คณะกรรมการจากยูเนสโกกำลังพิจารณาคำขอขึ้นทะเบียนมรดกโลกรายการใหม่ที่มอริเชียส ล่าสุดมีการประกาศให้ ‘ซีรึม’ (Ssirum/Ssireum) ศิลปะการต่อสู้มวยปล้ำแบบฉบับเกาหลี ขึ้นทะเบียนเป็น ‘มรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม’ ในปีนี้ ซีรึมเป็นกีฬาพื้นบ้านของชาวเกาหลีมานานหลายร้อยปี เป็นศิลปะการต่อสู้ที่คล้ายคลึงกับกีฬามวยปล้ำซูโม่ของญี่ปุ่น ...
3 กันยายน 2018
โขนเป็นของใคร ไทยหรือเขมร หรือควรจะเลิกเถียงกันได้แล้ว
ถ้ามองในระดับปรากฏการณ์ทั้งกัมพูชาและไทย รวมถึงอีกหลายประเทศในอุษาคเนย์กำลังเผชิญชะตากรรมคล้ายกันคือความขัดแย้งที่เกิดจากมรดกของยุคอาณานิคมและอาณานิคมใหม่ภายใต้นาม ‘มรดกโลก’ เรื่องโขนที่ไทยกำลังดราม่ากับกัมพูชาซึ่งคนไทยเถียงกันว่าใครเป็นเจ้าของที่แท้จริงนี้ไม่ใช่เป็นกรณีแรกของปัญหาที่มาจาก ‘Intangible Cultural Heritage’ หรือวัฒนธรรมที...
31 สิงหาคม 2018
มรดกโลกของไทยมีอะไรบ้าง
ยูเนสโก (UNESCO) ถือเป็นหนึ่งในกลไกสำคัญของสหประชาชาติที่ทำหน้าที่ในการพิจารณาและขึ้นทะเบียนสถานที่สำคัญ โบราณวัตถุ รวมถึงภูมิปัญญาและวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ให้เป็นแหล่งมรดกโลก ความทรงจำแห่งโลก รวมถึงมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมที่ควรค่าแก่การอนุรักษ์ไว้ ปัจจุบันประเทศไทยมีสถานที่ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกแล้วทั้งหมด 5 แห่ง โดย ป่...
หนังสือ มรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมของชาติ: บทเรียนจากเพื่อนบ้าน Heritage of the Nations : lessons learned from the neighboring countries) จัดพิมพ์ขึ้นโดยศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน) มีจุดประสงค์เพื่อเผยแพร่ความรู้ที่เกี่ยวข้องกับ หนังสือ มรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมของชาติ: บทเรียนจากเพื่อนบ้าน (Heritage of the Nations : lessons learned from the neighboring countries) จัดพิมพ์ขึ้นโดยศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน) มีจุดประสงค์เพื่อเผยแพร่ความรู้ที่เกี่ยวข้องกับ “มรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม” (Intangible Cultural Heritage) ตาม “อนุสัญญาว่าด้วยการสงวนรักษามรดกวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้” พ.ศ.2546 (Convention for the Safeguarding of the Intangible Cultural Heritage, 2003) ขององค์การยูเนสโก หรือองค์การสหประชาชาติเพื่อการศึกษาวิทยาศาสตร์และวัฒนธรรม (United Nations Educational, Scientific and Cultural Organization-UNESCO) ซึ่งประเทศไทยได้ดำรงสถานะเป็นภาคีสมาชิกของอนุสัญญาฯ โดยสมบูรณ์เมื่อวันที่ 10 กันยายน พ.ศ.2559 ภายหลังจากยื่นหนังสือการให้สัตยาบันไปเมื่อวันที่ 10 มิถุนายน พ.ศ.2559
หนังสือ มรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมของชาติ: บทเรียนจากเพื่อนบ้าน ประกอบด้วยเนื้อหาสองส่วน คือ บทนำ ที่จะให้ภาพรวมของความเป็นมาเชิงประวัติของอนุสัญญาฯ นับตั้งแต่ที่มาและพัฒนาการภายใต้การดำเนินขององค์การยูเนสโกรวมถึงความเป็นมาและการดำเนินงานของประเทศไทยภายใต้กระทรวงวัฒนธรรมที่นำไปสู่การออก “พระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษามรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม พ.ศ.2559” ซึ่งมีความเกี่ยวเนื่องกับอนุสัญญาฯของยูเนสโกอย่างใกล้ชิด
อ่านบทนำได้ที่นี่
ในส่วนที่สอง ประกอบด้วยบทความแปลจำนวน 6 บทที่ให้ภาพทั้งในทางกว้างและทางลึกอันเนื่องด้วยหลักการและข้อปฏิบัติของอนุสัญญาฯ ผ่านกรณีตัวอย่างของประเทศเพื่อนบ้านและจากประเทศในภูมิภาคอื่นๆ โดยคาดหวังว่า จะช่วยขยายความรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับหลักการ กระบวนการ ข้อปฏิบัติรวมถึงข้อถกเถียงที่เกี่ยวเนื่องกับ “มรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมของชาติ” (Intangible Cultural Heritage) ที่เกิดขึ้นในบริบททางสังคมที่หลากหลายซึ่งน่าจะเป็นบทเรียนที่จำเป็นในฐานะที่ประเทศไทยเข้าเป็นภาคีสมาชิกโดยสมบูรณ์ของอนุสัญญาฯ ได้แก่
- “มรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม วัฒนธรรมที่มีชีวิตของกลุ่มชน”
