E-commerce มี 4 ประเภท คือ

9.5 รูปแบบการทำธุรกิจของ E-Commerce


1. ธุรกิจกับธุรกิจ (Business to Business: B2B) หมายถึง ธุรกิจที่มุ่งเน้นการให้บริการแก่ผู้ประกอบการด้วยกัน ตัวอย่างเช่นผู้ประกอบการในระดับเดียวกัน หรือต่างระดับกันก็ได้ หรือผู้ผลิตกับผู้ผลิต ผู้ผลิตกับผู้ส่งออก ผู้ผลิตกับผู้นำเข้าผู้ผลิตกับผู้ค้าส่งและค้าปลีก เป็นต้น ซึ่งในปัจจุบันพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ประเภทนี้มีความสำคัญมากที่สุด ตัวอย่าง Website เช่น
บริษัทไมโครซอฟต์เป็นบริษัทซอฟต์แวร์ผู้ผลิตซอฟต์แวร์ (www.micorsoft.com) บริษัทซิสโกเป็นบริษัทขายอุปกรณ์เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต และอุปกรณ์ทางด้านเครือข่ายอื่นๆ โดยขายผ่านเว็บแบบธุรกิจต่อธุรกิจ (www.cisco.com) ขายส่งสินค้าอุปโภคบริโภค (//www.tesco.co.th/th/index.html) ขายสินค้าทางด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ(//www.value.co.th/th/main.asp) และ ตลาดซื้อขายออนไลน์ (//www.b2bthai.com/) เป็นต้น


2. ธุรกิจกับผู้บริโภค (Business to Consumer: B2C) หมายถึง ธุรกิจที่มุ่งเน้นการบริการกับลูกค้าหรือผู้บริโภค ตัวอย่างเช่น การค้าปลีกอิเล็กทรอนิกส์ (electronic retailing) เราสามารถแบ่งระดับของกิจกรรมของ คือ การค้าปลีกอิเล็กทรอนิกส์ออกเป็น 5 ระดับดังต่อไปนี้คือ การโฆษณาและแสดงสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ (Electronic showcase) เพียงอย่างเดียว, การสั่งซื้อสินค้าทางอิเล็กทรอนิกส์ (Electronic ordering) สามารถสั่งซื้อได้, การชำระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์ (Electronic payment) สามารถชำระเงินได้, การจัดส่งและบริการหลังการขายด้วยอินเทอร์เน็ต (Electronic delivery and service) สามารถจัดส่งและบริการหลังการขายได้ และ การทำธุรกรรมและการแลกเปลี่ยนทางอิเล็กทรอนิกส์ (Electronic transaction) สามารถทำการแลกเปลี่ยนได้ ตัวอย่าง Website เช่น
บริการผู้ขายปลีกสินค้าผ่านเว็บไซต์โดยทำการขายหนังสือไปทั่วโลก (www.amazon.com) บริการการจองตั๋วเครื่องบินของบริษัทการบินไทยผ่านเว็บไซต์ (www.thaiair.com) ขายเครื่องประดับ (//www.abcjewelry.com/) และ ขายอาหาร(//www.pizza.co.th/) ขายหนังสือ (//www.se-ed.com)เป็นต้น


3. ธุรกิจกับรัฐบาล (Business to Government: B2G) หมายถึง ธุรกิจการบริหารการค้าของประเทศเพื่อเน้นการบริหารการจัดการที่ดีของรัฐบาล ตัวอย่างเช่น การเผยแพร่ข้อมูลเพื่อการเปิดประมูลผ่านทางเครือข่ายเกี่ยวกับการจัดซื้อจัดจ้างของรัฐ (government procurement), การจดทะเบียนการค้า, การรายงานผลการประกอบการประจำปี, การสืบค้นเครื่องหมายการค้า หรือสิทธิบัตรผ่านทางเครือข่าย เป็นต้น ตัวอย่าง Website เช่น
การประกาศจัดจ้างของภาครัฐในเว็บไซต์ (www.mahadthai.com) และ ระบบอีดีไอในพิธีการกรมศุลกากร (www.customs.go.th)


4. ผู้บริโภคกับผู้บริโภค (Consumer to Consumer: C2C) หมายถึง ธุรกิจระหว่างผู้บริโภคกับผู้บริโภค ซึ่งเป็นการค้ารายย่อย อาทิ การขายของเก่าให้กับบุคคลอื่นๆ ผ่านทางอินเตอร์เน็ต ตัวอย่าง Website เช่น
เป็นแหล่งที่ผู้ขายมาเสนอขายและผู้ซื้อประมูลซื้อแข่งกันผู้ซื้อและผู้ขายติดต่อกันผ่านอีเมล์ (www.ebay.com) ประกาศขายสินค้าเกี่ยวกับอุปกรณ์ทางด้านคอมพิวเตอร์ มีการลงทะเบียนเป็นสมาชิก สามารถจัดส่งสินค้าได้ (www.pantipmarket.com) และขายของมือสอง (//www.thaisecondhand.com) เป็นต้น

E-commerce คืออะไร ?

