- Digital Footprint ส่งผลกับชีวิตเราอย่างไร
- วิธีหลีกเลี่ยงการทิ้งรอยเท้าทางดิจิทัล
ไม่ว่าจะในโลกความจริงหรือโลกดิจิทัล การกระทำมีผลของมันเสมอ เช่นเดียวกับพฤติกรรมการใช้งานอินเทอร์เน็ต การใช้งานโซเชียลมีเดียในแพลตฟอร์มต่าง ๆ สามารถทิ้งร่องรอยและประวัติการใช้งานของเราเอาไว้ ส่งผลต่อการดำเนินชีวิตของเราได้
Digital Footprint คืออะไร?
Digital Footprint คือ รอยเท้าบนโลกดิจิทัล รวมทั้งพฤติกรรมการใช้งานโซเชียลมีเดียแพลตฟอร์มต่าง ๆ เช่น Facebook, Twitter, Instagram และ YouTube การพิมพ์ข้อความคอมเมนต์ การโพสต์ข้อความ วิดีโอ เขียนบล็อก การเข้าสู่เว็บไซต์ การกดไลก์เพจ หรือแชร์ข้อความ พฤติกรรมการใช้งานต่าง ๆ เหล่านี้จะถูกบันทึกไว้ ให้ติดตามร่องรอยถึงตัวเราได้ ซึ่งทำให้ทั้งผู้ประสงค์ร้ายสามารถเข้าถึงเข้ามูลได้ ขณะเดียวกันผู้ที่ต้องการสืบค้นประวัติของคุณก็สามารถสืบค้นได้เช่นกัน
Digital Footprint มีด้วยกัน
2 ประเภท
หากจะให้อธิบาย Digital Footprint อย่างเข้าใจและเห็นภาพแล้วนั้น จะพบว่าสามารถแบ่งออกได้เป็น 2 ประเภท คือ Passive Digital Footprint และ Active Digital Footprint
Passive Digital Footprint
เป็นข้อมูลทางดิจิทัลที่เราทิ้งไว้โดยไม่เจตนา โดยไม่ตั้งใจ ไม่รู้ตัวว่าได้ทิ้งร่องรอยไว้บนอินเทอร์เน็ต เช่น IP Address รวมทั้งการค้นหาข้อมูลในเว็บไซต์ต่าง ๆ เป็น Search History หรือแม้กระทั่งพาสเวิร์ดคอมพิวเตอร์ พาสเวิร์ดเข้าเว็บไซต์ที่ถูกบันทึกไว้อัตโนมัติ
Active
Digital Footprint
เป็นข้อมูลทางดิจิทัลที่เปิดเผยโดยเจตนา เช่น การโพสต์ลงบนโซเชียลมีเดียส่วนตัวแพลตฟอร์มต่าง ๆ เช่น Facebook, Twitter, Instagram และ YouTube หรือการส่งอีเมล การเขียนบล็อก การคอมเมนต์เป็นข้อความหรือรูปภาพ ซึ่งสามารถสืบค้นและส่งผลต่อชีวิตเราได้
Digital Footprint กับโลกการทำงาน
Digital Footprint
ที่แสดงถึงพฤติกรรมการใช้งานโซเชียลมีเดียของเรา ยังส่งผลต่อการทำงานได้ด้วย เพราะปัจจุบันหลายองค์กรนอกจากขอดูประวัติการทำงานผ่าน Resume หรือ Portfolio แล้ว ยังเข้าไปสืบค้นประวัติของคุณผ่านโซเชียลมีเดีย เพื่อประกอบการพิจารณารับเข้าทำงาน เพื่อให้เข้าถึงและรู้จักตัวตนของผู้สมัครมากยิ่งขึ้น ว่ามีความเหมาะสมกับองค์กรหรือไม่