โดย เฟรเดอริโก เลนเซอรินี แปลโดย อิสระ ชูศรี
อ่านได้ที่นี่
2. “ของฉัน ของเธอ หรือของเรา: ความขัดแย้งระหว่างอินโดนีเซียและมาเลเซียเหนือมรดกวัฒนธรรมร่วม”
โดย จิน วิน ชอง แปลโดย เทียมสูรย์ สิริศรีศักดิ์
อ่านได้ที่นี่
3. “เมื่อไม่มีผลงานชิ้นเอก: ผลกระทบอันแจ้งชัดและมรดกวัฒนธรรมที่มิใช่กายภาพในโลกที่มีพรมแดน”
โดย เคธี่ โฟลีย์ แปลโดย สุดแดน วิสุทธิลักษณ์
อ่านได้ที่นี่
4. จากรูปแบบของพิธีกรรมสู่จุดดึงดูดนักท่องเที่ยว: การต่อรองการแปลงรูปแบบนาฏศิลป์ดั้งเดิมของกัมพูชาในโลกที่เปลี่ยนแปลง โดย เซเลีย ทุขแมน-รอสตา แปลโดย อิสระ ชูศรี
มรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม[ หรือ มรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ (อังกฤษ: intangible cultural heritage, ย่อ: ICH) ได้รับการสนับสนุนจากยูเนสโก โดยมุ่งเน้นไปยังวัฒนธรรมส่วนที่ในทางกายภาพนั้นจับต้องไม่ได้
ใน พ.ศ. 2544 ยูเนสโกได้ทำการสำรวจเพื่อพยายามให้นิยามและจัดทำอนุสัญญาว่าด้วยการสงวนรักษามรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ (Convention for the Safeguarding of the Intangible Cultural Heritage) จนแล้วเสร็จใน พ.ศ. 2546 เพื่อการคุ้มครองและสนับสนุนวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้
ปัจจุบัน (ธันวาคม 2564) ยูเนสโกขึ้นทะเบียนมรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้แล้วทั้งสิ้น 629 รายการ ใน 139 ประเทศทั่วโลก
ตามอนุสัญญาว่าด้วยการสงวนรักษามรดกวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ พ.ศ. 2546 คำว่า "มรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ (Intangible Cultural Heritage)" นิยาม ดังนี้
“มรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้” หมายถึง การปฏิบัติ การเป็นตัวแทน การแสดงออก ความรู้ ทักษะ ตลอดจนเครื่องมือ วัตถุ สิ่งประดิษฐ์ และพื้นที่ทางวัฒนธรรมอันเป็นผลจากสิ่งเหล่านั้น ซึ่งชุมชน กลุ่มชน และในบางกรณีปัจเจกบุคคลยอมรับว่าเป็นส่วนหนึ่งของมรดกทางวัฒนธรรมของตน มรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้นี้ซึ่งถ่ายทอดจากคนรุ่นหนึ่งไปยังคนอีกรุ่นหนึ่งเป็นสิ่งซึ่งชุมชนและกลุ่มชนสร้างขึ้นใหม่อย่างสม่ำเสมอเพื่อตอบสนองต่อสภาพแวดล้อมของตน เป็นปฏิสัมพันธ์ของพวกเขาที่มีต่อธรรมชาติและประวัติศาสตร์ของตน และทำให้คนเหล่านั้นเกิดความรู้สึกมีอัตลักษณ์และความต่อเนื่อง ดังนั้นจึงก่อให้เกิดความเคารพต่อความหลากหลายทางวัฒนธรรมและการคิดสร้างสรรค์ของมนุษย์ เพื่อให้เป็นไปตามจุดประสงค์ของอนุสัญญาฉบับนี้ จะมีการพิจารณาเฉพาะมรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้เท่าที่สอดคล้องกับบทบัญญัติที่มีอยู่ด้านสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศเท่านั้น รวมทั้งข้อกำหนดให้มีการเคารพซึ่งกันและกันระหว่างชุมชนทั้งหลาย กลุ่มชน และปัจเจกบุคคล และต่อการพัฒนาที่ยั่งยืน
ในประเทศไทย นิยามศัพท์ของคำว่า "Intangible Cultural Heritage" ในบริบทของประเทศไทยมีผู้นิยามไว้หลากหลาย เช่น มรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ มรดกทางวัฒนธรรมที่ไม่ใช่กายภาพ และมรดกวัฒนธรรมทางจิตใจ เป็นต้น
ความสับสนของการนิยามความหมายของ "Intangible Cultural Heritage" ในประเทศไทยดังกล่าว ก่อให้เกิดการถกเถียงเป็นวงกว้าง กระทรวงวัฒนธรรมในฐานะผู้รับผิดชอบจึงได้หาบทสรุปโดยการเปิดเวทีรับความคิดเห็น และมีมติให้ใช้คำว่า "มรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม" แทนคำว่า "มรดกวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้" ตามที่บัญญัติไว้ใน พระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษามรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม พ.ศ. 2559 อย่างไรก็ตาม การนิยามความหมายของคำว่า "มรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม" ในพระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษาฯ ที่ทางการไทยจัดทำ และคำว่า "Intangible Cultural Heritage" ใน อนุสัญญาว่าด้วยการสงวนรักษามรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ พ.ศ. 2546 ที่ยูเนสโกจัดทำ มีความแตกต่างกันบางประการ