คุณธรรม จริยธรรมในการทำงาน
คุณธรรม หมายถึง สภาพคุณงานมความดีและความถูกต้องในการแสดงออกทั้งกาย วาจา และใจของแต่ละบุคคลซึ่งยึดมั่นไว้เป็นหลักในการประพฤติปฏิบัติจนเกิดเป็นนิสัย
จริยธรรม หมายถึง กฎเกณฑ์ที่เป็นแนวทางในการประพฤติปฏิบัติตนในสิ่งที่ดีงาม เหมาะสม และเป็นที่นิยมชมชอบหรือยอมรับจากสังคม เพื่อความสันติสุขแห่งตนเองและความสงบเรียบร้อยของสังคม
ความสำคัญของคุณธรรมจริยธรรม
- ช่วยให้ชีวิตดำเนินไปด้วยความราบรื่นและสงบ
- ช่วยให้มีสติสัมปชัญญะอยู่ตลอดเวลา
- ช่วยสร้างความมีระเบียบวินัยให้แก่บุคคลในชาติ
- ช่วยควบคุมไม่ให้คนชั่วมีจำนวนมากขึ้น
- ช่วยให้มนุษย์นำความรู้และประสบการณ์มาสร้างสรรค์แต่สิ่งที่มีคุณค่า
- ช่วยควบคุมความเจริญทางด้านวัตถุและจิตใจของคนให้เจิญไปพร้อม ๆ กัน
คุณธรรมในการทำงาน
คุณธรรมในการทำงาน หมายถึง ลักษณะนิสัยที่ดีที่ควรประพฤติปฏิบัติในการประกอบอาชีพคุณธรรมสำคัญที่ช่วยให้การทำงานประสบความสำเร็จมีดังนี้
- ความมีสติสัมปชัญญะ หมายถึง การควบคุมตนเองให้พร้อม มีสภาพตื่นตัวฉับไวในการรับรู้ทางประสาทสัมผัส การใช้ปัญญาและเหตุผลในการตัดสินใจที่จะประพฤติปฏิบัติในเรื่องต่างๆ ได้อย่างรอบคอบ เหมาะสม และถูกต้อง
- ความซื่อสัตย์สุจริต หมายถึง การประพฤติปฏิบัติอย่างตรงไปตรงมาทั้งกาย วาจา และใจ ไม่คิดคดทรยศ ไม่คดโกง และไม่หลอกลวงใคร
- ความขยันหมั่นเพียร หมายถึง ความพยายามในการทำงานหรือหน้าที่ของตนเองอย่างแข็งขัน ด้วยความมุ่งมั่นเอาใจใส่อย่างจริงจังพยายามทำเรื่อยไปจนกว่างานจะสำเร็จ
- ความมีระเบียบวินัย หมายถึง แบบแผนที่วางไว้เพื่อเป็นแนวทางปฏิบัติและดำเนินการให้ถูกลำดับ ถูกที่ มีความเรียบร้อย ถูกต้องเหมาะสมกับจรรยาบรรณ ข้อบังคับ ข้อตกลง กฎหมาย และศีลธรรม
- ความรับผิดชอบ หมายถึง ความเอาใจใส่มุ่งมั่นตั้งใจต่องาน หน้าที่ ด้วยความผูกพัน ความพากเพียร เพื่อให้งานสำเร็จตามจุดมุ่งหมายที่กำหนดไว้
- ความมีน้ำใจ คือ ปรารถนาดีมีไมตรืจิตต้องการช่วยเหลือให้ทุกคนประสบความสุข และชาวยเหลือผู้อื่นให้พ้นทุกข์
- ความประหยัด หมายถึง การรู้จักใช้ รู้จักออม รู้จักประหยัดเวลาตามความจำเป็น เพื่อให้ได้ประโยชน์อย่างคุ้มค่าที่สุด
- ความสามัคคี หมายถึง การที่ทุกคนมีความพร้อมทั้งกาย จิตใจ และความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน มีจุดมุ่งหมายที่จะปฏิบัติงานให้ประสบความสำเร็จโดยไม่มีการเกี่ยงงอน
