ความเครียดเป็นสภาวะของอารมณ์ของคนที่ต้องเจอกับปัญหาต่างๆ เกิดความไม่สบายใจ วิตกกังวล รู้สึกกดดันหลายครั้งที่หลายคนมักจะเครียดโดยที่ไม่รู้ตัว เพราะคนเรามักจะแสดงปฏิกิริยาตอบสนองต่อความเครียดไม่เหมือนกัน เพราะเมื่อเกิดความเครียดเราจะแสดงออกมาทางด้านร่างกาย จิตใจ อารมณ์และพฤติกรรม บางคนหงุดหงิดง่าย บางคนป่วยง่าย บางคนนอนไม่หลับ หากเรารู้วิธีจัดการ และบรรเทาความเครียดต่างๆ เหล่านั้นได้ อย่างน้อยก็ช่วยให้เราพร้อมรับมือกับความเครียดได้มากขึ้น มาดูวิธีจัดการความเครียดง่ายๆ กันว่ามีอะไรบ้าง
1. ออกกำลังกาย คลายเครียด
Cortisol จะทำงานอย่างหนัก เราสามารถแก้ได้โดยการให้ฮอร์โมนเอนดอร์ฟีนทำงานบ้างด้วยการออกกำลังกาย อย่างน้อยๆ ถ้าเรารู้สึกตัวว่ากำลังเครียดอยู่ การได้ออกจากโต๊ะทำงานไปยืดเส้นสาย หรือเดินขึ้นลงบันไดอาจทำให้เราหลุดโฟกัสเรื่องเครียดสักพักหนึ่ง จริงๆ แล้วการออกกำลังกายในที่นี้ ไม่ได้หมายถึงการออกแรงอย่างหนัก เหงื่อตกมากๆ แต่เป็นการออกกำลังกายที่ให้ผลทางสุขภาพจิต เพียงแค่เดินปกติสัก 10 นาที หันเหความสนใจไปในทางบวก ก็ได้ผลแล้ว แต่ถ้ามีเวลาหลังเลิกงานควรจะไปออกกำลังกายอย่างจริงจัง อย่างน้อยวันละ 30 นาที แค่ 3 - 5 วันต่อสัปดาห์ก็เพียงพอให้ฮอร์โมนแห่งความสุขทำงานได้อย่างเต็มที่บ้าง
2. นั่งสมาธิ ฝึกจิต ลดเครียด
หากลองสังเกตตัวเองเมื่อไหร่ก็ตามที่คุณรู้สึกเครียด จะเหมือนมีก้อนความคิดบางอย่างวิ่งอยู่ในหัวตลอดเวลา ซึ่งเมื่อมีความเครียดวิ่งวนอยู่ในหัวตลอดทำให้เราต้องคิดซ้ำไปซ้ำมาในเรื่องเครียดนั้นๆ เราจะจัดการแก้ปัญหากับมันอย่างไรดี การจมอยู่กับความเครียดอาจทำให้เราไม่อยากทำอย่างอื่นเลย ดังนั้น การแก้ปัญหาง่ายๆ เมื่อรู้สึกวิตกกังวลมากเกินไป ลองหาเวลาทำสมาธิ หรือสวดมนต์ไหว้พระ ฝึกลมหายใจ ลองกำหนดลมหายใจเข้า - ออกง่ายๆ ทำให้ชีพจรเต้นช้าลง เอาใจไปโฟกัสการกำหนดลมก็ทำให้เราลืมเรื่องเครียดๆ ไปได้ประมานหนึ่งเลยล่ะ
3. จัดสรรเวลาในชีวิตประจำวัน
Work Life Balance เราได้ยินกันมานานแล้วแต่หลายคนยังคงไม่สามารถทำได้ นอกจากการจัดสรรเวลาการทำงาน และการใช้ชีวิตส่วนตัวให้ดีจะช่วยให้ชีวิตส่วนตัวดีขึ้นแล้ว ยังช่วยในเรี่องของการที่เราไม่เอาความเครียดต่างๆ ไปให้กับครอบครัวด้วย 8 ชั่วโมงการทำงานหลังจากนั้นควรจะหยุดคิดเรื่องงาน ไม่นำงานไปทำในขณะที่ใช้เวลาอยู่กับครอบครัว ให้โฟกัสกับเรื่องครอบครัว และนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ นี่เป็นอีกวิธีหนึ่งในการบริหารความเครียดได้ดีเลยทีเดียว
