ร่างกฎหมายเศรษฐกิจดิจิทัล
ร่างพระราชบัญญัติว่าด้วยการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ พ.ศ. ....
เหตุผล:
จากปัจจุบันภัยคุกคามทางไซเบอร์มีจำนวนที่เพิ่มสูงขึ้นและทวีความรุนแรงขึ้นตามลำดับ ส่งผลกระทบและสร้างความเสียหายทั้งต่อระดับปัจเจกชนและระดับประเทศ ซึ่งนานาประเทศต่างให้ความสำคัญในการดำเนินงานเพื่อรับมือกับปัญหาภัยคุกคามดังกล่าวอย่างมาก จึงจำเป็นต้องกำหนดหลักเกณฑ์เพื่อกำหนดแนวทางและมาตรการต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องอย่างเป็นรูปธรรม
ดาวน์โหลดไฟล์เอกสาร:
- ‐ ร่างฯ ที่ ครม. รับหลักการ
- ‐ ร่างฯ ที่ สคก. ตรวจพิจารณาแล้ว
- ‐ ร่างฯ ที่เสนอ สนช. วาระหนึ่ง
- ‐ ผลการพิจารณาในวาระที่หนึ่ง
- ‐ รายงานกรรมาธิการ
- ‐ ร่างที่ สนช. เห็นชอบ
- ‐ ข้อสังเกตคณะกรรมาธิการ
- ‐ พระราชบัญญัติว่าด้วยการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ พ.ศ. 2562
กลับ
สภานิติบัญญัติแห่งชาติ |
พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว |
24 พฤษภาคม 2562 |
ประยุทธ์ จันทร์โอชา |
27 พฤษภาคม 2562 |
28 พฤษภาคม 2562 |
นายกรัฐมนตรี |
28 กุมภาพันธ์ 2562 |
28 กุมภาพันธ์ 2562 |
|
พระราชบัญญัติการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ พ.ศ. 2562 เป็นพระราชบัญญัติซึ่งพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัวมีพระบรมราชโองการประกาศให้เป็นกฎหมายเมื่อวันที่ 24 พฤษภาคม 2562 มีเหตุผลในพระราชบัญญัติว่า เพื่อป้องกันหรือรับมือภัยคุกคามไซเบอร์ได้อย่างทันท่วงที สภานิติบัญญัติแห่งชาติออกเสียงเห็นชอบให้เป็นกฎหมายเมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2562
กฎหมายมีใจความหลักคือ การตั้งหน่วยงานโครงสร้างพื้นฐานสำคัญทางสารสนเทศ และการแบ่งประเภทภัยคุกคามทางไซเบอร์[1]
ผู้วิจารณ์กฎหมายนี้ให้เหตุผลว่า กฎหมายให้อำนาจเจ้าหน้าที่รัฐค้น เจาะระบบทำสำเนา และสอดส่องข้อมูลแบบเรียลไทม์ (real time) ได้ โดยไม่ต้องยื่นคำร้องต่อศาลในกรณีที่เป็นเหตุจำเป็นเร่งด่วนและเป็นภัยคุกคามร้ายแรง รวมทั้งสามารถยึดค้นคอมพิวเตอร์และข้อมูลสารสนเทศได้ ด้านสฤณี อาชวานันทกุล จากกลุ่มเครือข่ายพลเมืองเน็ต แย้งว่า กฎหมายนี้เป็นกฎหมายที่ดีเพราะประเทศไทยตกเป็นเป้าของการโจมตีไซเบอร์ที่ผ่านมา แต่ไม่ดีเพราะกฎหมายออกมาในยุคคณะรักษาความสงบแห่งชาติ และตั้งใจเขียนให้สามารถนำไปใช้ในทางที่ผิด คือ กรณีที่เข้าข่ายปลุกปั่นให้ขัดขืนอำนาจปกครอง[2] สฤณียังเขียนว่ากฎหมายนี้ต่างจากกฎหมายความมั่นคงไซเบอร์ของยุโรปที่นิยามภัยคุกคามไซเบอร์อย่างกำกวม และสอดแทรกประเด็นความมั่นคงของรัฐเข้าไปด้วย[3] ด้านสุณัย ผาสุข ที่ปรึกษาฮิวแมนไรต์วอช กล่าวว่า "เป็นส่วนสำคัญของวาระที่กองทัพ และเครือข่ายฝ่ายอนุรักษนิยมที่กุมอำนาจรัฐดำเนินความพยายามมากว่า 10 ปีในการที่จะหาทางสอดส่อง ตรวจสอบ ปิดกั้น และดำเนินคดีต่อเนื้อหาของการสื่อสารออนไลน์"[2]
ด้านกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมชี้แจงว่า กฎหมายนี้ไม่มีบทบัญญัติว่าด้วยการเฝ้าระวัง สอดส่องติดตาม ข้อมูล เนื้อหาในสื่อสังคม เพราะมีพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 คุ้มครองการหมิ่นประมาทบุคคลอยู่แล้ว ส่วนกฎหมายนี้จะใช้คุ้มครองระบบคอมพิวเตอร์เป็นหลัก รวมทั้งไม่มีการขอดูข้อมูลประชาชนและละเมิดสิทธิ์ข้อมูลส่วนบุคคล รวมทั้งการเข้าไปในสถานที่ เพื่อตรวจค้น ยึดอุปกรณ์ และการเข้าถึงระบบคอมพิวเตอร์ทุกกรณีต้องอาศัยคำสั่งศาล[4]
อ้างอิง[แก้]
- ↑ "ประกาศแล้ว! 2กฎหมายฮอต'ไซเบอร์ซิเคียวริตี้-คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล'". ประชาชาติ. 28 กุมภาพันธ์ 2019. สืบค้นเมื่อ 01-06-2019. {{cite news}}: ตรวจสอบค่าวันที่ใน: |access-date= (help)
- ↑ 2.0 2.1 "พ.ร.บ. ไซเบอร์ : สนช. เห็นชอบ ร่าง พ.ร.บ. มั่นคงไซเบอร์ ประกาศใช้เป็นกฎหมาย". บีบีซีไทย. 28 กุมภาพันธ์ 2019. สืบค้นเมื่อ 01-06-2019. {{cite news}}: ตรวจสอบค่าวันที่ใน: |access-date= (help)
- ↑ ทอาชวานันกุล, สฤณี (4 มีนาคม 2019). "4ข้อเท็จจริงต้องรู้ "พรบ.ความมั่นคงไซเบอร์" มุ่งป้องกันภัยคุกคาม-ไม่ได้ให้อำนาจส่องข้อมูลบุคคล". ไทยพับลิกา. สืบค้นเมื่อ 01-06-2019. {{cite news}}: ตรวจสอบค่าวันที่ใน: |access-date= (help)
- ↑ "4ข้อเท็จจริงต้องรู้ "พรบ.ความมั่นคงไซเบอร์" มุ่งป้องกันภัยคุกคาม-ไม่ได้ให้อำนาจส่องข้อมูลบุคคล". โพสต์ทูเดย์. 06 มี.ค. 2562. สืบค้นเมื่อ 01-06-2019. {{cite news}}: ตรวจสอบค่าวันที่ใน: |access-date= และ |date= (help)