โดยจากผลสำรวจของ CareerBuilder พบว่า ผู้ประกอบการกว่า 70% ยอมรับว่าใช้โซเชียลมีเดียในการค้นหาข้อมูลผู้สมัครประกอบการพิจารณา โดยกว่า 40%
ปฏิเสธที่จะรับผู้สมัครเข้าทำงานหากโพสต์ภาพ วิดีโอ หรือข้อมูลในทางไม่เหมาะสม ฉะนั้นการที่จะโพสต์ ไลก์ แชร์ หรือคอมเมนต์ใด ๆ ขอให้คงความเป็นมืออาชีพ และมีความคิดสร้างสรรค์ไว้เป็นหลัก
วิธีการหลีกเลี่ยงการทิ้ง Digital Footprint
การใช้งานอินเทอร์เน็ตและโซเชียลอย่างระมัดระวัง คือสิ่งที่จะช่วยหลีกเลี่ยงการทิ้งร่องรอย Digital Footprint ได้ โดยเราอาจแบ่งออกเป็นตามการใช้งานแบบ Active และ Passive ซึ่งสามารถนำไปปฏิบัติได้ดังนี้
Active Digital Footprint
- การโพสต์หรือการคอมเมนต์สามารถส่งผลดีและผลเสียต่อชีวิตของเราได้ ฉะนั้นเตือนตัวเองเสมอก่อนจะเขียนอะไรลงไป ใช้สติ และวิจารณญาณ และเขียนในเชิงที่สร้างสรรค์แทน
- ถึงจะลบโพสต์หรือคอมเมนต์ไปแล้ว แต่รอยเท้าดิจิทัลนี้ก็ยังสามารถสืบค้นได้และอยู่ตลอดไปในโลกออนไลน์ จึงต้องเพิ่มความระมัดระวัง
- ก่อนจะรับใครเป็นเพื่อน ไม่ว่าจะเป็นช่องทางออนไลน์ไหน ให้พิจารณาให้ดี เพราะเราอาจไปเปิดเผยข้อมูลส่วนตัวให้กับมิจฉาชีพหรือแฮ็กเกอร์ล้วงความลับแบบไม่รู้ตัว
Passive Digital Footprint
- แจ้งยกเลิกอีเมลที่ไม่ได้ใช้งาน
- ตั้งค่าความเป็นส่วนตัวใน Account ต่าง ๆ
- หลีกเลี่ยงการคลิกเข้าไปในเว็บไซต์ที่ไม่ใช่ Official Account เพื่อตอบแบบสอบถาม เพราะจะเป็นการดึงข้อมูลส่วนตัวของเราไปได้
- หลีกเลี่ยงการโพสต์ที่เป็นสินทรัพย์ส่วนตัวที่จะทำให้สูญเสียทรัพย์สิน เช่น โพสต์อวดบ้าน อวดรถ เป็นต้น และหลีกเลี่ยงการแชร์โลเคชัน เพื่อให้มิจฉาชีพเข้าถึงได้ง่าย
- ทำการตั้งค่าระบบความปลอดภัยเพื่อป้องกันอุปกรณ์สื่อสารและคอมพิวเตอร์ของคุณจากภัยคุกคามทางไซเบอร์ และมีการแบ็กอัปข้อมูลไว้เสมอ
- ปิดโหมดบลูทูธเมื่อไม่ได้ใช้งาน เพราะเป็นช่องทางดึงข้อมูลส่วนตัวจากมิจฉาชีพ
- หมั่นอัปเดตระบบปฏิบัติของโทรศัพท์หรือเครื่องคอมพิวเตอร์เสมอ
- ตรวจสอบระบบ Wi-fi สาธารณะก่อนใช้งาน ไม่ใช้ Wi-fi ที่ให้เปิดเผยข้อมูลส่วนตัว
จะเห็นว่าพฤติกรรมการใช้อินเทอร์เน็ตและโซเชียลมีเดียของเรามีความสำคัญมากทีเดียว สามารถส่งผลต่อความปลอดภัย การดำเนินชีวิต และอนาคตการทำงานได้เลยทีเดียว ฉะนั้นก่อนคลิกทุกครั้งให้คิดก่อนนะครับ
ขอบคุณข้อมูลจาก
