ความหมาย
การประมวลผลแบบกลุ่มเมฆ (Cloud Computing) คือ ลักษณะการทำงานของผู้ใช้คอมพิวเตอร์ผ่านอินเทอร์เน็ต จะให้บริการในลักษณะของเว็บแอปพลิเคชั่นเพื่อเป็นทางเลือกให้แก่ผู้ใช้ในการลดภาระด้านการลงทุนในเทคโนโลยีสารสนเทศ ซึ่งเป็นรูปแบบใหม่ของเทคโนโลยีสารสนเทศในการใช้งานบนอินเทอร์เน็ตที่เน้นการขยายตัวได้อย่างยืดหยุ่น สามารถที่จะปรับขนาดได้ตามความต้องการของผู้ใช้ โดยเน้นการทำงานระยะไกลอย่างง่าย
ประโยชน์
-ลดค่าใช้จ่าย
-สามารถเลือกการใช้งานเมฆหรือระบบออฟไลน์เพื่อการจัดเก็บ ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของผู้ใช้
-สามารถเพิ่มหรือลดพื้นที่เก็บข้อมูลเว็บไซต์ได้ง่าย
-เข้าถึงข้อมูลบนระบบได้หลายช่องทาง
– มีระบบสำรองข้อมูลที่ดีเยี่ยม และมีเครือข่ายความเร็วสูง
ข้อดี ข้อเสีย
ข้อดี
1.การจัดเก็บข้อมูลแบบคลาวด์ ช่วยให้ผู้ใช้เข้าถึงได้ทันทีและหลากหลาย
2.ลดต้นทุนค่าดูแลบำรุงรักษา
3.มีความยืดหยุ่นในการเพิ่มหรือลดระบบตามความต้องการ
4.ความปลอดภัย
ข้อเสีย
1.ปัญหาในเรื่องของความต่อเนื่องและความเร็ว
2.ยังไม่มีการรับประกันของระบบและความปลอดภัยของข้อมูล
3.มีข้อจำกัดสำหรับตัวเลือกในการพัฒนาหรือติดตั้งระบบ
การนำไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน
ทวิตเตอร์ Twitter – เป็นบริการเครือข่ายสังคมออนไลน์จำพวกไมโครบล็อก ข้อความอัพเดตที่ส่งเข้าไปยังทวิตเตอร์จะแสดงอยู่บนเว็บเพจของผู้ใช้คนนั้นบนเว็บไซต์ และผู้ใช้คนอื่นสามารถเลือกรับข้อความเหล่านี้ทางเว็บไซต์อื่นได้ เช่น อีเมลล์, เอสเอ็มเอส, เมสเซนเจอร์ หรือผ่านโปรแกรมเฉพาะอย่าง Twitterific Twhirl เป็นต้น
Sourch: //sogoodwebstorage.blob.core.windows.net/upload/1/ho3w3kWJVt.jpg
การย้ายไปใช้ระบบคลาวด์ การทำงานในระบบคลาวด์ การจัดเก็บในระบบคลาวด์ เข้าถึงได้จากในคลาวด์: ทุกวันนี้เหมือนว่าทุกสิ่งทุกอย่างจะเกิดขึ้นใน “คลาวด์” แต่แท้จริงแล้ว แนวคิดเกี่ยวกับกลุ่มเมฆเหล่านี้คืออะไร
คำตอบสั้นๆ ก็คือสถานที่ที่อยู่อีกปลายด้านหนึ่งของการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตของคุณ สถานที่ที่คุณสามารถเข้าถึงแอปและบริการต่างๆ ได้ และสถานที่ที่ข้อมูลของคุณได้รับการจัดเก็บไว้อย่างปลอดภัย สาเหตุที่ทำให้คลาวด์ยอดเยี่ยมมีอยู่สามประการ:
- ไม่มีต้นทุนในการบำรุงรักษาหรือบริหารจัดการ
- ขนาดของซอฟต์แวร์แบบคลาวด์นั้นไม่มีที่สิ้นสุด คุณจึงไม่จำเป็นต้องกังวลว่าพื้นที่จะไม่เพียงพอ