E-commerce คือการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ เเละ E-commerce ย่อมาจาก Electronic Commerce คือการทำธุรกิจโดยซื้อขายสินค้า หรือโฆษณาผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ ในอดีตเคยนิยมใช้ช่องทางผ่านสื่อต่างๆ เช่น โทรทัศน์ วิทยุ เเละสื่อกลางในการใช้งานที่มากที่สุดในปัจจุบัน คืออินเตอร์เน็ตนั่นเอง โดยสามารถใช้ทั้งข้อความเสียง ภาพ เเละคลิปวีดีโอในการประกอบธุรกิจได้ การทำธุรกิจเเบบ E-commerce สามารถเข้าถึงลูกค้าได้อย่างกว้างขวาง เเละทำให้ลดค่าใช้จ่ายต่างๆในกนารดำเนินธุรกิจได้เป็นอย่างดี  ธุรกิจรูปเเบบ E-commerce มีหลากหลายรูปเเบบที่เราจะมาพูดถึงกันในวันนี้

ประเภทของ E-commerce

  • ธุรกิจผู้ซื้อปลีก หรือ B to C ( Business to Consumer ) คือ ผู้ซื้อปลีกซื้อสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์จากผู้ขาย เช่นการสั่ง เครื่องสำอางออนไลน์ ซื้อเสื้อผ้ารองเท้า เป็นต้น
  • ธุรกิจกับหน่วยงานรัฐ หรือ B to G ( business to Government ) ในที่นี้ คือธุรกิจระหว่างภาคเอกชนเเละหน่วยงานรัฐบาล เช่น การจดทะเบียนการค้า การรายงานผลประกอบการประจำปี การสืบค้นเครื่องหมายทางการค้า เป็นต้น
  • ธุรกิจกับธุรกิจ หรือ B to B ( business to Business ) คือผู้ประกอบการทั้งสองฝ่ายทำการติดต่อตกลงซื้อขายทำธุรกิจกัน โดยเน้นไปที่การค้าเเบบขายส่ง ซึ่งทำการสั่งซื้อผ่านทางอินเตอร์เน็ต
  • รัฐบาลกับรัฐบาล หรือ G to G ( Government to Government ) รัฐบาลในที่นี้หมายถึงภาครัฐเเละเอกชน ส่วนใหญ่เป็นการติดต่อเเลกเปลี่ยน ข้อมูลระหว่างกระทรวง
  • ผู้บริโภคกับผู้บริโภค หรือ C to C ( Consumer to Consumer ) คือการติดต่อเเลกเปลี่ยนซื้อขายระหว่างผู้บริโภคด้วยกัน ผู้บริโภคในที่นี้หมายถึง บุคคลที่ไม่ได้ประกอบธุรกิจประกาศขายสินค้าของตนเอง เเละผู้บริโภคคนอื่นก็สนใจจะซื้อสินค้า การประกาศขายนี้ส่วนใหญ่ขายผ่านทางอินเตอร์เน็ต ทางเเพรตฟอร์ม Social Media  เนื่องจากมีพื้นที่ให้ติดต่อซื้อขายสดวก
  • รัฐบาลกับประชาชน หรือ G to C  ( Government to Consumer ) คือ การให้บริการจากภาครัฐผ่านสื่อออนไลน์ต่างๆ เช่นการคำนวนเเละเสียภาษีผ่านทางเว็ปไซต์ออนไลน์ การดามโหลดเเบบฟอร์มเพื่อ ลงทะเบียนต่างๆผ่านทางเว็ปไซต์

เเล้วทำไมเราจึงควรมีธุรกิจรูปเเบบ E-commerce ?

นั่นก็เพราะว่าในปัจจุบันชีวิตของเราเเทบทุกย่างก้าวขับเคลื่อนไปพร้อมๆกับการใช้ SocialMedia หรือ Internet ช่องทางต่างๆ ผู้คนสามารถเข้าถึงสื่ออิเล็กทรอนิกส์ได้ง่าย     สดวกรวดเร็ว เเละการใช้งาน Internet เเทบจะเป็นอีกหนึ่งกิจวัตรประจำวันของคนเราไปเเล้ว เเละด้วยเหตุนี้ ทำให้หลายๆธุรกิจหันมาทำ E-commerce กันมากขึ้น เพื่อให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย อีกทั้งธุรกิจ E-commerce ยังมีข้อดีหลายด้านด้วยกัน เช่น

