วันหยุดของลูกจ้าง
วันหยุด หมายความว่า วันที่กําหนดให้ลูกจ้างหยุดประจําสัปดาห์ หยุดตามประเพณี หรือหยุดพักผ่อนประจําปี
จากความหมายคําว่าวันหยุด ที่กําหนดไว้ในพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2541 ข้างต้น วันหยุดจึงมี 3 ประเภท ได้แก่
1. วันหยุดประจําสัปดาห์
2. วันหยุดตามประเพณี และ
3. วันหยุดพักผ่อนประจําปี
วันหยุด ที่กําหนด 3 ประเภท ข้างต้น คือ เวลาที่กฎหมายให้ลูกจ้างได้มีโอกาสพักผ่อนหลังจาก ได้ทํางานติดต่อกันมาเป็นเวลาพอสมควร รวมทั้งวันหยุดให้มีโอกาสปฏิบัติกิจตามประเพณีของท้องถิ่น และพักผ่อนหลังทํางานมาครบปีด้วย
วันหยุดประจักสัปดาห์
กฎหมายกําหนดให้นายจ้างจัดให้ลูกจ้างมีวันหยุดประจําสัปดาห์ สัปดาห์หนึ่งไม่น้อยกว่าหนึ่งวัน โดยวันหยุดประจําสัปดาห์ต้องมีระยะห่างกันไม่เกินหกวัน นายจ้างและลูกจ้างอาจตกลงกันล่วงหน้า กําหนดให้มีวันหยุดวันใดวันหนึ่งของสัปดาห์ก็ได้โดยทั่วไปจะกําหนดวันอาทิตย์
กรณีลูกจ้างทํางานโรงแรม งานขนส่ง งานในป่า งานในที่ทุรกันดาร หรืองานอื่นตามที่กฎกระทรวง ได้ออกมาเพิ่มเติม นายจ้างและลูกจ้างอาจตกลงกันล่วงหน้า สะสมวันหยุดประจําสัปดาห์และเลื่อนไป หยุดเมื่อใดก็ได้ แต่ต้องอยู่ในระยะเวลาสี่สัปดาห์ติดต่อกัน
สาระสําคัญของวันหยุดประจําสัปดาห์ จึงมีดังนี้
1. ในหนึ่งสัปดาห์หรือ 7 วัน นายจ้างต้องให้ลูกจ้างมีวันหยุดประจําสัปดาห์ไม่น้อยกว่า 1 วัน จะเป็นวันใดของสัปดาห์ก็ได้แต่ต้องไม่น้อยกว่า 1 วัน ส่วนจะให้หยุด 1 วันครึ่ง เช่น หยุดวันเสาร์ครึ่งวัน วันอาทิตย์ 1 วัน เป็นวันครึ่ง หรือให้หยุด 2 วัน คือวันเสาร์เต็มวัน วันอาทิตย์เต็มวันรวมเป็นวันหยุด 2 วัน ก็ได้ วันหยุดไม่จําเป็นต้องเป็นวันเสาร์-อาทิตย์ จะกําหนดวันใดของสัปดาห์ก็ได้ เช่น ร้านตัดผม - ให้ช่างตัดผมซึ่งมีอยู่ 7 คน หมุนเวียนกันหยุดคนละ 1 วัน ตั้งแต่วันจันทร์ถึงวันอาทิตย์ก็ได้
2. วันหยุดประจําสัปดาห์แต่ละครั้งต้องห่างกันไม่เกิน 6 วัน หมายความว่าให้ทํางาน 6 วัน แล้วหยุด 1 วัน เช่น ให้หยุดวันพุธของสัปดาห์ ทํางานวันพฤหัสบดีถึงวันอังคาร วันพุธหยุดเช่นนี้ถูกต้องเพราะห่างกัน ไม่เกิน 6 วัน หรือจะให้หยุดวันเสาร์และวันอาทิตย์รวม 2 วัน แล้วทํางานวันจันทร์ถึงวันศุกร์ของสัปดาห์ก็ใช้ได้ เพราะวันหยุดห่างไม่เกินกว่า 6 วัน เช่นกัน
3. มีข้อยกเว้นเกี่ยวกับลักษณะของงานที่ทําอันเป็นงานบริการประชาชนโดยทั่วไป หากหยุด อาจทําให้ธุรกิจเสียหาย งานบริการประชาชน นี้ได้แก่ งานบริการในโรงแรม งานที่อยู่ห่างไกลทุรกันดาร ไปกลับไม่สะดวก เช่น งานทําป่าไม้ งานประเภทลักษณะนี้ นายจ้างและลูกจ้างอาจตกลงสะสมวันหยุด ประจําสัปดาห์เลื่อนไปพักคราวเดียวกันหลายวันก็ทําได้ แต่กฎหมายห้ามไว้ว่า มิให้สะสมไว้เกิน 4 สัปดาห์ คือยินยอมให้สะสมติดต่อกันได้ 4 ครั้ง เท่านั้น จะเลื่อนไปนานเกิน 4 สัปดาห์ ไม่ได้ เพราะอาจเป็นผลราย ต่อลูกจ้างที่ต้องทํางานหนักติดต่อกันนานเกินควร