- คุณสามารถเข้าถึงแอปพลิเคชันและบริการบนคลาวด์ได้จากทุกที่ ทั้งหมดที่คุณต้องการก็แค่อุปกรณ์ที่เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต
นั่นเป็นสิ่งสำคัญมากเนื่องจากคนเรามีหลายกะเวลาทำงาน ตั้งแต่การทำงานในออฟฟิศไปจนถึงการทำงานนอกสถานที่ กะเหล่านี้สะท้อนให้เห็นได้จากยอดขายฮาร์ดแวร์คอมพิวเตอร์: ในปี 2015 ยอดขายคอมพิวเตอร์เดสก์ท็อปและแล็ปท็อปอยู่ที่ประมาณ 270 ล้านเครื่อง เปรียบเทียบกับแท็บเล็ตจำนวน 325 ล้านเครื่องและสมาร์ทโฟนกว่า 2 พันล้านเครื่อง
นั่นจึงทำให้คลาวด์เป็นสถานที่ที่ยอดเยี่ยมในการใช้ซอฟต์แวร์ทางธุรกิจ เช่น แอปพลิเคชัน การจัดการลูกค้าสัมพันธ์ (CRM) ซอฟต์แวร์ที่ผู้ใช้ต้องการความสเถียรในการเข้าถึงได้ตลอดเวลา ทุกที่ และในอุปกรณ์ทุกเครื่อง
ผมไม่ต้องการฮาร์ดดิสก์ในคอมพิวเตอร์ของผมถ้าผมสามารถเข้าถึงเซิร์ฟเวอร์ได้เร็วขึ้น... การแบกคอมพิวเตอร์ที่ไม่ได้เชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ตเหล่านี้ไปไหนมาไหนมันล้าสมัยไปแล้ว
อินเทอร์เน็ตมีรากฐานมาตั้งแต่ปี 1960 แต่เข้ามามีบทบาทในธุรกิจในปี 1990 เวิร์ลไวด์เว็บถือกำเนิดขึ้นในปี 1991 และในปี 1993 เบราว์เซอร์เว็บที่มีชื่อว่า Mosaic ก็ได้เปิดตัวขึ้นพร้อมอนุญาตให้ผู้ใช้สามารถดูหน้าเว็บที่มีกราฟิกต่างๆ ซึ่งรวมถึงข้อความด้วย ถือเป็นการประกาศเกี่ยวกับเว็บไซต์บริษัทเว็บไซต์แรก ซึ่งไม่น่าแปลกใจเลยที่เว็บไซต์เหล่านี้ส่วนใหญ่เป็นของบริษัทที่ดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์และเทคโนโลยี
ในขณะที่การเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตมีความเร็วมากขึ้นและน่าเชื่อถือขึ้น บริษัทชนิดใหม่ที่เรียกว่าผู้ให้บริการแอปพลิเคชันหรือ ASP ก็เริ่มที่จะปรากฏให้เห็นมากขึ้น ASP จะใช้แอปพลิเคชันของธุรกิจที่มีอยู่แล้ว จากนั้นคอยควบคุมดูแลแอปพลิเคชันเหล่านั้นให้กับลูกค้าของพวกเขา ASP จะซื้อฮาร์ดแวร์การประมวลผลแล้วปล่อยให้แอปพลิเคชันทำงานอย่างต่อเนื่อง และลูกค้าจะจ่ายค่าธรรมเนียมรายเดือนเพื่อให้สามารถเข้าถึงแอปพลิเคชันเหล่านั้นได้ผ่านทางอินเทอร์เน็ต
แต่ต้องรอจนกระทั่งปลายปี 1990 การประมวลผลแบบคลาวด์ที่เรารู้จักกันในทุกวันนี้จึงได้ปรากฏตัวขึ้น นั่นเป็นเวลาที่ salesforce.com ได้เปิดตัวแอปพลิเคชันที่สามารถรองรับผู้เช่าได้หลายบริษัทซึ่งได้รับการออกแบบมา:
- ให้ทำงาน"ในระบบคลาวด์"