  • ไม่ต้องพึ่งหน้าร้าน เพราะเราสามารถเเสดงสินค้าได้ผ่านรูป วีดีโอ ผ่านทาง Social Media
  • ลดค่าใช้จ่ายในการจ้างพนักงาน สามารถเเสดงข้อมูลสินค้าพร้อมระบบสนทนาอัตโนมัติได้ ทำให้สามารถรองรับลูกค้าที่สนใจได้ตลอด 24 ชม.
  • เพิ่มโอกาสในการขาย เพราะว่าร้านค้ามีโอกาสเข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้อย่างหลากหลาย จึงสามารถค้าขายได้ทั้งภายในประเทศ เเละต่างประเทศ เเละในปัจจุบันระบบขนส่งก็อำนวยความสดวกมากขึ้นด้วย
  • ลดค่าใช้จ่ายในการบริหารเเละจัดการ สามารถเหลือต้นทุนเพื่อไปลงทุนทำอย่างอื่นเพิ่มเติมได้ เช่นขยายธุรกิจ เพิ่มสินค้าให้หลากหลายเพื่อให้ธุรกิจของคุณครอบคลุมฐานลูกค้าทุกกลุ่ม หรือนำเงินไปลงทุนกับค่าโฆษณาเพื่อเรียกลูกค้าได้เช่นกัน
  • ทำการตลาดได้อย่างเเม่นยำ เเละสามารถวัดผลได้ สามารถใช้เว็ปไซต์หรือ Social Media เก็บข้อมูลลูกค้าเเละผู้เยี่ยมชมได้ เเละเราสามารถนำข้อมูลเหล่านี้ไปต่อยอดทำการตลาดออนไลน์ได้ตรงกลุ่มเป้าหมาย อีกทั้งยังมีระบบที่สามารถตรวจสอบประสิทธิภาพได้ ซึ่งต่างจากการโฆษณาเเบบระบบธุรกิจดั่งเดิมที่ ใช้สื่อโฆษณาผ่านทางโทรทัศน์ หรือหนังสือพิมพ์

นอกจากการมีเว็ปไซต์ E-commerce ที่ดีเเล้ว สิ่งที่เราไม่ควรละเลยคือกลยุทธ์ทางการตลาดในการโปรโมทสินค้าทางสื่อออนไลน์ด้วย เพราะเป็นสิ่งที่สำคัญไม่เเพ้กัน เพราะหากว่าธุรกิจของคุณจะดีเเค่ไหน หากไม่มีคนรู้จักเเละ ไม่มีคนเข้าชมเว็ปไซต์ของคุณเลย ขั้นตอนของการขายสินค้าก็ไม่อาจเกิดขึ้นได้ การทำธุจกิจประเภท E-commerce มีประโยชน์หลายๆด้าน โดยหัวใจหลักจะอยู่ที่เว็ปไซต์ขายสินค้าที่สามารถอำนวยความสะดวกต่อเจ้าของธุรกิจเเละลูกค้า บางธุรกิจหรือผู้ที่ยังมีทุนไม่พร้อมก็สามารถใช้สื่อ Social Media ในการขายสินค้าไปก่อนได้เหมือนกัน

“วันพรุ่งนี้ที่ดีกว่า จะได้มาต้องเริ่มที่วันนี้”

“A better tomorrow starts today”

Toplist

โพสต์ล่าสุด

แท็ก

ไทยแปลอังกฤษ แปลภาษาไทย โปรแกรม-แปล-ภาษา-อังกฤษ พร้อม-คำ-อ่าน lmyour แปลภาษา แปลภาษาอังกฤษเป็นไทย pantip ไทยแปลอังกฤษ ประโยค แอพแปลภาษาอาหรับเป็นไทย ห่อหมกฮวกไปฝากป้าmv ระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ. 2560 แปลภาษาอาหรับ-ไทย Terjemahan พจนานุกรมศัพท์ทหาร หยน แปลภาษา มาเลเซีย ไทย Bahasa Thailand ข้อสอบภาษาอังกฤษ พร้อมเฉลย pdf บบบย tor คือ จัดซื้อจัดจ้าง การ์ดแคปเตอร์ซากุระ ภาค 4 ชขภใ ยศทหารบก เรียงลําดับ ห่อหมกฮวกไปฝากป้า หนังเต็มเรื่อง เขียน อาหรับ แปลไทย แปลภาษาอิสลามเป็นไทย Google map กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน อบรมออนไลน์ กระบวนการบริหารทรัพยากรมนุษย์ 8 ขั้นตอน ข้อสอบคณิตศาสตร์ พร้อมเฉลย ค้นหา ประวัติ นามสกุล อาจารย์ ตจต แจ้ง ประกาศ น้ำประปาไม่ไหล แปลบาลีเป็นไทย แปลภาษา ถ่ายรูป แปลภาษาจีน แปลภาษามลายู ยาวี โรงพยาบาลภมูพลอดุยเดช ที่อยู่ Google Drive Info TOR คือ กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน ช่างไฟฟ้า กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน อบรมฟรี 2566 กลยุทธ์ทางการตลาด มีอะไรบ้าง การบริหารทรัพยากรมนุษย์ มีอะไรบ้าง การประปาส่วนภูมิภาค การ์ดแคปเตอร์ซากุระ ภาค 3 ขขขขบบบยข ่ส ข่าว น้ำประปา วันนี้ ข้อสอบโอเน็ต ม.6 มีกี่ตอน ตารางธาตุ ประปาไม่ไหล วันนี้