จริยธรรมในการทำงาน
จริยธรรมในการทำงาน หมายถึง กฎเกณฑ์ที่เป็นแนวทางปกิบัติตนในการประกอบอาชีพที่ถือว่าเป็นสิ่งที่ดีงาน เหทาะสม และยอมรับ
การทำงานหรือการประกอบอาชีพต่าง ๆ จะเน้นในเรื่องของจริยธรรมที่มีความแตกต่างกันดังนี้
จริยธรรมในการทำงานทั่วไป
จริยธรรมที่นำมาซึ่งความสุขความเจริญในการทำงานและการดำรงชีวิต เรียกว่า มงคล 38 ประการ มงคลชีวิตที่เกี่ยวข้องกับการทำงานมีดังนี้
- ชำนาญในวิชาชีพของตน ( มงคลชีวิตข้อที่ 8 ) เป็นการนำความรู้ที่เล่าเรียน ฝึกฝน อบรม มาปฏิบัติให้เกิดความชำนาญจนสามารถยึดเป็นอาชีพได้
- ระเบียบวินัย ( มงคลชีวิตข้อที่ 9 ) การฝึกกาย วาจาให้อยู่ในระเบียบวินัยที่สังคมหรือสถาบันวางไว้เป็นแบบแผน
- กล่าววาจาดี( มงคลชีวิตข้อที่ 10 ) คือ วจีสุจริต 4 ประการ ได้แก่ ความจริง คำประสานสามัคคี คำสุภาพ คำมีประโยชน์
- ทำงานไม่คั่งค้างสับสน ( มงคลชีวิตข้อที่ 14 ) ลักษณะการทำงานของคนโดยทั่วไปมี 2 แบบ คือ
– การทำงานคั่งค้างสับสน คือ ทำงานหยาบยุ่งเหยิง ทำงานไม่สำเร็จ
– การทำงานไม่คั่งค้าง คือ การทำงานดีมีระเบียบ ทำงานเต็มฝีมือ และทำงานให้เสร็จ
จรรยาบรรณวิชาชีพ
จรรยาบรรณเกิดขึ้นเพื่อมุ่งให้คนในวิชาชีพมีประสิทธิภาพ ให้เป็นคนดีในการบริการวิชาชีพ ให้คนในวิชาชีพมีเกียรติศักดิ์ศรีที่มีกฎเกณฑ์มาตรฐานจรรยาบรรณ
จรรยาบรรณ มีความสำคัญและจำเป็นต่อทุกอาชีพ ทุกสถาบัน และหน่วยงาน เพราะเป็นที่ยึดเหนี่ยวควบคุมการประพฤติ ปฏิบัติด้วยความดีงาม
ความสำคัญของจรรยาบรรณ
เพื่อให้มนุษย์สามารถอาศัยอยู่ร่วมกันได้อย่างสงบสุข จึงต้องมีกฎ กติกา มารยาท ของการอยุ่ร่วมกัน ในสังคมที่เจริญแล้วไม่มองแต่ความเจริญทางวัตถุ
จริยธรรมในการทำงานผู้บริหาร
- มีหิริโอตตัปปะ
- เว้นอคติ 4 ประการ
- มีพรหมวิหาร 4
- มีสังคหวัตถุ 4
จริยธรรมของผู้ประกอบอาชีพค้าขาย
- ตาดี หมายถึง รู้จักสินค้า ดูของเป็น สามารถคำนวณราคา กะต้นทุน เก็งกำไรได้แม่นยำ
- จัดเจนธุรกิจ หมายถึง รู้จักแหล่งซื้อขายสินค้า รู้ความเคลื่อนไหวและความต้องการของตลาด
- พ้อมด้วยแหล่งทุนเป็นที่อาศัย หมายถึงเป็นที่เชื่อถือไว้วางใจในหมู่แหล่งลงทุนใหญ่ ๆ
จรรยาบรรณวิชาชีพ
จรรยาบรรณวิชาชีพ หมายถึง กฎเกณฑ์หรือแนวทางในการประพฤติปฏิบัติที่ผู้ประกอบอาชีพแต่ละอาชีพกำหนดขึ้นเพื่อรักษาและส่งเสริมเกียรติ ชื่อเสียง ฐานะของสมาชิกและวงการวิชาชีพนั้น ๆ ของสมาชิกที่ประกอบอาชีพนั้น ๆ
