หมูกรอบ เป็นเมนูยอดฮิตที่ใครหลาย ๆ คนชื่นชอบ นอกจากรสชาติที่อร่อย มีทั้งความนุ่มและกลิ่นหอม ๆ ในตัวแล้ว เสียงกรุบกรอบจากหนังหมูตอนเคี้ยวก็ถือว่าเป็นอีกหนึ่งเหตุผลหลัก ๆ ที่ทำให้เมนูหมูกรอบกลายมาเป็นเมนูในดวงใจของหลาย ๆ คนได้อย่างง่ายดาย ยิ่งเป็นหมูกรอบที่มีความฉ่ำ มีชั้นของเนื้อแดง, ไขมัน และหนังที่ได้สัดส่วนพอดีกัน นี่บอกเลยว่าสวรรค์สุด ๆ ถ้าได้ซีอิ๊วดำหวานหรือน้ำจิ้มซีฟู้ดแซ่บ ๆ อีกหน่อยนะ หืมมมมม บอกเลยว่าทานเพลินจนหยุดตัวเองไม่ได้แน่นอน
แต่ความอร่อยก็ต้องแลกมาด้วยน้ำหนักตัวที่เพิ่มขึ้น เพราะด้วยตัววัตถุดิบเองบวกกับวิธีการทำหมูกรอบแบบทั่วไปคือการนำหมูไปทอดด้วยน้ำมันท่วม ๆ ทำให้ในหมูกรอบของเราชุ่มฉ่ำไปด้วยน้ำมันพืชและน้ำมันจากเนื้อหมูที่มีเยอะอยู่แล้ว ดังนั้นหมูกรอบจึงไม่ใช่เมนูที่เป็นมิตรกับสายสุขภาพเท่าไหร่นัก ดังนั้น “หม้อทอดไร้น้ำมัน” จึงเป็นตัวช่วยสำคัญที่จะทำให้เมนูสุดโปรดเป็นมิตรต่อสุขภาพมากขึ้นโดยไม่เสียอรรถรสในการรับประทาน
แต่ฟังก์ชันที่โดดเด่นที่สุดคงจะเป็นการอบอาหารให้สุกกรอบได้โดยไม่จำเป็นต้องใช้น้ำมัน มิหนำซ้ำบางครั้งตัวหม้อทอดเองก็ช่วยรีดเอาน้ำมันที่อยู่ในอาหารออกมาด้วย ทำให้อาหารสุกกรอบและมีปริมาณไขมันที่สุดลง เป็นฟังก์ที่ถูกใจเด็กอ้วนอย่างเราสุด ๆ และในบทความนี้เราจะมาแชร์สูตรหมูกรอบคลีน ๆ ด้วย SMARTHOME หม้อทอดไร้น้ำมัน รุ่น MV-1402 จะเป็นอย่างไรบ้างมาดูกันเลยยยย
หม้อทอดไร้น้ำมัน SMARTHOME ขนาด 5.5 ลิตร รุ่น MV-1402
ทำหมูกรอบด้วยหม้อทอดไร้น้ำมัน
วัตถุดิบหมูกรอบ
- หมูสามชั้น 400 กรัม
- เกลือป่น
- น้ำส้มสายชู
- น้ำเปล่า
ขั้นตอนการทำหมูกรอบ
ขั้นตอนที่ 1 : เพื่อเป็นการประหยัดทั้งเวลาและค่าไฟ ขั้นตอนแรกเราจะนำหมูมาล้างทำความสะอาดแล้วนำไปต้มจนสุกนิ่มในระดับหนึ่งก่อนค่ะ นอกจากนี้การนำหมูมาต้มจนสุกก่อนเข้าอบยังช่วยให้เนื้อหมูด้านในมีความฉ่ำและนุ่มมาก ๆ อีกด้วย เมื่อแล้วหมูก็จะไม่แห้งจนเกินไป
ขั้นตอนที่ 2 : หมูสุกนิ่มแล้วนำขึ้นมาพักให้คลายร้อนเล็กน้อยแล้วใช้กระดาษอเนกประสงค์ซับเอาน้ำมันออกส่วนหนึ่ง จากนั้นใช้ส้อมจิ้มหนังหมูให้ทั่วเลยค่ะ ขั้นตอนนี้อาจปวดแขนเล็กน้อยแต่ท่องไว้ว่ายิ่งจิ้มเยอะเท่าไหร่หนังหมูก็ยิ่งพองกรอบมากขึ้นเท่านั้น จากนั้นซับเอาน้ำมันออกแล้วโรยเกลือพร้อมทาน้ำส้มสายชูให้ทั่วหนังหมู พักสักครู่ให้หายเหนื่อยและรอให้หนังหมูแห้งตึงขึ้นอีกนิด