- เว็บไซต์ The Matter
- เว็บไซต์ HR Note Asia
- เว็บไซต์ Cyfence
รอยเท้าดิจิทัล ภัยร้ายในสื่อสังคมออนไลน์
ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า ‘โลกโซเชียล’ ได้กลายมาเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตคนในปัจจุบัน ที่ไม่ว่าจะเป็นด้านข่าวสาร ความบันเทิง การเรียน การทำงาน รวมไปถึงการใช้ชีวิตต่าง ๆ เราก็สามารถที่จะโพสต์หรือแชร์ข้อมูลต่าง ๆ ให้กระจายไปถึงผู้อื่นได้ด้วยความรวดเร็ว
และด้วยความรวดเร็วของสื่อโซเชียลนี่แหละที่เปรียบเสมือนดาบสองคม ที่หากเราใช้อย่างระมัดระวังมันก็จะเกิดผลดีกับตัวเรา แต่หากเราปล่อยปะละเลย ใช้สื่อด้วยความประมาท มันก็พร้อมที่จะบาดและทำร้ายเราได้เช่นเดียวกัน วันนี้เราจึงพาทุกคนไปทำความรู้จักกับ ‘รอยเท้าดิจิทัล’ ภัยร้ายที่อาจส่งผลต่อการใช้ชีวิต
รอยเท้าดิจิทัลคืออะไร
คำว่ารอยเท้าดิจิทัลฟังดูเผิน ๆ เหมือนกับไม่ใช่พิษร้ายแรงอะไร แต่จริง ๆ แล้ว รอยเท้าดิจิทัล หรือ Digital footprint คือร่องรอยที่บุคคลทิ้งไว้ขณะท่องเข้าสู่โลกอินเทอร์เน็ต อาทิ เว็บไซต์ อีเมล รวมไปถึงแอปพลิเคชั่นต่าง ๆ ที่ผ่านการยืนยันตัวตนและป้อนข้อมูลเพื่อเข้าสู่ระบบ โดยรอยเท้าดิจิทัลจะถูกแบ่งออกเป็น 2 ประเภท ดังนี้
รอยเท้าดิจิทัลที่เกิดโดยไม่เจตนา (passive digital footprint)
- เป็นข้อมูลที่ผู้ใช้อินเทอร์เน็ตมีการบันทึกไว้โดยไม่ได้เจตนา อาทิ ประวัติการค้นหาออนไลน์ที่ถูกบันทึกไว้ผ่านโปรแกรมค้นหา หรือ search engines
รอยเท้าดิจิทัลที่เกิดโดยเจตนา (active digital footprint)
- เป็นข้อมูลที่ผู้ใช้อินเทอร์เน็ตจงใจจะบันทึกข้อมูลส่วนตัวเอาไว้ในระบบ อาทิ การเขียนบล็อก การโพสต์ข้อความในสื่อโซเชียล การกดไลก์ในแอปพลิเคชั่น ไปจนถึงการแชร์รูปภาพและข้อความต่าง ๆ ทั้งหมดที่กล่าวมาล้วนเป็นรอยเท้าที่ผู้ใช้ได้ทิ้งเอาไว้ และหากเรายิ่งเล่นมันมากเท่าไหร่ รอยเท้าของเราก็จะยิ่งโตมากขึ้นเท่านั้น
[advanced_iframe iframe_hide_elements=”header,footer,#filterWrapper,.bread” src=”//www.shopat24.com/it/notebook-pc/?show=all&filter.from_PRICE=5000&filter.to_PRICE=14000&sortBy=si&filter.initial_from_PRICE=4830&filter.initial_to_PRICE=39150&view=6/&utm_source=blog&utm_medium=iframe” change_iframe_links=”a” change_iframe_links_target=”_blank”]