ตัวอย่างจรรยาบรรณวิชาชีพ
จรรยาบรรณของผู้ประกอบอาชีพค้าขาย
- พึงมีสัจจะ คือ ความจริงในอาชีพของตนและผู้อื่นที่ใช้บริการของตนอย่างเคร่งครัด
- พึงมีเมตตากรุณาต่อลูกค้าเสมอหน้ากัน ไม่ควรคิดเอาประโยชน์ตน หรือผลกำไรลูกเดียว
- พึงเฉลี่ยผลกำไรผู้ร่วมงานทุกคนเสมอหน้ากัน
- พึงให้เกียรติแก่ลูกค้าทุกคน ไม่คดโกง
- พึงหาวิธีการร่วมมือกับนักการค้าอื่น ๆ เพื่อช่วยเหลือสังคม
- พึงเสียภาษีอากรให้รัฐอย่างถูกต้องเต็มเม็ดเต็มหน่วย
- พึงรับผิดชอบต่อผู้ร่วมงานทุกคนด้วยความเมตตาธรรม
- พึงพูดจาไพเราะอ่อนหวานและปฏิบัติตนเป็นกัลยณมิตรกับลูกค้าทุกคน
- พึงบริการลูกค้าให้รวดเร็วทันใจเท่าที่จะทำได้
- พึงหาทางร่วมมือ รวมแรง ร่วมใจกับรัฐบาลในการพัฒนาสังคม
จรรยาบรรณครู
- เลื่อมใสการปกครองระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขด้วยความบริสุทธิ์ใจ
- ยึดมั่นในศาสนาที่ตนนับถือ ไม่ลบหลู่ดูหมิ่นศาสนาอื่น
- ตั้งใจสั่งสอนศิษย์ อุทิศเวลาของตนให้ศิษย์
- รักษาชื่อเสียงของตนมิให้ขึ้นชื่อว่า เป็นคนประพฤติชั่ว
- ถือปฏิบัติตามระเบียบและแบบธรรมเนียมอันดีงามของสถานศึกษา
- ถ่ายทอดวิชาความรู้โดยไม่บิดเบือนและปิดบังอำพราง
- ให้เกียรติแก่ผู้อื่นทางวิชาการ ไม่นำผลงานฃของผู้ใดมาแอบอ้างเป็นของตน
- ประพฤติอยู่ในความซื่อสัตย์สุจริต
- สุภาพ เรียบร้อย เป็นแบบอย่างที่ดีให้แก่ศิษย์
- รักษาความสามัคคีระหว่างครูและช่วยเหลือกันในหน้าที่การงาน
จรรยาบรรณแพทย์
- มีเมตตาจิตแก่คนไข้ ไม่เลือกชั้นวรรณะ
2. มีความอ่อนน้อมถ่อมตน ไม่ยกตนข่มท่าน
3. มีความละอาย เกรงกลัวต่อบาป
4. มีความละเอียดรอบคอบ สุขุม มีสติใคร่ครวญเหตุผล
5. ไม่โลภเห็นแก่ลาภของผู้ป่วยแต่ฝ่ายเดียว
6. ไม่โอ้อวดวิชาความรู้ให้ผู้อื่นหลงเชื่อ
7. ไม่เป็นคนเกียจคร้าน เผอเรอ มักง่าย
8. ไม่ลุอำนาจแก่อคติ 4 คือ ความลำเอียงด้วยความรัก
ความโกรธ ความกลัว ความหลง (โง่)
9. ไม่หวั่นไหวต่อสิ่งที่เป็นโลกธรรม 8 คือ ลาภ ยศ สรรเสริญ สุข และความเสื่อม
10. ไม่มีสันดานชอบความมัวเมาในหมู่อบายมุข
จรรยาบรรณนักกฎหมาย
- พึงถือว่างานด้านกฎหมายเป็นอาชีพไม่ใช่ธุรกิจ
- พึงถือว่ากฎหมายเป็นเพียงเครื่องมือของความยุติธรรม มิใช่มาตราการความยุติธรรม
- พึงถือว่านักกฎหมายทุกคนเป็นที่พึงของประชาชนทุกคนในด้านกฎหมาย