- เพื่อให้สามารถเข้าถึงได้ผ่านอินเทอร์เน็ตโดยใช้เว็บเบราว์เซอร์
- และเพื่อให้ลูกค้าจำนวนมากสามารถใช้งานได้พร้อมๆ กันโดยมีต้นทุนที่ตํ่า
ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ระบบคลาวด์ได้เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในปี 2013 การใช้จ่ายเกี่ยวกับบริการบนคลาวด์ทั่วโลกสูงถึง 47,000,000,000 เหรียญสหรัฐ และยอดการใช้จ่ายดังกล่าวเพิ่มสูงขึ้นเป็นสองเท่ากว่า 108,000,000,000 เหรียญสหรัฐในปี 2017 เนื่องจากบริษัทต่างๆ ลงทุนในบริการคลาวด์เพื่อให้เป็นรากฐานสำหรับการแข่งขันทางธุรกิจยุคใหม่
ด้วยแอปคลาวด์ คุณแค่เปิดเบราว์เซอร์ เข้าสู่ระบบ แล้วเริ่มทำงาน
นั่นหมายความว่าตัวแทนฝ่ายขายภาคสนามที่ใช้ CRM บนคลาวด์ สามารถดูข้อมูลที่พวกเขาต้องการจากอุปกรณ์มือถือ สามารถอัปเดตบันทึกผู้ติดต่อได้แบบเรียลไทม์ พวกเขาจึงมีความตื่นตัวและพร้อมอยู่เสมอ ไม่จำเป็นต้องกลับไปที่ออฟฟิศเพื่อใส่ข้อมูลลงไป และผู้จัดการฝ่ายขายจะทราบได้ว่าการเจรจาการค้าใดที่กำลังจะปิดและจะสามารถปิดได้เมื่อใดจากเดสก์ท็อปของพวกเขาในออฟฟิศ หรือในแท็บเล็ตหรือโทรศัพท์ของพวกเขาเมื่อพวกเขาออกไปข้างนอก
และทั้งหมดนี้เกิดขึ้นได้โดยไม่ต้องซื้อและจัดการฮาร์ดแวร์ และไม่ต้องติดตั้งและอัปเดตซอฟต์แวร์ นั่นเป็นเพราะฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ที่จำเป็นต้องใช้คือความรับผิดชอบทั้งหมดของบริษัทระบบคลาวด์ที่ใช้งานแอป บริษัทต่างๆ เช่น salesforce.com มีประสบการณ์ในการบริหารจัดการโครงสร้างพื้นฐานบนคลาวด์ของพวกเขามาอย่างยาวนาน นั่นทำให้มั่นใจได้ว่าจะมีความปลอดภัยและเชื่อถือได้ คุณจึงไม่จำเป็นต้อง
คุณสามารถใช้แอปทุกชนิดในคลาวด์:
- สร้างและทำงานร่วมกันในเอกสารและสเปรตชีตด้วย Google Apps สำหรับธุรกิจ
- ประชุมผ่านวิดีโอกับเพื่อนร่วมงานของคุณใน Skype
- จัดการฟังก์ชันการขาย & การบริการลูกค้าของคุณไปพร้อมๆ กับกระบวนการทางธุรกิจที่สำคัญอื่นๆ ใน Salesforce Platform
คุณสามารถสร้างได้แม้กระทั่งแอปโซเชียล แอปอุปกรณ์มือถือ และแอปสำหรับพนักงานแบบเรียลไทม์ของคุณเอง จากนั้นใช้แอปเหล่านั้นในคลาวด์ นวัตกรรมล่าสุดในการประมวลผลแบบคลาวด์ช่วยให้แอปพลิเคชันธุรกิจมีความคล่องตัวมากขึ้นและทำงานร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