วันหยุดตามประเพณี
วันหยุดตามประเพณี คือวันหยุดของทางราชการประจําปี วันหยุดของทางศาสนาหรือ ขนบธรรมเนียมประเพณีแห่งท้องถิ่น โดยจะมีประกาศของคณะรัฐมนตรีกําหนดให้มีวันใดบ้างเป็นวันหยุด ประจําปี เพื่อให้เวลาแก่ประชาชนทั่วไปมีโอกาสหยุด ร่วมกระทํากิจกรรมสําคัญของทางราชการเช่น วันจักรี วันเฉลิมพระชนมพรรษา วันรัฐธรรมนูญ หรือวันตามขนบธรรมเนียมประเพณี เช่น วันขึ้นปีใหม่ วันสงกรานต์ วันแรงงานแห่งชาติ หรือวันสําคัญของทางศาสนา เพื่อให้ประชาชน ลูกจ้างทั่วไปได้ปฏิบัติ พิธีกรรมทางศาสนา เช่น วันมาฆบูชา วันวิสาขบูชา วันเข้าพรรษา เป็นต้น
กฎหมายกําหนดไว้ว่า “ให้นายจ้างประกาศกําหนดวันหยุดตามประเพณีให้ลูกจ้างทราบเป็นการ ล่วงหน้าไม่น้อยกว่าสิบสามวัน โดยรวมวันแรงงานแห่งชาติตามที่รัฐมนตรีประกาศกําหนดไว้ด้วย
ให้นายจ้างพิจารณากําหนดวันหยุดตามประเพณี จากวันหยุดราชการประจําปี วันหยุดทางศาสนา หรือขนบธรรมเนียมประเพณีแห่งท้องถิ่น ปิดประกาศให้ลูกจ้างทราบล่วงหน้าในกรณีวันหยุดตามประเพณี วันใดตรงกับวันหยุดประจําสัปดาห์ของลูกจ้าง ให้ลูกจ้างได้หยุดชดเชยวันหยุดตามประเพณีในวันทํางาน ถัดไป
ในกรณีที่นายจ้างไม่อาจให้ลูกจ้างหยุดตามประเพณีได้เนื่องจากลูกจ้างทํางานที่มีลักษณะหรือ สภาพของงานที่กําหนดไว้ในกฎกระทรวง ได้แก่ งานในกิจการโรงแรม สถานมหรสพ ร้านขายอาหาร ร้านขายเครื่องดื่ม สโมสร สมาคม สถานพยาบาล สถานบริการท่องเที่ยว งานในป่า งานในที่ทุรกันดาร งานขนส่ง หรืองานที่มีลักษณะทําติดต่อกันไป ถ้าหยุดจะเสียหายแก่งาน ให้นายจ้างตกลงกับลูกจ้างว่า จะหยุดงานในวันอื่นชดเชยวันหยุดตามประเพณีหรือนายจ้างจะจ่ายค่าทํางานในวันหยุดให้ก็ได้” 3
จากหลักกฎหมายข้างต้น สรุปว่า
1. นายจ้างต้องมีประกาศแจ้งวันหยุดตามประเพณีให้ลูกจ้างทราบล่วงหน้าก่อนที่จะมีการหยุด ตามประเพณีเกิดขึ้น ความ
2. กําหนดวันหยุดตามประเพณีให้ลูกจ้างได้หยุดไม่น้อยกว่า 13 วัน (จะกําหนดมากกว่า 13 วัน ก็ได้) โดยปกติแล้วนายจ้างอาจสอบถามลูกจ้างว่าจะหยุดวันใดซึ่งจํานวน 13 วัน หรือมากกว่าที่ให้หยุดนี้ ให้รวมวันแรงงาน คือวันที่ 1 พฤษภาคม ของทุกปีไว้ด้วย
3. ถ้าปรากฏว่าวันหยุดตามประเพณีวันใดตรงกับวันหยุดประจําสัปดาห์ของลูกจ้าง ให้ลูกจ้าง หยุดชดเชยเพิ่มในวันทํางานถัดไปทดแทนอีก 1 วัน
4. หากลูกจ้างทํางานประเภทที่หยุดไม่ได้หรือหยุดแล้วจะทําให้งานเสียหาย เช่น งานกิจการโรงแรม งานสโมสร งานทําในป่าและอยู่ห่างไกลให้ลูกจ้างมีสิทธิหยุดชดเชยในวันต่อไปที่สามารถ หยุดได้หรือจะขอรับเป็นค่าจ้างทํางานในวันหยุดทดแทนจากนายจ้างก็ได้