ซึ่งแน่นอนเลยว่าเมื่อข้อมูลดิจิทัลของเราได้มีการเผยแพร่ออกไปก็ยากที่จะนำมันออกจากระบบ เพราะถึงแม้เราจะลบหรือปิดแหล่งข้อมูลออกไป แต่คนอื่น ๆ ที่กำลังให้ความสนใจคุณ อาจกำลังแกะรอยจากระบบดาต้าเบส (Database) ที่ไว้ใช้บันทึกข้อมูลกิจกรรมของคุณอยู่ตลอดเวลานั่นเอง
ข่าวสารจาก : BBC NEWS
ใช้สื่อโซเชียลอย่างไรให้ปลอดภัยมากที่สุด
- ปกป้องชื่อเสียงของตัวเอง : เรื่องไหนที่ไม่มีความจำเป็น ก็ไม่ควรที่จะเผยแพร่ลงบนพื้นที่สาธารณะ เพราะข้อมูลเหล่านี้อาจส่งผลไปถึงการศึกษา ตลอดจนการสมัครงานของผู้ใช้
- สร้างขอบเขตภายในพื้นที่ส่วนตัว : จำกัดข้อมูลที่มีความเป็นส่วนตัว เช่น ข้อมูลการศึกษา, ที่อยู่อาศัย, สถานที่ทำงาน, ข้อมูลด้านสุขภาพ ฯลฯ เพื่อป้องกันมิจฉาชีพที่จะเข้ามาสวมรอย
- หลีกเลี่ยงการโพสต์ทรัพย์สินหรือของมีค่า : ของมีค่าเหล่านี้ถือเป็นชนวนชั้นดีที่อาจไปล่อตาล่อใจมิจฉาชีพ เมื่อคุณไม่ทันได้ระวังคุณอาจจะตกเป็นเป้าสายตา และเป็นเหยื่ออาชญากรรมทางออนไลน์ได้
- ไม่ตั้งรหัสผ่านง่ายเกินไป : รหัสผ่านเปรียบเสมือนกุญแจสำคัญ ดังนั้นควรเลือกตั้งรหัสผ่านเฉพาะตัว ซับซ้อน และยากที่บุคคลอื่นจะสามารถเดาได้
- ระมัดระวังการใช้บลูทูธ : ถึงแม้ว่าบลูทูธจะเป็นตัวช่วยที่มีความสะดวกสบาย แต่มันก็เป็นช่องทางที่ทำให้ผู้ไม่หวังดีแทรกซึมเข้ามาได้เช่นกัน (ควรปิดบลูทูธเมื่อไม่ใช้งาน)
- ระมัดระวังเว็บไซต์หลอกลวงข้อมูล : หากเป็นเว็บไซต์ที่ไม่คุ้นเคย หรือมี URL ของเว็บไซต์ที่แปลกตาไปจากเดิม ควรหลีกเลี่ยงการกรอกข้อมูลส่วนตัวลงไป เพราะนั่นอาจเป็นวิธีการล้วงความลับเพื่อนำไปเปิดบัญชีอินเทอร์เน็ตแบงกิง
ดังนั้นก่อนที่จะตัดสินใจโพสต์รูปภาพ ข้อความ หรือแชร์สิ่งต่าง ๆ ลงบนพื้นที่สาธารณะ คุณจำเป็นจะต้องคำนึงถึงผลลัพธ์ที่กำลังตามมา เพราะในอนาคตสิ่งที่คุณกำลังทำไปแบบไม่ได้คิดอะไร อาจจะเป็นภัยร้ายที่ส่งผลต่อการดำเนินชีวิตได้เช่นกัน
อ่านเพิ่มเติม:
- XIAOMI ก้าวขึ้นเบอร์ 2 ตลาดสมาร์ทโฟนในไทย
- iPhone 13 จะใช้หน้าจอ AMOLED 120Hz ผลิตโดย Samsung
- ลือ! Apple Watch Series 8 อาจวัดแอลกอฮอล์ในเลือดได้
- ส่อง! สมาร์ทโฟน Huawei P50 จอกว้าง ชิปเซ็ต Kirin 9000
- Apple เปิดตัว AirTag อุปกรณ์ค้นหาและติดตามอัจฉริยะ ราคาเริ่มต้นไม่ถึงพัน