4. ผ่อนคลายด้วยการดูหนัง ฟังเพลง
แม้ว่าเราจะจัดการปัญหาความเครียดต่างๆ ยังไม่ได้ทันที แต่การที่เราเอาตัวเองออกมาจากความเครียดได้สักพักหนึ่งก็น่าจะเป็นเรื่องที่ดีได้ทำตามใจตัวเองบ้าง เช่น การนอนดูหนัง ฟังเพลงสบายๆ หรือออกไปหากิจกรรมทำที่นอกจากการนั่งจมกับความคิดเครียดๆ แน่นอนว่าช่วยให้สมองปลอดโปร่งสักพัก และอาจทำให้เรากลับมาคิดแก้ไขปัญหาหรือเรื่องเครียดได้ด้วย
การจมอยู่กับความคิดใดความคิดหนึ่งมากเกินไปอาจทำให้เกิดอาการเครียดโดยไม่รู้ตัวได้ หรือถ้าหากเราจมอยู่กับความวิตกกังวลมากๆ ก็กลายเป็นความเครียดสะสม ความเครียดที่เกิดขึ้นนั้นก็จะกลายเป็นสาเหตุของความทุกข์ใจ ในทางวิทยาศาสตร์พบว่าความคิดสัมพันธ์กับสมอง เมื่อคิดอย่างหนึ่งสมองก็จะตอบสนองไปตามนั้น หากเราตกอยู่ในภาวะเครียดเรื่องงาน สุขภาพ หรือเพื่อนร่วมงาน วิธีการคือให้เอาตัวเองออกจากความเครียดนี้ด้วยการลองปรับมุมมองปัญหาต่างๆ เอาตัวเองออกมายืนเป็นคนนอกดูบ้าง อาจทำให้เราเห็นสาเหตุของปัญหาและวิธีแก้ไขได้ง่ายกว่าการเอาตัวเองไปจมอยู่กับตรงนั้น หรือหากเรามองข้ามเรื่องเล็กน้อย และยอมรับข้อบกพร่องที่เกิดขึ้นของงานหรือเพื่อนร่วมงาน อาจทำให้เราเข้าใจสถานการณ์ และหายเครียดได้เร็วขึ้น อีกทั้งยังน่าจะป้องกันตัวจากความทุกข์ต่างๆ ได้ดีอีกด้วย
เมื่อพยายามดูแลสุขภาพจิตแล้วก็ต้องไม่ลืมดูแลสุขภาพกายด้วยการรับประทานอาหาร และนอนหลับให้เพียงพอ ก็จะช่วยบรรเทาความเครียดที่เกิดขึ้น ขอเป็นอีกหนึ่งกำลังใจที่ช่วยให้คุณมีสุขภาพจิตที่ดี สดชื่นแจ่มใส่ในทุกๆ วัน
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม
โรงพยาบาลเปาโล พหลโยธิน โทร.0-2271-7000 ต่อ Let's talk
(เบอร์ตรง Let's Talk) 0-2271-7244
การมีทักษะที่ไม่ถูกต้องในการจัดการความเครียด ก่อให้เกิดความเครียดและปัญหาสุขภาพมากมายตามมา ซึ่งโรคหัวใจก็เป็นหนึ่งของปัญหาสุขภาพที่เกิดขึ้น ความเครียดหรือความวิตกกังวลเมื่อขึ้นแล้ว ร่างกายจะสร้างสารที่เรียกว่า “อะดรีนาลิน” ซึ่งมีฤทธิ์ทำ ให้หัวใจเต้นเร็วและแรงขึ้นขึ้น จนทำให้หลอดเลือดบีบตัว เสี่ยงต่อการเกิดความดันโลหิตสูง เสี่ยงทำให้หลอดเลือดแดงแข็งตัวได้ง่าย และ เกิดภาวะขาดเลือดไปหล่อเลี้ยงหัวใจ นำไปสู่โรคหัวใจในที่สุด ดังนั้น การจัดการความเครียดที่ถูกต้อง จึงเป็นสำคัญที่จะ ให้เกิดความเชื่อมั่นในความสามารถและทักษะของตนเองในการบริหารจัดการอารมณ์ให้ดี ไร้ซึ่งความวิตกกังวลอยู่เสมอ
