April 01, 2019 11:38
ตอบโดย
ฉัตรดนัย ศรชัย (นักจิตวิทยาการปรึกษา)
Rehabilitation in Mental Health & Addiction
สวัสดีครับ
จากอาการที่เล่ามาจะเห็นได้ว่ากำลังมีความทุกข์ ความเครียด และเรื่องราวที่ทำให้หนักใจค่อนข้างเยอะ โดยสาเหตุอาจจะมาจากเรื่องงานผสมกับเรื่องอื่นๆรวมๆกันหรือเปล่าครับ ตรงนี้หากมีอาการตามลิสด้านล่างนี้ประมาณ 3-5 อาการติดต่อกันเป็นเวลามากกว่า 2 สัปดาห์อาจจะเข่าข่ายในเรื่องของภาวะโรคซึมเศร้าได้นะครับ
- รู้สึกสิ้นหวัง ไม่มีค่า ว่างเปล่า ไม่รู้ว่าจะทำอะไรต่อไปหรือทำไปเพื่ออะไร
- รู้สึกเศร้า หรือ ในเด็กและวัยรุ่นอาจรู้สึกหงุดหงิดง่าย กระสับกระส่าย หรือกระวนกระวายใจอยู่บ่อยๆ
- หมดความสนใจในกิจกรรมหรืองานอดิเรกที่เคยชื่นชอบ เช่น รู้สึกเบื่อหน่ายอาหารโปรดหรือการร่วมเพศ
-
น้ำหนักลดลงหรือเพิ่มขึ้นเร็วมาก เนื่องมาจากนิสัยการกินที่เปลี่ยนไป
- นอนไม่หลับติดต่อเป็นเวลานาน หรือนอนนานผิดปกติ
- อ่อนเพลีย ไม่มีแรง
- ไม่มีสมาธิ ไม่สามารถจดจ่อกับสิ่งที่ทำได้เลย บางครั้งก็แสดงอาการหลงๆ ลืมๆ และใช้เวลานานในการตัดสินใจเรื่องต่างๆ
- คิด พูด และทำงานเร็วขึ้นหรือช้าลง
- รู้สึกอยากฆ่าตัวตาย พยายามฆ่าตัวตาย
หรือทำร้ายตัวเอง
ซึ่งหากเป็นเช่นนั้นแล้ว การเข้าพบจิตแพทย์และนักจิตวิทยาก็เป็นสิ่งที่ควรทำเพื่อรับการประเมินและหาแนวทางการช่วยเหลือที่เหมาะสมต่อไปซึ่งอาจจะเป็นเรื่องของการทานยา หรือการรับคำปรึกษาซึ่งตรงนี้คุณเองก็สามารถเลือกได้ถึงการรับบริการตรงจุดนี้นะครับ
นอกจากการเข้าพบผู้เชี่ยวชาญผมขอเพิ่มเติมว่า คุณสามารถลองทำกิจกรรมที่เคยสนใจหรือทำแล้วรู้สึกว่าทำให้ผ่อนคลายหรือทำให้รู้สึกดีขึ้นได้บ้าง หาเวลาที่ตนเองจะรู้สึกสงบ รู้สึกดี หรือรู้สึกสนุกผ่อนคลายให้ และแบ่งเวลาไปอยู่กับสิ่งๆนั่นครับ นอกจากนั้นอาจจะลองมองดูกิจกรรมที่สามารถทำเป็นประจำได้เช่น การออกลังกาย การฟังเพลง หรือการทำงานอดิเรกบางอย่าง ทานอาหารให้ครบหมู่ ออกไปทานของอร่อยๆบ้าง ซึ่งตรงนี้ก็จะเป็นส่วนหนึ่งที่มีส่วนช่วยให้ความเครียดลดลงได้ คล้ายๆกับการพักฟื้นให้สภาพจิตใจของตนเองค่อยๆมีการเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น ซึ่งการดูแลตนเองควบคู่กันไปด้วยกับการรับการช่วยเหลือจากผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพจิต จะทำให้สภาพจิตใจและเป็นการฝึกเพื่อให้คุณสามารถรับมือกับเรื่องต่างๆที่เข้ามาในชีวิตได้ในระยะยาวครับ
สุดท้ายนี้หากรู้สึกว่าต้องการจะพูดคุยกับใครซักคนหนึ่งแต่ยังไม่ต้องการที่จะพบกับจิตแพทย์หรือนักจิตวิทยา สายด่วนสุขภาพจิต 1323 ก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่คุณจะสามารถโทรเข้าไปพูดคุยกับเจ้าหน้าที่ได้ซึ่ง ข้อเสียคืออาจจะต้องมีการรอสายที่นานในบางช่วงเวลานะครับ หากคุณมีคำถามอื่นๆเพิ่มเติมก็สามารถสอบถามเข้ามาได้เลยนะครับ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