- พึงถือว่าความยุติธรรมอยู่เหนืออามิสสินจ้้างหรือผลประโยชน์ใด ๆ
- พึงถือว่าความยุติธรรมเป็นกลางสำหรับทุกคน
- พึงถือว่ามนุษย์ทุกคนมีสิทธิในเรื่องยุติธรรมเท่าเทียมกัน
- พึงขวนขวายหาความรู้ให้ทันเหตุการณ์เสมอ
- พึงงดเว้นอบายมุขทั้งหลายอันเป็นสิ่งบั่นทอนความยุติธรรม
- พึงรักษาเกียรติยิ่งกว่าทรัพย์สินใด
- พึงถือว่าบุคคลมีค่าเหนือวัตถุ
จรรณยาบรรณทหาร
1. มีความจงรักภักดีต่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2. ยึดมั่นในการปกครองระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
3. ยอมสละประโยชน์ส่วนตน เพื่อผลประโยชน์แห่งชาติ
- รักษาชื่อเสียง และเกียรติศักดิ์ของทหาร
- มีคุณธรรม มีความซื่อสัตย์สุจริต
6. ซื่อตรงต่อตนเอง ผู้อื่น และครอบครัว
7. มีลักษณะผู้นำ มีวินัย ปฏิบัติตามคำสั่งอันชอบธรรม ถูกต้องตามกฎหมาย โดยเคร่งครัด และปกครองผู้ใต้ บังคับ บัญชา ด้วยความเป็นธรรม - ต้องไม่ใช้ตำแหน่งหน้าที่เพื่อแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบ อันจักทำให้ เสื่อมเสียศักดิ์ศรี และเกียรติภูมิของทหาร
9. ไม่รับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดจากผู้ใต้บังคับบัญชา หรือบุคคลอื่น อันอาจทำให้เป็นที่สงสัย หรือเข้าใจว่ามีการเลือกปฏิบัติ หรือไม่เป็นธรรม
10. ปฏิบัติต่อบุคคลที่มาติดต่อเกี่ยวข้องอย่างเสมอภาคและเท่าเทียมกัน
11. รู้รักสามัคคี เพื่อประโยชน์ต่อการปฏิบัติราชการทหาร
12. ต้องบริหารทรัพยากรที่มีอยู่อย่างคุ้มค่า และเกิดประโยชน์สูงสุดต่อ ทางการทหาร
13. พัฒนาตนให้มีความรู้ ความสามารถ และทักษะในการปฏิบัติงาน เพื่อให้ เกิดประโยชน์สูงสุดต่อทางราชการทหาร - รักษาความลับของทางราชการทหารโดยเคร่งครัด
ค่านิยม
ความหมายของค่านิยมมีผู้รู้หลายท่านได้ให้ความหมายไว้ดังนี้
ค่านิยม มาจากคำในภาษาอังกฤษว่า “Value” และมาจากคำสองคำคือ “ค่า” “นิยม”เมื่อคำสองคำรวมกันแปลว่า การกำหนดคุณค่า คุณค่าที่เราต้องการทำให้เกิดคุณค่า คุณค่าดังกล่าวนี้มีทั้งคุณค่าแท้และคุณค่าเทียม ซึ่งคุณค่าแท้เป็นคุณค่าที่สนองความต้องการในการพัฒนาคุณภาพชีวิต ส่วนคุณค่าเทียม หมายถึงคุณค่าที่สนองความต้องการอยากเสพสิ่งปรนเปรอชั่วคู่ชั่วยาม