ขั้นตอนที่ 3 : หนังหมูแห้งแล้วเราจะนำใส่ตะแกรงแล้วนำเข้าหม้อทอดไร้น้ำมัน ใช้อุณหภูมิ 200 องศาเซลเซียสและใช้เวลาในการอบ 35 นาทีค่ะ ในขั้นตอนนี้เลือกใช้อุณหภูมิสูง ๆ ได้เลยเพราะหมูของเราสุกอยู่แล้ว การใช้อุณหภูมิสูงจะทำให้หนังหมูพองกรอบเร็วขึ้นและรีดน้ำมันได้เยอะ
ขั้นตอนที่ 4 : ครบเวลาแล้วนำหมูออกมาพักไว้ก่อนประมาณ 10 นาที อย่าเพิ่งหั่นหรือทำอะไรทั้งนั้นนะคะเพราะหมูจะใช้เวลาช่วงนี้ในการดูดความชื้นกลับไปทำให้เนื้อหมูฉ่ำและไม่กระด้างค่ะ ครบเวลาแล้วนำมาหั่นและจัดเสิร์ฟได้เลยจ้า
วีดีโอ ทำหมูกรอบด้วยหม้อทอดไร้น้ำมัน
เคล็ดลับ การทำหมูกรอบจากหม้อทอดไร้น้ำมัน แบบหนังกรอบ ๆ
เพื่อน ๆ เคยสังเกตกันบ้างไหมคะว่าหมูกรอบแทบจะทุกสูตรที่มีอยู่บนอินเทอร์เน็ตจะมีส่วนประกอบที่เหมือน ๆ กัน นั่นก็คือเนื้อหมู, เกลือ และน้ำส้มสายชู แล้วเคยมีใครสงสัยกันไหมว่าเกลือและน้ำส้มสายชูเนี่ยมีส่วนช่วยให้หมูกรอบขึ้นได้อย่างไร? แล้วถ้าไม่มีน้ำส้มสายชูสามารถเปลี่ยนมาใช้วัตถุดิบอะไรได้บ้าง? ไม่จิ้มหนังแต่เปลี่ยนมากรีดหรือบั้งหนังแทนได้มั้ย? เรามาหาคำตอบไปพร้อม ๆ กันดีกว่าค่ะว่าถ้าอยากได้หมูกรอบสักชิ้นเราจะทำอย่างไรได้บ้าง
1. แบบ ต้ม vs ไม่ต้ม
การต้มจะช่วยให้หมูของเรากรอบนานและใช้เวลาน้อยลงค่ะ นอกจากเนื้อหมุจะสุกมากขึ้นแล้วการต้มยังช่วยให้หนังหมูนิ่มลง สามารถจิ้มหรือบั้งเป็นเส้นได้ง่ายกว่าเมื่อเปรียบเทียบกับการบั้งหมูดิบ ส่วนวิธีการต้มหมูให้ออกมาอร่อยและกรอบนอกนุ่มในคือการนำหมูลงไปต้มทั้งชิ้นขณะที่น้ำยังไม่เดือด อาจจะเติมเครื่องปรุงรสหรือสมุนไพรอื่น ๆ เพื่อช่วยดับกลิ่นได้ค่ะ ในส่วนของการต้มเนี่ยเราจะไม่ต้มจนสุกเปื่อยนะคะ ถ้าเปื่อยมากเกินไปหมูจะเละและไม่สามารถหั่นชิ้นได้ค่ะ
2. แบบ จิ้ม vs ไม่จิ้ม
หลายคนมักจะคุ้นเคยกับการจิ้มหนังหมูให้ทั่วก่อนนำไปอบ การจิ้มหนังหมูเป็นรูเล็ก ๆ จะทำให้หนังหมูนิ่มขึ้น ไม่เกาะตัวเป็นแผ่น เมื่อโดนความร้อนความชื้นต่าง ๆ ที่อยู่ในหนังและเนื้อหมูก็จะถูกระเหยผ่านทางรูที่โดนจิ้ม ไม่เกาะติดอยู่บนหนังซึ่งจะทำให้หนังหมูเหนียวค่ะ เมื่อความร้อนสูงจนถึงจุดเดือดน้ำมันที่อยู่ในชั้นไขมันจะสุกและไหลผ่านรูดังกล่าวออกมาทำไห้ไขมันไม่ไหลลงไปชุ่มอยู่ในเนื้อหมู