10 วิธีบริหารจิต เพื่อคุณภาพชีวิตที่ยอดเยี่ยม (จาก นพ.สุรเกียรติ อาซานานุภาพ ในหนังสือหมอชาวบ้าน) กล่าวไว้ว่า
1. .ควรออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอและต่อเนื่อง ไม่ว่ายจะเป็นว่ายน้ำ รำมวยจีน โยคะ เนื่องจากการออกกำลังกายสามารถบริหารจิตไปในตัวโดยการใช้สติระลึกรู้อยู่กับจังหวะการเคลื่อนไหว
2. นอนหลับให้เพียงพอ ประมาณ 6-8 ชั่วโมง การนอนหลับดีมีผลต่อการพัฒนาสมอง หลีกเลี่ยงการอดนอนและการมีอารมณ์เครียดติดต่อกันนานๆ เพราะมีผลลบต่อร่างกาย สมองและจิตใจเป้นอย่างยิ่ง
3. บริโภคอาหารสุขภาพตามหลักธงโภชนาการ บริโภคอาหารเพื่อสุขภาพ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง
การลดหวาน มัน เค็ม หันมากินปลา กินผักและผลไม้ให้มากขึ้น และหลีกเลี่ยงการดื่มสุรา บุหรี่ และสารเสพติด
4. หมั่นเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ โดยการอ่าน การฟัง การค้นคว้า การหาประสบการณ์ใหม่ๆ การคิดใคร่ครวญ การถาม การ
บันทึกตามหลัก “สุ. จิ. ปุ. ลิ.” ควบคู่กับการฝึกใช้ความคิดเป็นประจำ
5. ฝึกสมาธิ เช่น ฝึกอานาปานสติ สวดมนต์ ไหว้พระ เดินจงกรม อธิษฐานจิตวันละอย่างน้อย 1-2 ครั้ง นานครั้งละ5-10 นาที ช่วยให้จิตใจมั่นคงสงบนิ่ง ไม่วอกแวกได้
6. เจริญสติ-รู้ตัวกับอิริยาบถและกิจกรรมต่างๆ มีความตื่นรู้อยู่กับปัจจุบัน เช่น ระลึกรู้ตัวอยู่
กับการนั่ง นอน ยืน เดิน การเคลื่อนไหวจังหวะ ทำกิจวัตรประจำวัน
7. ฝึกใช้ลมหายใจเป็นระฆังแห่งสติ เราสามารถตามรู้ลมหายใจเข้า-ออก รู้เนื้อ รู้ตัว รู้สติตลอดเวลา
8. ฝึกพักใจและสมองเป็นระยะๆ ในแต่ละวัน เช่น หยุดคิด โดยหันมาชื่นชมธรรมชาติ หรือศิลปะ นานครั้งละ ½ ถึง 1 นาที
ในสวน นั่งปล่อยวางอารมณ์อย่างเงียบๆ
9. เจริญปัญญาจากการสังเกตธรรมชาติของสรรพสิ่ง คิดเสมอว่า “ทุกสิ่งล้วนมีการเกิดขึ้น-ตั้งอยู่-ดับไป” เป็นธรรมดา ไม่ควรยืดมั่นถือมั่นในสิ่งใดๆ ทั้งสิ้น ควรใช้ปัญญามองทุกสิ่งตามความเป็นจริงตามเหตุปัจจัย
10. ฝึกคิดดี-พูดดี-ทำดี ให้เป็นนิสัย นอกจากนี้ควรหมั่นมีจิตอาสา ช่วยเหลือผู้อื่นโดยไม่หวังสิ่งตอบแทน
เอกสารอ้างอิง
กองสุขศึกษา กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ กระทรวงสาธารณสุข หนังสือการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม การจัดการความเครียด สำหรับวัยทำงาน