ค่านิยม หมายถึง สิ่งที่บุคคลพอใจหรือเห็นว่าเป็นสิ่งที่มีคุณค่า แล้วยอมรับไว้เป็นความเชื่อ หรือความรู้สึกนึกคิดของตนเอง ค่านิยมจะสิงอยู่ในตัวบุคคลในรูปของความเชื่อตลอดไป จนกว่าจะพบกับค่านิยมใหม่ ซึ่งตนพอใจกว่าก็จะยอมรับไว้ เมื่อบุคคลประสบกับ การเลือกหรือเผชิญกับเหตุการณ์ ละต้องตัดสินใจอย่างใดอย่างหนึ่งเข้าจะนำค่านิยมมาประกอบการตัดสินใจทุกครั้งไป ค่านิยมจึงเป็นเสมือนพื้นฐานแห่งการประพฤติ ปฏิบัติของบุคคลโดยตรง
“ค่านิยม” หมายถึง ความเชื่อว่าอะไรดี ไม่ดี อะไรควร ไม่ควร เช่น เราเชื่อว่าการขโมยทรัพย์ของผู้อื่น การฆ่าสัตว์ตัดชีวิต เป็นสิ่งที่ไม่ดี ความกล้าหาญ ความซื่อสัตย์ เป็นสิ่งที่ดี
อิทธิพลของค่านิยมที่มีต่อพฤติกรรมของบุคคล
รองศาสตราจารย์ สุพัตรา สุภาพ ได้กล่าวถึงค่านิยมสังคมเมืองและค่านิยมสังคมชนบทของสังคมไทยไว้ค่อนข้างชัดเจน โดยแบ่งค่านิยมออกเป็นค่านิยมของคนในสังคมเมืองและสังคมชนบทซึ่งลักษณะค่านิยมทั้งสองลักษณะ จัดได้ว่าเป็นลักษณะของค่านิยมที่ทำให้เกิดมีอิทธิพลต่อค่านิยมที่มีต่อพฤติกรรมของบุคคล ซึ่งสามารถแสดงให้เห็นชัดเจนในตาราง
ค่านิยมสังคมเมือง | ค่านิยมสังคมชนบท |
๑. เชื่อในเรื่องเหตุและผล๒. ขึ้นอยู่กับเวลา ๓. แข่งขันมาก ๔. นิยมตะวันตก
๖. ฟุ่มเฟือยหรูหรา ๗. นิยมวัตถุ ๘. ชอบทำอะไรเป็นทางการ ๙. ยกย่องผู้มีอำนาจผู้มีตำแหน่ง ๑๐.วินัย ๑๑. ไม่รักของส่วนรวม ๑๒. พูดมากกว่าทำ ๑๓. ไม่ชอบเห็นใครเหนือกว่า ๑๔. เห็นแก่ตัวไม่เชื่อใจใคร | ๑. ยอมรับบุญรับกรรมไม่โต้แย้ง๒. ขึ้นอยู่กับธรรมชาติ ๓. เชื่อถือโชคลาง ๔. ชอบเสี่ยงโชค ๕. นิยมเครื่องประดับ ๖. นิยมคุณความดี ๗. นิยมพิธีการและการทำบุญเกินกำลัง ๘. ชอบเป็นฝ่ายรับมากกว่าฝ่ายรุก ๙. ทำงานเป็นเล่น ทำเล่นเป็นงาน ๑๐. พึ่งพาอาศัยกัน ๑๑. มีความเป็นส่วนตัวมากเกินไป ๑๒. รักญาติพี่น้อง ๑๓. มีความสันโดษ ๑๔. หวังความสุขชั่วหน้า |
อิทธิพลของค่านิยมต่อตัวบุคคล
ค่านิยมไม่ว่าจะเป็นของบุคคลหรือค่านิยมของสังคม จะมีอิทธิพลต่อตัวบุคคล ดังนี้ คือ
๑. ช่วยให้บุคคลตัดสินใจว่าสิ่งใดผิด สิ่งใดถูก ดีหรือไม่ดี มีคุณค่าหรือไม่มีคุณค่าควรทำหรือไม่ควรทำ
๒. ช่วยให้บุคคลในการกำหนดท่าทีของตนต่อเหตุการณ์ที่ตนต้องเผชิญ
๓. ช่วยสร้างมาตรฐาน และแบบฉบับจากการประพฤติปฏิบัติของบุคคล
๔. มีอิทธิพลเหนือบุคคลในการเลือกคบหาสมาคมกับบุคคลอื่น และเลือกกิจกรรม
ทางสังคม ซึ่งตนจะต้องเข้าไปร่วมด้วย
๕. ช่วยให้บุคคลกำหนดความคิดและแนวทางปฏิบัติ
๖. ช่วยเสริมสร้างหลักศีลธรรม ซึ่งบุคคลจะใช้ในการพิจารณา การกระทำของตนอย่างมีเหตุผล