติ เช่น ไฟป่า น้ำท่วม แผ่นดินไหว ภูเขาไฟระเบิดซึ่งภัยธรรมชาติเหล่านี้ ส่วนหนึ่งเกิดจากการกระทำของคนที่ส่งผลทำให้เกิดภัยธรรมชาติขึ้น จากสาเหตุหลักๆของปัญหาสิ่งแวดล้อม เราจะเห็นว่าส่วนใหญ่ปัญหาสิ่งแวดล้อมมีผลกระทบมาจากการกระทำของมนุษย์ทั้งปริมาณการเพิ่มขึ้นของจำนวนประชากร การขยายตัวทางเศรษฐกิจ ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีและปัญหาสภาพแวดล้อมที่เกิดจากภัยธรรมชาติซึ่งภัยธรรมชาติส่วนหนึ่งก็เกิดมาจากการกระทำของมนุษย์เช่นกันดังนั้นการแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมจึงนอกจะหาแนวทางแก้ไข ด้วยวิธีการต่างๆแล้วการป้องกันการเกิดปัญหาจากการกระทำของมนุษย์ ก็เป็นสิ่งสำคัญที่ต้องทำควบคู่กันไป
Oct282021
วิกฤตสิ่งแวดล้อม คือเหตุการณ์ร้ายแรงที่เกิดขึ้นกับสิ่งแวดล้อมรอบตัวเราโดยมีสาเหตุมาจากปัจจัยหลัก ดังต่อไปนี้
1. ประชากรที่เพิ่มขึ้น ใช้ทรัพยากรมากขึ้น
สาเหตุของปัญหาสิ่งแวดล้อมเกิดจากที่มนุษย์มีจำนวนเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ทำให้มีความต้องการใช้ทรัพยากรเพื่อจัดการกับปัจจัยพื้นฐานในการใช้ชีวิตที่เพิ่มขึ้น
และเมื่อทรัพยากรที่มีอยู่ไม่เพียงต่อความต้องการ จึงเกิดการบุกรุกทำลายสิ่งแวดล้อมขึ้น เช่น การตัดไม้ทำลายป่าเพื่อสร้างที่อยู่อาศัย การทำไร่เลื่อนลอยเพื่อสร้างที่ทำกิน การขุดเจาะถ่านหินและน้ำมันเพื่อทำเป็นพลังงานฟอสซิล เป็นต้น จนก่อให้เกิดวิกฤตด้านสิ่งแวดล้อมตามมา
2. การขยายตัวทางเศรษฐกิจ ขยายพื้นที่การทำลาย
เมื่อมนุษย์ต้องการยกระดับเศรษฐกิจของประเทศให้สูงขึ้น การนำทรัพยากรมาใช้เพิ่มขึ้นเพื่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจจึงเป็นเรื่องหลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่ทว่าด้วยเงินทุนและบุคลากร รวมถึงรูปแบบทรัพยากรที่จำกัด ส่งผลให้บางครั้งเราไม่สามารถสร้างสิ่งทดแทนของเดิมที่ใช้แล้วหมดไปได้ ทำให้เกิดปัญหาการใช้ทรัพยากรที่ไม่ยั่งยืนตามมา
ยกตัวอย่างเช่น การใช้พลังงานฟอสซิลที่ต้องขุดเจาะน้ำมัน ถ่านหิน และก๊าซธรรมชาติขึ้นมาใช้เพื่อผลิตเป็นพลังงาน ทำให้ในอนาคตโลกเรามีโอกาสเกิดการขาดแคลนพลังงานจากเชื้อเพลิงเหล่านี้ได้ตลอดเวลา เป็นต้น
3. ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี ก้าวสู่วิกฤตสิ่งแวดล้อม
การปฏิวัติอุตสาหกรรมทั้งการใช้พลังงานไอน้ำและพลังงานน้ำมัน ส่งผลให้เกิดปัญหาสิ่งแวดล้อมในระยะยาวในหลายพื้นที่ แม้ว่าจะมีการแก้ไขในเรื่องนี้ในปัจจุบันแล้วก็ตาม แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าความก้าวหน้าของมนุษยชาติมีสิ่งที่ต้องแลกมาไม่น้อยเลย
และนั่นรวมไปถึงการผลิตสารเคมีต่างๆ เพื่อใช้ในด้านการเกษตรและอุตสาหกรรม เช่น ยาฆ่าแมลง ปุ๋ยเคมี ยาฆ่าวัชพืช เป็นต้น ซึ่งสารเหล่านี้เป็นอันตรายต่อสิ่งแวดล้อมและยังส่งผลกระทบต่อสุขภาพของสิ่งมีชีวิตอีกด้วย
วิธีแก้วิกฤตสิ่งแวดล้อมด้วยใดได้บ้าง
ในวิกฤตยังมีโอกาส เมื่อปัจจุบันปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมนั้นได้รับความสนใจเป็นวงกว้าง โดยเฉพาะประเด็นด้านพลังงาน ต้นกำเนิดของปัญหาก๊าซเรือนกระจกจากการใช้พลังงานฟอสซิล ซึ่งในหลายประเทศก็ออกมาเคลื่อนไหวและรณรงค์กันอย่างจริงจัง ผ่านการบังคับใช้กฎหมายเกี่ยวกับการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม เช่น การออกกฎหมายห้ามใช้รถยนต์ควันดำ หรือการห้ามนำเข้ารถยนต์มือสองเพื่อลดปัญหามลพิษในหลายประเทศ
นอกจากนี้ยังเกิดการสนับสนุนให้นำเทคโนโลยีที่ทันสมัยเข้ามาแก้ไขปัญหาด้านมลพิษและการใช้เชื้อเพลิงฟอสซิลของรถยนต์แบบเดิมๆ ผ่านการผลิตรถยนต์ไฟฟ้า (EV Car) ซึ่งเรื่องนี้ได้กลายเป็นเป้าหมายหลักสำหรับหลายๆ ประเทศบนโลก
ยกตัวอย่างในประเทศฝรั่งเศสที่ตั้งเป้าหมายไว้เลยว่า จะลดการใช้พลังงานเชื้อเพลิงจากน้ำมันให้ได้ภายในปี พ.ศ. 2583 นั่นก็คือ 22 ปีข้างหน้า เพราะเป็นส่วนหนึ่งของแผนการเพื่อให้เป็นไปตามเป้าหมายข้อตกลงลดโลกร้อนในกรุงปารีส (Paris Agreement) ซึ่งเป็นแนวทางการแก้วิกฤตสิ่งแวดล้อมที่นานาชาติได้ทำข้อตกลงร่วมกัน เพื่อลดปัญหาก๊าซเรือนกระจก (Mitigation) เป็นหลัก ด้วยการรักษาการเพิ่มขึ้นของอุณหภูมิเฉลี่ยของโลกในระดับที่ต่ำกว่า 2 องศาเซลเซียส
นอกจากการบังคับใช้กฎหมาย การใช้เทคโนโลยี และการตั้งเป้าหมายร่วมกันแล้ว ประเทศต่างๆบนโลกยังส่งเสริมให้เกิดธุรกิจที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมเพื่อช่วยลดวิกฤตการณ์ร้ายแรงที่จะเกิดขึ้น และแก้ปัญหาการขาดแคลนพลังงานไปด้วยในตัว