April 01, 2019 12:00
ตอบโดย
ศิรินทิพย์ ผอมน้อย (นักจิตวิทยาคลินิก)
การที่มีอารมณ์ทางลบเกิดจากสารเคมีในสมองหลั่งผิดปกติ และการอยู่คนเดียวเป็นปัจจัยกระตุ้นให้เกิดอารมณ์ทางลบมากขึ้น จากอาการที่กล่าวมา มีโอกาสที่จะเป็นอาการของซึมเศร้าได้นะคะ
อาการของโรคซึมเศร้าหลักๆคือ จะมีอาการเหล่านี้ต่อเนื่องนาน 2 สัปดาห์ขึ้นไป ได้แก่ เบื่อ ท้อแท้ เศร้า พฤติกรรมการกิน การนอน เปลี่ยนไป รู้สึกไร้ค่า ขาดสมาธิ มีความคิดทำร้ายตัวเอง ค่ะ
หากมีอาการดังกล่าวแนะนำพบจิตแพทย์เพื่อประเมินอาการเพิ่มเติม วินิจฉัยโรคให้แน่ชัด แล้วรับการรักษาด้วยวิธีที่เหมาะสม ซึ่งการรักษาซึมเศร้าจำเป็นต้องใช้ยาเพื่อปรับสมดุลของสารเคมีในสมอง ร่วมกับการทำจิตบำบัด นอกจากนั้นผู้ป่วยต้องดูแลตัวเองด้วยการพักผ่อนให้เพียงพอ หลีกเลี่ยงจากความเครียด หมั่นออกกำลังกาย ทานยาอย่างสม่ำเสมอ จะช่วยให้อาการดีขึ้น ปรับตัวใช้ชีวิตได้ตามปกตินะคะ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
April 01, 2019 12:59
ตอบโดย
Shintai Thavonlun (นพ.)
น่าจะเป็นอาการของภาวะซึมเศร้าครับ
เบื้องต้นแนะนำให้ หาเวลาออกกำลังกาย เช่น วิ่ง เต้นแอโรบิค, ดูภาพยนตร์ตลกหรืออ่านหนังสือการ์ตูนตลก, ระบายผ่อนคลายความเครียดบ้าง เช่น
ร้องไห้ ตะโกน เขียนระบายความรู้สึก, พูดคุยกับคนที่ไว้ใจ จะทำให้ลดความเครียด ความกังวลได้ครับ และสุดท้ายคือ มองโลกในแง่ดี คิดว่าทุกปัญหามีทางแก้ครับ ส่วนโทรปรึกษาจะมีสายด่วนสุขภาพจิต โทร. 1323 ได้ครับ
โดยแบบประเมินโรคซึมเศร้ามีดังนี้ครับ
จะมีอาการดังต่อไปนี้ 5 อาการขึ้นไป โดยอาการมีดังนี้
1. อารมณ์ซึมเศร้า (เด็กและวัยรุ่นอาจจะเป็นอารมณ์หงุดหงิดแทนได้ครับ)
2. มีความสนใจในกิจกรรมต่างๆ แทบทั้งหมดลดลงมาก
3. นํ้าหนักลดลงหรือเพิ่มขึ้นมาก (โดยเปลี่ยนแปลงมากกว่าร้อยละ 5 ต่อเดือน)
หรือเบื่ออาหารหรือเจริญอาหารมากขึ้น
4. กระวนกระวาย หรือดูเชื่องช้าลง
5.นอนไม่หลับ/หลับมากไป
6. อ่อนเพลีย ไม่มีแรงแรง
7. มีสมาธิลดลง ใจลอย หรือลังเลใจ
8.รู้สึกว่าตนเองไร้ค่า
9. มีความคิดเรื่องการตาย คิดอยากตาย
จะต้องมีอาการในข้อ 1 หรือ 2 อย่างน้อย 1 ข้อ และมีอาการเป็นอยู่นาน 2 สัปดาห์ขึ้นไป และควรมีอาการเหล่านี้แทบจะตลอดเวลาครับ
ดีที่สุดน่าจะไปพบแพทย์เฉพาะทาง ทางด้านจิตใจ(จิตแพทย์)โดยเฉพาะครับ เพราะจะได้วินิจฉัยแยกโรคอื่นๆที่มีอาการคล้ายกัน เช่น ภาวะเศร้าการปรับตัวไม่ได้จากปัญหาที่มากระทบจิตใจ หรือ ภาวะวิตกกังวลครับ และคุณหมอจิตแพทย์จะชำนาญในการรักษาและให้ยา อีกทั้งจะได้ให้คำแนะนำและติดตามอาการครับ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669