หยุดงานในวันหยุดตามประเพณีให้ลูกจ้างได้ประกอบกิจกรรมทางศาสนาที่ตนนับถือ
วันหยุดพักผ่อนประจําปี
วันหยุดพักผ่อนประจําปี เป็นวันหยุดของลูกจ้าง นอกเหนือจากวันหยุดประจําสัปดาห์และวันหยุด ตามประเพณี กล่าวคือ เป็นวันหยุดพักผ่อนหลังจากทํางานมาครบ 1 ปีแล้ว
หลักกฎหมายกําหนดไว้ดังนี้ “ลูกจ้างซึ่งทํางานติดต่อกันมาแล้วครบหนึ่งปี มีสิทธิหยุดพักผ่อน ประจําปีได้ปีหนึ่งไม่น้อยกว่า หกวันทํางาน โดยให้นายจ้างเป็นผู้กําหนดวันหยุดดังกล่าวให้แก่ลูกจ้างล่วงหน้า หรือกําหนดให้ตามที่นายจ้างและลูกจ้างตกลงกัน และในปีต่อมานายจ้างอาจกําหนดวันหยุด พักผ่อนประจําปีให้แก่ลูกจ้างมากกว่าหกวันทํางานก็ได้
นายจ้างและลูกจ้างอาจตกลงกันล่วงหน้าให้สะสม และเลื่อนวันหยุดพักผ่อนประจําปีที่ยังมิได้หยุด ในปีนั้นรวมเข้ากับปีต่อๆ ไปได้ สําหรับลูกจ้างยังทํางานไม่ครบหนึ่งปี นายจ้างอาจกําหนดวันหยุดพักผ่อน ประจําปีให้แก่ลูกจ้าง โดยคํานวณให้ตามส่วนก็ได้” 4
จากหลักกฎหมายข้างต้น สรุปการหยุดพักผ่อนประจําปีได้ดังนี้
1. ลูกจ้างจะต้องทํางานติดต่อกันมาโดยตลอดเป็นเวลาครบหนึ่งปีแล้ว
2. มีสิทธิหยุดพักผ่อนประจําปีเมื่อสิ้นปีการทํางานได้ไม่น้อยกว่า 6 วันทํางาน หมายความว่า เมื่อถึงสิ้นปีของปีที่ทํางาน นายจ้างจะเป็นผู้กําหนดวันหยุดพักผ่อนประจําปีจํานวนไม่น้อยกว่า 6วันทํางานให้ลูกจ้างทราบล่วงหน้าหรือนายจ้างกับลูกจ้างจะตกลงกันเอาวันใดเป็นวันหยุดพักผ่อนจํานวน 6 วันทํางาน ก็ได้ คําว่า 6 วันทํางานหมายถึง 6 วันที่ไม่รวมถึงวันหยุดประจําสัปดาห์หรือวันหยุดตามประเพณี ที่มีขึ้นในระหว่างวันหยุดพักผ่อนประจําปีและรวมกันแล้วต้องไม่น้อยกว่า 6 วัน
3. สิทธิหยุดพักผ่อนประจําปี ในปีถัดไป นายจ้างอาจกําหนดวันหยุดพักผ่อนประจําปีให้กับลูกจ้าง มากกว่า 6 วันทํางาน ก็ได้ ซึ่งเป็นสิทธิของนายจ้าง
4. กรณีลูกจ้างยังไม่ประสงค์จะใช้สิทธิหยุดพักผ่อนประจําปี จะตกลงกับนายจ้างให้สะสมวันหยุด พักผ่อนประจําปีปัจจุบันไปรวมกับปีหน้าเป็น 12 วันทํางาน หรือมากกว่าก็ได้
5. ลูกจ้างซึ่งทํางานกับนายจ้างยังไม่ครบหนึ่งปี นายจ้างอาจให้มีสิทธิหยุดพักผ่อนประจําปีได้ แต่จํานวนวันจะได้ตามสิทธิคํานวณสัดส่วนของ 6 วันทํางาน เช่น ทํางานมาได้เพียง 6 เดือน ก็อาจมีสิทธิ ได้หยุดพักผ่อนประจําปีจํานวน 3 วัน หรือ ทํางานมาได้เพียง 8 เดือน ก็อาจมีสิทธิได้หยุดพักผ่อนประจําปี จํานวน 4 วัน เป็นต้น ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับนายจ้าง เพราะกฎหมายใช้คําว่า “นายจ้างอาจกําหนดวันหยุดพักผ่อน ประจําปีให้ตามส่วนก็ได้”
วันหยุดประจําสัปดาห์ วันหยุดตามประเพณี และวันหยุดพักผ่อนประจําปีทั้ง 3 กรณี นายจ้าง ต้องจ่ายค่าจ้างให้กับลูกจ้างเสมือนว่าทํางานตามปกติ จะหักค่าจ้างจากการหยุดงานในวันดังกล่าวข้างต้นไม่ได้
ข้อมูลเพิ่มเติม