และขณะที่ไขมันไหลผ่านรูก็จะมีอากาศรวมออกมาด้วยทำให้หนังหมูพองขึ้นและสุกกรอบอย่างที่เราชอบค่ะ แต่การจิ้มก็มีข้อเสียอยู่นิดหน่อยตรงที่ถ้าใช้แรงมากเกินไปจนทะลุถึงเนื้อหมูจะทำให้ความชิ้นจากเนื้อหมูออกมาได้ ดังนั้นสามารถเปลี่ยนมาใช้วิธีการกรีดหรือบั้งหนังหมูเป็นเส้นถี่ ๆ แทนก็ได้เหมือนกันค่ะ นอกจากจะกรอบแล้วยังช่วยให้หั่นหมูกรอบง่ายขึ้นอีกด้วย
3. ทาเกลือ
เกลือมีคุณสมบัติช่วยดูดความชื้นและกำจัดกลิ่นที่ได้ผลและนิยมใช้มาอย่างยาวนาน ในการทำหมูกรอบเกลือจะช่วยดึงเอาความชื้นออกจากหนังหมูและเหมาะกับการทำหมูกรอบที่ยังไม่ผ่านการต้ม เพียงแค่ห่อเนื้อหมูด้วยฟอยล์ห่ออาหาร (ระวังไม่ให้โดนหนังหมู) จากนั้นโปะเกลือกลบหนังหมูจนทั่วแล้วนำเข้าอบจนแน่ใจว่าเนื้อหมูสุกดี (ฟีลคล้ายปลาเผาเกลือเลยค่ะ) จากนั้นนำออกมาแกะเอาแผ่นเกลือและฟอยล์ออกจะเห็นว่าหนังหมูเริ่มแห่งแข็งแล้ว นำกลับไปอบด้วยไฟแรงสูดอีกครั้งหนังหมูก็จะพองสวยค่ะ ส่วนหารทำหมูกรอบด้วยการทอดหรือหม้อทอดไร้น้ำมัน เกลือจะช่วยดึงความชื้นและเพิ่มรสชาติของหมูกรอบไม่ให้จืดจนเกินไป
4. ใช้น้ำส้มสายชู
หลายคนอาจจะสงสัยว่าน้ำส้มสายชูช่วยให้หมูกรอบได้อย่างไร จริง ๆ แล้วน้ำส้มสายชูมีสถานะเป็นกรด เมื่อนำมาราดลงบนหนังหมูก็จะช่วยทำให้หนังหมูอ่อนนุ่มลง ประกอบกับการจิ้มที่ทำให้หนังหมูมีรูพรุนและแยกตัวออกจากกันอยู่แล้วก็ยิ่งทำให้หนังหมูพองกรอบมากขึ้น เมื่อกัดแล้วจะรู้สึกกรอบร่วนคล้ายแคบหมู นอกจากนี้น้ำส้มสายชูยังช่วยดับกลิ่นได้ดีมาก ๆ อีกด้วย แต่ถ้าหาน้ำส้มสายชูไม่ได้ก็สามารถเปลี่ยนมาใช้น้ำเลมอน, น้ำมะนาว หรือ (เครื่องดื่ม)แอลกอฮอล์ แทนได้ค่ะ
5. การผึ่งแห้ง
การผึ่งแห้งเป็นหัวใจสำคัญของการทำหมูกรอบเลยค่ะ ถ้าเพื่อน ๆ นำหมูที่ยังชื้นลงทอดโดยไม่ผึ่งหรือซับน้ำ สิ่งแรกที่จะได้คือน้ำมันกระเด็นแบบรุนแรงเพราะน้ำที่อยู่ในตัวหมูจะไหลออกมาปะทะกับน้ำมันเดือด ๆ นอกจากนี้เนื้อหมูจะมีสีเข้มและหนังหมูไม่กรอบเลยเนื่องจากมีความชื้นมากจนเกินไปค่ะ วิธีแก้ง่าย ๆ เลยก็คือซับเอาน้ำออกให้มากที่สุด จากนั้นผึ่งให้หนังหมูแห้ง อาจจะตากพัดลมหรือนำเข้าตู้เย็นก็ได้ค่ะ ยิ่งหนังหมูแห้งแข็งมากเท่าไหร่หมูก็จะยิ่งกรอบฟูมากขึ้นเท่านั้นเพราะความชื้นเหลือน้อยแล้วนั่นเอง ตอนนำไปทอดหรืออบหนังจึงฟูกรอบสวยค่ะ