หากคุณคือผู้ใช้ Facebook หรือ Twitter คุณคงคาดหวังที่จะให้ข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับตัวคุณส่งมาถึงคุณแบบเรียลไทม์ แอปพลิเคชันธุรกิจอย่างเช่น Sales Cloud ก็กำลังมุ่งหน้าไปในทิศทางเดียวกันนี้เช่นกัน
ต้องการความช่วยเหลือหรือไม่ ถามคำถามใน เครือข่ายสังคมสำหรับองค์กร อย่างเช่น Salesforce Chatter และผู้อื่นในบริษัทสามารถเข้ามาตอบคำถามด้วยข้อมูลที่คุณกำลังตามหาได้
หากคุณคือผู้ใช้ Facebook หรือ Twitter คุณคงคาดหวังที่จะให้ข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับตัวคุณส่งมาถึงคุณแบบเรียลไทม์ แอปพลิเคชันธุรกิจอย่างเช่น Sales Cloud ก็กำลังมุ่งหน้าไปในทิศทางเดียวกันนี้เช่นกัน
ต้องการความช่วยเหลือหรือไม่ ถามคำถามในเครือข่ายสังคมสำหรับองค์กรอย่างเช่น Salesforce Chatter และผู้อื่นในบริษัทสามารถเข้ามาตอบคำถามด้วยข้อมูลที่คุณกำลังตามหาได้
หากไม่มีระบบคลาวด์ ชีวิตก็อาจยุ่งยากขึ้น ระบบคลาวด์ได้เข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวันของเรามากขึ้น ผู้คนส่วนใหญ่ใช้คลาวด์โดยที่พวกเขาไม่รู้ตัวเลยด้วยซํ้า ความจริงแล้วสำหรับผู้คนหลายคนเราอาจจินตนาการไม่ออกด้วยซํ้าว่าถ้าหากขาดระบบคลาวด์ไปชีวิตจะเป็นเช่นไร หากไม่มีระบบคลาวด์ก็จะไม่มี Facebook ไม่มี Twitter ไม่มี Gmail และไม่มี Spotify
ระบบคลาวด์ได้เปลี่ยนแปลงวิถีการดำเนินธุรกิจด้วยเช่นกัน ในปัจจุบัน องค์กรหลายล้านแห่งทั่วโลกต้องพึ่งพาบริการคลาวด์เกือบทุกสิ่งทุกอย่างตั้งแต่การสร้างเอกสารและการสำรองข้อมูลไปจนถึง โซเชียล CRM และบัญชีลูกค้า ตลอดจนถึงแอปพลิเคชันเกือบทุกแอปพลิเคชัน:
- บริษัทที่มีพนักงานมากกว่า 25,000 คนใช้แอปหรือบริการบนคลาวด์เฉลี่ยอยู่ที่ 545 รายการ
- ผู้คนกว่า 1,200,000,000 คนทั่วโลกใช้ Facebook
- กว่าครึ่งของผู้ใช้อินเทอร์เน็ตทั้งหมดต้องพึ่งพาบริการรับส่งอีเมลบนคลาวด์ เช่น Gmail และ Yahoo! เพื่อส่งและรับข้อความของพวกเขา
การปรับใช้ระบบคลาวด์เป็นไปอย่างรวดเร็วและเกิดขึ้นทั่วทั้งโลก ต่อไปนี้คือสาเหตุที่สำคัญที่สุด:
คุณจะพบว่าหลายแอปพลิเคชันธุรกิจที่มีอยู่ของคุณมีความสามารถของระบบคลาวด์ นับตั้งแต่ประสิทธิภาพในที่ทำงานไปจนถึง CRM และเครื่องมือการจัดการการขาย คุณจึงสามารถย้ายแอปต่างๆ ของคุณไปยังระบบคลาวด์ได้ตามความเหมาะสมกับธุรกิจของคุณ
ด้วยค่าใช้จ่ายที่คาดการณ์ได้ ความเสี่ยงที่ได้รับการควบคุม และการได้รับผลประโยชน์ในเรื่องความยืดหยุ่นทันที ทำให้เหตุผลทางธุรกิจมีความน่าเชื่อถือ สิ่งที่คุณต้องทำคือเริ่มต้นลงมือทำ